ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
ตำำนำนวันคริสต์มำส
คำำว่ำ "คริสต์มำส" เป็นคำำทับศัพท์ภำษำอังกฤษ
ว่ำ Christmas มำจำกคำำภำษำอังกฤษโบรำณว่ำ
Christes Maesse ที่แปลว่ำ "บูชำมิสซำของพระค
ริสตเจ้ำ" ซึ่งพบครั้งแรกในเอกสำรโบรำณที่เป็นภำษำ
อังกฤษในปี ค.ศ. 1038 และในปัจจุบันคำำนี้ก็ได้เปลี่ยนมำ
เป็นคำำว่ำ Christmas
เทศกำล Christmas หรือ X’Mas ตรงกับวันที่ 25
ธันวำคมของทุกปี ซึ่งวันที่ 25 ธันวำคมนั้นเป็นวันประสูติ
ของพระเยซู ศำสดำแห่งศำสนำคริสต์ โดยพระองค์ประสูติ
ที่เมืองเบ็ธเลเฮ็มและเติบโตที่เมืองนำซำเรท ซึ่งปัจจุบันคือ
ประเทศอิสรำเอล ตำมหลักฐำนในพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่ำ
พระเยซูเจ้ำประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซำร์ ออกุสตุส แห่ง
จักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำำมะโนครัวทั่วทั้ง
แผ่นดิน โดยฝ่ำยคีรีนิอัส เจ้ำเมืองซีเรียก็รับนโยบำยไป
ปฏิบัติให้มีกำรจดทะเบียนสำำมะโนครัวทั่วทั้งอำณำเขต แต่
ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่ำ พระเยซูประสูติวันหรือเดือน
อะไร
ด้ำนนักประวัติศำสตร์ก็มีควำมเห็นที่ต่ำงออกไปโดย
ได้วิเครำะห์ว่ำ เดิมทีวันที่ 25 ธันวำคม เป็นวันที่จักรพรรดิ
เอำเรเลียนแห่งโรมัน กำำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของ
สุริยะเทพ ตั้งแต่ปี ค.ศ.274 ชำวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือ
เทพเจ้ำฉลองวันนี้เสมือนว่ำ เป็นวันฉลองของพระ
จักรพรรดิไปในตัวด้วย เพรำะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือน
ดวงอำทิตย์ ที่ให้ควำมสว่ำงแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชำวคริสต์ที่
อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชำวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือ
คริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมำ
ฉลองกำรบังเกิดของพระเยซูซึ่งเปรียบเสมือนควำมสว่ำง
ของโลก และเหมือนดวงจันทร์เป็นควำมสว่ำงในตอนกลำง
คืนแทน หลังจำกที่ชำวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภำพทำง
ศำสนำตั้งแต่ปี ค.ศ. 64-313 จนถึงวันที่ 25 ธันวำคม ปี
ค.ศ.330 ชำวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มำสอย่ำงเป็น
ทำงกำรและเปิดเผย
เทศกำลคริสต์มำสจึงเป็นวันแห่งกำรเฉลิมฉลองวัน
ประสูติของพระเยซู และเป็นกำรฉลองควำมรักที่พระเจ้ำมี
ต่อมนุษย์โลก โดยส่งบุตรชำย คือ "พระเยซู" ลงมำเกิด
เป็นมนุษย์เพื่อช่วยไถ่บำป และช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจำก
กำรทำำชั่วนั่นเอง ดังนั้นในวันนี้ถือเป็นวันที่มีควำมหมำย
สำำคัญชำวคริสต์ทั่วโลก และมีกำรส่งบัตรอวยพร ให้ของ
ขวัญ แก่กันและกัน รวมทั้งประดับประดำตกแต่งบ้ำนเรือน
ด้วยแสงไฟ และต้นคริสต์มำสอย่ำงสวยงำม
องค์ประกอบในงำนคริสต์มำส
ซำนตำครอส
เป็นสิ่งแรกๆ ที่คนจะนึกถึงในฐำนะสัญลักษณ์ของ
วันคริสต์มำส ซึ่งว่ำกันว่ำซำนตำคลอสคนแรก คือ นักบุญ
(เซนต์) นิโคลัส ผู้เป็นสังฆรำชแห่งเมืองไมรำ มีชีวิตอยู่ใน
ศตวรรษที่ 4 และเหตุที่ได้รับกำรยกย่องว่ำเป็นซำนตำค
รอสคนแรก มำจำกวันหนึ่งที่ท่ำนปีนขึ้นไปบนหลังคำบ้ำน
ของเด็กหญิงยำกจนคนหนึ่ง แล้วทิ้งถุงเงินลงไปทำงปล่อง
ไฟ บังเอิญถุงเงินหล่นไปทำงถุงเท้ำที่เด็กหญิงแขวนตำก
ไว้ข้ำงเตำผิงพอดี
นักบุญนิโคลัส นั้นเป็นนักบุญที่ชำวฮอลแลนด์นับถือ
ว่ำเป็นนักบุญผู้อุปถัมภ์ของเด็กๆ เมื่อชำวฮอลแลนด์กลุ่ม
หนึ่งอพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ ก็ยังรักษำประเพณีกำรฉลอง
นักบุญ นิโคลำส ในวันที่ 5 ธันวำคม เอำไว้ ซึ่งหมำยถึง
นักบุญนี้จะมำเยี่ยมเด็กๆ และเอำของขวัญมำให้เด็กอื่นๆ ที่
ไม่ใช่ลูกหลำนของชำวฮอลแลนด์ที่อพยพมำ ประเพณีนี้จึง
เริ่มเป็นที่รู้จักและแพร่หลำยในอเมริกำ โดยมีกำร
เปลี่ยนแปลงบำงอย่ำง คือ ชื่อนักบุญนิโคลัสก็เปลี่ยนเป็น
ซำนตำคลอส และแทนที่จะเป็นสังฆรำชก็กลำยเป็นชำยแก่
ที่อ้วนและใส่ชุดสีแดง อำศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อนเป็น
ยำนพำหนะที่มีกวำงเรนเดียร์ลำก และจะมำเยี่ยมเด็กทุก
คนในโลกนี้ในโอกำสคริสต์มำส โดยลงมำทำงปล่องไฟ
ของบ้ำนเพื่อเอำของขวัญมำให้เด็กเหล่ำนั้นตำมควำม
ประพฤติของเขำ
ถึงแม้ซำนตำคลอสจะเป็นเพียงตำำนำนที่เกิดขึ้นมำ
เพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มำสก็ตำม แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ที่
รวมเอำวิญญำณและควำมหมำยของคริสต์มำสไว้อย่ำง
มำกมำย อำทิ ควำมปิติยินดีชื่นชม ควำมโอบอ้อมอำรี
ควำมรัก และควำมเป็นกันเอง
ถุงเท้ำ
จำกที่นักบุญนิโคลัสได้ปีนขึ้นไปบนปล่องไฟของ
บ้ำนเด็กหญิงยำกจน เพื่อที่จะมอบเหรียญเงินให้เป็นของ
ขวัญ แต่เหรียญนั้นกลับตกไปอยู่ในถุงเท้ำที่เด็กหญิง
แขวนตำกไว้หน้ำเตำผิง พอรุ่งเช้ำเด็กหญิงตื่นมำเจอ
เหรียญเงินในถุงเท้ำจึงดีใจมำก และกลำยเป็นจุดเริ่มต้น
ของกำรที่ผู้คนมำกมำยต่ำงพำกันแขวนถุงเท้ำคริสต์มำสไว้
เพื่อหวังจะได้รับของขวัญเช่นเดียวกันบ้ำง
ต้นคริสต์มำส
นอกจากนี้อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ก็คือ ต้นคริสต์มาส
ซึ่งต้นคริสต์มาสก็คือต้นสนที่นำามาประดับประดาด้วยลูก
แอปเปิ้ลและขนมปังเพื่อระลึกถึงศีลมหาสนิท และก็ได้มี
วิวัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยจนมาถึงการประดับด้วย
ดวงไฟหลากสีสัน ขนม และของขวัญ อย่างในทุกวันนี้
การตกแต่งแบบนี้ต้องย้อนไปในศตวรรษที่ 8 เมื่อเซนต์บอ
นิเฟส มิชชันนารีชาวอังกฤษที่เดินทางไปประกาศเรื่อง
พระเจ้าในเยอรมนี ได้ช่วยเด็กที่กำาลังจะถูกฆ่าเป็นเครื่อง
สังเวยบูชาที่ใต้ต้นโอ๊ก
โดยเมื่อโค่นต้นโอ๊กทิ้งก็ได้พบต้นสนเล็กๆ ต้นหนึ่งขึ้น
อยู่ที่โคนต้นโอ๊ก ท่านจึงขุดให้คนที่ร่วมพิธีกรรมเหล่านั้น
เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต และตั้งชื่อว่า ต้นกุมารพระ
คริสต์ ต่อมา มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำาคริสตจักรชาวเยอรมัน ตัด
ต้นสนไปตั้งในบ้านในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.1540 หลังจาก
นั้นในศตวรรษที่ 19 ต้นคริสต์มาสจึงเริ่มแพร่ไปสู่ประเทศ
อังกฤษและทั่วโลก และอีกเหตุผลที่ใช้ต้นสนก็เพราะว่ามัน
หาง่าย
ในสมัยโบราณนั้นต้นคริสต์มาส หมายถึง ต้นไม้ใน
สวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากิน และ
ทำาบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า โดยตามพระคัมภีร์นั้นได้เปรียบ
พระเยซูเจ้าเสมือนเป็นต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เขียว
เสมอในทุกฤดูกาล สื่อถึงนิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า อีก
ทั้งความสว่างของพระองค์ยังเหมือนแสงเทียนที่ส่องสว่าง
ในความมืด และรวมถึงความชื่นชมยินดี และความสามัคคี
ที่พระเยซูประทานให้ เพราะต้นไม้นั้นเป็นจุดศูนย์รวมของ
ครอบครัวในเทศกาลคริสต์มาส
ต้นฮอลลี่
ต้นฮอลลี่ เป็นต้นไม้พุ่มเตี้ย และเป็นอีกหนึ่ง
สัญลักษณ์ของวันคริสต์มาส เชื่อกันว่า สีเขียวของต้น
ฮอลลี่มีความหมายถึง การมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ และมีความ
สัมพันธ์กับพระเยซู โดยผลสีแดงของต้นฮอลลี่นั้นหมายถึง
หยดเลือดของพระเยซูที่ไหลลงบนไม้กางเขน ซึ่งเปรียบ
เสมือนสัญลักษณ์ของความรักที่มีต่อพระเจ้า ใบไม้ที่มี
หนามของต้นฮอลลี่เป็นสิ่งที่เตือนพวกเราถึงมงกุฏหนามที่
พวกชาวทหารโรมันได้นำามาวางไว้บนศีรษะของพระเยซู
คริสต์
ดอกไม้คริสต์มาส หรือ Poinsettia
ตำานานของดอก Poinsettia ที่กลายมาเป็น
สัญลักษณ์หนึ่งของวันคริสต์มาส มาจากเรื่องราวของเด็ก
หญิงจนๆ คนหนึ่ง ที่ต้องการหาของขวัญไปมอบให้
พระแม่มารีในวันคริสต์มาสอีฟ แต่เนื่องจากเธอไม่มีสิ่งของ
ใดๆ ติดตัว จึงเดินทางไปตัวเปล่า และระหว่างทางเธอได้
พบกับนางฟ้าที่บอกให้เธอเก็บเมล็ดพืชไว้ ต่อมาเมล็ดพืช
นั้นกลับเจริญเติบโตเปลี่ยนเป็นดอกไม้สีเลือดหมูสดใส ซึ่ง
ก็คือดอก Poinsettia ตั้งแต่นั้นดอก Poinsettia ก็ได้รับ
ความนิยมใช้ประดับประดาบ้านในงานคริสต์มาส
ดอกคริสต์มาส Christmas Rose
มีต้นกำาเนิดที่ประเทศอังกฤษ ลักษณะเป็นดอกสีขาว
และมักออกดอกในช่วงฤดูหนาว ตำานานของดอก
คริสต์มาสนี้มีอยู่ว่า ในช่วงที่พระเยซูประสูติ มีผู้รอบรู้ 3
คน กับคนเลี้ยงแกะเดินทางมาพบพระเยซู ระหว่างทาง
พวกเขาพบกับ มาเดลอน เด็กหญิงที่เลี้ยงแกะคนหนึ่ง เมื่อ
เธอทราบว่าทั้งหมดเดินทางมาเพื่อมอบของขวัญให้พระ
เยซู มาเดลอนก็เสียใจที่ไม่มีของขวัญใดไปมอบให้พระ
เยซูบ้าง ก่อนที่นางฟ้าที่เฝ้ามองเธออยู่จะเกิดความเห็นใจ
จึงร่ายมนตร์เสกดอกไม้สีขาวน่ารักและมีสีชมพูอยู่ตรง
ปลายกลีบให้เธอ และดอกไม้นั้นคือ ดอกคริสต์มาสนั่นเอง
เพลงวันคริสต์มาส
เพลงคริสต์มาสเริ่มมีขึ้นในศตวรรษที่ 5 แต่งโดย
พระสงฆ์และฆราวาส มีเนื้อร้องเป็นภาษาลาติน ลักษณะ
ของเพลงเป็นแบบสง่า เน้นถึงความหมายของการเสด็จมา
ของพระเยซูเจ้า แต่ในศตวรรษที่ 12 ได้มีการแต่งใน
ท่วงทำานองที่ร่าเริงสนุกสนานมากขึ้น เริ่มจากประเทศ
อิตาลี โดยนักบุญฟรังซิส อัสซีซี และนักบวชคณะฟรังซิ
สกัน เป็นผู้สนับสนุน ให้มีเพลงคริสต์มาสแบบใหม่
เพลงคริสตมาสแบบใหม่นี้ เป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้าน
เพราะมีท่วงทำานองที่ร่าเริงกว่า และเน้นถึงความชื่นชม
ยินดีในโอกาสคริสต์มาส เพลงเหล่านี้มีทั้งที่เป็นภาษาลา
ติน และภาษาพื้นเมือง เพลงหนึ่งที่แต่งในสมัยนั้น (แต่ง
คำาร้องในปี ค.ศ.1274) และยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน คือ
เพลง Oh Come, All Ye Faithful หรือ Adeste Fideles
ในภาษาลาติน เพลงคริสต์มาสที่นิยมร้องมากที่สุดใน
ปัจจุบันได้แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 19 จากประเทศเยอรมัน
และประเทศอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ เพลงที่มีชื่อเสียงมาก
ได้แก่ เพลง Silent Night, Holy Night
ความเป็นมาของเพลงนี้มาจากวันก่อนวันฉลอง
คริสต์มาส ของปี ค.ศ.1818 คุณพ่อโจเซฟ โมห์ (Joseph
Mohr) เจ้าอาวาสวัดที่โอเบิร์นดอฟ (Oberndorf) ประเทศ
ออสเตรีย ได้ข่าวว่าออร์แกนในวัดเสีย ทำาให้วงขับร้องไม่
สามารถร้องเพลงตามที่ซ้อมไว้ได้ จึงมีการแต่งเพลง
คริสต์มาสใหม่ นำาไปให้เพื่อนชื่อ ฟรานซ์ กรูเบอร์ (Franz
Gruber) ใส่ทำานองในคืนวันที่ 24 นั่นเอง และเล่นเพลง
Silent Night เป็นครั้งแรก โดยมีการเล่นกีตาร์ประกอบการ
ขับร้อง ซึ่งกลายเป็นเพลงที่นิยมมากที่สุดทั่วโลก
คำาอวยพรวันคริสต์มาส
ในวันคริสต์มาสเรามักจะใช้คำาอวยพรให้แก่กันและ
กันว่า Merry X'mas คำาว่า Merry ในภาษาอังกฤษ
โบราณ แปลว่า "สันติสุขและความสงบทางใจ" คำานี้
จึงเป็นคำาที่ใช้อวยพรขอให้เขาได้รับสันติสุขและความสงบ
ทางใจ และได้จัดให้มีการฉลองเพื่อระลึกถึงการบังเกิดของ
พระเยซู ที่เขายกย่องเหมือนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสากล
โลก ผู้ทรงเกียรติเลอเลิศ ประเพณีนี้ได้เริ่มมาจากรุงโรมใน
ศตวรรษที่ 4 และค่อยๆ เผยแพร่ไปทุกทวีป
สีประจำาวันคริสต์มาส
สีที่เกี่ยวข้องในวันคริสต์มาสประกอบด้วย
สีแดง : เป็นสีของผลฮอลลี่ หรือซานตาครอส เป็นสี
ของเดือนธันวาคม ที่แสดงถึงความตื่นเต้น และหากเป็น
สัญลักษณ์ตามศาสนา สีแดงจะหมายถึง ไฟ, เลือด และ
ความโอบอ้อมอารี
สีเขียว : เป็นสีของต้นไม้ สัญลักษณ์ของธรรมชาตื
หมายถึงความอ่อนเยาว์และความหวังที่จะมีชีวิตเป็นนิรัน
ดร์ เปรียบได้กับว่าเทศกาลคริสต์มาสคือเทศกาลแห่งความ
หวัง
สีขาว : เป็นสีของหิมะ และเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา
คือแสงสว่าง ความบริสุทธิ์ ความสุข และความรุ่งเรือง สี
ขาวนี้จะปรากฎบนเสื้อคลุมนางฟ้า, เคราและชายเสื้อของ
ซานตาครอส
สีทอง : เป็นสีของเทียนและดวงดาว เป็นสัญลักษณ์
ของแสงอาทิตย์และความสว่างไสว
การทำามิสซาเที่ยงคืน
การถวายมิสซานี้เกิดขึ้นหลังจากพระสันตะปาปาจูลี
อัสที่ 1 ได้ประกาศให้วันที่ 25 ธันวาคมเป็นวันฉลองพระค
ริสตสมภพ (วันคริสต์มาส) ในปีนั้นเองพระองค์และสัตบุรุษ
ได้พากันเดินสวดภาวนา และขับร้องไปยังตำาบลเบธเลเฮม
และไปยังถำ้าที่พระเยซูเจ้าประสูติ เมื่อไปถึงตรงกับเวลา
เที่ยงคืนพอดี พระสันตะปาปาทรงถวายบูชามิซซา ณ ที่นั้น
เมื่อเดินทางกลับมาที่พักได้เวลาตี 3 พระองค์ก็ถวายมิสซา
อีกครั้ง และ สัตบุรุษเหล่านั้นก็พากันกลับ แต่ยังมีสัตบุรุษ
หลายคนไม่ได้ร่วมขบวนไปด้วยในตอนแรก พระ
สันตะปาปาก็ทรงถวายบูชามิสซาอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ 3
เพื่อสัตบุรุษเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้เองพระสันตะปาปาจึงทรง
อนุญาตในพระสงฆ์ถวายบูชามิสซาได้ 3 ครั้ง ในวัน
คริสต์มาส เหมือนกับการปฏิบัติของพระองค์ นับตั้งแต่นั้น
เป็นต้นมาจึงมีธรรมเนียมถวายมิสซาเที่ยงคืน ในวัน
คริสต์มาส และพระสงฆ์ก็สามารถถวายมิสซาได้ 3 มิสซา
ในโอกาสวันคริสต์มาส
เทียนและพวงมาลัย
พวงมาลัยนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่คนสมัยก่อนใช้หมาย
ถึงชัยชนะ แต่สำาหรับการแขวนพวงมาลัยในวันคริสต์มาส
นั้น หมายถึงการที่พระองค์มาบังเกิดในโลก และทำาให้ทุก
สิ่งทุกอย่างครบบริบูรณ์ตามแผนการณ์ของพระเป็นเจ้า ซึ่ง
ธรรมเนียมนี้ เกิดจากกลุ่มคริสตชนกลุ่มหนึ่งในประเทศ
เยอรมันได้เอากิ่งไม้มาประกอบเป็นวงกลมคล้ายพวงมาลัย
แล้วเอาเทียน 4 เล่ม วางไว้บนพวงมาลัยนั้น ในตอนกลาง
คืนของวันอาทิตย์แรกของเทศกาลเพื่อเตรียมรับเสด็จ ทุก
คนในครอบครัวจะจุดเทียนหนึ่งเล่ม สวดภาวนา และร้อง
เพลงคริสต์มาสร่วมกันเป็นเวลา 4 อาทิตย์ก่อนถึงวัน
คริสต์มาส ประเพณีเป็นที่นิยมอยางมากในประเทศอเมริกา
ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยนำาเทียน 1 เล่มนั้นมาจุดไว้
ตรงกลางพวงมาลัยสีเขียว และนำาไปแขวนไว้ที่หน้าต่าง
เพื่อเป็นการเตือนให้คนที่เดินผ่านไปมาได้รู้ว่าใกล้ถึงวัน
คริสต์มาสแล้ว ส่วนเหตุผลที่พวงมาลัยมีสีเขียวนั้น เป็น
เพราะมีการเชื่อกันว่าสีเขียวจะช่วยป้องกันบ้านเรือนจาก
พวกพลังอันชั่ว ร้ายได้
ระฆังวันคริสต์มาส
เสียงระฆังในวันคริสต์มาสคือการเฉลิมฉลองให้กับ
การประสูติของพระพุทธเจ้า โดยมีตำานานเล่าว่า มีการตี
ระฆังช่วงก่อนเวลาเที่ยงคืนของวันคริสต์มาสเพื่อลดพลัง
ความมืด และบ่งบอกถึงความตายของปีศาจ ก่อนที่พระเยซู
ผู้ที่จะมาช่วยไถ่บาปให้กับมวลมนุษย์จะถือกำาเนิดขึ้น และ
ระฆังนี้มีเสียงดังกังวาลนานนับชั่วโมง ก่อนที่ในเวลาเที่ยง
คืนเสียงระฆังนี้จะกลับกลายมาเป็นเสียงแห่งความสุข
ดาว
ดาว ในความหมายของชาวคริสต์เตียน หมายถึง
การแสดงออกที่ดีของพระเยซูคริสต์ ที่บัญญัติไว้ในพระ
คัมภีร์ไบเบิ้ลว่า "The bright and morning star" มี
ความหมายพิเศษเหมือนกับว่า ดวงดาวเหล่านั้นได้แบ่งที่
อยู่กับสรวงสวรรค์ ไม่ว่าจะมีกำาแพงอะไรขวางกั้นระหว่าง
พื้นผิวโลกด้วยก็ตาม
เครื่องประดับและแอปเปิ้ล
ในบางแห่งเชื่อว่า ลำาต้นของแอปเปิ้ล มองดูคล้าย
กับต้นไม้ในสรวงสวรรค์ จึงมีการนำาเอาแอปเปิ้ลมาประดับ
ตามต้นไม้ในวันคริสต์มาส ส่วนเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ ที่
ตกแต่งต้นคริสต์มาสนั้นเป็นงานศิลปะที่จำาลองจากผลไม้
และที่มีสีสันสดใสนั้นเพื่อให้เกิดความรื่นเริงในบ้าน อีกทั้ง
แสงระยิบระยับที่สะท้อนไปมา ยังดูสวยงามคล้ายแสงเทียน
และแสงไฟ
ของขวัญวันคริสต์มาส
การแลกเปลี่ยนของขวัญในวันคริสต์มาสนั้น เริ่มต้น
จากเมือง Saturnalia ในช่วงยุคโรมัน ต่อมาชาวคริสต์รับ
ประเพณีนี้เข้ามา ด้วยความเชื่อว่า การให้ของขวัญนี้มี
ความเกี่ยวเนื่องกับของขวัญประเภททอง, ยางสนที่มีกลิ่น
หอม และ ยางไม้หอม ซึ่งพวกนักเวทย์จากตะวันออกที่เดิน
ทางมาคารวะพระเยซูคริสต์ นำามาให้ตอนที่ท่านประสูติ
ทั้งหมดนั้นก็คือการเฉลิมฉลองให้กับพระเยซู
ที่เกิดมาเพื่อชำาระบาปให้แก่ชาวคริสต์ทั้งหลาย
และเป็นเทศกาลที่นำาความสุข สนุกสนาน มาสู่หมู่
มวลมนุษย์
ที่มา http://hilight.kapook.com/view/18771

More Related Content

ตำȨȨันคริสต์มาส

  • 1. ตำำนำนวันคริสต์มำส คำำว่ำ "คริสต์มำส" เป็นคำำทับศัพท์ภำษำอังกฤษ ว่ำ Christmas มำจำกคำำภำษำอังกฤษโบรำณว่ำ Christes Maesse ที่แปลว่ำ "บูชำมิสซำของพระค ริสตเจ้ำ" ซึ่งพบครั้งแรกในเอกสำรโบรำณที่เป็นภำษำ อังกฤษในปี ค.ศ. 1038 และในปัจจุบันคำำนี้ก็ได้เปลี่ยนมำ เป็นคำำว่ำ Christmas เทศกำล Christmas หรือ X’Mas ตรงกับวันที่ 25 ธันวำคมของทุกปี ซึ่งวันที่ 25 ธันวำคมนั้นเป็นวันประสูติ ของพระเยซู ศำสดำแห่งศำสนำคริสต์ โดยพระองค์ประสูติ ที่เมืองเบ็ธเลเฮ็มและเติบโตที่เมืองนำซำเรท ซึ่งปัจจุบันคือ ประเทศอิสรำเอล ตำมหลักฐำนในพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่ำ พระเยซูเจ้ำประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซำร์ ออกุสตุส แห่ง จักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำำมะโนครัวทั่วทั้ง แผ่นดิน โดยฝ่ำยคีรีนิอัส เจ้ำเมืองซีเรียก็รับนโยบำยไป ปฏิบัติให้มีกำรจดทะเบียนสำำมะโนครัวทั่วทั้งอำณำเขต แต่ ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่ำ พระเยซูประสูติวันหรือเดือน อะไร ด้ำนนักประวัติศำสตร์ก็มีควำมเห็นที่ต่ำงออกไปโดย ได้วิเครำะห์ว่ำ เดิมทีวันที่ 25 ธันวำคม เป็นวันที่จักรพรรดิ
  • 2. เอำเรเลียนแห่งโรมัน กำำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของ สุริยะเทพ ตั้งแต่ปี ค.ศ.274 ชำวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือ เทพเจ้ำฉลองวันนี้เสมือนว่ำ เป็นวันฉลองของพระ จักรพรรดิไปในตัวด้วย เพรำะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือน ดวงอำทิตย์ ที่ให้ควำมสว่ำงแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชำวคริสต์ที่ อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชำวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือ คริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมำ ฉลองกำรบังเกิดของพระเยซูซึ่งเปรียบเสมือนควำมสว่ำง ของโลก และเหมือนดวงจันทร์เป็นควำมสว่ำงในตอนกลำง คืนแทน หลังจำกที่ชำวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภำพทำง ศำสนำตั้งแต่ปี ค.ศ. 64-313 จนถึงวันที่ 25 ธันวำคม ปี ค.ศ.330 ชำวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มำสอย่ำงเป็น ทำงกำรและเปิดเผย เทศกำลคริสต์มำสจึงเป็นวันแห่งกำรเฉลิมฉลองวัน ประสูติของพระเยซู และเป็นกำรฉลองควำมรักที่พระเจ้ำมี ต่อมนุษย์โลก โดยส่งบุตรชำย คือ "พระเยซู" ลงมำเกิด เป็นมนุษย์เพื่อช่วยไถ่บำป และช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจำก กำรทำำชั่วนั่นเอง ดังนั้นในวันนี้ถือเป็นวันที่มีควำมหมำย สำำคัญชำวคริสต์ทั่วโลก และมีกำรส่งบัตรอวยพร ให้ของ ขวัญ แก่กันและกัน รวมทั้งประดับประดำตกแต่งบ้ำนเรือน ด้วยแสงไฟ และต้นคริสต์มำสอย่ำงสวยงำม องค์ประกอบในงำนคริสต์มำส ซำนตำครอส
  • 3. เป็นสิ่งแรกๆ ที่คนจะนึกถึงในฐำนะสัญลักษณ์ของ วันคริสต์มำส ซึ่งว่ำกันว่ำซำนตำคลอสคนแรก คือ นักบุญ (เซนต์) นิโคลัส ผู้เป็นสังฆรำชแห่งเมืองไมรำ มีชีวิตอยู่ใน ศตวรรษที่ 4 และเหตุที่ได้รับกำรยกย่องว่ำเป็นซำนตำค รอสคนแรก มำจำกวันหนึ่งที่ท่ำนปีนขึ้นไปบนหลังคำบ้ำน ของเด็กหญิงยำกจนคนหนึ่ง แล้วทิ้งถุงเงินลงไปทำงปล่อง ไฟ บังเอิญถุงเงินหล่นไปทำงถุงเท้ำที่เด็กหญิงแขวนตำก ไว้ข้ำงเตำผิงพอดี นักบุญนิโคลัส นั้นเป็นนักบุญที่ชำวฮอลแลนด์นับถือ ว่ำเป็นนักบุญผู้อุปถัมภ์ของเด็กๆ เมื่อชำวฮอลแลนด์กลุ่ม หนึ่งอพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ ก็ยังรักษำประเพณีกำรฉลอง นักบุญ นิโคลำส ในวันที่ 5 ธันวำคม เอำไว้ ซึ่งหมำยถึง นักบุญนี้จะมำเยี่ยมเด็กๆ และเอำของขวัญมำให้เด็กอื่นๆ ที่ ไม่ใช่ลูกหลำนของชำวฮอลแลนด์ที่อพยพมำ ประเพณีนี้จึง เริ่มเป็นที่รู้จักและแพร่หลำยในอเมริกำ โดยมีกำร เปลี่ยนแปลงบำงอย่ำง คือ ชื่อนักบุญนิโคลัสก็เปลี่ยนเป็น ซำนตำคลอส และแทนที่จะเป็นสังฆรำชก็กลำยเป็นชำยแก่ ที่อ้วนและใส่ชุดสีแดง อำศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อนเป็น ยำนพำหนะที่มีกวำงเรนเดียร์ลำก และจะมำเยี่ยมเด็กทุก คนในโลกนี้ในโอกำสคริสต์มำส โดยลงมำทำงปล่องไฟ
  • 4. ของบ้ำนเพื่อเอำของขวัญมำให้เด็กเหล่ำนั้นตำมควำม ประพฤติของเขำ ถึงแม้ซำนตำคลอสจะเป็นเพียงตำำนำนที่เกิดขึ้นมำ เพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มำสก็ตำม แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ที่ รวมเอำวิญญำณและควำมหมำยของคริสต์มำสไว้อย่ำง มำกมำย อำทิ ควำมปิติยินดีชื่นชม ควำมโอบอ้อมอำรี ควำมรัก และควำมเป็นกันเอง ถุงเท้ำ จำกที่นักบุญนิโคลัสได้ปีนขึ้นไปบนปล่องไฟของ บ้ำนเด็กหญิงยำกจน เพื่อที่จะมอบเหรียญเงินให้เป็นของ ขวัญ แต่เหรียญนั้นกลับตกไปอยู่ในถุงเท้ำที่เด็กหญิง แขวนตำกไว้หน้ำเตำผิง พอรุ่งเช้ำเด็กหญิงตื่นมำเจอ เหรียญเงินในถุงเท้ำจึงดีใจมำก และกลำยเป็นจุดเริ่มต้น ของกำรที่ผู้คนมำกมำยต่ำงพำกันแขวนถุงเท้ำคริสต์มำสไว้ เพื่อหวังจะได้รับของขวัญเช่นเดียวกันบ้ำง ต้นคริสต์มำส
  • 5. นอกจากนี้อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ก็คือ ต้นคริสต์มาส ซึ่งต้นคริสต์มาสก็คือต้นสนที่นำามาประดับประดาด้วยลูก แอปเปิ้ลและขนมปังเพื่อระลึกถึงศีลมหาสนิท และก็ได้มี วิวัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยจนมาถึงการประดับด้วย ดวงไฟหลากสีสัน ขนม และของขวัญ อย่างในทุกวันนี้ การตกแต่งแบบนี้ต้องย้อนไปในศตวรรษที่ 8 เมื่อเซนต์บอ นิเฟส มิชชันนารีชาวอังกฤษที่เดินทางไปประกาศเรื่อง พระเจ้าในเยอรมนี ได้ช่วยเด็กที่กำาลังจะถูกฆ่าเป็นเครื่อง สังเวยบูชาที่ใต้ต้นโอ๊ก โดยเมื่อโค่นต้นโอ๊กทิ้งก็ได้พบต้นสนเล็กๆ ต้นหนึ่งขึ้น อยู่ที่โคนต้นโอ๊ก ท่านจึงขุดให้คนที่ร่วมพิธีกรรมเหล่านั้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต และตั้งชื่อว่า ต้นกุมารพระ คริสต์ ต่อมา มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำาคริสตจักรชาวเยอรมัน ตัด ต้นสนไปตั้งในบ้านในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.1540 หลังจาก นั้นในศตวรรษที่ 19 ต้นคริสต์มาสจึงเริ่มแพร่ไปสู่ประเทศ อังกฤษและทั่วโลก และอีกเหตุผลที่ใช้ต้นสนก็เพราะว่ามัน หาง่าย
  • 6. ในสมัยโบราณนั้นต้นคริสต์มาส หมายถึง ต้นไม้ใน สวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากิน และ ทำาบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า โดยตามพระคัมภีร์นั้นได้เปรียบ พระเยซูเจ้าเสมือนเป็นต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เขียว เสมอในทุกฤดูกาล สื่อถึงนิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า อีก ทั้งความสว่างของพระองค์ยังเหมือนแสงเทียนที่ส่องสว่าง ในความมืด และรวมถึงความชื่นชมยินดี และความสามัคคี ที่พระเยซูประทานให้ เพราะต้นไม้นั้นเป็นจุดศูนย์รวมของ ครอบครัวในเทศกาลคริสต์มาส ต้นฮอลลี่ ต้นฮอลลี่ เป็นต้นไม้พุ่มเตี้ย และเป็นอีกหนึ่ง สัญลักษณ์ของวันคริสต์มาส เชื่อกันว่า สีเขียวของต้น ฮอลลี่มีความหมายถึง การมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ และมีความ สัมพันธ์กับพระเยซู โดยผลสีแดงของต้นฮอลลี่นั้นหมายถึง หยดเลือดของพระเยซูที่ไหลลงบนไม้กางเขน ซึ่งเปรียบ เสมือนสัญลักษณ์ของความรักที่มีต่อพระเจ้า ใบไม้ที่มี หนามของต้นฮอลลี่เป็นสิ่งที่เตือนพวกเราถึงมงกุฏหนามที่
  • 7. พวกชาวทหารโรมันได้นำามาวางไว้บนศีรษะของพระเยซู คริสต์ ดอกไม้คริสต์มาส หรือ Poinsettia ตำานานของดอก Poinsettia ที่กลายมาเป็น สัญลักษณ์หนึ่งของวันคริสต์มาส มาจากเรื่องราวของเด็ก หญิงจนๆ คนหนึ่ง ที่ต้องการหาของขวัญไปมอบให้ พระแม่มารีในวันคริสต์มาสอีฟ แต่เนื่องจากเธอไม่มีสิ่งของ ใดๆ ติดตัว จึงเดินทางไปตัวเปล่า และระหว่างทางเธอได้ พบกับนางฟ้าที่บอกให้เธอเก็บเมล็ดพืชไว้ ต่อมาเมล็ดพืช นั้นกลับเจริญเติบโตเปลี่ยนเป็นดอกไม้สีเลือดหมูสดใส ซึ่ง ก็คือดอก Poinsettia ตั้งแต่นั้นดอก Poinsettia ก็ได้รับ ความนิยมใช้ประดับประดาบ้านในงานคริสต์มาส ดอกคริสต์มาส Christmas Rose มีต้นกำาเนิดที่ประเทศอังกฤษ ลักษณะเป็นดอกสีขาว และมักออกดอกในช่วงฤดูหนาว ตำานานของดอก คริสต์มาสนี้มีอยู่ว่า ในช่วงที่พระเยซูประสูติ มีผู้รอบรู้ 3 คน กับคนเลี้ยงแกะเดินทางมาพบพระเยซู ระหว่างทาง พวกเขาพบกับ มาเดลอน เด็กหญิงที่เลี้ยงแกะคนหนึ่ง เมื่อ
  • 8. เธอทราบว่าทั้งหมดเดินทางมาเพื่อมอบของขวัญให้พระ เยซู มาเดลอนก็เสียใจที่ไม่มีของขวัญใดไปมอบให้พระ เยซูบ้าง ก่อนที่นางฟ้าที่เฝ้ามองเธออยู่จะเกิดความเห็นใจ จึงร่ายมนตร์เสกดอกไม้สีขาวน่ารักและมีสีชมพูอยู่ตรง ปลายกลีบให้เธอ และดอกไม้นั้นคือ ดอกคริสต์มาสนั่นเอง เพลงวันคริสต์มาส เพลงคริสต์มาสเริ่มมีขึ้นในศตวรรษที่ 5 แต่งโดย พระสงฆ์และฆราวาส มีเนื้อร้องเป็นภาษาลาติน ลักษณะ ของเพลงเป็นแบบสง่า เน้นถึงความหมายของการเสด็จมา ของพระเยซูเจ้า แต่ในศตวรรษที่ 12 ได้มีการแต่งใน ท่วงทำานองที่ร่าเริงสนุกสนานมากขึ้น เริ่มจากประเทศ อิตาลี โดยนักบุญฟรังซิส อัสซีซี และนักบวชคณะฟรังซิ สกัน เป็นผู้สนับสนุน ให้มีเพลงคริสต์มาสแบบใหม่ เพลงคริสตมาสแบบใหม่นี้ เป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้าน เพราะมีท่วงทำานองที่ร่าเริงกว่า และเน้นถึงความชื่นชม ยินดีในโอกาสคริสต์มาส เพลงเหล่านี้มีทั้งที่เป็นภาษาลา ติน และภาษาพื้นเมือง เพลงหนึ่งที่แต่งในสมัยนั้น (แต่ง คำาร้องในปี ค.ศ.1274) และยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน คือ เพลง Oh Come, All Ye Faithful หรือ Adeste Fideles ในภาษาลาติน เพลงคริสต์มาสที่นิยมร้องมากที่สุดใน ปัจจุบันได้แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 19 จากประเทศเยอรมัน และประเทศอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ เพลงที่มีชื่อเสียงมาก ได้แก่ เพลง Silent Night, Holy Night ความเป็นมาของเพลงนี้มาจากวันก่อนวันฉลอง คริสต์มาส ของปี ค.ศ.1818 คุณพ่อโจเซฟ โมห์ (Joseph Mohr) เจ้าอาวาสวัดที่โอเบิร์นดอฟ (Oberndorf) ประเทศ ออสเตรีย ได้ข่าวว่าออร์แกนในวัดเสีย ทำาให้วงขับร้องไม่ สามารถร้องเพลงตามที่ซ้อมไว้ได้ จึงมีการแต่งเพลง
  • 9. คริสต์มาสใหม่ นำาไปให้เพื่อนชื่อ ฟรานซ์ กรูเบอร์ (Franz Gruber) ใส่ทำานองในคืนวันที่ 24 นั่นเอง และเล่นเพลง Silent Night เป็นครั้งแรก โดยมีการเล่นกีตาร์ประกอบการ ขับร้อง ซึ่งกลายเป็นเพลงที่นิยมมากที่สุดทั่วโลก คำาอวยพรวันคริสต์มาส ในวันคริสต์มาสเรามักจะใช้คำาอวยพรให้แก่กันและ กันว่า Merry X'mas คำาว่า Merry ในภาษาอังกฤษ โบราณ แปลว่า "สันติสุขและความสงบทางใจ" คำานี้ จึงเป็นคำาที่ใช้อวยพรขอให้เขาได้รับสันติสุขและความสงบ ทางใจ และได้จัดให้มีการฉลองเพื่อระลึกถึงการบังเกิดของ พระเยซู ที่เขายกย่องเหมือนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสากล โลก ผู้ทรงเกียรติเลอเลิศ ประเพณีนี้ได้เริ่มมาจากรุงโรมใน ศตวรรษที่ 4 และค่อยๆ เผยแพร่ไปทุกทวีป สีประจำาวันคริสต์มาส สีที่เกี่ยวข้องในวันคริสต์มาสประกอบด้วย สีแดง : เป็นสีของผลฮอลลี่ หรือซานตาครอส เป็นสี ของเดือนธันวาคม ที่แสดงถึงความตื่นเต้น และหากเป็น สัญลักษณ์ตามศาสนา สีแดงจะหมายถึง ไฟ, เลือด และ ความโอบอ้อมอารี สีเขียว : เป็นสีของต้นไม้ สัญลักษณ์ของธรรมชาตื หมายถึงความอ่อนเยาว์และความหวังที่จะมีชีวิตเป็นนิรัน
  • 10. ดร์ เปรียบได้กับว่าเทศกาลคริสต์มาสคือเทศกาลแห่งความ หวัง สีขาว : เป็นสีของหิมะ และเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา คือแสงสว่าง ความบริสุทธิ์ ความสุข และความรุ่งเรือง สี ขาวนี้จะปรากฎบนเสื้อคลุมนางฟ้า, เคราและชายเสื้อของ ซานตาครอส สีทอง : เป็นสีของเทียนและดวงดาว เป็นสัญลักษณ์ ของแสงอาทิตย์และความสว่างไสว การทำามิสซาเที่ยงคืน การถวายมิสซานี้เกิดขึ้นหลังจากพระสันตะปาปาจูลี อัสที่ 1 ได้ประกาศให้วันที่ 25 ธันวาคมเป็นวันฉลองพระค ริสตสมภพ (วันคริสต์มาส) ในปีนั้นเองพระองค์และสัตบุรุษ ได้พากันเดินสวดภาวนา และขับร้องไปยังตำาบลเบธเลเฮม และไปยังถำ้าที่พระเยซูเจ้าประสูติ เมื่อไปถึงตรงกับเวลา เที่ยงคืนพอดี พระสันตะปาปาทรงถวายบูชามิซซา ณ ที่นั้น เมื่อเดินทางกลับมาที่พักได้เวลาตี 3 พระองค์ก็ถวายมิสซา อีกครั้ง และ สัตบุรุษเหล่านั้นก็พากันกลับ แต่ยังมีสัตบุรุษ หลายคนไม่ได้ร่วมขบวนไปด้วยในตอนแรก พระ สันตะปาปาก็ทรงถวายบูชามิสซาอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ 3 เพื่อสัตบุรุษเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้เองพระสันตะปาปาจึงทรง อนุญาตในพระสงฆ์ถวายบูชามิสซาได้ 3 ครั้ง ในวัน คริสต์มาส เหมือนกับการปฏิบัติของพระองค์ นับตั้งแต่นั้น เป็นต้นมาจึงมีธรรมเนียมถวายมิสซาเที่ยงคืน ในวัน คริสต์มาส และพระสงฆ์ก็สามารถถวายมิสซาได้ 3 มิสซา ในโอกาสวันคริสต์มาส เทียนและพวงมาลัย พวงมาลัยนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่คนสมัยก่อนใช้หมาย ถึงชัยชนะ แต่สำาหรับการแขวนพวงมาลัยในวันคริสต์มาส นั้น หมายถึงการที่พระองค์มาบังเกิดในโลก และทำาให้ทุก สิ่งทุกอย่างครบบริบูรณ์ตามแผนการณ์ของพระเป็นเจ้า ซึ่ง
  • 11. ธรรมเนียมนี้ เกิดจากกลุ่มคริสตชนกลุ่มหนึ่งในประเทศ เยอรมันได้เอากิ่งไม้มาประกอบเป็นวงกลมคล้ายพวงมาลัย แล้วเอาเทียน 4 เล่ม วางไว้บนพวงมาลัยนั้น ในตอนกลาง คืนของวันอาทิตย์แรกของเทศกาลเพื่อเตรียมรับเสด็จ ทุก คนในครอบครัวจะจุดเทียนหนึ่งเล่ม สวดภาวนา และร้อง เพลงคริสต์มาสร่วมกันเป็นเวลา 4 อาทิตย์ก่อนถึงวัน คริสต์มาส ประเพณีเป็นที่นิยมอยางมากในประเทศอเมริกา ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยนำาเทียน 1 เล่มนั้นมาจุดไว้ ตรงกลางพวงมาลัยสีเขียว และนำาไปแขวนไว้ที่หน้าต่าง เพื่อเป็นการเตือนให้คนที่เดินผ่านไปมาได้รู้ว่าใกล้ถึงวัน คริสต์มาสแล้ว ส่วนเหตุผลที่พวงมาลัยมีสีเขียวนั้น เป็น เพราะมีการเชื่อกันว่าสีเขียวจะช่วยป้องกันบ้านเรือนจาก พวกพลังอันชั่ว ร้ายได้ ระฆังวันคริสต์มาส เสียงระฆังในวันคริสต์มาสคือการเฉลิมฉลองให้กับ การประสูติของพระพุทธเจ้า โดยมีตำานานเล่าว่า มีการตี ระฆังช่วงก่อนเวลาเที่ยงคืนของวันคริสต์มาสเพื่อลดพลัง ความมืด และบ่งบอกถึงความตายของปีศาจ ก่อนที่พระเยซู ผู้ที่จะมาช่วยไถ่บาปให้กับมวลมนุษย์จะถือกำาเนิดขึ้น และ ระฆังนี้มีเสียงดังกังวาลนานนับชั่วโมง ก่อนที่ในเวลาเที่ยง คืนเสียงระฆังนี้จะกลับกลายมาเป็นเสียงแห่งความสุข ดาว
  • 12. ดาว ในความหมายของชาวคริสต์เตียน หมายถึง การแสดงออกที่ดีของพระเยซูคริสต์ ที่บัญญัติไว้ในพระ คัมภีร์ไบเบิ้ลว่า "The bright and morning star" มี ความหมายพิเศษเหมือนกับว่า ดวงดาวเหล่านั้นได้แบ่งที่ อยู่กับสรวงสวรรค์ ไม่ว่าจะมีกำาแพงอะไรขวางกั้นระหว่าง พื้นผิวโลกด้วยก็ตาม เครื่องประดับและแอปเปิ้ล ในบางแห่งเชื่อว่า ลำาต้นของแอปเปิ้ล มองดูคล้าย กับต้นไม้ในสรวงสวรรค์ จึงมีการนำาเอาแอปเปิ้ลมาประดับ ตามต้นไม้ในวันคริสต์มาส ส่วนเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ ที่ ตกแต่งต้นคริสต์มาสนั้นเป็นงานศิลปะที่จำาลองจากผลไม้ และที่มีสีสันสดใสนั้นเพื่อให้เกิดความรื่นเริงในบ้าน อีกทั้ง
  • 13. แสงระยิบระยับที่สะท้อนไปมา ยังดูสวยงามคล้ายแสงเทียน และแสงไฟ ของขวัญวันคริสต์มาส การแลกเปลี่ยนของขวัญในวันคริสต์มาสนั้น เริ่มต้น จากเมือง Saturnalia ในช่วงยุคโรมัน ต่อมาชาวคริสต์รับ ประเพณีนี้เข้ามา ด้วยความเชื่อว่า การให้ของขวัญนี้มี ความเกี่ยวเนื่องกับของขวัญประเภททอง, ยางสนที่มีกลิ่น หอม และ ยางไม้หอม ซึ่งพวกนักเวทย์จากตะวันออกที่เดิน ทางมาคารวะพระเยซูคริสต์ นำามาให้ตอนที่ท่านประสูติ ทั้งหมดนั้นก็คือการเฉลิมฉลองให้กับพระเยซู ที่เกิดมาเพื่อชำาระบาปให้แก่ชาวคริสต์ทั้งหลาย และเป็นเทศกาลที่นำาความสุข สนุกสนาน มาสู่หมู่ มวลมนุษย์ ที่มา http://hilight.kapook.com/view/18771