ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
ชบา
ชื่อสามัญ Chinese rose
ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus rosa sinensis.
ตระกูล MALVACEAE
ถิ่นกาเนิด จีน อินเดียและฮาวาย
ลักษณะทั่วไป
ชบาในบ้านเรารู้จักกันมานานแล้ว
จะเห็นได้จากบ้านคนสมัยก่อนจะมีชบายอยู่แทบทุกบ้านปัจจุบัน
ชบาได้รับการผสมพันธุ์เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่ออกมามากมาย
ซึ่งล้วนแต่สวย ๆ งาม ๆทั้งนั้น
ทาให้ได้ดอกของชบาที่มีรูปร่างสวยงามสีสันของดอกสดใส
ขบานั้นจัดเป็นไม้พุ่ม ความสูงดดยทั่วไปประมาณ 2.50 เมตร
ใบมีสีเขียวเข้ม มนรี ปลายใบแหลม แต่ปัจจุบันก็ยังมีพันธุ์
แตกต่างออกไปอีกมากมาย
การดูแล
แสง ชอบแสงแดดมาก
น้า ต้องการน้าพอประมาณ
ดิน
เป็นไม้ที่ปลูกได้ง่ายสามารถเจริญเติบโตได้ในดินแทบทุกช
นิด แต่ไม่ควรให้ดินเปียกหรือแฉะเกินไป
ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
การขยายพันธุ์ ตอน ปักชา
โรคและแมลง
ไม่ค่อยมีโรคจะมีก็แต่เพลี้ยที่รบกวนอยู่
การป้องกันกาจัด
ฉีดพ่นด้วยยามาลาไธออนหรือไดอาซินอน
ตามคาแนะนาที่ระบุไว้ในฉลาก
ลักษณะเด่น
คือ มีเส้นใยและยางเมือก
(mucilagnous) อยู่ในเนื้อไม้โดยทั่วไปเป็นไม้พุ่มขนาดกลางใบ
เป็นใบเดี่ยวเรียงเวียนสลับมีรูปร่างหลายแบบ เช่น รูปไข่
รูปกลม รูปรีหรือเว้าเป็นแฉก3-
5 แฉก มีกลีบดอก 5 กลีบแต่ละดอกจะเชื่อมติดกันเป็นวงที่ฐานด
อกเกสรเพศผู้ประกอบด้วยอับเรณูสีเหลืองรูปไตและก้านชูอับเร
ณูสีขาวหรือสีเดียวกันเกสรเพศเมีย
อยู่ปลายหลอดเกสรเพศผู้มักมีก้านเล็ก
ๆ แยกยอดเกสรเพศเมียเป็น 5 ยอกตามจานวนห้องรังไข่ส่วนยอ
ดมีน้าหวานสาหรับจับละอองเรณู
ประเภทของดอก อาจแบ่งได้ 3 ลักษณะ คือ
1.ดอกบานเป็นรูปถ้วย
2.ดอกบานเป็นรูปแผ่แบน
3.กลีบดอกบานแบบแผ่โค้ง
การขยายพันธุ์การขยายพันธุ์มี 3 วิธี คือ
1.การปักชา
2.การเสียบยอด
3.การติดตา
โรคและแมลงศัตรู
1. โรค ที่พบในชบาได้แก่
โรคใบจุดในช่วงฤดูฝน โรคใบหงิกที่เกิดจากเชื้อไวรัสโดยมีแม
ลงหวี่ขาวเป็นพาหะ
2. แมลงศัตรุ ที่พบมากได้แก่
แมลงหวี่ขาวดูดน้าเลี้ยงจากใบและยอดอ่อนทาให้เกิดโรค
ใบหงิก เพลี้ยแป้ง เพี้ยหอย
ดูดน้าเลี้ยงจากใบและกิ่งก้านนอกจากนี้ยังมีหนอนผีเสื้อบางชนิ
ดกัดกินดอกอ่อนทาให้ดอกไม่บานหรือกลีบเว้าแห่วง
3. สัตว์สัตรู ได้แก่ หอยทาก
ทาลายโดยการกัดกินดอก กาจัดโดยใช้มือดึงออกหรือโรยปูนข
าวรอบพื้นที่ปลูก
สรรพคุณทางยาและประโยชน์
ในคัมภีร์อายุรเวท พูดถึงสรรพคุณของดอกชบาว่า
ช่วยฟอกโลหิต บารุงจิตใจให้แช่มชื่น บารุงผิวพรรณ
นอกจากนี้ยังช่วยรักษาและบรรเทาโรคเกี่ยวกับไต และโดยเฉพ
าะโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง
เช่นเสียเลือดประจาเดือนมากเกินไป ประจาเดือนมาไม่สม่าเสมอ
รวมทั้งปัญหาเรื่องระดูขาวไม่เพียงแต่ดอกชบาเท่านั้นที่ใช้เป็นย
าดีของอินเดีย ส่วนอื่นๆของชบายังใช้เป็นยารักษาโรคได้ด้วย
อย่างเช่น เปลือกต้นชบาใช้รักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา
ใบชบาใช้แก้แผลไฟไหม้น้าร้อนลวก บารุงผม
 ประจาเดือนมาไม่สม่าเสมอ มีระดูขาว - นาดอกชบาสด 4
ดอกมาตาให้แหลก
แล้วกินตอนท้องว่างในตอนเช้าติดต่อกัน 7 วัน
นาดอกชบามาตากให้แห้งในที่ร่ม เมื่อแห้งสนิทดีแล้ว
เอามาบดเป็นผง กินครั้งละ 1
ช้อนชาตอนเช้าติดต่อกันนาน 7 วัน
 ประจาเดือนไม่มา ใช้ดอกชบา 3 ดอกบดให้แหลก
แล้วผสมกับน้ามะนาวสัก 2 ช้อนโต๊ะ หรือผสมกับนม 1
แก้ว แล้วดื่มตอนท้องว่างตอนเช้า
จะช่วยปรับเรื่องประจาเดือนได้
เอาเฉพาะกลีบดอกชบาผสมกับน้าตาลอ้อยหรือน้าตาลปี๊บ
อย่างละเท่าๆ กันใส่ในโถแก้วมีฝาปิด
แล้วเอาโถแก้วออกตากแดดติดต่อกันสัก 21 วัน
น้าตาลจะละลายผสมกับดอกชบา
พอครบกาหนดแล้วเอามากินครั้งละ 2 ช้อนชา วันละ 2
ครั้ง นานสองถึงสามสัปดาห์ ยาสูตรนี้ถือว่า
เป็นยาบารุงประจาเดือน
 ดับร้อนและแก้ไข้- ใช้ดอกชบา 4 ดอกแช่ในน้าต้มสุก 2
แก้ว แล้วดื่มต่างน้า
จะช่วยดับร้อนผ่อนกระหายและแก้ไข้ได้ดี
 รักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา เช่น ฮ่องกงฟุต-
ใช้เปลือกต้น 50 กรัม แช่ในแอลกอฮอล์ 150 ซีซี
นานหนึ่งวัน
แล้วกรองเอาแต่น้ายาไว้ทาบริเวณที่เป็นฮ่องกงฟุต
 รักษาแผลไฟไหม้น้าร้อนลวก -
ใช้ใบชบาหรือฐานดอกก็ได้มาตาให้แหลก
แล้วเอามาพอกบริเวณที่ถูกไฟไหม้น้าร้อนลวก
น้าเมือกจากใบจะช่วยรักษาแผลได้เป็นอย่างดี
 บารุงผม - ใช้ใบชบาหนึ่งกามือมาล้างให้สะอาด
ตาให้แหลก เติมน้าเล็กน้อย แล้วคั้นเอาแต่น้า
กรองเอากากทิ้ง แล้วใช้น้าเมือกจากใบชบาสระผม
ช่วยชาระล้างสิ่งสกปรก
และบารุงเส้นผมให้ดกดาเป็นเงางาม
ชบา

More Related Content

ชบา

  • 1. ชบา ชื่อสามัญ Chinese rose ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus rosa sinensis. ตระกูล MALVACEAE ถิ่นกาเนิด จีน อินเดียและฮาวาย
  • 2. ลักษณะทั่วไป ชบาในบ้านเรารู้จักกันมานานแล้ว จะเห็นได้จากบ้านคนสมัยก่อนจะมีชบายอยู่แทบทุกบ้านปัจจุบัน ชบาได้รับการผสมพันธุ์เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่ออกมามากมาย ซึ่งล้วนแต่สวย ๆ งาม ๆทั้งนั้น ทาให้ได้ดอกของชบาที่มีรูปร่างสวยงามสีสันของดอกสดใส ขบานั้นจัดเป็นไม้พุ่ม ความสูงดดยทั่วไปประมาณ 2.50 เมตร ใบมีสีเขียวเข้ม มนรี ปลายใบแหลม แต่ปัจจุบันก็ยังมีพันธุ์ แตกต่างออกไปอีกมากมาย การดูแล แสง ชอบแสงแดดมาก น้า ต้องการน้าพอประมาณ ดิน เป็นไม้ที่ปลูกได้ง่ายสามารถเจริญเติบโตได้ในดินแทบทุกช นิด แต่ไม่ควรให้ดินเปียกหรือแฉะเกินไป ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก การขยายพันธุ์ ตอน ปักชา โรคและแมลง ไม่ค่อยมีโรคจะมีก็แต่เพลี้ยที่รบกวนอยู่ การป้องกันกาจัด ฉีดพ่นด้วยยามาลาไธออนหรือไดอาซินอน ตามคาแนะนาที่ระบุไว้ในฉลาก
  • 3. ลักษณะเด่น คือ มีเส้นใยและยางเมือก (mucilagnous) อยู่ในเนื้อไม้โดยทั่วไปเป็นไม้พุ่มขนาดกลางใบ เป็นใบเดี่ยวเรียงเวียนสลับมีรูปร่างหลายแบบ เช่น รูปไข่ รูปกลม รูปรีหรือเว้าเป็นแฉก3- 5 แฉก มีกลีบดอก 5 กลีบแต่ละดอกจะเชื่อมติดกันเป็นวงที่ฐานด อกเกสรเพศผู้ประกอบด้วยอับเรณูสีเหลืองรูปไตและก้านชูอับเร ณูสีขาวหรือสีเดียวกันเกสรเพศเมีย อยู่ปลายหลอดเกสรเพศผู้มักมีก้านเล็ก ๆ แยกยอดเกสรเพศเมียเป็น 5 ยอกตามจานวนห้องรังไข่ส่วนยอ ดมีน้าหวานสาหรับจับละอองเรณู ประเภทของดอก อาจแบ่งได้ 3 ลักษณะ คือ 1.ดอกบานเป็นรูปถ้วย 2.ดอกบานเป็นรูปแผ่แบน 3.กลีบดอกบานแบบแผ่โค้ง การขยายพันธุ์การขยายพันธุ์มี 3 วิธี คือ 1.การปักชา 2.การเสียบยอด 3.การติดตา
  • 4. โรคและแมลงศัตรู 1. โรค ที่พบในชบาได้แก่ โรคใบจุดในช่วงฤดูฝน โรคใบหงิกที่เกิดจากเชื้อไวรัสโดยมีแม ลงหวี่ขาวเป็นพาหะ 2. แมลงศัตรุ ที่พบมากได้แก่ แมลงหวี่ขาวดูดน้าเลี้ยงจากใบและยอดอ่อนทาให้เกิดโรค ใบหงิก เพลี้ยแป้ง เพี้ยหอย ดูดน้าเลี้ยงจากใบและกิ่งก้านนอกจากนี้ยังมีหนอนผีเสื้อบางชนิ ดกัดกินดอกอ่อนทาให้ดอกไม่บานหรือกลีบเว้าแห่วง 3. สัตว์สัตรู ได้แก่ หอยทาก ทาลายโดยการกัดกินดอก กาจัดโดยใช้มือดึงออกหรือโรยปูนข าวรอบพื้นที่ปลูก สรรพคุณทางยาและประโยชน์ ในคัมภีร์อายุรเวท พูดถึงสรรพคุณของดอกชบาว่า ช่วยฟอกโลหิต บารุงจิตใจให้แช่มชื่น บารุงผิวพรรณ นอกจากนี้ยังช่วยรักษาและบรรเทาโรคเกี่ยวกับไต และโดยเฉพ าะโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง เช่นเสียเลือดประจาเดือนมากเกินไป ประจาเดือนมาไม่สม่าเสมอ รวมทั้งปัญหาเรื่องระดูขาวไม่เพียงแต่ดอกชบาเท่านั้นที่ใช้เป็นย าดีของอินเดีย ส่วนอื่นๆของชบายังใช้เป็นยารักษาโรคได้ด้วย
  • 5. อย่างเช่น เปลือกต้นชบาใช้รักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา ใบชบาใช้แก้แผลไฟไหม้น้าร้อนลวก บารุงผม  ประจาเดือนมาไม่สม่าเสมอ มีระดูขาว - นาดอกชบาสด 4 ดอกมาตาให้แหลก แล้วกินตอนท้องว่างในตอนเช้าติดต่อกัน 7 วัน นาดอกชบามาตากให้แห้งในที่ร่ม เมื่อแห้งสนิทดีแล้ว เอามาบดเป็นผง กินครั้งละ 1 ช้อนชาตอนเช้าติดต่อกันนาน 7 วัน  ประจาเดือนไม่มา ใช้ดอกชบา 3 ดอกบดให้แหลก แล้วผสมกับน้ามะนาวสัก 2 ช้อนโต๊ะ หรือผสมกับนม 1 แก้ว แล้วดื่มตอนท้องว่างตอนเช้า จะช่วยปรับเรื่องประจาเดือนได้ เอาเฉพาะกลีบดอกชบาผสมกับน้าตาลอ้อยหรือน้าตาลปี๊บ อย่างละเท่าๆ กันใส่ในโถแก้วมีฝาปิด แล้วเอาโถแก้วออกตากแดดติดต่อกันสัก 21 วัน น้าตาลจะละลายผสมกับดอกชบา พอครบกาหนดแล้วเอามากินครั้งละ 2 ช้อนชา วันละ 2 ครั้ง นานสองถึงสามสัปดาห์ ยาสูตรนี้ถือว่า เป็นยาบารุงประจาเดือน
  • 6.  ดับร้อนและแก้ไข้- ใช้ดอกชบา 4 ดอกแช่ในน้าต้มสุก 2 แก้ว แล้วดื่มต่างน้า จะช่วยดับร้อนผ่อนกระหายและแก้ไข้ได้ดี  รักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา เช่น ฮ่องกงฟุต- ใช้เปลือกต้น 50 กรัม แช่ในแอลกอฮอล์ 150 ซีซี นานหนึ่งวัน แล้วกรองเอาแต่น้ายาไว้ทาบริเวณที่เป็นฮ่องกงฟุต  รักษาแผลไฟไหม้น้าร้อนลวก - ใช้ใบชบาหรือฐานดอกก็ได้มาตาให้แหลก แล้วเอามาพอกบริเวณที่ถูกไฟไหม้น้าร้อนลวก น้าเมือกจากใบจะช่วยรักษาแผลได้เป็นอย่างดี  บารุงผม - ใช้ใบชบาหนึ่งกามือมาล้างให้สะอาด ตาให้แหลก เติมน้าเล็กน้อย แล้วคั้นเอาแต่น้า กรองเอากากทิ้ง แล้วใช้น้าเมือกจากใบชบาสระผม ช่วยชาระล้างสิ่งสกปรก และบารุงเส้นผมให้ดกดาเป็นเงางาม