ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
ราชพฤกษ์ ถือเป็นต้นไม้ประจำชำติไทย และเป็น
ไม้ดอกไม้ประดับที่นิยมปลูกมำกตำมสถำนที่รำชกำรต่ำงๆ เนื่องจำกให้ดอกเป็นช่อใหญ่สีเหลืองสวยงำม
นอกจำกนั้น ยังเป็นไม้ที่มีสรรพคุณทำงยำหลำยประกำร อำทิ ใช้รักษำท้องร่วง ใช้เป็นยำระบำย
ใช้รักษำแผล แผลติดเชื้อ แผลในปำก และรักษำสุขภำพฟัน เป็นต้น
นิเวศวิทยำ และกำรกระจำยพันธุ์ พบได้ทั่วไปในป่ำเบญจพรรณ และป่ำเต็งรังทั่วประเทศ
และพบในต่ำงประเทศ เช่นจีน อินเดีย พม่ำ ลำว เป็นต้น นิยมปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ
ชื่อวิทยำศำสตร์ : Cassia fistula Linn.
วงศ์ : Caesalpiniaceae
ชื่อสำมัญ :
– Golden Shower
– Indian Laburnum
– Pudding-pipe Tree
ชื่ออื่นๆ ได้แก่
– ชัยพฤกษ์ รำชพริก คูน (ภำคกลำง)
– คูน (อีสำน)
– ชัยพฤกษ์ ลักเคย, ลักเกลือ (ใต้)
– ชัยพฤกษ์ คูน ลมแล้ง (ภำคเหนือ)
ลักษณะทำงพฤกษศำสตร์
1. รำก และลำต้น
รำชพฤกษ์เป็นไม้ยืนต้น ลำต้นสูงประมำณ 10-20 เมตร เปลือกต้นอ่อนมีลักษณะเรียบ สีเทำแกมเขียว
ต้นที่มีอำยุมำกเปลือกแตกสะเก็ดเป็นสี่เหลี่ยม สีน้ำตำล ต้นเล็กแตกกิ่งในระดับล่ำง เมื่อต้นใหญ่ลำต้นสูง
แตกกิ่งมำกบริเวณส่วนยอด
ระบบรำก เป็นระบบรำกแก้ว และแตกออกเป็นรำกแขนงยั่งลึกได้มำกกว่ำ 2 เมตร
2. ใบ
ใบประกอบแบบขนนก ประกอบด้วยก้ำนใบหลัก ยำวประมำณ 20-30 ซม.
แต่ละก้ำนใบหลักประกอบด้วยใบย่อย ออกเป็นคู่เรียงสลับตรงข้ำม และเยื้องกันเล็กน้อย
ใบย่อยแต่ละก้ำนมีประมำณ 3-8คู่ใบย่อยมีก้ำนใบยำวประมำณ 5-10ซม. แต่ละใบมีรูปทรงรี แกม รูปไข่
โคนใบมน ปลำยใบแหลมสอบ มีสีเขียวอ่อน และค่อยๆเข้มขึ้นจนเขียวสด ใบกว้ำงประมำณ 5-10 ซม.
ยำวประมำณ 7-15 ซม. ใบคู่แรกๆมีขนำดเล็ก และใหญ่ขึ้นในคู่ถัดไป ใบส่วนปลำยมีขนำดใหญ่สุด
ขอบใบเรียบ ผิวใบด้ำนล่ำงมีขน
3. ดอก
ดอกออกเป็นช่อ แทงออกตำมกิ่งก้ำน ช่อห้อยลงด้ำนล่ำง ช่อดอกโปร่งยำวสีเหลือง ยำวประมำณ 20-40 ซม.
แต่ละก้ำนดอกประกอบด้วยดอกจำนวนมำก แต่ละดอกมีก้ำนดอกสั้น ยำว 1-3ซม. มีใบประดับใต้กลีบดอก
กลีบดอกมีสีเหลืองประมำณ 5กลีบ รูปรีหรือกลม ด้ำนในประกอบด้วยเกสร เพศผู้ 10อัน
มีรังไข่อยู่เหนือวงกลีบ รังไข่รูปขอบขนำน มีขน อับเรณูยำวประมำณ 5 มิลลิเมตร
ดอกจะออกในช่วงเดือนกุมภำพันธ์
4. ผล
ผล มีลักษณะเป็นฝักยำว ทรงกลม ยำวได้มำกถึง 60ซม. ผิวฝักเกลี้ยง ฝักอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่มีสีน้ำตำล
น้ำตำลดำ และดำ ตำมอำยุของฝัก เมล็ดมีลักษณะแบน รูปกลมรี สีน้ำตำลถึงดำ เรียงเป็นชั้นๆ
มีผนังกั้นจำนวนมำก ฝักแก่จะยังติดห้อยที่ต้น และจะร่วงประมำณเดือนเมษำยน-พฤษภำคม
สรรพคุณ
1. ดอก
– มีสำรที่ออกฤทธิ์ต้ำนอนุมูลอิสระ(1)
– มีสำรออกฤทธิ์ต้ำนกำรอักเสบ ต้ำนเชื้อแบคทีเรียแกรมบวกและแกรมลบ เช่น
เชื้อที่ก่อกำรอักเสบของหูชั้นนอก(2)(3)
– สำรสกัดจำกดอกมีฤทธิ์กำรต่อต้ำนเชื้อรำ(4)
– ดอกนำมำต้มรับประทำนมีฤทธิ์ลดน้ำตำลในเลือด รักษำโรคเบำหวำน
– สำรสกัดจำกดอกรำชพฤกษ์ช่วยเพิ่มควำมชุ่มชื้น และควำมกระชับของผิว(1)
2. รำก เปลือก และแก่น
– รำก นำมำต้มรับประทำน ใช้ลดไข้รักษำโรคในถุงน้ำดี
– รำก นำมำฝนทำรักษำกลำก เกลื้อน และโรคผิวหนังต่ำงๆ
– รำก เปลือก และแก่น นำมำต้มใช้ล้ำงบำดแผล ต้ำนเชื้อแบคทีเรีย รักษำแผลติดเชื้อ แผลอักเสบ
– รำก เปลือก และแก่น นำมำต้มรับประทำน ใช้เป็นยำระบำย
– รำก เปลือก และแก่น นำมำต้มใส่เหลือเล็กน้อยรับประทำน ใช้แก้ท้องผูก ท้องเสีย
– เปลือกนำมำบดผสมน้ำใช้ทำหรือต้มน้ำอำบ สำหรับรักษำฝี รักษำโรคผิวหนัง ต้ำนเชื้อแบคทีเรีย
– แก่น นำมำต้มรับปรำนใช้เป็นยำถ่ำยพยำธิ
3. ใบ และดอก
– กินสดหรือต้มน้ำรับประทำน ใช้เป็นยำระบำย
– กินสดหรือต้มน้ำรับประทำน ใช้ต้ำนอนุมูลอิสระ
– กินสดหรือต้มน้ำรับประทำน ใช้ต้ำนรักษำโรคเบำหวำน บำรุงเลือด บำรุงหัวใจ
ลดอัตรำเสี่ยงของโรคระบบหัวใจ และหลอดเลือด
– กินสดหรือต้มน้ำรับประทำน ใช้เป็นยำระบำย
– นำมำบด ใช้ทำผิวหนัง ใช้ทำแผล ต้ำนเชื้อแบคทีเรีย
4. ฝัก
– เนื้อฝัก นำมำต้มรับประทำน ใช้เป็นยำระบำย ออกฤทธิ์กระตุ้นกำรทำงำนของลำไส้
– น้ำต้มจำกฝัก รับประทำนแก้บรรเทำอำหำรจุกเสียดแน่นท้อง
สำรออกฤทธิ์
•สำรคำร์ทำมีดีน (carthamidine) ของดอกที่ให้สีเหลือง มีฤทธิ์ลดน้ำตำลในเลือด ป้อกงัน
และรักษำโรคเบำหวำน
•สำรคำร์ทำมีดีน (carthamidine) ของดอก มีฤทธิ์ต้ำนอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิว ต้ำนกำรเสื่อมของเซลล์
•สำรแคโรทีนอยด์ หลำยชนิดในใบและดอกออกฤทธิ์รวมกันหลำยด้ำน อำทิ
– ต้ำนกำรเสื่อมสภำพของเซลล์ ป้องกันผิวจำกอันตรำยของแสง ป้องกันผิวเหี่ยวย่น
– ช่วยบำรุงสำยตำ ป้องกันโรคตำอักเสบ โรคต้อกระจก และช่วยให้มองเห็นได้ดีในตอนกลำงคืน
– ช่วยเสริมสร้ำงระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกัน และลดอำกำรภูมิแพ้
– บำรุงเลือด บำรุงหัวใจ ป้องกันโรคในระบบหัวใจ และหลอดเลือด
– ต้ำนเซลล์มะเร็ง
•สำรในกลุ่ม saponin มีคุณสมบัติเป็นสำรลดแรงตึงผิว มีฤทธิ์ลดกำรอักเสบ ขยำยหลอดลม
แต่มีผลข้ำงเคียงทำให้เม็ดเลือดแตกตัว
•สำร anthraquinones ที่พบในใบ และฝัก มีฤทธิ์กระตุ้นกำรบีบตัวของลำไส้ ใช้เป็นยำระบำย ใช้ฆ่ำเชื้อ
•สำรในกลุ่ม flavonoid ที่พบในใบ ดอก และฝัก หลำยชนิดออกฤทธิ์รวมกัน ต้ำนเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย
ต้ำนกำรอักเสบ ช่วยขยำยหลอดลม ช่วยให้ผนังเส้นเลือดแข็งแรง รักษำโรคริดสีดวงทวำรหนัก
•สำรแทนนิน (tannin)ที่พบในเปลือก และแก่น มีฤทธิ์ต้ำนเชื้อแบคทีเรีย ใช้รักษำอำกำรท้องร่วง
นอกจำกนั้น เมื่อเข้ำสู่ลำไส้จะกับโปรตีนในเยื่อบุ ช่วยลดกำรอักเสบ ต้ำนกำรสูญเสียน้ำ ช่วยดูดซึมน้ำกลับ
แต่มีผลทำให้อำหำรไม่ย่อย ทำให้ท้องอืด
•สำรคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ในใบนำมำต้มน้ำดื่มออกฤทธิ์หลำยด้ำน อำทิ
– ประกอบด้วยสำรอำหำรหลำยชนิดที่ให้พลังงำนแก่ร่ำกงำย
– ป้องกันโรคโลหิตจำง
– ช่วยเสริมสร้ำงภูมิต้ำนทำน ลดอำกำรภูมิแพ้
– เป็นสำรต้ำนอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ตับถูกทำลำย ป้องกันกำรเสื่อม และชลอเซลล์เสื่อมสภำพ
ป้องกันผิวหนังเหี่ยวย่น
– ต้ำนเชื้อแบคทีเรีย ช่วยรักษำแผล แผลติดเชื้อ
– ต้ำนเซลล์มะเร็ง โดยเฉพำะมะเร็งกระเพำะอำหำร และมะเร็งลำไส้
– รักษำสมดุลควำมเป็นกรด-ด่ำงในกระเพำะอำหำร
– ช่วยดูดซึมสำรอำหำร และแร่ธำตุเข้ำสู่หลอดเลือด
ประโยชน์
1. คูนเป็นพืชมีดอกสีเหลืองสวยงำม ใช้ปลูกเป็นไม้ต้นประดับ และดอกประดับ เวลำออกดอกจะไม่มีใบ
ออกดอกเต็มทั่วต้น
2. หลังผลิใบใหม่คูนจะมีใบสีเขียวเต็มทั่วต้น ใช้ปลูกให้ร่มเงำตำมบ้ำนเรือน สถำนที่รำชกำรต่ำงๆ
3. แก่นคูนมีรสฝำด สับเป็นชื้นเล็ก ใช้ผสมเครื่องเคี้ยวหมำก
หรือบดให้ละเอียดใช้ทำผิวหนังรักษำโรคผิวหนังต่ำงๆ ใช้ทำประคบแผลรักษำแผล
4. ฝักคูณนำมำสกัดใช้ทำเป็นยำฆ่ำแมลง ฆ่ำหนอนกินผัก โดย นักรบ เจริญสุข, 2552(3)
ได้ศึกษำสำรสกัดจำกฝักคูณในกำรป้องกันหนอนกระทู้ในผักคะน้ำ พบว่ำ
สำรสกัดจำกฝักคูนสำมำรถป้ องกันกำรเข้ำทำลำยของหนอนกระทู้ได้
5. ฝัก นำมำสกัดใช้เป็นส่วนผสมของสำรฟอกหนัง ได้แก่สำรแทนนินที่ใช้สำหรับตกตะกอนโปรตีน
6. เมล็ดใช้สกัดเอำยำงเหนียวสำหรับเป็นส่วนผสมของกำวในอุตสำหกรรมยำ
7. ลำต้น ใช้ทำไม้ก่อสร้ำง ไม้เสำ ไม้ค้ำยัน
8. เนื้อไม้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ชนิดต่ำงๆ
9. ไม้และกิ่ง ใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงหำอำหำรในครัวเรือน
10. ใบอ่อน ยอดอ่อน และดอกใช้เป็นส่วนผสมหรือใช้เป็นอำหำรสัตว์
โดยเฉพำะดอกใช้เป็นอำหำรสัตว์สำหรับกระตุ้นให้เนื้อมีสีเข้มมำกขึ้น
กำรปลูกรำชพฤกษ์
กำรปลูกรำชพฤกษ์นิยมปลูกด้วยเมล็ด รองลงมำ คือ กำรปักชำกิ่ง
ซึ่งกำรปักชำกิ่งจะได้ต้นใหม่ที่ลำต้นไม่ใหญ่ สูง ออกดอกเร็ว แต่วิธีนี้มีกำรชำติดยำก หำกดูแลไม่ดี
และระยะกำรชำติดนำน
สำหรับกำร ปลูกด้วยเมล็ด จะใช้เมล็ดจำกฝักแก่ที่ร่วงจำกต้นหรือติดบนต้นที่มีลักษณะเปลือกฝักสีน้ำตำล
จนถึง ดำ สำมำรถเก็บได้ในช่วงเดือนเมษำยน-พฤษภำคม นำมำทุบเปลือก และแกะเมล็ดออก
ลักษณะเมล็ดพันะธุ์ที่ดีควรเก็บจำกต้นที่มีลำต้นตรง สูงใหญ่ไม่มีโรค ฝักไม่รอยกัดแทะของแมลง
ฝักอวบหนำ เป็นมันเงำเมล็ดใน 1กิโลกรัม จะได้เมล็ดประมำณ 7,400 เมล็ด
เนื่องจำกเมล็ดมีเปลือกหนำ หำกต้องกำรกระตุ้นกำรงอกที่เร็ว ให้ใช้วิธี ดังนี้
– ให้นำเมล็ดมำแช่ในกรดกำมะถันเข้มข้น เป็นเวลำ 45-60 นำที แล้วล้ำงน้ำให้สะอำด
– เฉือนเปลือกออกเล็กน้อย
– นำไปแช่ในน้ำเดือด นำน 2-3นำที นำออกทิ้งไว้ให้เย็น
กำรเพำะชำ
1. กำรเพำะหว่ำนในแปลงก่อนย้ำยใส่ถุงเพำะชำ
ทำโดยกำรหว่ำนในแปลงเพำะที่ใช้ดินผสมปุ๋ยคอกกองโรยให้สูง 15-20 ซม. หรือใช้ไม้แผ่นเป็นแบบกั้น
เมื่อกองดินสูงได้ระดับหนึ่งแล้วจะหว่ำนเมล็ดก่อน แล้วใช้ดินโรยปิดหน้ำบำงๆอีกครั้ง หลังจำกนั้น
รดน้ำเป็นประจำ ซึ่งต้นอ่อนจะงอกภำยใน 15 วัน ทั้งนี้ ควรให้มีระยะห่ำงของเมล็ดพอควร
อย่ำงน้อยประมำณ 5ซม. ขึ้นไป
เมื่อกล้ำอำยุได้ประมำณ 1 เดือน หรือมีควำมสูงประมำณ 5-7 เซนติเมตร
ให้ถอนต้นย้ำยไปเพำะในถุงพลำสติกขนำด 4 x6 นิ้ว และดูแลให้น้ำอีกครั้ง
2. กำรเพำะในถุงเพำะชำ
กำรเพำะวิธีนี้ จะทำให้ประหยัดเวลำ และค่ำใช้จ่ำยได้กว่ำวิธีแรก
ด้วยกำรนำเมล็ดเพำะในถุงพลำสติกได้เลยโดยไม่ผ่ำนกำรเพำะในแปลงก่อน
ทำให้สำมำรถย้ำยกล้ำที่เติบโตแล้วลงแปลงปลูกได้ทันที
กำรเพำะจะใช้ดิน ผสมกับวัสดุเพำะ เช่น แกลบ ขี้เลื่อย เศษใบไม้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก
อัตรำส่วนดินกับวัสดุเพำะที่ 1:1 หรือ 2:1 บรรจุในถุงเพำะพลำสติก หลังจำกนั้นนำเมล็ดลงหยอด 1เมล็ด/ถุง
ทำกำรรดน้ำ และดูแลจนถึงระยะลงแปลงปลูก
กำรปลูก
ต้นกล้ำที่ได้จำกกำรเพำะทั้งสองวิธี จะมีระยะที่เหมำะสมที่ควำมสูงประมำณ 25-30ซม.
สำมำรถปลูกในพื้นที่ว่ำงที่ต้องกำร แต่หำกปลูกในแปลงที่ใช้กล้ำำำตั้งแต่ 2 ต้น ขึ้นไป
ควรมีระยะห่ำงระหว่ำงต้นที่ 4-6เมตร หรือมำกกว่ำ
ต้Ȩูนที่ปลูกในช่วง 2-3ปีแรก จะเติบโตช้ำ แต่หลังจำกนั้นจะเติบโตเร็วขึ้น
อำยุกำรออกดอกครั้งแรกประมำณ 4-5ปี
อ้ำงอิงข้อมูลจำก
www.puechkaset.com/รำชพฤกษ์/
จัดทำโดย นำยจิณณพัตสุทธิพิทักษ์ ม.4/1 ๶ลྺที่7

More Related Content

ต้Ȩูน

  • 1. ราชพฤกษ์ ถือเป็นต้นไม้ประจำชำติไทย และเป็น ไม้ดอกไม้ประดับที่นิยมปลูกมำกตำมสถำนที่รำชกำรต่ำงๆ เนื่องจำกให้ดอกเป็นช่อใหญ่สีเหลืองสวยงำม นอกจำกนั้น ยังเป็นไม้ที่มีสรรพคุณทำงยำหลำยประกำร อำทิ ใช้รักษำท้องร่วง ใช้เป็นยำระบำย ใช้รักษำแผล แผลติดเชื้อ แผลในปำก และรักษำสุขภำพฟัน เป็นต้น นิเวศวิทยำ และกำรกระจำยพันธุ์ พบได้ทั่วไปในป่ำเบญจพรรณ และป่ำเต็งรังทั่วประเทศ และพบในต่ำงประเทศ เช่นจีน อินเดีย พม่ำ ลำว เป็นต้น นิยมปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ ชื่อวิทยำศำสตร์ : Cassia fistula Linn. วงศ์ : Caesalpiniaceae ชื่อสำมัญ : – Golden Shower – Indian Laburnum – Pudding-pipe Tree ชื่ออื่นๆ ได้แก่ – ชัยพฤกษ์ รำชพริก คูน (ภำคกลำง) – คูน (อีสำน) – ชัยพฤกษ์ ลักเคย, ลักเกลือ (ใต้) – ชัยพฤกษ์ คูน ลมแล้ง (ภำคเหนือ)
  • 2. ลักษณะทำงพฤกษศำสตร์ 1. รำก และลำต้น รำชพฤกษ์เป็นไม้ยืนต้น ลำต้นสูงประมำณ 10-20 เมตร เปลือกต้นอ่อนมีลักษณะเรียบ สีเทำแกมเขียว ต้นที่มีอำยุมำกเปลือกแตกสะเก็ดเป็นสี่เหลี่ยม สีน้ำตำล ต้นเล็กแตกกิ่งในระดับล่ำง เมื่อต้นใหญ่ลำต้นสูง แตกกิ่งมำกบริเวณส่วนยอด ระบบรำก เป็นระบบรำกแก้ว และแตกออกเป็นรำกแขนงยั่งลึกได้มำกกว่ำ 2 เมตร 2. ใบ ใบประกอบแบบขนนก ประกอบด้วยก้ำนใบหลัก ยำวประมำณ 20-30 ซม. แต่ละก้ำนใบหลักประกอบด้วยใบย่อย ออกเป็นคู่เรียงสลับตรงข้ำม และเยื้องกันเล็กน้อย ใบย่อยแต่ละก้ำนมีประมำณ 3-8คู่ใบย่อยมีก้ำนใบยำวประมำณ 5-10ซม. แต่ละใบมีรูปทรงรี แกม รูปไข่ โคนใบมน ปลำยใบแหลมสอบ มีสีเขียวอ่อน และค่อยๆเข้มขึ้นจนเขียวสด ใบกว้ำงประมำณ 5-10 ซม. ยำวประมำณ 7-15 ซม. ใบคู่แรกๆมีขนำดเล็ก และใหญ่ขึ้นในคู่ถัดไป ใบส่วนปลำยมีขนำดใหญ่สุด ขอบใบเรียบ ผิวใบด้ำนล่ำงมีขน 3. ดอก ดอกออกเป็นช่อ แทงออกตำมกิ่งก้ำน ช่อห้อยลงด้ำนล่ำง ช่อดอกโปร่งยำวสีเหลือง ยำวประมำณ 20-40 ซม. แต่ละก้ำนดอกประกอบด้วยดอกจำนวนมำก แต่ละดอกมีก้ำนดอกสั้น ยำว 1-3ซม. มีใบประดับใต้กลีบดอก กลีบดอกมีสีเหลืองประมำณ 5กลีบ รูปรีหรือกลม ด้ำนในประกอบด้วยเกสร เพศผู้ 10อัน มีรังไข่อยู่เหนือวงกลีบ รังไข่รูปขอบขนำน มีขน อับเรณูยำวประมำณ 5 มิลลิเมตร ดอกจะออกในช่วงเดือนกุมภำพันธ์ 4. ผล ผล มีลักษณะเป็นฝักยำว ทรงกลม ยำวได้มำกถึง 60ซม. ผิวฝักเกลี้ยง ฝักอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่มีสีน้ำตำล น้ำตำลดำ และดำ ตำมอำยุของฝัก เมล็ดมีลักษณะแบน รูปกลมรี สีน้ำตำลถึงดำ เรียงเป็นชั้นๆ มีผนังกั้นจำนวนมำก ฝักแก่จะยังติดห้อยที่ต้น และจะร่วงประมำณเดือนเมษำยน-พฤษภำคม
  • 3. สรรพคุณ 1. ดอก – มีสำรที่ออกฤทธิ์ต้ำนอนุมูลอิสระ(1) – มีสำรออกฤทธิ์ต้ำนกำรอักเสบ ต้ำนเชื้อแบคทีเรียแกรมบวกและแกรมลบ เช่น เชื้อที่ก่อกำรอักเสบของหูชั้นนอก(2)(3) – สำรสกัดจำกดอกมีฤทธิ์กำรต่อต้ำนเชื้อรำ(4) – ดอกนำมำต้มรับประทำนมีฤทธิ์ลดน้ำตำลในเลือด รักษำโรคเบำหวำน – สำรสกัดจำกดอกรำชพฤกษ์ช่วยเพิ่มควำมชุ่มชื้น และควำมกระชับของผิว(1) 2. รำก เปลือก และแก่น – รำก นำมำต้มรับประทำน ใช้ลดไข้รักษำโรคในถุงน้ำดี – รำก นำมำฝนทำรักษำกลำก เกลื้อน และโรคผิวหนังต่ำงๆ – รำก เปลือก และแก่น นำมำต้มใช้ล้ำงบำดแผล ต้ำนเชื้อแบคทีเรีย รักษำแผลติดเชื้อ แผลอักเสบ – รำก เปลือก และแก่น นำมำต้มรับประทำน ใช้เป็นยำระบำย – รำก เปลือก และแก่น นำมำต้มใส่เหลือเล็กน้อยรับประทำน ใช้แก้ท้องผูก ท้องเสีย – เปลือกนำมำบดผสมน้ำใช้ทำหรือต้มน้ำอำบ สำหรับรักษำฝี รักษำโรคผิวหนัง ต้ำนเชื้อแบคทีเรีย – แก่น นำมำต้มรับปรำนใช้เป็นยำถ่ำยพยำธิ 3. ใบ และดอก – กินสดหรือต้มน้ำรับประทำน ใช้เป็นยำระบำย
  • 4. – กินสดหรือต้มน้ำรับประทำน ใช้ต้ำนอนุมูลอิสระ – กินสดหรือต้มน้ำรับประทำน ใช้ต้ำนรักษำโรคเบำหวำน บำรุงเลือด บำรุงหัวใจ ลดอัตรำเสี่ยงของโรคระบบหัวใจ และหลอดเลือด – กินสดหรือต้มน้ำรับประทำน ใช้เป็นยำระบำย – นำมำบด ใช้ทำผิวหนัง ใช้ทำแผล ต้ำนเชื้อแบคทีเรีย 4. ฝัก – เนื้อฝัก นำมำต้มรับประทำน ใช้เป็นยำระบำย ออกฤทธิ์กระตุ้นกำรทำงำนของลำไส้ – น้ำต้มจำกฝัก รับประทำนแก้บรรเทำอำหำรจุกเสียดแน่นท้อง สำรออกฤทธิ์ •สำรคำร์ทำมีดีน (carthamidine) ของดอกที่ให้สีเหลือง มีฤทธิ์ลดน้ำตำลในเลือด ป้อกงัน และรักษำโรคเบำหวำน •สำรคำร์ทำมีดีน (carthamidine) ของดอก มีฤทธิ์ต้ำนอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิว ต้ำนกำรเสื่อมของเซลล์ •สำรแคโรทีนอยด์ หลำยชนิดในใบและดอกออกฤทธิ์รวมกันหลำยด้ำน อำทิ – ต้ำนกำรเสื่อมสภำพของเซลล์ ป้องกันผิวจำกอันตรำยของแสง ป้องกันผิวเหี่ยวย่น – ช่วยบำรุงสำยตำ ป้องกันโรคตำอักเสบ โรคต้อกระจก และช่วยให้มองเห็นได้ดีในตอนกลำงคืน – ช่วยเสริมสร้ำงระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกัน และลดอำกำรภูมิแพ้ – บำรุงเลือด บำรุงหัวใจ ป้องกันโรคในระบบหัวใจ และหลอดเลือด – ต้ำนเซลล์มะเร็ง •สำรในกลุ่ม saponin มีคุณสมบัติเป็นสำรลดแรงตึงผิว มีฤทธิ์ลดกำรอักเสบ ขยำยหลอดลม แต่มีผลข้ำงเคียงทำให้เม็ดเลือดแตกตัว •สำร anthraquinones ที่พบในใบ และฝัก มีฤทธิ์กระตุ้นกำรบีบตัวของลำไส้ ใช้เป็นยำระบำย ใช้ฆ่ำเชื้อ
  • 5. •สำรในกลุ่ม flavonoid ที่พบในใบ ดอก และฝัก หลำยชนิดออกฤทธิ์รวมกัน ต้ำนเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย ต้ำนกำรอักเสบ ช่วยขยำยหลอดลม ช่วยให้ผนังเส้นเลือดแข็งแรง รักษำโรคริดสีดวงทวำรหนัก •สำรแทนนิน (tannin)ที่พบในเปลือก และแก่น มีฤทธิ์ต้ำนเชื้อแบคทีเรีย ใช้รักษำอำกำรท้องร่วง นอกจำกนั้น เมื่อเข้ำสู่ลำไส้จะกับโปรตีนในเยื่อบุ ช่วยลดกำรอักเสบ ต้ำนกำรสูญเสียน้ำ ช่วยดูดซึมน้ำกลับ แต่มีผลทำให้อำหำรไม่ย่อย ทำให้ท้องอืด •สำรคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ในใบนำมำต้มน้ำดื่มออกฤทธิ์หลำยด้ำน อำทิ – ประกอบด้วยสำรอำหำรหลำยชนิดที่ให้พลังงำนแก่ร่ำกงำย – ป้องกันโรคโลหิตจำง – ช่วยเสริมสร้ำงภูมิต้ำนทำน ลดอำกำรภูมิแพ้ – เป็นสำรต้ำนอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ตับถูกทำลำย ป้องกันกำรเสื่อม และชลอเซลล์เสื่อมสภำพ ป้องกันผิวหนังเหี่ยวย่น – ต้ำนเชื้อแบคทีเรีย ช่วยรักษำแผล แผลติดเชื้อ – ต้ำนเซลล์มะเร็ง โดยเฉพำะมะเร็งกระเพำะอำหำร และมะเร็งลำไส้ – รักษำสมดุลควำมเป็นกรด-ด่ำงในกระเพำะอำหำร – ช่วยดูดซึมสำรอำหำร และแร่ธำตุเข้ำสู่หลอดเลือด ประโยชน์ 1. คูนเป็นพืชมีดอกสีเหลืองสวยงำม ใช้ปลูกเป็นไม้ต้นประดับ และดอกประดับ เวลำออกดอกจะไม่มีใบ ออกดอกเต็มทั่วต้น 2. หลังผลิใบใหม่คูนจะมีใบสีเขียวเต็มทั่วต้น ใช้ปลูกให้ร่มเงำตำมบ้ำนเรือน สถำนที่รำชกำรต่ำงๆ 3. แก่นคูนมีรสฝำด สับเป็นชื้นเล็ก ใช้ผสมเครื่องเคี้ยวหมำก หรือบดให้ละเอียดใช้ทำผิวหนังรักษำโรคผิวหนังต่ำงๆ ใช้ทำประคบแผลรักษำแผล
  • 6. 4. ฝักคูณนำมำสกัดใช้ทำเป็นยำฆ่ำแมลง ฆ่ำหนอนกินผัก โดย นักรบ เจริญสุข, 2552(3) ได้ศึกษำสำรสกัดจำกฝักคูณในกำรป้องกันหนอนกระทู้ในผักคะน้ำ พบว่ำ สำรสกัดจำกฝักคูนสำมำรถป้ องกันกำรเข้ำทำลำยของหนอนกระทู้ได้ 5. ฝัก นำมำสกัดใช้เป็นส่วนผสมของสำรฟอกหนัง ได้แก่สำรแทนนินที่ใช้สำหรับตกตะกอนโปรตีน 6. เมล็ดใช้สกัดเอำยำงเหนียวสำหรับเป็นส่วนผสมของกำวในอุตสำหกรรมยำ 7. ลำต้น ใช้ทำไม้ก่อสร้ำง ไม้เสำ ไม้ค้ำยัน 8. เนื้อไม้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ชนิดต่ำงๆ 9. ไม้และกิ่ง ใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงหำอำหำรในครัวเรือน 10. ใบอ่อน ยอดอ่อน และดอกใช้เป็นส่วนผสมหรือใช้เป็นอำหำรสัตว์ โดยเฉพำะดอกใช้เป็นอำหำรสัตว์สำหรับกระตุ้นให้เนื้อมีสีเข้มมำกขึ้น กำรปลูกรำชพฤกษ์ กำรปลูกรำชพฤกษ์นิยมปลูกด้วยเมล็ด รองลงมำ คือ กำรปักชำกิ่ง ซึ่งกำรปักชำกิ่งจะได้ต้นใหม่ที่ลำต้นไม่ใหญ่ สูง ออกดอกเร็ว แต่วิธีนี้มีกำรชำติดยำก หำกดูแลไม่ดี และระยะกำรชำติดนำน สำหรับกำร ปลูกด้วยเมล็ด จะใช้เมล็ดจำกฝักแก่ที่ร่วงจำกต้นหรือติดบนต้นที่มีลักษณะเปลือกฝักสีน้ำตำล จนถึง ดำ สำมำรถเก็บได้ในช่วงเดือนเมษำยน-พฤษภำคม นำมำทุบเปลือก และแกะเมล็ดออก ลักษณะเมล็ดพันะธุ์ที่ดีควรเก็บจำกต้นที่มีลำต้นตรง สูงใหญ่ไม่มีโรค ฝักไม่รอยกัดแทะของแมลง ฝักอวบหนำ เป็นมันเงำเมล็ดใน 1กิโลกรัม จะได้เมล็ดประมำณ 7,400 เมล็ด เนื่องจำกเมล็ดมีเปลือกหนำ หำกต้องกำรกระตุ้นกำรงอกที่เร็ว ให้ใช้วิธี ดังนี้ – ให้นำเมล็ดมำแช่ในกรดกำมะถันเข้มข้น เป็นเวลำ 45-60 นำที แล้วล้ำงน้ำให้สะอำด – เฉือนเปลือกออกเล็กน้อย – นำไปแช่ในน้ำเดือด นำน 2-3นำที นำออกทิ้งไว้ให้เย็น
  • 7. กำรเพำะชำ 1. กำรเพำะหว่ำนในแปลงก่อนย้ำยใส่ถุงเพำะชำ ทำโดยกำรหว่ำนในแปลงเพำะที่ใช้ดินผสมปุ๋ยคอกกองโรยให้สูง 15-20 ซม. หรือใช้ไม้แผ่นเป็นแบบกั้น เมื่อกองดินสูงได้ระดับหนึ่งแล้วจะหว่ำนเมล็ดก่อน แล้วใช้ดินโรยปิดหน้ำบำงๆอีกครั้ง หลังจำกนั้น รดน้ำเป็นประจำ ซึ่งต้นอ่อนจะงอกภำยใน 15 วัน ทั้งนี้ ควรให้มีระยะห่ำงของเมล็ดพอควร อย่ำงน้อยประมำณ 5ซม. ขึ้นไป เมื่อกล้ำอำยุได้ประมำณ 1 เดือน หรือมีควำมสูงประมำณ 5-7 เซนติเมตร ให้ถอนต้นย้ำยไปเพำะในถุงพลำสติกขนำด 4 x6 นิ้ว และดูแลให้น้ำอีกครั้ง 2. กำรเพำะในถุงเพำะชำ กำรเพำะวิธีนี้ จะทำให้ประหยัดเวลำ และค่ำใช้จ่ำยได้กว่ำวิธีแรก ด้วยกำรนำเมล็ดเพำะในถุงพลำสติกได้เลยโดยไม่ผ่ำนกำรเพำะในแปลงก่อน ทำให้สำมำรถย้ำยกล้ำที่เติบโตแล้วลงแปลงปลูกได้ทันที กำรเพำะจะใช้ดิน ผสมกับวัสดุเพำะ เช่น แกลบ ขี้เลื่อย เศษใบไม้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก อัตรำส่วนดินกับวัสดุเพำะที่ 1:1 หรือ 2:1 บรรจุในถุงเพำะพลำสติก หลังจำกนั้นนำเมล็ดลงหยอด 1เมล็ด/ถุง ทำกำรรดน้ำ และดูแลจนถึงระยะลงแปลงปลูก กำรปลูก ต้นกล้ำที่ได้จำกกำรเพำะทั้งสองวิธี จะมีระยะที่เหมำะสมที่ควำมสูงประมำณ 25-30ซม. สำมำรถปลูกในพื้นที่ว่ำงที่ต้องกำร แต่หำกปลูกในแปลงที่ใช้กล้ำำำตั้งแต่ 2 ต้น ขึ้นไป ควรมีระยะห่ำงระหว่ำงต้นที่ 4-6เมตร หรือมำกกว่ำ ต้Ȩูนที่ปลูกในช่วง 2-3ปีแรก จะเติบโตช้ำ แต่หลังจำกนั้นจะเติบโตเร็วขึ้น อำยุกำรออกดอกครั้งแรกประมำณ 4-5ปี อ้ำงอิงข้อมูลจำก