ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิว๶ตอร์
เครื่องพิมพ์ (Computer printer)
• เครื่องพิมพ์ เป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงที่จะผลิตข้อความและ/หรือกราฟิกของ
เอกสารที่เก็บไว้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ออกมาในสื่อทางกายภาพเช่น
กระดาษหรือแผ่นใส
• เครื่องพิมพ์ส่วนมากเป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงทั่วไปและเชื่อมต่อด้วยสาย
เคเบิลเครื่องพิมพ์หรือในเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่จะเป็นสายยูเอส
บี เครื่องพิมพ์บางชนิดที่เรียกกันว่าเครื่องพิมพ์เครือข่าย(Network
Printer) อินเตอร์เฟซที่ใช้มักจะเป็นแลนไร้สายและ/หรืออีเทอร์เน็ต
• เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser printer หรือ Toner-based printers)
เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้าง
ภาพบนกระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษร ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาจะมี
คุณภาพสูงมาก และราคาเครื่องพิมพ์ก็มีราคาสูงมากด้วยเช่นกัน ซึ่งเครื่องพิมพ์
เลเซอร์จะทางานได้เร็วกว่าเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก และคุณภาพของผลลัพธ์ทั้ง
ด้านความคมชัดและรายละเอียดทาออกมาได้ดีกว่าแบบพ่นหมึกมากๆ
• เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก หรือ เครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ต (Inkjet Printer) เป็น
เครื่องพิมพ์ที่ทางานโดยการพ่นหมึกออกมาเป็นหยดเล็กๆ ลงบนกระดาษ เมื่อ
ต้องการพิมพ์รูปทรงหรือรูปภาพใดๆ เครื่องพิมพ์จะทาการพ่นหมึกออกตามแต่
ละจุดในตาแหน่งที่เครื่องประมวลผลไว้อย่างแม่นยา ตามความต้องการของเรา
ซึ่งเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกจะมีคุณภาพดีกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ โดยรูป
ที่มีความซับซ้อนมาก ๆ เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ชัดเจน
และคมชัดกว่าแบบดอตแมทริกซ์
• เครื่องพิมพ์แบบใช้ความร้อน (Thermal printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่
ทางานโดนการให้ความร้อนแก่กระดาษโดยไม่ต้องใช้หมึก เช่นแบบที่ใช้ในการ
พิมพ์ใบเสร็จจากเครื่องATMเครื่องคิดเงินในห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวก
ซื้อ เครื่องคิดเลขแบบตั้งโต๊ะบางประเภท รวมถึงเครื่องโทรสารในสมัยก่อนก็ใช้
ระบบการพิมพ์แบบนี้
• ที่มา: http://repaircomtips.blogspot.com/2010/08/scanner.html
สแกนเนอร์ (Scanner)
• สแกนเนอร์ คืออุปกรณ์ซึ่งจับภาพและเปลี่ยนแปลงภาพจาก
รูปแบบของแอนาลอกเป็นดิจิตอลซึ่งคอมพิวเตอร์ สามารถ
แสดง, เรียบเรียง, เก็บรักษาและผลิตออกมาได้ ภาพนั้นอาจจะ
เป็นรูปถ่าย, ข้อความ, ภาพวาด หรือแม้แต่วัตถุสามมิติ สามารถ
ใช้สแกนเนอร์ทางานต่างๆได้ดังนี้
- ในงานเกี่ยวกับงานศิลปะหรือภาพถ่ายในเอกสาร
- บันทึกข้อมูลลงในเวิร์ดโปรเซสเซอร์
- แฟ็กเอกสาร ภายใต้ดาต้าเบส และ เวิร์ดโปรเซสเซอร์
- เพิ่มเติมภาพและจินตนาการต่าง ๆ ลงไปในผลิตภัณฑ์
สื่อโฆษณาต่าง ๆโดยพื้นฐานการทางานของสแกนเนอร์, ชนิด
ของสแกนเนอร์ และความสามารถในการทางานของ
สแกนเนอร์แบ่งออกได้ดังต่อไปนี้
ประเภทของสแกนเนอร์
• สแกนเนอร์ดึงกระดาษ (Sheet - Fed Scanner)
สแกนเนอร์แบบนี้จะรับกระดาษแล้วค่อย ๆ เลื่อนหน้ากระดาษแผ่นนั้นให้ผ่านหัวสแกน คือสามารถอ่านภาพที่
เป็นแผ่นกระดาษได้เท่านั้น ไม่สามารถ อ่านภาพจากสมุดหรือหนังสือได้
สแกนเนอร์แท่นเรียบ (Flatbed Scanner)
สแกนเนอร์แบบนี้จะมีกลไกคล้าย ๆ กับเครื่องถ่ายเอกสาร เราแค่วางหนังสือหรือภาพไว้ บนแผ่นกระจกใส
และเมื่อทาการสแกน หัวสแกนก็จะเคลื่อนที่จากปลายด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง แม้ว่าอ่านภาพจากหนังสือได้
แต่กลไกภายในต้องใช้ การสะท้อนแสงผ่านกระจกหลายแผ่น ทาให้ภาพมีคุณภาพไม่ดีเมื่อเทียบกับแบบแรก
สแกนเนอร์มือถือ (Hand - Held Scanner)
สแกนเนอร์แบบนี้ผู้ใช้ต้องเลื่อนหัวสแกนเนอร์ไป บนหนังสือหรือรูปภาพเอง สแกนเนอร์ แบบมือถือได้รวม
เอาข้อดีของสแกนเนอร์ ทั้งสองแบบเข้าไว้ด้วยกันและมีราคาถูก เพราะกลไกที่ใช้ไม่ สลับซับซ้อน แต่ก็มี
ข้อจากัด ตรงที่ว่าภาพที่ได้จะมีคุณภาพแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความสม่าเสมอ ในการเลื่อนหัวสแกนเนอร์ของ
ผู้ใช้งาน นอกจากนี้หัวสแกนเนอร์แบบนี้ยังมีหัวสแกนที่มีขนาดสั้น ทาให้ อ่านภาพบนหน้าหนังสือขนาดใหญ่
ได้ไม่ครบ 1 หน้า ทาให้ต้องอ่านหลายครั้งกว่าจะครบหนึ่งหน้า
• ที่มา:http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B
7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0
%B8%9E%E0%B9%8C
ไมโครโฟน (Microphone)
ไมโครโฟน เป็นเครื่องมือที่ทาหน้าที่เปลี่ยน
คลื่นเสียงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า ซึ่งมี
องค์ประกอบที่สาคัญ คือ แผ่นไดอะแฟรม
จะสั่นสะเทือนและทาให้เกิดพลังงานไฟฟ้า
ขึ้น เป็นพลังงานไฟฟ้าชนิดกระแสสลับที่มี
แรงคลื่นไฟฟ้าต่ามาก ต้องส่งเข้าไปยัง
เครื่องขยายเสียง เพื่อขยายสัญญาณให้
แรงเพิ่มขึ้นอีกทีหนึ่ง
คุณสมบัติของไมโครโฟน
• ไมโครโฟนในแต่ละแบบก็อาจมีคุณสมบัติต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ
6.5.1. ผลตอบสนองความถี่ เป็นความสามารถตอบสนองความถี่ได้เรียบ และเก็บ
ความถี่ได้กว้าง ไมโครโฟนทั่วๆ ไป มีผลตอบสนองความถี่ได้เรียบ ตั้งแต่ 100-10000
เฮิรทซ์ เป็นอย่างน้อยการตอบสนองความพี่ได้มากน้อง เพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับการใช้งาน
เช่นการแสดงดนตรีต้องใช้ไมโครโฟนที่ตอบสนองความถี่กว้างประมาณ 50-15000
เฮิรทซ์ โดยราบเรียบเสมอกัน ซึ่งได้แก่ไมโครโฟนแบบไดนามิค แบบริบบอน เป็นต้น
6.5.2. ความไวในการรับเสียง เนื่องจากคลื่นเสียงผ่านอากาศไปสู่ไมโครโฟน
ไมโครโฟน จะเปลี่ยนคลื่นเสียงเป็นสัญญาณไฟฟ้า และมีความแรงพอที่จะป้อนเข้าสู่
เครื่องขยายเสียงได้ไมโครโฟนที่มีความไวการรับเสียงสูง จะสามารถรับคลื่นเสียงที่อยู่
ห่างจากไมโครโฟนได้ไมโครโฟนทั่วไป จะมีคามแรงของสัญญาณที่ได้ออกมาเป็นเดซิ
เบล (dB) ต่ากว่า 1 โวลท์ เช่น -60 dB หรือ -50 dB ค่า dB เป็นลบมากจะมีความไว
ต่ากว่าค่า dB ที่เป็นลบน้อย นั่นคือ -60dB ดมีความไวต่ากว่า -50dB
• 6.5.3. อิมพีแดนซ์ (Impedance) หมายถึงความต้านทานของไมโครโฟนที่เกิดขึ้นขณะ
มีสัญญาณหรอืกระแสสลับไฟลผ่าน มีหน่วยเป็นโอห์ม (Ohm) มี 2 ชนิด
1) อิมพแดนซ์สูง (High Impedance) มีค่า Impedance อยู่ระหว่าง 5-10, 50
และ 100 K Ohm ซื่งจะเขียนติดไว้บนตัวไมโครโฟนนี้ชนิดไม่ควรใช้สายยายเกินกว่า 25
ฟุต จะทาให้เกิดเสียงฮัมและสูญเสียกาลังไปในสาย
2) อิมพิแดนซ์ต่า (Low Impedance) มีค่า Impedance 200-600 โอมห์ ใช้
สายไมโครโฟนได้ยาว กว่า 100 ฟุต
ที่มา:https://sites.google.com/site/vinyooma/%E0%B9%84%E0
%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%8
2%E0%B8%9F%E0%B8%99

More Related Content

อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิว๶ตอร์

  • 2. เครื่องพิมพ์ (Computer printer) • เครื่องพิมพ์ เป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงที่จะผลิตข้อความและ/หรือกราฟิกของ เอกสารที่เก็บไว้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ออกมาในสื่อทางกายภาพเช่น กระดาษหรือแผ่นใส • เครื่องพิมพ์ส่วนมากเป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงทั่วไปและเชื่อมต่อด้วยสาย เคเบิลเครื่องพิมพ์หรือในเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่จะเป็นสายยูเอส บี เครื่องพิมพ์บางชนิดที่เรียกกันว่าเครื่องพิมพ์เครือข่าย(Network Printer) อินเตอร์เฟซที่ใช้มักจะเป็นแลนไร้สายและ/หรืออีเทอร์เน็ต
  • 3. • เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser printer หรือ Toner-based printers) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้าง ภาพบนกระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษร ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาจะมี คุณภาพสูงมาก และราคาเครื่องพิมพ์ก็มีราคาสูงมากด้วยเช่นกัน ซึ่งเครื่องพิมพ์ เลเซอร์จะทางานได้เร็วกว่าเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก และคุณภาพของผลลัพธ์ทั้ง ด้านความคมชัดและรายละเอียดทาออกมาได้ดีกว่าแบบพ่นหมึกมากๆ • เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก หรือ เครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ต (Inkjet Printer) เป็น เครื่องพิมพ์ที่ทางานโดยการพ่นหมึกออกมาเป็นหยดเล็กๆ ลงบนกระดาษ เมื่อ ต้องการพิมพ์รูปทรงหรือรูปภาพใดๆ เครื่องพิมพ์จะทาการพ่นหมึกออกตามแต่ ละจุดในตาแหน่งที่เครื่องประมวลผลไว้อย่างแม่นยา ตามความต้องการของเรา ซึ่งเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกจะมีคุณภาพดีกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ โดยรูป ที่มีความซับซ้อนมาก ๆ เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ชัดเจน และคมชัดกว่าแบบดอตแมทริกซ์ • เครื่องพิมพ์แบบใช้ความร้อน (Thermal printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ ทางานโดนการให้ความร้อนแก่กระดาษโดยไม่ต้องใช้หมึก เช่นแบบที่ใช้ในการ พิมพ์ใบเสร็จจากเครื่องATMเครื่องคิดเงินในห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวก ซื้อ เครื่องคิดเลขแบบตั้งโต๊ะบางประเภท รวมถึงเครื่องโทรสารในสมัยก่อนก็ใช้ ระบบการพิมพ์แบบนี้ • ที่มา: http://repaircomtips.blogspot.com/2010/08/scanner.html
  • 4. สแกนเนอร์ (Scanner) • สแกนเนอร์ คืออุปกรณ์ซึ่งจับภาพและเปลี่ยนแปลงภาพจาก รูปแบบของแอนาลอกเป็นดิจิตอลซึ่งคอมพิวเตอร์ สามารถ แสดง, เรียบเรียง, เก็บรักษาและผลิตออกมาได้ ภาพนั้นอาจจะ เป็นรูปถ่าย, ข้อความ, ภาพวาด หรือแม้แต่วัตถุสามมิติ สามารถ ใช้สแกนเนอร์ทางานต่างๆได้ดังนี้ - ในงานเกี่ยวกับงานศิลปะหรือภาพถ่ายในเอกสาร - บันทึกข้อมูลลงในเวิร์ดโปรเซสเซอร์ - แฟ็กเอกสาร ภายใต้ดาต้าเบส และ เวิร์ดโปรเซสเซอร์ - เพิ่มเติมภาพและจินตนาการต่าง ๆ ลงไปในผลิตภัณฑ์ สื่อโฆษณาต่าง ๆโดยพื้นฐานการทางานของสแกนเนอร์, ชนิด ของสแกนเนอร์ และความสามารถในการทางานของ สแกนเนอร์แบ่งออกได้ดังต่อไปนี้
  • 5. ประเภทของสแกนเนอร์ • สแกนเนอร์ดึงกระดาษ (Sheet - Fed Scanner) สแกนเนอร์แบบนี้จะรับกระดาษแล้วค่อย ๆ เลื่อนหน้ากระดาษแผ่นนั้นให้ผ่านหัวสแกน คือสามารถอ่านภาพที่ เป็นแผ่นกระดาษได้เท่านั้น ไม่สามารถ อ่านภาพจากสมุดหรือหนังสือได้ สแกนเนอร์แท่นเรียบ (Flatbed Scanner) สแกนเนอร์แบบนี้จะมีกลไกคล้าย ๆ กับเครื่องถ่ายเอกสาร เราแค่วางหนังสือหรือภาพไว้ บนแผ่นกระจกใส และเมื่อทาการสแกน หัวสแกนก็จะเคลื่อนที่จากปลายด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง แม้ว่าอ่านภาพจากหนังสือได้ แต่กลไกภายในต้องใช้ การสะท้อนแสงผ่านกระจกหลายแผ่น ทาให้ภาพมีคุณภาพไม่ดีเมื่อเทียบกับแบบแรก สแกนเนอร์มือถือ (Hand - Held Scanner) สแกนเนอร์แบบนี้ผู้ใช้ต้องเลื่อนหัวสแกนเนอร์ไป บนหนังสือหรือรูปภาพเอง สแกนเนอร์ แบบมือถือได้รวม เอาข้อดีของสแกนเนอร์ ทั้งสองแบบเข้าไว้ด้วยกันและมีราคาถูก เพราะกลไกที่ใช้ไม่ สลับซับซ้อน แต่ก็มี ข้อจากัด ตรงที่ว่าภาพที่ได้จะมีคุณภาพแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความสม่าเสมอ ในการเลื่อนหัวสแกนเนอร์ของ ผู้ใช้งาน นอกจากนี้หัวสแกนเนอร์แบบนี้ยังมีหัวสแกนที่มีขนาดสั้น ทาให้ อ่านภาพบนหน้าหนังสือขนาดใหญ่ ได้ไม่ครบ 1 หน้า ทาให้ต้องอ่านหลายครั้งกว่าจะครบหนึ่งหน้า • ที่มา:http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B 7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0 %B8%9E%E0%B9%8C
  • 6. ไมโครโฟน (Microphone) ไมโครโฟน เป็นเครื่องมือที่ทาหน้าที่เปลี่ยน คลื่นเสียงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า ซึ่งมี องค์ประกอบที่สาคัญ คือ แผ่นไดอะแฟรม จะสั่นสะเทือนและทาให้เกิดพลังงานไฟฟ้า ขึ้น เป็นพลังงานไฟฟ้าชนิดกระแสสลับที่มี แรงคลื่นไฟฟ้าต่ามาก ต้องส่งเข้าไปยัง เครื่องขยายเสียง เพื่อขยายสัญญาณให้ แรงเพิ่มขึ้นอีกทีหนึ่ง
  • 7. คุณสมบัติของไมโครโฟน • ไมโครโฟนในแต่ละแบบก็อาจมีคุณสมบัติต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ 6.5.1. ผลตอบสนองความถี่ เป็นความสามารถตอบสนองความถี่ได้เรียบ และเก็บ ความถี่ได้กว้าง ไมโครโฟนทั่วๆ ไป มีผลตอบสนองความถี่ได้เรียบ ตั้งแต่ 100-10000 เฮิรทซ์ เป็นอย่างน้อยการตอบสนองความพี่ได้มากน้อง เพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับการใช้งาน เช่นการแสดงดนตรีต้องใช้ไมโครโฟนที่ตอบสนองความถี่กว้างประมาณ 50-15000 เฮิรทซ์ โดยราบเรียบเสมอกัน ซึ่งได้แก่ไมโครโฟนแบบไดนามิค แบบริบบอน เป็นต้น 6.5.2. ความไวในการรับเสียง เนื่องจากคลื่นเสียงผ่านอากาศไปสู่ไมโครโฟน ไมโครโฟน จะเปลี่ยนคลื่นเสียงเป็นสัญญาณไฟฟ้า และมีความแรงพอที่จะป้อนเข้าสู่ เครื่องขยายเสียงได้ไมโครโฟนที่มีความไวการรับเสียงสูง จะสามารถรับคลื่นเสียงที่อยู่ ห่างจากไมโครโฟนได้ไมโครโฟนทั่วไป จะมีคามแรงของสัญญาณที่ได้ออกมาเป็นเดซิ เบล (dB) ต่ากว่า 1 โวลท์ เช่น -60 dB หรือ -50 dB ค่า dB เป็นลบมากจะมีความไว ต่ากว่าค่า dB ที่เป็นลบน้อย นั่นคือ -60dB ดมีความไวต่ากว่า -50dB
  • 8. • 6.5.3. อิมพีแดนซ์ (Impedance) หมายถึงความต้านทานของไมโครโฟนที่เกิดขึ้นขณะ มีสัญญาณหรอืกระแสสลับไฟลผ่าน มีหน่วยเป็นโอห์ม (Ohm) มี 2 ชนิด 1) อิมพแดนซ์สูง (High Impedance) มีค่า Impedance อยู่ระหว่าง 5-10, 50 และ 100 K Ohm ซื่งจะเขียนติดไว้บนตัวไมโครโฟนนี้ชนิดไม่ควรใช้สายยายเกินกว่า 25 ฟุต จะทาให้เกิดเสียงฮัมและสูญเสียกาลังไปในสาย 2) อิมพิแดนซ์ต่า (Low Impedance) มีค่า Impedance 200-600 โอมห์ ใช้ สายไมโครโฟนได้ยาว กว่า 100 ฟุต ที่มา:https://sites.google.com/site/vinyooma/%E0%B9%84%E0 %B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%8 2%E0%B8%9F%E0%B8%99