ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง ความเป็น๶บส จัดทำโดย นาย วิรุตม์  แสนเขียว  นาย ภาณุพงศ์  สุธรรม นาย วัชระ  ธรรมสอน เสนอ อาจารณ์  รัตนพงศ์  ใจการ
สมบัติของ๶บส   สารที่เป็น๶บส   หมายถึง   สารที่ละลายน้ำแล้วมีสมบัติดังต่อไปนี้ 1 .  เปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากสีแดงเป็นสีน้ำเงิน  2 .  มีรสฝาด 3 .   เมื่อถูกกับมือจะรู้สึกลื่น 4 .   เมื่อทำปฏิกิริยากับแอมโมเนียมไนเตรตจะให้ก๊าซแอมโมเนียซึ่งมีกลิ่นฉุน 5 .  เมื่อทำปฏิกิริยากับน้ำมันพืชหรือน้ำมันหมูจะมีสมบัติเหมือนสบู่ 6 .  เมื่อทำปฏิกิริยากับอะลูมิเนียม   จะทำให้อะลูมิเนียมผุกร่อน และมีฟองก๊าซ   ไฮโดรเจนเกิดขี้น 7 .  ๶บสจะกัดเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิต   ดังนั้นเมื่อหกรดร่างกายต้องรีบล้างออก  ด้วยน้ำทันที
ความเป็น กรด  –  ๶บส   กรด  ( Acid )  หมายถึง สสารที่ปล่อยประจุไฮโดรเนียม  ( H 3 O +)  ให้กับสารละลาย ตัวอย่างเช่น เมื่อผสมน้ำกับกรดเกลือ ทำให้เกิด ประจุไฮโดรเนียม และประจแคลเซียม ตามสูตร  H 2 O  +  HCl  - >  ( H 3 O +) +  Cl -  สสารที่เป็นกรด ได้แก่ กรดกำมะถัน  ( H 2 SO 4)  น้ำส้มสายชู  ( CH 3 COOH )  ๶บส  ( Base )  หมายถึง สสารที่ปล่อยประจุไฮดรอกไซด์  ( OH -)  ให้กับสารละลาย ตัวอย่างเช่น โซเดียมไฮดรอกไซด์ เมื่อแตกตัวจะให้ประจุไฮดรอกไซด์ ตามสูตร  NaCL  - > Na + +  OH -  เมื่อโลหะไฮดรอกไซด์ละลายน้ำ มันจะปล่อยประจุไฮดรอกไซด์ออกมา เราเรียกว่า  “ ด่าง ”  ( Alkali )  สสารที่เป็น๶บส ได้แก่ ปูนซีเมนต์  ( CaO )  แอมโมเนีย  ( NH 3)
สารที่ใช้ในบ้านที่มีสมบัติเป็น๶บส ได้แก่ ผงฟู  ( โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต )  น้ำปูนใส  ( แคลเซียมไฮดรอกไซด์ )  น้ำขี้เถ้า   น้ำสบู่   น้ำยาเช็ดกระจก   สารละลายปุ๋ยยูเรีย  สารละลายโซดาไฟ   เป็นต้น   การใช้สารที่มีสมบัติเป็น๶บสสำหรับปรุงอาหาร   เช่น   ผงฟู   น้ำปูนใส   ถ้าใช้
ปริมาณน้อยจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย   แต่หากใช้ปริมาณมากจะเป็นโทษต่อร่างกายได้เพราะอาจทำลายเนื้อเยื่อของร่างกาย   สารที่เป็น๶บสบางชนิดมีสมบัติความเป็น๶บสที่รุนแรง  ซึ่งสามารถทำลายผิวหนังและเนื้อเยื่อของร่างกาย   รวมทั้งอาจกัดกร่อนโลหะได้   เช่น  สารโซเดียมไฮดรอกไซด์  (  โซดาไฟ )   ถ้าร่างกายสัมผัสกับ๶บสชนิดนี้จะต้องใช้น้ำสะอาดล้าง๶บสออกให้หมดทันทีและที่สำคัญไม่ควรนำ๶บสชนิดนี้มาใช้ประกอบอาหาร การเก็บรักษาสารที่มีสมบัติเป็น๶บสไว้ใช้ในบ้าน   ควรเก็บ๶บสไว้ในภาชนะที่ไม่มี ส่วนผสมของอะลูมิเนียม   เนื่องจาก๶บสทำปฏิกิริยากับอะลูมิเนียม ทำให้อะลูมิเนียมผุกร่อนและควรเก็บ๶บสไว้ในที่ปลอดภัยห่างจากมือของเด็ก
กรด  -  ๶บส   กรด  แบ่งได้  2   ประเภทคือ กรดอินทรีย์ กรอดนินทรีย์ ๶บส  แบ่งได้  2   ประเภทคือ ๶บสอินทรีย์ ๶บสอนินทรีย์ * กรด มี  2   ชื่อคือ กรดไฮโดร กับกรดออกซี่  Hydro  =  HCl *  HBr HI HF HCN  ฯลฯ กรดเหล่านี้ออกเสียง  “ ไฮโดร ”  นำหน้าแล้วตามด้วยสารที่ตามมา * HCl  =  ก๊าซไฮโดรเจนคลอไรด์ หรือ กรดเกลือ Oxy  =  HNO 3  H 2 SO 4  HClO 3  H 2 CO 3 *  ฯลฯ กรดเหล่านี้ออกเสียง  “ อิก ”  ลงท้ายเสมอ  *  H 2 CO 3  ไม่เสถียรจะแตกตัวให้  H 2 O , CO 2
๶บส 1 . กรด คือ สารที่ให้โปรตอนแก่สารอื่น 2 . ๶บส คือ สารที่รับโปรตอนจากสารอื่น  ข้อเสีย   สารใดที่ไม่มี  H +  จะบอกไม่ได้ว่าสารนั้นเป็นกรดหรือ๶บสสารใดที่มี  H +  แต่แตกตัวเป็นไอออนไม่ได้จะบอกไม่ได้ว่าเป็นกรดหรือ๶บส 1 . กรด คือ สารที่ละลายน้ำแล้วแตกตัวให้  H +  2 . ๶บส คือ สารที่ละลายน้ำแล้วแตกตัวให้  OH - ตัวอย่าง สมการที่เป็นไปตามทฤษฎีของ  อาร์เรเนียส 1 .) HCl ( aq )+ H 2 O ( l )  H 3 O +( aq ) + Cl-(aq) 2.)LiOH(s) Li+ (aq) + OH- (aq) ข้อเสีย   สารใดที่ไม่ละลายน้ำไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นกรดหรือ๶บส เบลิ่นเตต - ลาวรี ( Bronsted - Lowry ) อาร์เรเนียส ( Arrhenius )
คู่กรด - ๶บส   =  สารที่เป็นคู่กรด - ๶บสกัน  H +  ต่างกัน  1   ตัว โดยที่ คู่กรดจะมี  H +  มากกว่าคู่๶บส  1   ตัว  ความแรงของกรดและ๶บส   =  การแตกตัวในการให้โปรตอน ( กรด )  ความสามารถในการรับโปรตอน ( ๶บส ) CH 3 COOH  ( aq ) +  H 2 O  ( aq )  CH 3 COO - ( aq ) +  H 3 O + ( aq ) **** เราต้องรู้ทิศทางการเลื่อนของสมดุลก่อน เราจึงจะบอกถึงความแรงได้ ****   1 . ถ้าสมดุลเลื่อนไปทางขวา  CH 3 COOH  เป็นกรดแรงกว่า  H 3 O + /  H 2 O  เป็น๶บสแรงกว่า  CH 3 COO -
2 . ถ้าสมดุลเลื่อนไปทางซ้าย  H 3 O + เป็นกรดแรงกว่า  CH 3 COOH  /  CH 3 COO - เป็น๶บสแรงกว่า  H 2 O ถ้าค่า  K > 1   สมดุลเลื่อนไปข้างหน้า ( สารผลิตภัณฑ์มากกว่าสารตั้งต้น ) K < 1   สมดุลเลื่อนย้อนกลับ ( สารผลิตภัณฑ์น้อยกว่าสารตั้งต้น ) K  =  1   ไปข้างหน้าเท่ากับย้อนกลับ  ( สารผลิตภัณฑ์ = สารตั้งต้น )  ความแรงทั้ง  2   ข้างเท่ากัน
จบ๶๶ล้ว

More Related Content

๶บส

  • 1. สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง ความเป็น๶บส จัดทำโดย นาย วิรุตม์ แสนเขียว นาย ภาณุพงศ์ สุธรรม นาย วัชระ ธรรมสอน เสนอ อาจารณ์ รัตนพงศ์ ใจการ
  • 2. สมบัติของ๶บส สารที่เป็น๶บส หมายถึง สารที่ละลายน้ำแล้วมีสมบัติดังต่อไปนี้ 1 . เปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากสีแดงเป็นสีน้ำเงิน 2 . มีรสฝาด 3 . เมื่อถูกกับมือจะรู้สึกลื่น 4 . เมื่อทำปฏิกิริยากับแอมโมเนียมไนเตรตจะให้ก๊าซแอมโมเนียซึ่งมีกลิ่นฉุน 5 . เมื่อทำปฏิกิริยากับน้ำมันพืชหรือน้ำมันหมูจะมีสมบัติเหมือนสบู่ 6 . เมื่อทำปฏิกิริยากับอะลูมิเนียม จะทำให้อะลูมิเนียมผุกร่อน และมีฟองก๊าซ ไฮโดรเจนเกิดขี้น 7 . ๶บสจะกัดเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิต ดังนั้นเมื่อหกรดร่างกายต้องรีบล้างออก ด้วยน้ำทันที
  • 3. ความเป็น กรด – ๶บส กรด ( Acid ) หมายถึง สสารที่ปล่อยประจุไฮโดรเนียม ( H 3 O +) ให้กับสารละลาย ตัวอย่างเช่น เมื่อผสมน้ำกับกรดเกลือ ทำให้เกิด ประจุไฮโดรเนียม และประจแคลเซียม ตามสูตร H 2 O + HCl - > ( H 3 O +) + Cl - สสารที่เป็นกรด ได้แก่ กรดกำมะถัน ( H 2 SO 4) น้ำส้มสายชู ( CH 3 COOH ) ๶บส ( Base ) หมายถึง สสารที่ปล่อยประจุไฮดรอกไซด์ ( OH -) ให้กับสารละลาย ตัวอย่างเช่น โซเดียมไฮดรอกไซด์ เมื่อแตกตัวจะให้ประจุไฮดรอกไซด์ ตามสูตร NaCL - > Na + + OH - เมื่อโลหะไฮดรอกไซด์ละลายน้ำ มันจะปล่อยประจุไฮดรอกไซด์ออกมา เราเรียกว่า “ ด่าง ” ( Alkali ) สสารที่เป็น๶บส ได้แก่ ปูนซีเมนต์ ( CaO ) แอมโมเนีย ( NH 3)
  • 4. สารที่ใช้ในบ้านที่มีสมบัติเป็น๶บส ได้แก่ ผงฟู ( โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต ) น้ำปูนใส ( แคลเซียมไฮดรอกไซด์ ) น้ำขี้เถ้า น้ำสบู่ น้ำยาเช็ดกระจก สารละลายปุ๋ยยูเรีย สารละลายโซดาไฟ เป็นต้น การใช้สารที่มีสมบัติเป็น๶บสสำหรับปรุงอาหาร เช่น ผงฟู น้ำปูนใส ถ้าใช้
  • 5. ปริมาณน้อยจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่หากใช้ปริมาณมากจะเป็นโทษต่อร่างกายได้เพราะอาจทำลายเนื้อเยื่อของร่างกาย สารที่เป็น๶บสบางชนิดมีสมบัติความเป็น๶บสที่รุนแรง ซึ่งสามารถทำลายผิวหนังและเนื้อเยื่อของร่างกาย รวมทั้งอาจกัดกร่อนโลหะได้ เช่น สารโซเดียมไฮดรอกไซด์ ( โซดาไฟ ) ถ้าร่างกายสัมผัสกับ๶บสชนิดนี้จะต้องใช้น้ำสะอาดล้าง๶บสออกให้หมดทันทีและที่สำคัญไม่ควรนำ๶บสชนิดนี้มาใช้ประกอบอาหาร การเก็บรักษาสารที่มีสมบัติเป็น๶บสไว้ใช้ในบ้าน ควรเก็บ๶บสไว้ในภาชนะที่ไม่มี ส่วนผสมของอะลูมิเนียม เนื่องจาก๶บสทำปฏิกิริยากับอะลูมิเนียม ทำให้อะลูมิเนียมผุกร่อนและควรเก็บ๶บสไว้ในที่ปลอดภัยห่างจากมือของเด็ก
  • 6. กรด - ๶บส กรด แบ่งได้ 2 ประเภทคือ กรดอินทรีย์ กรอดนินทรีย์ ๶บส แบ่งได้ 2 ประเภทคือ ๶บสอินทรีย์ ๶บสอนินทรีย์ * กรด มี 2 ชื่อคือ กรดไฮโดร กับกรดออกซี่ Hydro = HCl * HBr HI HF HCN ฯลฯ กรดเหล่านี้ออกเสียง “ ไฮโดร ” นำหน้าแล้วตามด้วยสารที่ตามมา * HCl = ก๊าซไฮโดรเจนคลอไรด์ หรือ กรดเกลือ Oxy = HNO 3 H 2 SO 4 HClO 3 H 2 CO 3 * ฯลฯ กรดเหล่านี้ออกเสียง “ อิก ” ลงท้ายเสมอ * H 2 CO 3 ไม่เสถียรจะแตกตัวให้ H 2 O , CO 2
  • 7. ๶บส 1 . กรด คือ สารที่ให้โปรตอนแก่สารอื่น 2 . ๶บส คือ สารที่รับโปรตอนจากสารอื่น ข้อเสีย สารใดที่ไม่มี H + จะบอกไม่ได้ว่าสารนั้นเป็นกรดหรือ๶บสสารใดที่มี H + แต่แตกตัวเป็นไอออนไม่ได้จะบอกไม่ได้ว่าเป็นกรดหรือ๶บส 1 . กรด คือ สารที่ละลายน้ำแล้วแตกตัวให้ H + 2 . ๶บส คือ สารที่ละลายน้ำแล้วแตกตัวให้ OH - ตัวอย่าง สมการที่เป็นไปตามทฤษฎีของ อาร์เรเนียส 1 .) HCl ( aq )+ H 2 O ( l ) H 3 O +( aq ) + Cl-(aq) 2.)LiOH(s) Li+ (aq) + OH- (aq) ข้อเสีย สารใดที่ไม่ละลายน้ำไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นกรดหรือ๶บส เบลิ่นเตต - ลาวรี ( Bronsted - Lowry ) อาร์เรเนียส ( Arrhenius )
  • 8. คู่กรด - ๶บส = สารที่เป็นคู่กรด - ๶บสกัน H + ต่างกัน 1 ตัว โดยที่ คู่กรดจะมี H + มากกว่าคู่๶บส 1 ตัว ความแรงของกรดและ๶บส = การแตกตัวในการให้โปรตอน ( กรด ) ความสามารถในการรับโปรตอน ( ๶บส ) CH 3 COOH ( aq ) + H 2 O ( aq ) CH 3 COO - ( aq ) + H 3 O + ( aq ) **** เราต้องรู้ทิศทางการเลื่อนของสมดุลก่อน เราจึงจะบอกถึงความแรงได้ **** 1 . ถ้าสมดุลเลื่อนไปทางขวา CH 3 COOH เป็นกรดแรงกว่า H 3 O + / H 2 O เป็น๶บสแรงกว่า CH 3 COO -
  • 9. 2 . ถ้าสมดุลเลื่อนไปทางซ้าย H 3 O + เป็นกรดแรงกว่า CH 3 COOH / CH 3 COO - เป็น๶บสแรงกว่า H 2 O ถ้าค่า K > 1 สมดุลเลื่อนไปข้างหน้า ( สารผลิตภัณฑ์มากกว่าสารตั้งต้น ) K < 1 สมดุลเลื่อนย้อนกลับ ( สารผลิตภัณฑ์น้อยกว่าสารตั้งต้น ) K = 1 ไปข้างหน้าเท่ากับย้อนกลับ ( สารผลิตภัณฑ์ = สารตั้งต้น ) ความแรงทั้ง 2 ข้างเท่ากัน
  • 10.