ݺߣ
Submit Search
แนวข้อสอบวิชา ระบบราชการไทย
•
Download as PPTX, PDF
•
4 likes
•
12,364 views
Oppo Optioniez
Follow
1 of 19
Download now
Downloaded 61 times
More Related Content
แนวข้อสอบวิชา ระบบราชการไทย
1.
แนวข้อสอบวิชา ระบบราชการไทย โจทย์คาถามข้อสอบ (สรุปตอบเอานะ! อย่าเหมือนกันหมด!!!) 1.ในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย 2546-2550
ได้กาหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาไว้ กี่ประการ อะไรบ้าง จงอธิบาย?
2.
ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย 1. การปรับเปลี่ยนกระบวนการและวิธีการทางาน 2. การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดิน 3.
การปรับรื้อระบบการเงินและการงบประมาณ 4. การสร้างระบบบริหารงานบุคคลและค่าตอบแทนใหม่ 5. การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ วัฒนธรรม และค่านิยม 6. การเสริมสร้างระบบราชการให้ทันสมัย 7. การเปิดระบบราชการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม
3.
1. การปรับเปลี่ยนกระบวนการและวิธีการทางาน • ประกอบด้วย
9 มาตรการคือ • 1) วางเงื่อนไขให้ส่วนราชการต่าง ๆ นาระบบการบริหารแบบมุ่ง ผลสัมฤทธิ์มาประยุกต์ใช้อย่างจริงจัง • 2) ให้แต่ละส่วนราชการกาหนดเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพ และยกระดับคุณภาพมาตรฐานในการให้บริการและการพัฒนา องค์กร • 3) ปรับเปลี่ยนระบบการควบคุมภายในของส่วนราชการให้มีความ ทันสมัยมากขึ้น โดยมาเฉพาะการควบคุมก่อนดาเนินงาน
4.
1. การปรับเปลี่ยนกระบวนการและวิธีการทางาน (ต่อ) •
4) ปรับปรุงระบบการประเมินผลการดาเนินงาน โดยจัดให้มีการเจรจาและ ทาข้อตกลงว่าด้วยผลงานประจาปี ให้สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์และแผน ดาเนินงานรายปีกับหัวหน้าส่วนราชการไว้เป็นการล่วงหน้า รวมทั้งให้มี การติดตามและประเมินผลการดาเนินงานตามข้อตกลงดังกล่าวทุกสิ้นปี และถือเป็นเงื่อนไขส่วนหนึ่งของการให้เงินรางวัลประจาปีส่วนราชการ • 5) ให้มีการทบทวนแผนยุทธศาสตร์และแผนดาเนินงาน/โครงการต่างๆ อย่างเป็นระบบและสม่าเสมอ • 6) การกาหนดวัตถุประสงค์เป้าหมาย และตัวชี้วัด ของแผนยุทธศาสตร์ และแผนดาเนินงานการจัดทาข้อตกลงว่าด้วยผลงาน รวมถึงการทบทวน ติดตามและประเมินผลนั้น ให้มีกระบวนการปรึกษาหารือการสารวจและ รับฟังความคิดเห็นของประชาชน และ/หรือการเปิดให้ประชาชนเข้ามามี ส่วนร่วมโดยตรง
5.
1. การปรับเปลี่ยนกระบวนการและวิธีการทางาน (ต่อ) •
7) การปรับปรุงขั้นตอนและแนวทางการให้บริการประชาชนนั้น ให้แต่ละ ส่วนราชการเสนอแผนในการปรับปรุงแก้ไข กฎหมายและระเบียบปฏิบัติ ของทางราชการที่ล้าสมัย ไม่มีความจาเป็น หรืออาจเป็นอุปสรรคต่อการ ให้บริการประชาชน • 8) วางกติกาเพื่อให้มีการแข่งขันขึ้น โดยพยายามลดการผูกขาดของ หน่วยงานราชการในการเป็นผู้ให้บริการสาธารณะเองลง และเปิดโอกาส ให้ภาคเอกชน หรือองค์กรพัฒนาไม่แสวงหากาไรและองค์กรประชาสังคม สามารถคัดค้านและเข้ามาดาเนินการแข่งขันได้(Contestability) • 9)ให้มีการจัดทาแนวทางและคู่มือการบริหารราชการที่ดี เพื่อใช้ประกอบ ในการชี้แจงทาความเข้าใจเผยแพร่และฝึกอบรม และให้คาปรึกษาแนะนา แก่ส่วนราชการต่าง ๆ รวมถึงการใช้ประโยชน์ในฐานะเป็นเครื่องมือใน การประเมินตนเอง (Self –assessment) ของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงาน
6.
2. การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดิน • ยุทธศาสตร์
2 : การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดิน ประกอบด้วย 4 มาตรการ คือ • 1) มุ่งเน้นการจัดระเบียบโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดินใน เชิงบูรณาการ โดยให้มีลักษณะแบบเมตริกซ์ ครอบคลุมทั้งในส่วน ของการวางยุทธศาสตร์และการนายุทธศาสตร์ไปปฏิบัติ • 2) ให้มีการทบทวนการจัดโครงสร้างองค์การของกระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ ให้มีความเหมาะสมมากขึ้น เพื่อรองรับกับ สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป และยุทธศาสตร์การปฏิบัติงาน รวมถึงพยายามปรับรูปแบบการทางานให้มีความยืดหยุ่นคล่องตัว
7.
2. การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดิน(ต่อ) • 3)
ทบทวนปรับปรุงโครงสร้าง และพัฒนาระบบและรูปแบบการบริหาร ราชการส่วนภูมิภาคเพื่อให้จังหวัดเป็นองค์การที่มีสมรรถนะสูง สามารถนา วาระแห่งชาติและนโยบายของรัฐบาลไปปฏิบัติให้เกิดสัมฤทธิ์ผล แก้ไข ปัญหาและพัฒนาในระดับพื้นที่อย่างมีบูรณาการควบคู่ไปพร้อมกับการ พัฒนาระบบการบริหารจัดการอาเภอ เพื่อให้เป็นจุดรวม (Outlet) ให้บริการ แก่ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ • 4) ทบทวนระบบบริหารบุคคลในราชการบริหารส่วนภูมิภาค เพื่อให้ สอดคล้องกับความหลากหลายในการจัดรูปแบบใหม่ของภูมิภาค และ หลักการบริหารจัดการระดับจังหวัดแนวใหม่ รวมตลอดถึงสร้างความสานึก ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับพื้นที่มีมโนธรรม สุจริต มีจิตใจพร้อมบริการ ประชาชน (Citizen focused) และสามารถทางานในสิ่งแวดล้อมและ วัฒนธรรมองค์การใหม่
8.
3. การปรับรื้อระบบการเงินและการงบประมาณ • ประกอบด้วย
8 มาตรการ คือ • 1) ปรับปรุงกระบวนการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินใหม่ • 2) ปรับเปลี่ยนระบบการงบประมาณให้สอดรับกับการบริหารราชการ แผ่นดินแนวใหม่ • 3) ให้มีการวางยุทธศาสตร์/แผนงานการพัฒนาเขตพื้นที่หรืออนุภูมิภาคใน เชิงบูรณาการ และดาเนินการจัดสรรทรัพยากรในลักษณะแบบอิงพื้นที่ โดย ให้มีการวางหลักเกณฑ์การจัดสรรที่ชัดเจน • 4) เปิดโอกาสให้แต่ละส่วนราชการทาความตกลงเป็นการล่วงหน้าเพื่อ สามารถเก็บเงินเหลือจ่ายไว้ใช้ประโยชน์ในการพัฒนาองค์การหรือฝึกอบรม ข้าราชการได้โดยเริ่มต้นในบางแผนงาน/โครงการ หรือกิจกรรม ที่มีความ ชัดเจนและสามารถวัดผลงานได้อย่างเป็นรูปธรรมก่อน
9.
3. การปรับรื้อระบบการเงินและการงบประมาณ(ต่อ) • 5)
พิจารณาความเป็นไปได้ในการตรวจสอบและแปลงสินทรัพย์ของส่วนราชการ ที่มีอยู่ให้เป็นทุนโดยอาจให้มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย (Capital Charge) ในรูปธรรม ก่อน • 6) ให้แต่ละส่วนราชการจัดทาแผนการใช้จ่ายเงินรายเดือนหรือรายไตรมาสของ แผนงาน/โครงการต่าง ๆ รวมถึงการจัดทางบดุลและรายงานทางการเงินให้เป็นไป อย่างถูกต้องและทันการณ์ เพื่อประโยชน์ในการโอนเงินผ่านทางระบบอิเล็กโทร นิกส์เพื่อลดระยะเวลาและขั้นตอนการจัดทารายละเอียดของการทาฏีกาเบิก – จ่าย และการควบคุมทางการเงิน • 7) เร่งปรับปรุงระบบบัญชีของส่วนราชการให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานสากล โดยให้สามารถคานวณต้นทุนในการจัดบริการสาธารณะได้ • 8) วางระเบียบเพื่อเปิดโอกาสให้แต่ละส่วนราชการสามารถดาเนินกิจกรรม บางอย่าง เพื่อหารายได้ของตนเองไว้ใช้ประโยชน์ในการพัฒนาองค์การและเสริม แรงจูงใจให้แก่บุคลากรในรูปของสวัสดิการ
10.
4. การสร้างระบบบริหารงานบุคคลและค่าตอบแทนใหม่ • ประกอบด้วย
7 มาตรการ คือ • 1) เร่งสรรหาบุคลากรผู้มีความสามารถสูงหรือระดับหัวกะทิ เข้าสู่ ระบบราชการ • 2) พิจารณาความเป็นไปได้ ของการนาระบบการเลือกสรรระบบ เปิด ที่เน้นหลักสมรรถนะการบริหารจัดการ มาใช้กับผู้บริหาร ระดับสูงทุกตาแหน่ง • 3) ทบทวนและปรับเปลี่ยนระบบการจาแนกตาแหน่งและ ค่าตอบแทน ให้มีความเหมาะสมกับสภาพการณ์การแข่งขัน ความ ขาดแคลน และการบริหารราชการแนวใหม่
11.
4. การสร้างระบบบริหารงานบุคคลและค่าตอบแทนใหม่(ต่อ) 4) เพิ่มผลิตภาพของข้าราชการ
โดยให้มีการจัดทาเป้ าหมายการทางาน ขีด ความสามารถ และการประเมินผลสัมฤทธิ์ของแต่ละบุคคลอย่างเป็นระบบ มากขึ้น รวมถึงการเชื่อมโยงให้เข้ากับการสร้างแรงจูงใจ 5) ให้แต่ละส่วนราชการจัดทาแผนพัฒนาบุคลากรเชิงยุทธศาสตร์ โดยยึด วิสัยทัศน์ ภารกิจ และวัตถุประสงค์ขององค์การ และขีดความสามารถที่ จาเป็น (Competency – based Approach) 6) ปรับปรุงขีดสมรรถนะของศูนย์พัฒนาและโอนถ่ายบุคลากรภาครัฐ รวมทั้งจัด ให้มีตาแหน่งทดแทนหรือสารองราชการขึ้นในระบบข้าราชการพลเรือนเพื่อ ประโยชน์ในการหมุนเวียน โอนย้ายและพัฒนาข้าราชการ 7) พัฒนากลไกและกระบวนการในการรักษาและปกป้ องระบบคุณธรรมในวง ราชการ รวมถึงปรับปรุงระบบวินัย อุทธรณ์และร้องทุกข์ให้มีความเหมาะสม
12.
5. การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ วัฒนธรรม
และค่านิยม ประกอบด้วย 4 มาตรการ คือ 1) สร้างรูปแบบการเรียนรู้ด้วยตนเองของกลุ่มเป้าหมาย (Empowerment) ที่เป็น ผู้บริหารระดับสูงในลักษณะของการเรียนรู้จากประสบการณ์ปฏิบัติจริง ๆ (Action Learning) ด้วยวิธีการสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกัน การสร้างความรู้สึก ผูกพันต่อพันธกิจที่จะนาไปสู่ระบบอนาคตที่พึงปรารถนาร่วมกัน การเรียนรู้ การทางานเป็นทีม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนรู้วิธีคิดอย่างเป็นระบบ 2) เสนอแนะการจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการสร้างกระบวนการเรียนรู้ของ กลุ่มเป้ าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการสนับสนุนทางด้าน ทรัพยากรของรัฐ การผลักดันในเชิงกฎระเบียบต่าง ๆ รวมทั้งการเชื่อมโยง กับเครือข่ายการเรียนรู้ต่าง ๆ
13.
5. การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ วัฒนธรรม
และค่านิยม(ต่อ) 3) ให้แต่ละส่วนราชการจัดทาคาแถลงค่านิยมสร้างสรรค์ (Value Statement) ประกาศมาตรฐานทางคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อลด ปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ รวมถึงการรณรงค์และวัดผลระดับ ของการยอมรับและปฏิบัติตามค่านิยม มาตรฐานทางคุณธรรมและ จริยธรรม อย่างจริงจัง 4) สร้างการมีส่วนร่วมในการแสวงหากระบวนทัศน์ วัฒนธรรม และ ค่านิยมใหม่ ที่เอื้อต่อการพัฒนาระบบราชการ รวมทั้งระดมการมี ส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการจัดทา และดาเนินยุทธศาสตร์ ในการส่งเสริม และเผยแพร่กระบวนทัศน์ใหม่ ให้เป็นวาระแห่งชาติ
14.
6. การเสริมสร้างระบบราชการให้ทันสมัย ประกอบด้วย 4
มาตรการ คือ 1) สนับสนุนให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจพัฒนาตนเองให้เป็นองค์การ สมัยใหม่ ที่สามารถประยุกต์ใช้ประโยชน์เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารสมัยใหม่ในการบริหารงาน การบริการ การเตือนภัยสาธารณะ และ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน 2) ประสาน ส่งเสริม และสนับสนุนให้การบริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว โปร่งใสและซื่อสัตย์ ต่อผู้ใช้บริการ และเป็นศูนย์บริการ ออนไลน์อิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง หน่วยงานภาครัฐเพื่อให้ประชะชาชนได้ขอใช้บริการของรัฐได้ทุกเวลา
15.
6. การเสริมสร้างระบบราชการให้ทันสมัย(ต่อ) 3) ควบคู่ไปกับการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์
จาเป็นต้องส่งเสริมและ กาหนดมาตรฐานการให้บริการของรัฐในระดับสานักงาน ที่มี ประสิทธิภาพ ถูกต้อง และรวดเร็ว ในรูปแบบของศูนย์บริการ อิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจรที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง หน่วยงานภาครัฐ เช่นเดียวกับการใช้บริหารรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ทางอินเทอร์เน็ต 4) ให้มีการศึกษาวิจัยและเสนอแนะให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย และอนุบัญญัติที่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานโดยใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ และการให้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์
16.
7. การเปิดระบบราชการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ประกอบด้วย 6
มาตรการคือ 1) กาหนดเงื่อนไขและแนวทางเพื่อส่งเสริมให้หน่วยงานราชการได้ ตระหนักถึงภาระหน้าที่ในการปฏิบัติราชการตามเจตนารมณ์ของ รัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรม 2) วางหลักเกณฑ์ให้แต่ละส่วนราชการจัดให้มีระบบการปรึกษาหารือ กับประชาชน การสารวจความต้องการของประชาชน และ/ หรือการ จัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างสม่าเสมอ 3) ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาภาคประชาชน (Citizen Advisory Board) โดยเฉพาะในระดับปฏิบัติการ (กรม/จังหวัด/ อาเภอ)
17.
7. การเปิดระบบราชการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม(ต่อ) • 4)
ให้แต่ละส่วนราชการจัดให้มีอาสาสมัครภาคประชาชนเข้าร่วม ทางานกับข้าราชการ • 5) ให้ทุกส่วนราชการนาเสนอข้อมูลสารสนเทศที่มีความจาเป็นต่อ การแสดงภาระรับผิดชอบความโปร่งใส และเปิดเผยเกี่ยวกับการ ปฏิบัติงาน ลงในเว็ปไซต์เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูล สารสนเทศดังกล่าวได้โดยง่าย • 6) กาหนดให้ความสาเร็จในการดาเนินกิจกรรมในการเปิดโอกาสให้ ประชาชนมีส่วนร่วมในระบบราชการเป็นตัวชี้วัดหนึ่งในการบริหาร ที่ดีของส่วนราชการ
18.
การนายุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ ประกอบด้วย 1.เงื่อนไขความสาเร็จ อาศัยปัจจัย
ดังนี้ 1) ภาวะผู้นาและความเป็นเจ้าของในการบริหาร การเปลี่ยนแปลง 2) การแก้ไขกฎหมายอันเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาระบบราชการ 3) การเชื่อมโยงและบูรณาการสรรพกาลังของทุกภาคส่วนในการ พัฒนาระบบราชการ 4) การจัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาระบบราชการให้แก่ส่วน ราชการต่าง ๆ
19.
การนายุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ ประกอบด้วย 2.เครื่องมือในการนายุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ 1) การตราและบังคับใช้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารราชการที่ดี
ตาม มาตรา 3/1 วรรคท้ายแห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่ดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 เพื่อเป็นแนวปฏิบัติแก่หน่วยงานต่าง ๆ 2) การใช้วิธีสร้างแรงจูงใจในรูปของตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน เพื่อกระตุ้นให้ หน่วยงานปรับปรุงประสิทธิภาพ ประสิทธิผลการทางาน 3) การสร้างกระแสแรงกดดันจากบุคคลนอก โดยเฉพาะสื่อมวลชน นักวิชาการธุรกิจเอกชนองค์กรประชาสังคมและประชาชน เพื่อเร่งรัดให้ หน่วยงานปรับปรุงการทางานอย่างจริงจังและต่อเนื่อง 4) การติดตามและประเมินผล
Download