ผมได้เสนอกลวิธีที่ได้พยายามใช้หรือสนอแȨให้โรงรียนที่ตȨองได้มีโอกาสข้าไปเกี่ยวྺ้อ
Download as docx, pdf0 likes223 views
แนวทางพัոาผลฤทธิ์
ผมได้เสนอกลวิธีที่ได้พยายามใช้หรือสนอแȨให้โรงรียนที่ตȨองได้มีโอกาสข้าไปเกี่ยวྺ้อ
- 1. ผมได้เสนอกลวิธีที่ได้พยายามใช้หรือเสนอแนะให้โรงเรียนที่ตนเองได้มี โอกาสเข้าไปเกี่ยวข้อง นาไปปฏิบัติ ดังนี้ 1. กิจกรรมที่กระทาโดยตรงต่อเด็กนักเรียน ให้นักเรียนเรียนอย่างมีเป้าหมายชีวิต เช่น เลือกอาชีพตั้งแต่ ม. 1(6 อย่าง) ๆ แล้วศึกษาอาชีพทั้ง 6 ในเชิงลึก ก่อนตัดสินใจคัดออกปี ละ 1 อาชีพ จนเหลืออาชีพเดียว เมื่อขึ้นชั้น ม.6(สาหรับ ม.2 ขึ้นไปให้เลือก 5 4 3 2 และ 1 อาชี ตามลาดับ...) ให้นักเรียนกาหนดเกรดเฉลี่ยที่ต้องการตลอด 6 ภาคเรียน ตั้งแต่เริ่มเรียน ม.1 หรือตั้งแต่ ป.3 เป็นต้น แก้ปัญหา 0 ร มส. ด้วยการประกาศคะแนนระหว่างภาคให้นักเรียนได้รับทราบ ทุกคน และ ซ่อมคะแนนระหว่างภาคจนได้คะแนนไม่ต่ากว่าร้อยละ 60 ก่อนวันสอบปลายภาค ส่งเสริมให้เด็กเป็นนักอ่านแบบสะสมไมล์ จัดทาบัญชีนักอ่าน อ่านเกิน 15 หน้า 10-15 หน้า 5-10 หน้า ฯลฯ กระตุ้นให้เด็กฝึกกาหนดเป้าหมายด้วยตนเอง แล้วจัดทาบันทึกนักอ่านเป็นรายบุคคล หรือให้บันทึกเป็นฐานข้อมูลอิเล็คทรอนิก (Electronic Portfolio) หรือ ครูสอบถามข่าวประจาวัน วันละ 2 ข่าว ในช่วงโฮมรูม แล้วให้เด็กอภิปราย ให้เด็กทาปฏิทินการเรียน/ทางาน/ทบทวนความรู้ เป็นรายสัปดาห์(ปฏิทิน 7 วัน) 2. กิจกรรมในระดับครูผู้สอน ครูประจาชั้น
- 2. ให้ครูทาแผนการสอนแบบอิงมาตรฐาน และกาหนดรายการนวัตกรรมที่จะนามาทดลองในภาคเรียนถัดไป อย่างน้อย 1 รายการ ครูที่สอนระดับชั้นเดียวกัน ร่วมประชุม แล้วกาหนดโครงงานหรือกิจกรรมสาคัญ ๆ ในรอบภาคเรียนและในรอบปีการศึกษา กานดให้ชัดเจนว่า ในแต่ละภาคเรียน มีกี่ชิ้นงานสาคัญ แต่ละชิ้นงาน เป็นการบูรณาการระหว่างวิชาใดบ้าง(ควรอยู่ระหว่าง 5-8 ชิ้น/ภาคเรียน) กาหนดวัน-เวลาในการส่งหรือนาเสนอชิ้นงานสาคัญ พร้อมแจ้งรายการชิ้นงานให้ผู้ปกครองนักเรียนทราบด้วย จัดทาผังข้อสอบในรายวิชาแบบอิงมาตรฐาน และออกข้อสอบตามผัง(อิงมาตรฐาน) ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นให้เด็กได้คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ตลอดเวลา โดยให้เรียนจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว(Well-rounded Classroom) “ให้นักเรียนอ่าน ค้นคว้า ทาโครงงาน(ทุกวิชา) มากขึ้น สิ้นปี นักเรียนควรมีผลงานศึกษา ค้นคว้า สาคัญ ๆ อย่างน้อย 1 โครงงาน อาจให้เขียนบทสรุป 8-12 หน้า แล้วรวบรวมไว้ในแฟ้มประจาห้องเรียน หรือจัดพิมพ์เป็น พ็อกเก็ตบุ๊ค ปีละ 1 เล่ม(ถือเป็นการสั่งการบ้านแบบรายปี) วิเคราะห์คะแนนผลการทดสอบ O-NET เชิงลึกรายมาตรฐานการเรียนรู้ เพื่อหาทางแก้ไขในระดับมาตรฐานการเรียนรู้ สร้างอาจารย์ประจาชั้นมืออาชีพ ที่มีการวิเคราะห์ แยกแยะเด็กกลุ่มเสี่ยง อย่างชัดเจน แล้วคอยกระตุ้น สนับสนุน ดูแลตามศักยภาพ 3. กิจกรรมระดับครอบครัว พ่อ แม่/ผู้ปกครอง นั่งเป็นเพื่อนลูก อ่านวันละ 1-2 ชั่วโมง โดยทาตารางเวร อย่างชัดเจน
- 3. ประกวดครอบครัวนักอ่าน ส่งเสริมให้อ่านทั้งครอบครัว แล้วนับจานวนรวมและเฉลี่ยจานวนหน้าต่อคน/ครอบครัว ให้รางวัลคร อบคึรัวนักอ่าน การให้นักเรียนตรวจสอบทักษะการอ่านของรุ่นน้อง หรือญาติ ที่เรียนในระดับ ป.3-6 แล้วหาทางช่วยพัฒนาทักษะ 4. กิจกรรมระดับศูนย์พัฒนาวิชาการ/กลุ่มโรงเรียน/เครือข่ายโรงเรียน การจัดตั้งชมรมครูรายกลุ่มสาระ การสัมมนาสรุปผลงานการสอนในรอบภาคเรียนที่ 2 และความพร้อมในการสอนเทอมต้น เมื่อจบเทอมต้น ก็สัมมนาสรุปผลการจัดการเรียนการสอนเทอมต้น และ ความพร้อมในการสอนเทอมปลาย...โดยสรุป สัมมนาปีละ อย่างน้อย 2 ครั้ง เป็นการสร้าง PLC(Professional Learning Community) การจัดทาฐานข้อมูลผลงานทางวิชาการ Best Practices รายกลุ่มสาระ (จัดทาเป็นฐานข้อมูลผ่านเว็บไซต์) กาหนดเป้าหมายค่าเฉลี่ยผลการทดสอบระดับกลุ่มสาระ พร้อม SD- ความแตกต่างระหว่างโรงเรียน(ต้องน้อย) 5. กิจกรรมเตรียมความพร้อมก่อนสอบ 6 เดือน จาเป็นต้องใช้การติวเข้มเป็นรายกลุ่มสาระ การสอบ Pre O-NET ให้นักเรียนแต่ละคนตั้งเป้าว่า ในการสอบรอบนี้ จะพยายามทาคะแนนให้สูงกว่าค่าเฉลี่ยระดับประเทศกี่วิชา อะไรบ้าง การจัดกลุ่มเด็กเป็นกลุ่ม ๆ เช่น เด็กที่สอบตรงได้แล้วจับคู่กับเด็กที่ยังไม่ได้ แล้วร่วมกันทบทวนและตั้งเป้าหมายในการสอบ O- NET โดยค่าเฉลี่ยของกลุ่มต้องสูง การกระจายต่า
- 4. ให้เด็ก ม.1 ม.2 ม.4 หรือ ม.5 หรือ ป.4 5 ได้มีโอกาสรับทราบเป้าหมายที่โรงเรียนกาหนดและเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ 1-3 ปี ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ได้เสนอให้ "ให้ความสาคัญในเรื่องต่อไปนี้" การเร่งรัดพัฒนาคุณภาพครู คุณลักษณะด้านความมุ่งมั่นในการเป็นครู หรือ จิตวิญญาณครู ปฏิรูปกระบวนการสอน เสริมแรงเชิงบวก ด้วยการยกย่องเชิดชูเกียรติครู อย่างต่อเนื่อง ความพร้อมในการเรียนของนักเรียน..การเตรียมความพร้อมในทุกกรณี ถูกใ