ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
จริยธรรมในโลกของข้ อมูล
        คาว่าจริ ยธรรมเป็ นคาที่มีความหมายกว้างแม้กระทังในด้านคอมพิวเตอร์ ก็มีการกล่าวถึงในเรื่ อง
                                                         ่
จริ ยธรรมเช่นกัน ในที่น้ ีจะกล่าวถึงจริ ยธรรม ในความหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลและสารสนเทศในประเด็น
ต่างๆ ดังนี้
                                                 ่
        1. ความเป็ นส่ วนตัว เมื่อข้อมูลปรากฏอยูในโลกออนไลน์มากขึ้น ทาให้การรวบรวมข้อมูล การ
เข้าถึง การค้นหา และการแบ่งปั นข้อมูลส่ วนบุคคลเป็ นเรื่ องที่สามารถทาได้ง่ายและเร็ วขึ้น ทาให้ขอมูล
                                                                                                 ้
บางประเภทที่ มี ความเป็ นส่ วนตัวสู ง เช่ น เลขประจาตัวประชาชน วันเดื อนปี เกิ ด หมายเลข
โทรศัพท์มือถือ ข้อมูลประวัติการรักษา อาจรั่วไหลไปสู่ สาธารณะได้ บางครั้งข้อมูลส่ วนตัวเหล่านี้ อาจถูก
นาไปใช้โดยผิดวัตถุประสงค์ของเจ้าของข้อมูล เช่ น ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์มือถื อซึ่ งถู กเก็บไว้โดย
สถานพยาบาล อาจรั่วไหลไปสู่ บริ ษทที่มีการประชาสัมพันธ์การขายผ่านโทรศัพท์มือถือ อาจทาให้เจ้าของ
                                     ั
หมายเลขโทรศัพท์น้ น ถูกรบกวนโดยไม่ได้ต้ งใจ เป็ นต้น
                    ั                         ั




                             การรบกวนความเป็ นส่ วนตัวโดยใช้ โทรศัพท์มือถือ

           ก่อนจะเผยแพร่ ขอมูลทุกครั้ง ต้องคานึ งถึ งข้อมูลที่มีความเป็ นส่ วนตัว ผลเสี ยจากการเผยแพร่
                          ้
ข้ อ มู ล เหล่ า นี้  อาจย้ อ นกลั บ มาสร้ า งความเดื อ ดร้ อ นให้ ก ั บ ตนเองหรื อผู ้ที่ เ กี่ ย วข้ อ งได้ ใ น
อนาคต เช่น นักเรี ยนโพสต์รูปของตนเองและ เพื่อนไว้ในเว็บไซต์เครื อข่ายทางสังคม แต่เพื่อนของ
นักเรี ยนอาจได้รับผลกระทบจากรู ปนั้นก็เป็ นได้
ตัวอย่ างการกาหนดสิ ทธิ์ในการเข้ าถึงข้ อมูลของผู้ใช้ แต่ ละกลุ่ม

         ในบางกรณี ก ารไม่เปิ ดเผยข้อมู ลอาจเป็ นประโยชน์ต่อผูใช้ได้ เช่ น ในการปรึ กษาเกี่ ย วกับ
                                                                    ้
การแพทย์ เรื่ องความผิดปกติ ทางเพศ หรื อการเป็ นโรคติ ดต่อร้ ายแรง หากต้องเปิ ดเผยข้อมูลจริ ง
เหล่านี้ การใช้นามแฝงแทนจะเป็ นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการแลกเปลี่ยนข้อมูล แต่กรณี เหล่านี้ จะไม่
สามารถทาได้ในเว็บไซต์ท่ีกาหนดให้กรอกข้อมูลจริ ง เพื่อสมัครใช้บริ การ
                                                                                 ั
         2. สิ ทธิ์ในการเข้ าถึงข้ อมูล เพื่อเป็ นการรักษาความปลอดภัยให้กบข้อมูล ในการเก็บข้อมูลใน
ฐานข้อมูลจะมีการกาหนดสิ ทธิ์ ในการในการเข้าถึงข้อมูลของผูใช้แต่ละกลุ่ม โดยระบบจะอนุญาตให้ผใช้
                                                                  ้                                          ู้
คนหนึ่ งเข้าถึงข้อมูลต้องมีการตรวจสอบว่า จะให้ใช้ขอมูลใดได้บาง หรื อไม่มีสิทธิ์ ในการเข้าถึงข้อมูล
                                                            ้         ้
ใดบ้าง ตัวอย่างเช่น พนักงานแผนกการเงินซึ่ งสามารถเข้าถึงข้อมูล เงินเดือน ไม่ควรได้สิทธิ์ ในการเข้าถึง
ข้อมูลประวัติส่วนตัวของพนักงานทัวไปได้ เป็ นต้น
                                         ่
         หากการเข้าใช้ระบบเพื่อการเข้าถึงข้อมูลเป็ นส่ วนหนึ่งของเรื่ องสิ ทธิ์ ในการเข้าถึงข้อมูล ดังนั้นสิ ทธิ์
                             ่
ในการใช้ระบบก็จะจัดอยูในเกณฑ์ขอนี้ ดวย โดยปกติแล้วการเข้าถึงระบบใดๆ นั้น ผูใช้จะต้องได้รับการ
                                           ้ ้                                             ้
อนุญาตจากผูดูแลระบบ (system administration) ซึ่ งมีหน้าที่คอยดูแล บารุ งรักษาระบบให้สามารถทางาน
               ้
ได้เป็ นปกติ การเข้าถึ งข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุ ญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทา
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่ งมีผลบังคับใช้ต้ งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2550 เป็ นต้นมา มี
                                                                ั
ความผิดที่เกี่ยวข้องกับเรื่ องของสิ ทธิ์ ในการเข้าถึงข้อมูลหลายข้อ ยกตัวอย่างเช่น
         มาตรา 5 ผูใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่ งระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้ องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและ
                      ้
มาตรการนั้นมิ ได้มีไ ว้ส าหรั บตน ต้องระวางโทษจาคุ ก ไม่ เกิ นหกเดื อน หรื อปรั บไม่เกิ นหนึ่ ง หมื่ น
บาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา 7 ผูใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้ องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และ
                     ้
มาตรการนั้นมิได้มีไว้สาหรับตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี หรื อปรับไม่เกินสี่ หมื่นบาท หรื อทั้งจา
ทั้งปรับ
         นอกจากนี้ยงมีการระบุความผิดที่เกี่ยวข้องกับการดักรับข้อมูลซึ่ งเดินทางอยูในระบบเครื อข่าย โดย
                       ั                                                          ่
การดักรับนี้ไม่ได้รับอนุญาต ก็มีความผิดเช่นกัน




        มาตรา 8 ผูใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิ กส์ เพื่อดักรับไว้ ซึ่ ง
                    ้
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ของผูอื่นอยู่ระหว่างการส่ งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์ น้ นมิได้มีไว้
                       ้                                                               ั
เพื่อประโยชน์สาธารณะหรื อเพื่อให้บุคคลทัวไปใช้ประโยชน์ได้ตองระวางโทษจาคุกไม่เกิ นสามปี หรื อ
                                          ่                 ้
ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
จะเห็ นได้ว่า จากตัวอย่างของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาผิดเกี่ ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.
2550 นั้น การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ของผูอื่นโดยไม่ได้รับอนุ ญาต มีความผิดทั้งจาคุกและปรับ ดังนั้น
                                                ้
ทุกคนต้องพึงระวังการใช้คอมพิวเตอร์ และการเข้าใช้งานเครื อข่าย แม้ว่าการกระทาบางอย่างอาจไม่ใช่
ความผิดขั้นร้ ายแรงถึ งกับมีโทษจาคุ กหรื อปรับเงิน แต่การกระทาการใดๆบนเครื่ องคอมพิวเตอร์ ของเรา
นั้น อาจก่อความราคาญหรื อรบกวนการใช้เครื่ องคอมพิวเตอร์ ของผูอื่นได้เช่นกัน
                                                                 ้
        3. ทรั พย์ สินทางปัญญา ในกระบวนการผลิตโปรแกรม ระบบปฏิบติการ รู ปภาพเพลง หรื อ
                                                                           ั
หนังสื ออิเล็กทรอนิกส์ จาเป็ นต้องใช้ตนทุนสู ง และใช้เวลาในการผลิตยาวนาน แต่เมื่อสิ่ งเหล่านี้ ปรากฏอยู่
                                      ้
ในรู ป แบบของข้อ มู ล ดิ จิ ท ัล ผูใ ช้ค นอื่ น ๆ สามารถท าซ้ า และน าไปใช้โ ดยไม่ ไ ด้จ่ า ยเงิ น ให้ ก ับ
                                   ้
ผูผลิต ก่อให้เกิ ดความเสี ยหายทางธุ รกิจกับเจ้าของข้อมูล ผูใช้จึงต้องพิจารณาขอบเขตของสิ ทธิ์ ที่ตนเอง
  ้                                                        ้
ได้รับในข้อมูลดังกล่าว และเป็ นการสมควรหรื อไม่ที่จะดาวน์โหลดและแจกจ่ายข้อมูลดิจิทลเหล่านั้น
                                                                                       ั




         นอกจากนี้การนาข้อความหรื อรู ปภาพจากสื่ ออินเตอร์ เน็ตมาใช้ จะต้องมีการอ้างอิงแหล่งข้อมูลให้
ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น การคัดลอกข้อความหรื อรู ปภาพจากเว็บประกอบในการทารายงาน โดยไม่อางอิง        ้
แหล่งที่มา ถือเป็ นการกระทาที่ผดอย่างรุ นแรงตามหลักจริ ยธรรมสากลของการนาข้อมูลไปใช้
                               ิ
ตัวอย่าง การคัดลอกข้ อความหรือรู ปภาพจากเว็บประกอบในการทารายงาน โดยไม่ อ้างอิงแหล่ งทีมา
                                                                                         ่

                                                                                                 ่
          จะเห็นว่า ข้อมูล สารสนเทศ และความรู ้ เป็ นสิ่ งที่มีประโยชน์และมีมูลค่า ถึ งแม้วาสิ่ งต่างๆ
เหล่านี้ จะไม่ได้รับการตีราคาออกมาเป็ นจานวนเงิน แต่ผที่มีขอมูล สารสนเทศ และความรู้ รวมถึงมี
                                                              ู้ ้
วิธีการจัดการกับสิ่ งเหล่านี้ ได้ดีกว่า ย่อมสามารถบริ หารงานภายในองค์กร และสามารถแข่งขันกับโลก
ภายนอกได้เป็ นอย่างดี
          ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การนาข้อมูลมาใช้ประโยชน์ รวมถึงการเลือกใช้เครื่ องมือที่
เหมาะสม เป็ นสิ่ งที่ควรรู ้ และเป็ นทักษะที่ตองฝึ กฝน ซึ่ งในปั จจุบนเครื่ องมือทางด้านสารสนเทศ เพื่อการ
                                              ้                      ั
เก็บรวบรวม ประมวลผล รวมถึงแสดงข้อมูลและสารสนเทศเหล่านี้ มีให้ใช้ได้อย่างหลากหลาย ควร
                                                       ่
เลือกใช้ให้ถูกต้อง และมีจริ ยธรรม ควรพิจารณาให้ดีวา การใช้เครื่ องมือข้อความ รู ปภาพใดๆ ที่ได้มาควร
ปฏิบติอย่างไรจึงจะถูกกฎหมาย และจริ ยธรรม รวมทั้งไม่สร้างความเดือดร้อน ราคาญให้แก่ผอื่น จากการ
        ั                                                                                     ู้
ใช้ส่ิ งเหล่านั้น
เกร็ดหน้ ารู้
                ทรัพย์สินทางปัญญา แบ่ งเป็ น 3 ประเภท ได้ แก่
                ลิขสิ ทธิ์ (copyright) หมายถึง สิ ทธิ์ แต่ผเู ้ ดียวที่กฎหมายรับรองให้ผสร้างสรรค์กระทาการ
                                                                                                   ู้
    ใดๆ เกี่ยวกับงานที่ตนได้ทาขึ้น อันได้แก่ สิ ทธิ์ ที่จะทาซ้ า ดัดแปลง หรื อนาออกโฆษณา ไม่วาใน                     ่
    รู ป ลัก ษณะอย่า งใดหรื อวิธี ใด รวมทั้งอนุ ญาตให้ผูอื่นนางานนั้นไปใช้ด้วย สาหรับโปรแกรม
                                                                   ้
    คอมพิวเตอร์ หรื อซอฟต์แวร์ ถือเป็ นงานที่เข้าข่ายที่มีลิขสิ ทธิ์
                เครื่องหมายการค้ า (trademark) ใช้สัญลักษณ์สากล คือ TM หรื อ ® หมายถึง เครื่ องหมาย
    ที่ ใ ช้หรื อ จะใช้เป็ นเครื่ อ งหมายเกี่ ย วข้องกับ สิ นค้า เพื่ อแสดงว่า สิ น ค้า ที่ ใ ช้เครื่ องหมายของเจ้า ของ
    เครื่ องหมายการค้านั้น แตกต่างกับสิ นค้าที่ใช้เครื่ องหมายของบุคคลอื่น โดยสัญลักษณ์อาจจะประกอบ
    ไปด้วย ชื่อ ข้อความ วลี สัญลักษณ์ ภาพ งานออกแบบ
                สิ ทธิบัตร (patent) หมายถึง สิ ทธิ์ พิเศษที่กฎหมาบบัญญัติให้เจ้าของสิ ทธิ บตรมีสิทธิ์ แต่เพียงผู ้
                                                                                                        ั
    เดี ย ว ในการแสวงหาประโยชน์จากการประดิ ษ ฐ์หรื อการออกแบบผลิ ตภัณฑ์ที่ ไ ด้รับสิ ทธิ บตร                           ั
    นั้น เช่น การผลิตและจาหน่าย เป็ นต้น
                ส าหรั บ การละเมิ ดสิ ท ธิ์ ไม่ ว่า จะเป็ นการคัดเลื อกหรื อผลิ ตซ้ า เกี่ ย วกับ ทรั พ ย์สิ นทางปั ญญา
    ทั้ง 3 ประเภทนี้ถือว่าเป็ นการกระทาผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติ

ตัวอย่างการใช้ สัญลักษณ์เพือบอกข้ อกาหนดของการใช้ สื่อ
                           ่
         สั ญลักษณ์                                       ความหมาย
                             อนุญาตให้ใช้ ดัดแปลง ทาสาเนา และเผยแพร่ ได้ โดยต้องอ้างถึงเจ้าของ
                             ผลงาน
                             อนุ ญาตให้ใ ช้ ดัดแปลง ทาส าเนา และเผยแพร่ ไ ด้ โดยต้องอ้างถึ งเจ้าของ
                             ผลงานและ ถ้ามีการแก้ไขต้นฉบับต้องอ้างถึงสัญญาเดิม
                             อนุ ญาตให้ใ ช้ ดัดแปลง ทาส าเนา และเผยแพร่ ไ ด้ โดยต้องอ้างถึ งเจ้าของ
                             ผลงานและห้ามใช้ทางการค้า
                             อนุ ญาตให้ใ ช้ ดัดแปลง ทาส าเนา และเผยแพร่ ไ ด้ โดยต้องอ้างถึ งเจ้าของ
                             ผลงานและห้ามมีการแก้ไขต้นฉบับ

    เกร็ดน่ ารู้ ครีเอทีฟคอมมอนส์ (Creative Common:CC)
                                                                                       ่
               เป็ นองค์กรที่จดตั้งขึ้นเพื่อให้การใช้ และเผยแพร่ สื่อต่างๆ มีความยืดหยุนมากขึ้น ทาให้การ
                              ั
    ใช้สื่อมี อิสระโดยยังคงรักษาสิ ทธิ์ ของเจ้าของผลงาน บุคคลอื่ นสามารถใช้และเผยแพร่ สื่อได้ตาม
    เงื่ อนไขที่เจ้าของผลงานกาหนด เช่ น ต้องระบุที่มาของสื่ อ (Attribution:by) ห้ามใช้ทางการค้า
    (Noncommercial:nc) ห้ามแก้ไขต้นฉบับ (No Derivative work:nd) ถ้ามีการแก้ไขต้นฉบับต้องอ้าง
    ถึงสัญญาเดิม (ShareAlike: sa)

More Related Content

จริยธรรมในโลกྺองข้อมูล

  • 1. จริยธรรมในโลกของข้ อมูล คาว่าจริ ยธรรมเป็ นคาที่มีความหมายกว้างแม้กระทังในด้านคอมพิวเตอร์ ก็มีการกล่าวถึงในเรื่ อง ่ จริ ยธรรมเช่นกัน ในที่น้ ีจะกล่าวถึงจริ ยธรรม ในความหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลและสารสนเทศในประเด็น ต่างๆ ดังนี้ ่ 1. ความเป็ นส่ วนตัว เมื่อข้อมูลปรากฏอยูในโลกออนไลน์มากขึ้น ทาให้การรวบรวมข้อมูล การ เข้าถึง การค้นหา และการแบ่งปั นข้อมูลส่ วนบุคคลเป็ นเรื่ องที่สามารถทาได้ง่ายและเร็ วขึ้น ทาให้ขอมูล ้ บางประเภทที่ มี ความเป็ นส่ วนตัวสู ง เช่ น เลขประจาตัวประชาชน วันเดื อนปี เกิ ด หมายเลข โทรศัพท์มือถือ ข้อมูลประวัติการรักษา อาจรั่วไหลไปสู่ สาธารณะได้ บางครั้งข้อมูลส่ วนตัวเหล่านี้ อาจถูก นาไปใช้โดยผิดวัตถุประสงค์ของเจ้าของข้อมูล เช่ น ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์มือถื อซึ่ งถู กเก็บไว้โดย สถานพยาบาล อาจรั่วไหลไปสู่ บริ ษทที่มีการประชาสัมพันธ์การขายผ่านโทรศัพท์มือถือ อาจทาให้เจ้าของ ั หมายเลขโทรศัพท์น้ น ถูกรบกวนโดยไม่ได้ต้ งใจ เป็ นต้น ั ั การรบกวนความเป็ นส่ วนตัวโดยใช้ โทรศัพท์มือถือ ก่อนจะเผยแพร่ ขอมูลทุกครั้ง ต้องคานึ งถึ งข้อมูลที่มีความเป็ นส่ วนตัว ผลเสี ยจากการเผยแพร่ ้ ข้ อ มู ล เหล่ า นี้ อาจย้ อ นกลั บ มาสร้ า งความเดื อ ดร้ อ นให้ ก ั บ ตนเองหรื อผู ้ที่ เ กี่ ย วข้ อ งได้ ใ น อนาคต เช่น นักเรี ยนโพสต์รูปของตนเองและ เพื่อนไว้ในเว็บไซต์เครื อข่ายทางสังคม แต่เพื่อนของ นักเรี ยนอาจได้รับผลกระทบจากรู ปนั้นก็เป็ นได้
  • 2. ตัวอย่ างการกาหนดสิ ทธิ์ในการเข้ าถึงข้ อมูลของผู้ใช้ แต่ ละกลุ่ม ในบางกรณี ก ารไม่เปิ ดเผยข้อมู ลอาจเป็ นประโยชน์ต่อผูใช้ได้ เช่ น ในการปรึ กษาเกี่ ย วกับ ้ การแพทย์ เรื่ องความผิดปกติ ทางเพศ หรื อการเป็ นโรคติ ดต่อร้ ายแรง หากต้องเปิ ดเผยข้อมูลจริ ง เหล่านี้ การใช้นามแฝงแทนจะเป็ นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการแลกเปลี่ยนข้อมูล แต่กรณี เหล่านี้ จะไม่ สามารถทาได้ในเว็บไซต์ท่ีกาหนดให้กรอกข้อมูลจริ ง เพื่อสมัครใช้บริ การ ั 2. สิ ทธิ์ในการเข้ าถึงข้ อมูล เพื่อเป็ นการรักษาความปลอดภัยให้กบข้อมูล ในการเก็บข้อมูลใน ฐานข้อมูลจะมีการกาหนดสิ ทธิ์ ในการในการเข้าถึงข้อมูลของผูใช้แต่ละกลุ่ม โดยระบบจะอนุญาตให้ผใช้ ้ ู้ คนหนึ่ งเข้าถึงข้อมูลต้องมีการตรวจสอบว่า จะให้ใช้ขอมูลใดได้บาง หรื อไม่มีสิทธิ์ ในการเข้าถึงข้อมูล ้ ้ ใดบ้าง ตัวอย่างเช่น พนักงานแผนกการเงินซึ่ งสามารถเข้าถึงข้อมูล เงินเดือน ไม่ควรได้สิทธิ์ ในการเข้าถึง ข้อมูลประวัติส่วนตัวของพนักงานทัวไปได้ เป็ นต้น ่ หากการเข้าใช้ระบบเพื่อการเข้าถึงข้อมูลเป็ นส่ วนหนึ่งของเรื่ องสิ ทธิ์ ในการเข้าถึงข้อมูล ดังนั้นสิ ทธิ์ ่ ในการใช้ระบบก็จะจัดอยูในเกณฑ์ขอนี้ ดวย โดยปกติแล้วการเข้าถึงระบบใดๆ นั้น ผูใช้จะต้องได้รับการ ้ ้ ้ อนุญาตจากผูดูแลระบบ (system administration) ซึ่ งมีหน้าที่คอยดูแล บารุ งรักษาระบบให้สามารถทางาน ้ ได้เป็ นปกติ การเข้าถึ งข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุ ญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทา ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่ งมีผลบังคับใช้ต้ งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2550 เป็ นต้นมา มี ั ความผิดที่เกี่ยวข้องกับเรื่ องของสิ ทธิ์ ในการเข้าถึงข้อมูลหลายข้อ ยกตัวอย่างเช่น มาตรา 5 ผูใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่ งระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้ องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและ ้ มาตรการนั้นมิ ได้มีไ ว้ส าหรั บตน ต้องระวางโทษจาคุ ก ไม่ เกิ นหกเดื อน หรื อปรั บไม่เกิ นหนึ่ ง หมื่ น บาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
  • 3. มาตรา 7 ผูใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้ องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และ ้ มาตรการนั้นมิได้มีไว้สาหรับตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี หรื อปรับไม่เกินสี่ หมื่นบาท หรื อทั้งจา ทั้งปรับ นอกจากนี้ยงมีการระบุความผิดที่เกี่ยวข้องกับการดักรับข้อมูลซึ่ งเดินทางอยูในระบบเครื อข่าย โดย ั ่ การดักรับนี้ไม่ได้รับอนุญาต ก็มีความผิดเช่นกัน มาตรา 8 ผูใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิ กส์ เพื่อดักรับไว้ ซึ่ ง ้ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ของผูอื่นอยู่ระหว่างการส่ งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์ น้ นมิได้มีไว้ ้ ั เพื่อประโยชน์สาธารณะหรื อเพื่อให้บุคคลทัวไปใช้ประโยชน์ได้ตองระวางโทษจาคุกไม่เกิ นสามปี หรื อ ่ ้ ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
  • 4. จะเห็ นได้ว่า จากตัวอย่างของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาผิดเกี่ ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 นั้น การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ของผูอื่นโดยไม่ได้รับอนุ ญาต มีความผิดทั้งจาคุกและปรับ ดังนั้น ้ ทุกคนต้องพึงระวังการใช้คอมพิวเตอร์ และการเข้าใช้งานเครื อข่าย แม้ว่าการกระทาบางอย่างอาจไม่ใช่ ความผิดขั้นร้ ายแรงถึ งกับมีโทษจาคุ กหรื อปรับเงิน แต่การกระทาการใดๆบนเครื่ องคอมพิวเตอร์ ของเรา นั้น อาจก่อความราคาญหรื อรบกวนการใช้เครื่ องคอมพิวเตอร์ ของผูอื่นได้เช่นกัน ้ 3. ทรั พย์ สินทางปัญญา ในกระบวนการผลิตโปรแกรม ระบบปฏิบติการ รู ปภาพเพลง หรื อ ั หนังสื ออิเล็กทรอนิกส์ จาเป็ นต้องใช้ตนทุนสู ง และใช้เวลาในการผลิตยาวนาน แต่เมื่อสิ่ งเหล่านี้ ปรากฏอยู่ ้ ในรู ป แบบของข้อ มู ล ดิ จิ ท ัล ผูใ ช้ค นอื่ น ๆ สามารถท าซ้ า และน าไปใช้โ ดยไม่ ไ ด้จ่ า ยเงิ น ให้ ก ับ ้ ผูผลิต ก่อให้เกิ ดความเสี ยหายทางธุ รกิจกับเจ้าของข้อมูล ผูใช้จึงต้องพิจารณาขอบเขตของสิ ทธิ์ ที่ตนเอง ้ ้ ได้รับในข้อมูลดังกล่าว และเป็ นการสมควรหรื อไม่ที่จะดาวน์โหลดและแจกจ่ายข้อมูลดิจิทลเหล่านั้น ั นอกจากนี้การนาข้อความหรื อรู ปภาพจากสื่ ออินเตอร์ เน็ตมาใช้ จะต้องมีการอ้างอิงแหล่งข้อมูลให้ ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น การคัดลอกข้อความหรื อรู ปภาพจากเว็บประกอบในการทารายงาน โดยไม่อางอิง ้ แหล่งที่มา ถือเป็ นการกระทาที่ผดอย่างรุ นแรงตามหลักจริ ยธรรมสากลของการนาข้อมูลไปใช้ ิ
  • 5. ตัวอย่าง การคัดลอกข้ อความหรือรู ปภาพจากเว็บประกอบในการทารายงาน โดยไม่ อ้างอิงแหล่ งทีมา ่ ่ จะเห็นว่า ข้อมูล สารสนเทศ และความรู ้ เป็ นสิ่ งที่มีประโยชน์และมีมูลค่า ถึ งแม้วาสิ่ งต่างๆ เหล่านี้ จะไม่ได้รับการตีราคาออกมาเป็ นจานวนเงิน แต่ผที่มีขอมูล สารสนเทศ และความรู้ รวมถึงมี ู้ ้ วิธีการจัดการกับสิ่ งเหล่านี้ ได้ดีกว่า ย่อมสามารถบริ หารงานภายในองค์กร และสามารถแข่งขันกับโลก ภายนอกได้เป็ นอย่างดี ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การนาข้อมูลมาใช้ประโยชน์ รวมถึงการเลือกใช้เครื่ องมือที่ เหมาะสม เป็ นสิ่ งที่ควรรู ้ และเป็ นทักษะที่ตองฝึ กฝน ซึ่ งในปั จจุบนเครื่ องมือทางด้านสารสนเทศ เพื่อการ ้ ั เก็บรวบรวม ประมวลผล รวมถึงแสดงข้อมูลและสารสนเทศเหล่านี้ มีให้ใช้ได้อย่างหลากหลาย ควร ่ เลือกใช้ให้ถูกต้อง และมีจริ ยธรรม ควรพิจารณาให้ดีวา การใช้เครื่ องมือข้อความ รู ปภาพใดๆ ที่ได้มาควร ปฏิบติอย่างไรจึงจะถูกกฎหมาย และจริ ยธรรม รวมทั้งไม่สร้างความเดือดร้อน ราคาญให้แก่ผอื่น จากการ ั ู้ ใช้ส่ิ งเหล่านั้น
  • 6. เกร็ดหน้ ารู้ ทรัพย์สินทางปัญญา แบ่ งเป็ น 3 ประเภท ได้ แก่ ลิขสิ ทธิ์ (copyright) หมายถึง สิ ทธิ์ แต่ผเู ้ ดียวที่กฎหมายรับรองให้ผสร้างสรรค์กระทาการ ู้ ใดๆ เกี่ยวกับงานที่ตนได้ทาขึ้น อันได้แก่ สิ ทธิ์ ที่จะทาซ้ า ดัดแปลง หรื อนาออกโฆษณา ไม่วาใน ่ รู ป ลัก ษณะอย่า งใดหรื อวิธี ใด รวมทั้งอนุ ญาตให้ผูอื่นนางานนั้นไปใช้ด้วย สาหรับโปรแกรม ้ คอมพิวเตอร์ หรื อซอฟต์แวร์ ถือเป็ นงานที่เข้าข่ายที่มีลิขสิ ทธิ์ เครื่องหมายการค้ า (trademark) ใช้สัญลักษณ์สากล คือ TM หรื อ ® หมายถึง เครื่ องหมาย ที่ ใ ช้หรื อ จะใช้เป็ นเครื่ อ งหมายเกี่ ย วข้องกับ สิ นค้า เพื่ อแสดงว่า สิ น ค้า ที่ ใ ช้เครื่ องหมายของเจ้า ของ เครื่ องหมายการค้านั้น แตกต่างกับสิ นค้าที่ใช้เครื่ องหมายของบุคคลอื่น โดยสัญลักษณ์อาจจะประกอบ ไปด้วย ชื่อ ข้อความ วลี สัญลักษณ์ ภาพ งานออกแบบ สิ ทธิบัตร (patent) หมายถึง สิ ทธิ์ พิเศษที่กฎหมาบบัญญัติให้เจ้าของสิ ทธิ บตรมีสิทธิ์ แต่เพียงผู ้ ั เดี ย ว ในการแสวงหาประโยชน์จากการประดิ ษ ฐ์หรื อการออกแบบผลิ ตภัณฑ์ที่ ไ ด้รับสิ ทธิ บตร ั นั้น เช่น การผลิตและจาหน่าย เป็ นต้น ส าหรั บ การละเมิ ดสิ ท ธิ์ ไม่ ว่า จะเป็ นการคัดเลื อกหรื อผลิ ตซ้ า เกี่ ย วกับ ทรั พ ย์สิ นทางปั ญญา ทั้ง 3 ประเภทนี้ถือว่าเป็ นการกระทาผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติ ตัวอย่างการใช้ สัญลักษณ์เพือบอกข้ อกาหนดของการใช้ สื่อ ่ สั ญลักษณ์ ความหมาย อนุญาตให้ใช้ ดัดแปลง ทาสาเนา และเผยแพร่ ได้ โดยต้องอ้างถึงเจ้าของ ผลงาน อนุ ญาตให้ใ ช้ ดัดแปลง ทาส าเนา และเผยแพร่ ไ ด้ โดยต้องอ้างถึ งเจ้าของ ผลงานและ ถ้ามีการแก้ไขต้นฉบับต้องอ้างถึงสัญญาเดิม อนุ ญาตให้ใ ช้ ดัดแปลง ทาส าเนา และเผยแพร่ ไ ด้ โดยต้องอ้างถึ งเจ้าของ ผลงานและห้ามใช้ทางการค้า อนุ ญาตให้ใ ช้ ดัดแปลง ทาส าเนา และเผยแพร่ ไ ด้ โดยต้องอ้างถึ งเจ้าของ ผลงานและห้ามมีการแก้ไขต้นฉบับ เกร็ดน่ ารู้ ครีเอทีฟคอมมอนส์ (Creative Common:CC) ่ เป็ นองค์กรที่จดตั้งขึ้นเพื่อให้การใช้ และเผยแพร่ สื่อต่างๆ มีความยืดหยุนมากขึ้น ทาให้การ ั ใช้สื่อมี อิสระโดยยังคงรักษาสิ ทธิ์ ของเจ้าของผลงาน บุคคลอื่ นสามารถใช้และเผยแพร่ สื่อได้ตาม เงื่ อนไขที่เจ้าของผลงานกาหนด เช่ น ต้องระบุที่มาของสื่ อ (Attribution:by) ห้ามใช้ทางการค้า (Noncommercial:nc) ห้ามแก้ไขต้นฉบับ (No Derivative work:nd) ถ้ามีการแก้ไขต้นฉบับต้องอ้าง ถึงสัญญาเดิม (ShareAlike: sa)