ݺߣ
Submit Search
โครงงาȨอม1
•
0 likes
•
371 views
Noon Pattira
1 of 5
Download now
Download to read offline
More Related Content
โครงงาȨอม1
1.
แบบฟอร์ มโครงร่ างโครงงาน โครงงาน
แกงฮังเล อาหารทีถูกลืม ่ สาขา เพือการศึกษา ่ ทีมาและความสาคัญของโครงงาน ่ แกงฮังเลเป็ นอาหารพื้นเมืองที่ข้ ึนชื่อของชาวล้านนา ซึ่งนอกจากจะเป็ นอาหารที่มีรสชาติหวานอม เปรี้ ยวอันเป็ นเอกลักษณ์ของอาหารทางภาคเหนือแล้ว แกงฮังเลยังมีบทบาทสาคัญสอดแทรกอยูกบ ่ ั วัฒนธรรมและวิถีชีวตของชาวล้านนาอย่างแยกไม่ออก แกงฮังเลสามารถใช้เป็ นอาหารสาหรับถวาย ิ พระสงฆ์ในวันสาคัญทางศาสนาต่างๆ ใช้เลี้ยงแขกที่มาร่ วมในงานฌาปนกิจศพ และยังเป็ นที่นิยมในการ นามาจัดขันโตกสาหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองมาตั้งแต่อดีต นอกจากนี้ในงานสาคัญต่างๆของชาวล้าน นาน เช่น งานขึ้นบ้านใหม่ งานแต่งงาน หรื องานบวช ก็มกมีแกงฮังเลเป็ นอาหารจานหลักที่นาไปบริ การ ั ั ั ให้กบแขกผูมาร่ วมงาน รวมทั้งแจกจ่ายให้กบเพื่อนบ้านอีกด้วย แต่ในปัจจุบนดูเหมือนจะมีเพียงคนในวัย ้ ั ผูใหญ่ข้ ึนไปเท่านั้นที่เห็นความสาคัญของแกงฮังเล และศึกษาวิธีการทา จนสามารถนาไปใช้ใน ้ ชีวตประจาวันได้ ซึ่ งความสามารถในการทาแกงฮังเลนี้ ไม่ได้ถูกถ่ายทอดให้กบเด็กรุ่ นใหม่เท่าที่ควร ิ ั ั ่ ั เนื่องจากเด็กในยุคปั จจุบนยึดติดอยูกบความรวดเร็ วในการทาสิ่ งต่างๆในชีวต ทาให้การทาอาหาร ิ รับประทานที่ใช้เวลานานเช่นแกงฮังเลไม่เป็ นที่สนใจ จึงเป็ นที่น่ากังวลว่าสักวันแกงฮังเลจะเหลือแต่ชื่อให้ จดจา โครงงานฉบับนี้จึงได้จดทาขึ้นเพื่อศึกษาเอกลักษณ์และวิถีชีวตของคนล้านนา โดยมุ่งเน้นศึกษา ั ิ วิธีการทาแกงฮังเล เพื่อสื บสานวิถีชีวตและเอกลักษณ์ของบรรพบุรุษไปสู่ เด็กรุ่ นใหม่ที่ไม่มีความรู ้ในเรื่ อง ิ ของแกงฮังเล ให้มีความรู ้เพิมขึ้นโดยสามารถนาไปใช้ในชีวตประจาวัน และยังสามารถบอกสอนวิธีการทา ่ ิ แกงฮังเลแก่ลูกหลานเพื่อให้ชนรุ่ นหลังได้อนุ รักษ์สืบต่อไปได้ วัตถุประสงค์ 1. เพื่อเป็ นการรณรงค์ให้เด็กสมัยใหม่หนมาให้ความสาคัญกับแกงฮังเลรวมทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นด้าน ั อื่นๆ 2. เพื่อเป็ นสื่ อการสอนวิธีการทาแกงฮังเล 3. เพื่อปลุกจิตสานึกให้เห็นคุณค่าของแกงฮังเล 4. เพื่อความสัมพันธ์อนแน่นแฟ้ นของคนในครอบครัว ั 5. เพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาพื้นบ้านไม่ให้สูญหาย
2.
หลักการและทฤษฎี
่ แกงฮังเล เป็ นอาหารพื้นเมืองของชาวล้านนาบางแห่งเรี ยกว่า แกงฮินเล หรื อแกงฮันเล อยูมี ๒ ชนิด คือ แกงฮังเลม่าน และแกงฮังเลเชียงแสน เชื่อกันว่าแกงฮังเลเป็ นอาหารที่ชาวล้านนาได้รับอิทธิ พลมาจาก พม่าในครั้งอดีต เนื่องจากอาณาจักรล้านนาซึ่ งมีเมืองเชียงใหม่เป็ นราชธานีมีภาษา มีหนังสื อ มีวฒนธรรม ั และประเพณี เป็ นของตนเอง เคยถูกปกครองในฐานะรัฐบรรณาการของราชอาณาจักรตองอู ราชอาณาจักร อยุธยาและราชอาณาจักรอังวะมาก่อน วิธีทาแกงฮังเล - วัตถุดิบ 1. หมูเนื้ อแดง 500 กรัม 2. สามชั้นแบบไม่ติดมันมาก 500 กรัม 3. พริ กแกง 2 ช้อนโต๊ะ 4. ผงฮังเล 1 ซอง 5.กระเทียม 10 กลีบ 6.หอมแดง 5 หัว 7.ถัวลิสงคัว 50 กรัม ่ ่ 8.ขิงซอย 50 กรัม 9. น้ ามะขามเปี ยก 1 ช้อนโต๊ะ 10.น้ าตาลปี๊ บ 1 ช้อนโต๊ะ 11.ซี อิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ 12.ซี อิ้วดา 1 ช้อนชา - เครื่องปรุ ง: 1.พริ กแกง 2.ผงฮังเล 3.กระเทียม 4.หอมแดง 5.ถัวลิสงคัว ่ ่ 6.ขิงซอย 7.น้ ามะขามเปี ยก 8.น้ าตาลปิ๊ บ 9.ซี อิวขาว ้ 10.ซี อิ้วดา ขั้นตอนการปรุ ง 1. นาหมูมาหันเป็ นชิ้นสี่ เหลี่ยมหนาประมาณ 2 นิ้ว ่
3.
2. นาผงฮังเลแบ่งครึ่ งซอง
พริ กแกง ซี อิ้วดา ซี อิ้วขาว น้ าตาลปี๊ บใส่ ลงไปในหมูที่หนแล้ว คลุกเคล้าให้เข้ากัน ั่ หมักทิงไว้ประมาณ 30 นาที ้ 3. ปอกกระเทียม หอมแดงปอกเปลือกแล้วผ่าครึ่ ง ขิงซอยเป็ นเส้นเล็กๆ 4. นาหมูที่หมักเครื่ องแกงฮังเลแล้ว ใส่ หม้อ ผัดให้หอมแล้วเติมน้ าลงไปให้ท่วมเนื้อหมู ใช้ไฟอ่อนเคี่ยวจน หมูสุกและเปื่ อยและน้ าแห้งลงพอขลุกขลิก 5. พอหมูสุก ก็นา กระเทียม หอมแดง ขิงซอย ถัวลิสง ใส่ ลงไป ปรุ งรสด้วยน้ ามะขามเปี ยก น้ าตาล ซี อิวขาว ่ ้ ให้มีรสชาติเปรี ยวหวานนิดหน่อย ตั้งไฟอีกสักพัก ก็ยกลงพร้อมเสิ ร์ฟ หมายเหตุ -ในขั้ นตอนสุ ดท้ายให้ใส่ ไข่ตมลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติให้แกงฮังเล ้ สรรพคุณทางยา 1. ขิง รสหวานเผ็ดร้อน แก้ลมจุกเสี ยด แก้เสมหะ บารุ งธาตุ แก้คลื่นเหียนอาเจียน 2. สับปะรด รสหวานเปรี้ ยวเล็กน้อย ช่วยขับปั สสาวะ 3. กระเทียม รสเผ็ดร้อน ขับลมในลาไส้ แก้ไอขับเสมหะช่วยย่อยอาหาร แก้โรคผิวหนัง น้ ามัน กระเทียมมี ฤทธิ์ ยบยั้งการเจริ ญของเชื้ อรา แบคทีเรี ย และไวรัส ลดน้ าตาลในเลือด ลดไขมันในหลอดเลือด ั 4. มะขามเปี ยก รสเปรี้ ยว ขับเสมหะ แก้ทองผูก แก้ไอ ลดความร้อนในร่ างกาย ้ 5. พริ ก รสเผ็ดร้อน ช่วยขับลม ช่วยย่อยอาหาร 6. ตะไคร้ แก้ปวดท้อง ขับปั สสาวะ บารุ งธาตุ ช่วยเจริ ญอาหาร และขับเหงื่อ 7. หอมแดง รสเผ็ดร้อน แก้ไข้เพื่อเสมหะ บารุ งธาตุ แก้ไข้หวัด คุณค่ าทางโภชนาการ แกงฮังเล 1 ชุด ให้พลังงานต่อร่ างกาย 3740 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย - น้ า 1268.5 กรัม - โปรตีน 266.9 กรัม - ไขมัน 261.6 กรัม - คาร์ โบไฮเดรต 80.1 กรัม - กาก 3.7 กรัม - ใยอาหาร 3.6 กรัม - แคลเซียม 1462.8 มิลลิกรัม - ฟอสฟอรัส 810.3 มิลลิกรัม
4.
- เหล็ก 35.2
มิลลิกรัม - เบต้า-แคโรทีน 3 ไมโครกรัม - วิตามินเอ 3584.1 IU - วิตามินบีหนึ่ง 92.95 มิลลิกรัม - ไนอาซิน 76.25 มิลลิกรัม - วิตามินซี 60.15 มิลลิกรัม คายามศัพท์เฉพาะ แกงฮังเล หรื อ แกงฮินเล เป็ นอาหารไทยประเภทแกงรสชาติเค็ม - เปรี้ ยว แกงฮังเลมีตนกาเนิดจาก ้ ประเทศพม่า โดยคาว่า "ฮิน" ในภาษาพม่า หมายถึง แกง และ "เล" ในภาษาพม่า หมายถึง เนื้อสัตว์ แกงฮังเล ได้รับความนิยมจากชาวไทยภาคเหนือและแคว้นสิ บสองปันนาประเทศจีน ขั้นตอนการดาเนินงาน 1. ประชุมระดมความคิดหาหัวข้อโครงงาน 2.ค้นคว้ารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแกงฮังเล 3.ทาเป็ นรู ปเล่มฉบับโครงร่ างส่ งครู ที่ปรึ กษา 4.ปรับปรุ งแก้ไข 5.ลงมือปฏิบติกิจกรรมที่วางไว้ในโครงงาน ั 6.รวบรวมเป็ นรู ปเล่มสมบรู ณ์ส่งครู ที่ปรึ กษา แผนการปฏิบัติงาน D/M/Y รายการปฏิบติงาน ั กิจกรรมที่ทา หมายเหตุ เลือกรู ปแบบและ ช่วยกันเสนอความคิด 3 ต.ค 55 หัวข้อโครงงาน เห็นเกี่ยวกับโครงงาน ว่าจะเอาหัวข้อใด -ช่วยกันคิดหลักการ และเหตุผลที่เลือก หัวข้อนี้ 10 ต.ค. 55 เริ่ มปฏิบติโครงงาน ั -แบ่งกันหาข้อมูล ต่างๆ
5.
-ปรึ กษาหารื อและนัด
เวลาปฏิบติจริ ง ั 17 พ.ค. 55 ส่ งให้ครู พจารณา ิ เขียนข้อมูลและการ ความคืบหน้า ปฏิบติให้ครู ดูอย่าง ั คร่ าวๆ 23 พ.ค. 55 ปฏิบติโครงงาน ั นาข้อที่ครู ช้ ีแนะมา (เพิ่มเติม) แก้ไขให้เรี ยบร้อย 19 ธ.ค. 55 ส่ งให้ครู ตรวจสอบ นางานที่แก้ไขแล้วมา ความเรี ยบร้อย ให้ครู ตรวจสอบอีก ครั้ง -ทารายงานไปเข้าเล่ม ให้ทาเป็ นเอกสาร ทาโครงงานเป็ นรู ปล่ม -ไลท์ขอมูลลงแผ่น ้ ขนาด A5 (พิมพ์จาก 5 ม.ค. 55 และบันทึกข้อมูลลง A4 ไม่เกิน 2 แผ่น แบ่ง แผ่น CD ซ้ายขวา แย็บสันกลาง ปกหลังในติดซองซีดี ที่เป็ นพลาสติก) 28 ม.ค. 55 ส่ งงาน (ทั้งรู ปเล่มและ นาเสนอผลงานและส่ ง นามาส่ งด้วยตนเอง ซีดี + เสนอผลงาน) งานทั้งหมด (สมาชิกครบทุกคนมา ด้วย) ผลทีคาดว่าจะได้ รับ ่ โครงงานนี้คาดหวังจะให้คนรุ่ นหลังอนุรักษ์อาหารที่เป็ นอาหารพื้นเมืองของเรา ซึ่ งแกงฮังเลนั้นเป็ น ่ ่ อาหารที่มกจะอยูในชีวตประจาวันของเราเสมอโดยเฉพาะเมื่อมีงานต่างๆไม่วาจะเป็ นงานกุศลหรื ออกุศลจึง ั ิ อยากจะให้คนรุ่ นหลังนั้นสามารถอนุ รักษ์และทาอาหารชนิดนี้เป็ น อีกทั้งยังทาให้เห็นความสาคัญของ อาหารพื้นเมืองอีกด้วย เอกสารอ้างอิง ขอขอบคุณข้อมูลจาก -http://fernfang.blogspot.com/2009/09/blog-post_7309.html -http://kimleng.net/%E0%B8%AA%E0%B8% -http://th.openrice.com/recipe/detail.htm?recipeid=1656
Download