ݺߣ
Submit Search
เทคโนโลยีสารสนเทศ บทที่ 1
•
Download as PPTX, PDF
•
2 likes
•
501 views
N
Nuttapoom Tossanut
Follow
เทคโนโลยีสารสนเทศ บทที่ 1
Read less
Read more
1 of 26
Download now
Downloaded 19 times
More Related Content
เทคโนโลยีสารสนเทศ บทที่ 1
1.
บทที่ 1 เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร
2.
ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีบทบาทมาก เช่น
มีการใช้ คอมพิวเตอร์ในการทางาน ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อสืบค้นข้อมูล หรือรับส่งข้อมูลระหว่างกัน ตลอดใช่ โทรศัพท์เครื่องที่(mobile phone) หรือโทรศัพท์มือถือในการติดต่อสื่อสารองค์กรทั้งภาครัฐและ เอกชนได้นาเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารเข้ามาใช้งานในทุกระดับชั้นขององค์กร คาว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ ( Information Technology: IT )เรียกย่อว่า"ไอที" ประกอบด้วยคาว่า"เทคโนโลยี" และคาว่า"สารสนเทศ" นามาร่วนกันเป็ น"เทคโนโลยีสารสนเทศ" และคาว่าเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ( Information and Communication Technology: ICT ) หรือเรียกย่อว่า"ไอซีที"ประกอบด้วยคาที่มีความหมายดังนี้ ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html
3.
เทคโนโลยี่( Technology
) หมายถึง การนาความมรู้ด้านวิทยาศาสตร์ มาประยุกต์ในการพัฒนาเครื่องมือ เครื่องใช้ อุปกรณ์ วิธีการและกระบวนการ สารสนเทศ( Information ) หมายถึง ผลลัพธ์ที่เกดจากการนาข้อมูลมา ผ่านกระบวนการต่างๆ อย่างมีระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การนาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มา ประยุกต์ใช้เพื่อสร้างหรือจัดการสารสนเทศอย่างเป็ นระบบและรวดเร็ว โดยอาศัย เทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตามแผ่นแม่บท เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารประเทศไทย พ.ศ. 2545-2549 หมายถึง เทคโนโลยี เกี่ยวข้องกับข่าวสารข้อมูล และการสื่อสารนับตั้งแต่การสร้าง การนามาวิเคราะห์หรือ การประมวลผล อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
4.
ระบบสารสนเทศ เป็
นระบบที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทางานโดยใช่เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร ระบบสารสนเทศประกอบด้วย ฮาร์ดแวร์ ( hardware ) หมายถึง ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ เช่น คีย์บอร์ด ( keyboand ) เมาส์ ( mouse ) จอภาพ ( monitor ) เป็ นต้น รวมทั้งอุปกรณ์สื่อสารสาหรับ เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าเป็ นเครือข่าย เช่น โมเ็็ด็ม ( modem ) และ สายสัญญาณ อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
5.
ชอฟต์แวร์ ( soflware
) หมายถึง โปรแกรมหรือชุดคาสั่ง ( instruction ) ที่ใช่ควบคุมการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ชุดคาสั่งจะ ถูกแบ่งออกเป็ น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
6.
ซอฟต์แวร์ระบบ (
system software ) หมายถึงชุดคาสั่งที่ทาหน้าที่ ควบคุมการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ และทาหน้าที่เป็ น ตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ระบบแบ่งออกเป็ น ระบบปฏิบัติการ ( Operating System: OS ) เป็ นซอฟต์แวร์ที่ทาหน้าที่ ควบคุมการทางานของอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ทั้งหมดภายในคอมพิวเตอร์ ตัวอย่าง ระบบปฏิบัติการ เช่น วินโดวส์( Windowns ) ลินุกซ์ ( Linux ) และ แมคโอเอส ( Mac OS ) โปรแกรมอรรถประโยชน์ ( utilities program ) เป็ นโปรแกรมที่ช่วย เสริมการทางานของคอมพิวเตอร์ หรือช่วยเสริมการทางานอื่นๆให้มีความสามารถใช่ วานได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
7.
โปรแกรมขับอุปกรณ์ หรือดีไวซ์ไดร์ฟเวอร์
( device driver ) เป็ น โปรแกรมที่ช่วยในการติดตั้งระบบเพื่อให้คอมพิวเตอรืสามารถติดต่อหรือใช่งานอุปกรณ์ ต่างๆ โปรแกรมแปลภาษา เป็ นโปรแกรมที่ทาหน้าที่แปลโปรแกรมที่เขียนขึ้น ด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูงให้เป็ นรหัสที่อยู่ในรูปแบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถ ทางานได้ ตัวอย่างตัวแปลภาษา เช่น ตัวแปลภาษาจาวา ตัวแปลภาษาซี ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (application software) หมายถึง ชุดคาสั่งที่เขียน ขึ้นเพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทางานตามวัตถุประสงค์เฉพาะอย่าง ซอฟต์แวร์ประยุกต์ อาจเขียนขึ้นโดยใช้โปรแกรม ภาษาคอมพิวเตอร์ เช่น เบสิก (Basic) ปาสคาล (Pascal) โคบอล (Cobol) ซี (C) ซีพลัสพลัส (C++) และจาวา (Java) อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
8.
ข้อมูล (data)
ข้อมูลจะถูกรวบรวมและป้ อนเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ โดยผ่านอุปกรณ์ของหน่วยรับเข้า เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ และสแกนเนอร์ (scanner) ข้อมูลต้องมีโครงสร้างในการจัดเก็บที่เป็ นระบบเพื่อการสืบค้นที่รวดเร็วและมี ประสิทธิภาพ ข้อมูลจะถูกจัดเก็บอยู่ในหน่วยความจา (memory unit) ก่อนที่จะถูกย้าย ไปเก็บที่หน่วยเก็บข้อมูล (storage unit) เช่น ฮาร์ดดิสก์ และแผ่นซีดี (Compact Disc: CD) บุคลากร (people)บุคลากรเป็ นองค์ประกอบที่สาคัญที่สุดของระบบ สารสนเทศ ในที่นี้หมายถึงบุคลากรที่เป็ นผู้ใช้ระบบสารสนเทศ ดังรูปที่ 1.11 บุคลากรที่ เป็ นผู้พัฒนาระบบสารสนเทศ จะต้องมีความรู้ความสามารถในการพัฒนาระบบ สารสนเทศให้มีประสิทธิภาพให้สามารถทางานได้ตามความต้องการของผู้ใช้ใช้ง่ายและ สะดวก ส่วนผู้ใช้ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และมีความสามารถในการใช้งานระบบ สารสนเทศและการสื่อสารต่างๆ ได้อย่างถูกต้องจึงจะเกิดสารสนเทศที่เป็ นประโยชน์ อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
9.
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน (procedure)
ระบบสารสนเทศต้องมีขั้นตอนการ ปฏิบัติงานที่เป็ นลาดับขั้นชัดเจน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจได้ง่าย และดาเนินงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในสถานการณ์ปกติและสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ขั้นตอนการ บันทึกข้อมูล ขั้นตอนการทาสาเนาข้อมูล ขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อข้อมูลได้รับความ เสียหาย หรือเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ เกิดการชารุดเสียหาย ขั้นตอน ต่างๆ เหล่านี้ควรได้รับการรวบรวมและจัดทาให้เป็ นรูปเล่ม อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
10.
ด้านการศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารถูกนามาใช้เพื่ออานวยความ สะดวกในการบริหารด้านการบริหารด้านการศึกษา
เช่น ระบบการลงทะเบียน และระบบการจัด ตารางสอน นอกจากนี้ยังใช้เป็ นเครื่องมือในการเพิ่มโอกาสทางด้านการศึกษาและเพิ่มประสิทธิภาพ การเรียนการสอน ด้านการแพทย์และสาธารณสุข เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารถูกนามาใช้เริ่ม ตั้งแต่การทาทะเบียนคนไข้ การรักษาพยาบาลทั่วไป ตลอดจนการวินิจฉัยและรักษาโรคต่างๆได้ อย่างรวดเร็วและแม่นยา นอกจากนี้ยังใช้ในห้องทดลอง การศึกษาและการวิจัยทางการแพทย์ งาน ศึกษาโมเลกุลสารเคมี สามารถค้นคว้าข้อมูลทางการแพทย์ รักษาคนไข้ด้วยระบบการรักษาทางไกล ตลอดเวลาผ่านเครือข่ายการสื่อสาร เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า อีเอ็มไอสแกนเนอร์ (EMI scanner) ถูกนามาถ่ายภาพสมองมนุษย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติในสมอง ประโยชน์และตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html
11.
ด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม เทตโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารถูก นามาใช้ประโยชน์ในด้านเกษตรกรรม
เช่น การจัดทาระบบข้อมูลเพื่อการเกษตรและพยากรณ์ ผลผลิตด้านการเกษตร นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาความก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรม การ ประดิษฐ์หุ่นยนต์เพื่อใช้ทางานบ้าน และหุ่นยนต์เพื่องานอุตสาหกรรมที่ต้องเสี่ยงภัยและเป็ น อันตรายต่อสุขภาพ เฃ่น โรงงานสารเคมี โรงผลิตและการจ่ายไฟฟ้ า รวมถึงงานที่ต้องทาซ้าๆ ด้านการเงินธนาคาร เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารถูกนามาใช้ในด้าน การเงินและการธนาคาร โดยใช้ช่วยด้านการบัญชี การฝากถอนเงิน โอนเงิน บริการสินเชื่อ และเปลี่ยนเงินตรา บริการข่าวสารธนาคาร การใช้คอมพิวเตอร์ด้านการเงินการธนาคารที่รู้จัก และนิยมใช้กันทั่วไป เช่น บริการฝากถอนเงิน การโอนเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ด้านความมั่นคง มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกันอย่าง แพร่หลาย เช่น ใช้ในการควบคุมประสานงานวงจรสื่อสารทหาร การแปลรหัสลับในงานจาร กรรมระหว่างประเทศ การส่งดาวเทียมและการคานวณวิถีโคจรของจรวดไปสู่อวกาศ สานักงาน ตารวจแห่งชาติของประเทศไทยมีศูนย์ประมวลข่าวสาร มีระบบจัดทาทะเบียนปื น ทะเบียน ประวัติอาชญากร ทาให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการสืบค้นข้อมูลเพื่อการสืบสวนคดี ต่างๆ อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html ประโยชน์และตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร
12.
ด้านการคมนาคม มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในส่วน ที่เกี่ยวกับการเดินทาง
เช่น การเดินทางโดยรถไฟ มีการเชื่อมโยงข้อมูลการจองที่นั่งไป ยังทุกสถานี ทาให้สะดวกต่อผู้โดยสาร การเช็คอินของสายการบิน ได้จัดทาเครื่องมือที่ สะดวกต่อลูกค้า ในรูปแบบของการเช็คอินด้วยตนเอง ด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารในการออกแบบ หรือจาลองสภาววการณ์ต่างๆ เช่น การรับแรงสั่นสะเทือน ของอาคารเมื่อเกิดแผ่นดิวไหว โดยการคานวณและแสดงภาพสถานการณ์ใกล้เคียง ความจริง ด้านการพาณิชย์ องค์กรในภาคธุรกิจใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารในการบริหารจัดการ เพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับองค์กร ในการทางาน ทาให้การประสานงานหรือการทากิจกรรมต่างๆ ของแต่ละหน่วยงานใน องค์กรหรือระหว่างองค์กรเป็ นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถ ใช้ปรับปรุงการให้บริการกับลูกค้าทั่วไป สิ่งเหล่านี้นับเป็ นการสร้างโอกาสความ ได้เปรียบในการแข่งขันให้กับองค์กร อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html ประโยชน์และตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร
13.
ด้านอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เมื่อพิจารณา เครือข่ายการสื่อสารทั่วไปจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
เห็นได้ชัดว่ามนุษย์ใช้อุปกรณ์การ สื่อสารแบบพกพามากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากวิทยุเรียกตัว (pager) ซึ่งเป็ นเครื่องรับ ข้อความ มาเป็ นถึงโทรศัพท์เคลื่อนที่ อุปกรณ์สื่สารชนิดนี้ได้ถูกพัฒนาจนสามารถใช้ งานด้านอื่นๆได้ นอกจากการพูดคุยธรรมดา โทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นใหม่สามารถใช้ ถ่ายรูป ฟังเพลง ฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ บันทึกข้อมูงสั้นๆ บางรุ่นมีลักษณะเป็ นเครื่อง ช่วยงานส่วนบุคคล (Personal Digital Assistant : PDA) ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับ อินเทอร์เน็ตได้ อีกทั้งยังมีหน้าจอแบบสัมผัส ทาให้สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น บางรุ่น มีอุปกรณ์สไตลัส (stylus) อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html แนวโน้มการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
14.
ด้านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบเครื่องข่ายคอมพิวเตอร์ใน อดีตมังเป็
นระบบที่ใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อตรงโดยจุดเดียว (stand alone) ต่อมามีการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันภายในองค์กร เพื่อทาให้สามารถใช้ข้อมูล ร่วมกัน หรือใช้เครื่องพิมพ์ร่วมกัน จนเกิดเป็ นระบบรับและให้บริการ หรือที่เรียกว่าระบบ รับ-ให้บริการ (client-server system) โดยมีเครื่องให้บริการ (server) และเครื่องรับ บริการ (client) การให้บริการบนเว็บก็นาหลักการของระบบรับ-ให้บริการมาใช้ช่วยให้ การทางานง่ายขึ้น สะดวก รวดเร็ว เพราะสามารถทางานจากที่ใดก็ได้โดยผ่านระบบ อินเตอร์เน็ต โดยมีเว็บเซอร์เวอร์ (web server) เป็ นเครื่องให้บริการ อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html แนวโน้มการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
15.
ด้านเทคโนโลยี ระบบทางานอัตโนมัติที่สามารถตัดสินใจได้เองจะเข้ามา แทนที่มากขึ้น
เช่น ระบบแนวนาเส้นทางจราจร ระบบจอดรถ ระบบตรวจหาตาแหน่ง ของวัตถุ ระบบควบคุมความปลอดภัยภายในอาคาร ระบบที่ทางานอัตโนมัติเช่นนี้ อาจ กลายเป็ นระบบหลักในการดาเนินการของหน่วยงานต่่างๆ โดยเข้ามาแทนที่การทางาน ของมนุษย์ มีการเชื่อมต่ออย่างกว้างขวางไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากกว่าที่เป็ นอยู่ ในปัจจุบัน อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html แนวโน้มการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
16.
ความก้าวหน้าของอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสรเทศและการสื่อสารเป็ นไป อย่างรวดเร็ว
เพื่อนสนองความต้องการด้านต่างๆ ของผู้ใช้ปัจจุบันซึ่งมีจานวนผู้ใช้งาน เทคโนโลยีสารสรเทศและการสื่อสารทั่วโลกประมาณพันล้านคน และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุก ปี ผู้ใช้สามารถใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวได้ทุกที่ ทุกเวลา จึงทาให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ด้านต่างๆทั้งที่้เกิดประโยชน์และโทษ เช่น ด้านสังคม สภาพเสมือนจริง การใช้อินเตอร์เน็ตเชื่อมโยงการทางาน ต่างๆ จนเกิดเป็ นสังคมที่ติดต่อผ่านทางอินเตอร์เน็ต หรือที่รู้จักกีนว่า ไซเบอรฺ์สเปช (cyber space) ซึ่งมีกิจกรรมต่างๆ เช่นการพูด การชื้อสินค้า และบริการ การทางาน ผ่านเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์ทาให้เกิดสภาพที่เสมือนจริง (virtual) เช่น เกมส์เสมือนจริง ห้องเรียนเสมือนจริง ซึ่งทาให้ลดเวลาในการเดินทางและสามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html ความเปลี่ยนแปลงจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
17.
ด้านเศรษกิจ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารส่งผลให้เกิดสังคม โลกาภิวัตน์(globalization)
เพราะสามารถชมข่าว ชมรายการโทรทัศนที่ส่งกระจายผ่าน ดาวเทียมของประเทศต่างๆ ได้ทั่วโลก สามารถรับรู้ข่าวสารได้ทันที ใช้อินเทอร์เน็ตใน การติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ระบบเศรษกิจซึ่งแต่เดิมมีขอบเขตจากัดภายในประเทศ ก็ กระจายเป็ นเศรษญกิจโลก เกิดกระแสการหมุนเวียนแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการอย่าง รวดเร็วและกว้างขวาง ระบบเศรษฐกิจของทุกประเทศในโลกจึงเชื่อมโยงและผูกพันกัน มากขึ้น อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html ความเปลี่ยนแปลงจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
18.
ด้านสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
มีประโยชน์ใน ด้านธรรมชาติและและสิ่งแวดล้อม เช่น ระบบป้ องกันการกัดเซาะชายฝั่ง โดยใช้ ภาพถ่ายดาวเทียม หรือภาพถ่ายทางอากาศ ร่วมกับการจัดเก็บรักษาข้อมูล ระดับน้าทะเล ความสูงของคลื่นจากระบบเรดาร์ เป็ นการศึกษาเพื่อหาสาเหตุ และนา ข้อมูลมาวางแผนและสร้างระบบเพื่อป้ องกันการกัดเซาะชายฝั่งแต่ละแห่งได้อย่าง เหมาะสม ความเปลี่ยนแปลงจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html
19.
ตลาดแรงงานต้องการผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจงานเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารอย่างแท้จริง ซึ่งงานด้านนี้จะรวมถึง
งานด้านการออกแบบโปรแกรม ต่างๆ โปรแกรมใช้งานบนเว็บ งานด้านการเขียนโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ งานด้าน ฐานข้อมูล งานด้านระบบเครือข่ายทั้งในและนอกองค์กร รวมถึงการรักษาความมั่นคง ปลอดภัยในระบบคอมพิวเตอร์บนเครือข่าย ดังนั้นองค์กรจึงมีความต้องการบุคลากรที่มี ความรู้ ความสามารถในการบริหารจัดการ และพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อใช้งานด้านต่างๆ ขององค์กร ตัวอย่างอาชีพด้านเทคโลโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น 1. นักเขียนโปรมแกรมหรือโปรแกรมเมอร์ (programmer) ทาหน้าที่ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในงานด้านต่างๆ เช่น โปรมแกรม เกี่ยวกับการซื้อขายสินค้า โปรแกรมที่ใช้กับงานด้านบัญชี หรือโปรแกรมที่ใช้กับ ระบบงานขนาดใหญ่ขององค์กร อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html ตัวอย่างอาชีพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
20.
2. นักวิเคราะห์ระบบ
(system analyst) ทาหน้าที่ในการศึกษาวิเคราะห์และพัฒนาระบบสารสนเทศ นักวิเคราะห์ระบบจะทาการ วิเคราะห์ระบบงานและออกแบบระบบสารสนเทศให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งอาจรวมถึงงานด้านการออกแบบฐานข้อมูลด้วย อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html ตัวอย่างอาชีพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
21.
3. ผู้ดูแลและบริหารฐานข้อมูล
(database administrator) ทาหน้าที่บริหารและจัดการฐานข้อมูล (database) รวมถึงการออกแบบ บารุงรักษาข้อมูล และการดูแลระบบความปลอดภัยของฐานข้อมูล เช่น การกาหนด บัญชีผู้ใช้ การกาหนดสิทธิ์ผู้ใช้ อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html ตัวอย่างอาชีพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
22.
4. ผู้ดูแลและบริหารระบบ(system
administrator) ทาหน้าที่บริหารและจัดการระบบคอมพิวเตอร์ในองค์กร โดยดูแลการติดตั้ง และบารุงรักษาระบบปฎิบัติการ การติดตั้งฮาร์ดแวร์ สร้าง ออกแบบและบารุงรักษาบัญชี ผู้ใช้ สาหรับองค์กรขนาดเล็กเจ้าหน้าที่ความคุมระบบอาจต้องดูแลและบริหารระบบ เครือข่ายด้วย ตัวอย่างอาชีพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html
23.
5. ผู้ดูแลและบริหารระบบเครือข่าย
(network administrator) ทาหน้าที่บริหารและจัดการออกแบบระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และดูแล รักษาความปลอดภัยของระบบเครือข่ายขององค์กร เช่น ตรวจสอบการใช้งานเครือข่าย ของพนักงานและติดตั้งโปรแกรมป้ องกันผู้บุกรุกเครือข่าย ตัวอย่างอาชีพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html
24.
6. ผู้พัฒนาและบริหารระบบเว็บไซต์
(webmaster) ทาหน้าที่ออกแบบพัฒนา ปรับปรุงและบารุงรักษาเว็บไซต์ให้มีความทันสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องมีการปรับปรุงข้อมูลให้เป็ นปัจจุบันอยู่เสมอ ตัวอย่างอาชีพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html
25.
7. เจ้าหน้าที่เทคนิค
(technician) ทาหน้าที่ซ่อมบารุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ ติดตั้งโปรแกรม หรือติดตั้ง ฮาร์ดแวร์ต่างๆและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดจากการใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในองค์กร อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html ตัวอย่างอาชีพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
26.
8. นักเขียนเกม
(game maker) ทาหน้าที่เขียนหรือพัฒนาโปรแกรมเกมคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนี้การเขียนโป รมแกรมคอมพิวเตอร์เป็ นอาชีพได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทย อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html ตัวอย่างอาชีพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
Download