ݺߣ
Submit Search
คู่มือมะร็งชุด1
•
0 likes
•
1,948 views
THANAKORN
Follow
คู่มือการดูแลรักษาตนอง
Read less
Read more
1 of 5
Download now
Download to read offline
More Related Content
คู่มือมะร็งชุด1
1.
คู่มือการดูแลรักษาตนอง ของผู้ป่ วย จากโรคมะเร็ง สหคลินิก
การแพทย์แผนไทย บิ๊กเฮิร์บ แอนด์ แลบ ใบอนุญาตเลขที่ 10110000956 เขียนโดย หมอภานุกร ปริสุธี ( พท.ว. / พท.ภ. ) ( หมอบิ๊กแจ๊ค ) เภสัชกรแผนไทย เวชกรรมไทยรุ่นที่ 9 สถาบันการแพทย์แผนไทยพัฒนา กรมการแพทย์แผนไทย และแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณะสุข คู่มือนี้จัดทาให้เฉพาะผู้ป่ วย เพื่อใช้ในการดูแลรักษาตนเอง และผู้ดูแลใช้เป็นการดูแลอย่างถูกต้อง ( ปรับปรุงใหม่ ครั้งที่ 12 เมื่อ 18/4/2557 )
2.
ความรู้สึกจากใจ...... ผู้เขียน ก่อนอื่นต้องกราบสวัสดีท่านผู้มีเกียรติและผู้ป่ วยทุกๆ
ท่าน ที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ของผม ผม อยากจะกราบเรียนให้ทุกๆ ท่าน ได้ทราบถึงเหตุผลที่ว่า ทาไมผมจึงเขียนเรื่องนี้ขึ้น คงไม่ง่ายนักกับ การที่จะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา สาหรับการเขียนเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่จากประสบการณ์ในการให้การดูแล รักษาผู้ป่ วยที่เป็นโรคมะเร็ง กว่า 5 ปี ก็ได้พบเรื่องราวทั้งเหตุการณ์ และอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น และยัง พบว่าผู้ป่ วยจานวนมากไม่สามารถดูแลตนเองได้ หรือญาติที่ดูแลผู้ป่ วย ได้อย่างถูกวิธี และมักมีการ เปลี่ยนแปลง และสับสนในการดูแล เนื่องจากภาวะของโรคซึ่งผู้ป่ วยที่เป็นโรคมะเร็ง อยากจะหาย จากโรคนี้เร็วๆ ไม่ว่าใครจะแนะนาอะไรก็จะเชื่อไปหมด ต้องยอมรับเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อญาติพี่น้อง และเพื่อนๆ ของผู้ป่ วย เมื่อเห็นว่าผู้ป่ วยเป็นโรคมะเร็ง ก็จะช่วยกันเสาะแสวงหายาต่างๆ ทั่วไป ที่ไหน ใครบอกว่าดีก็หาซื้อยามาฝากกัน ประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศเดียว ที่คนชอบซื้อยามาฝากกัน ซึ่ง ยาบางอย่างก็อาจจะดีจริงๆ ก็ได้ หรือไม่ยาบางชนิดที่ได้มา อาจจะทาให้ผู้ป่ วยทรุดหนักลงไปอีกก็ได้ ฉะนั้นตลอดเวลาที่ผู้ป่ วยยังอยู่ในการรักษาดูแลตนเองก็จะ ทาให้ปัญหาในการรักษามีผลกระทบ และ หรืออาจทาให้การรักษาไม่ประสบผลสาเร็จก็ได้ ผู้เขียนได้พบกับประสบการณ์เหล่านี้มามาก และ ต้องคอยตอบคาถามผู้ป่ วยทางโทรศัพท์เป็นจานวนมาก เพราะผู้ป่ วยจะมีความกังวลใจสูงมาก มี อะไรเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก็ไม่สบายใจแล้ว ก็ถือว่าไม่มีใครคิดผิดหรอกครับ เพราะเรื่องการรักษา โรคมะเร็ง เมื่อมีผู้ที่เป็นแล้ว 100 คน เราจะเห็นคนรอดสัก 10 คน ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นมากเป็นน้อย และ วงการแพทย์ทั่วโลก ยังคงพยายามค้นหาตัวยาเพื่อให้รักษาโรคมะเร็งได้ เราจะพบโดยส่วนใหญ่เท่าที่ ทาได้ คือ การชะลอระยะเวลาให้ผู้ป่ วยมีชีวิตที่อยู่ได้ยาวนานขึ้น แต่ส่วนมากเมื่อรู้ว่าเป็นโรคมะเร็ง หรือมีการแสดงอาการเกิดขึ้นแล้ว ผู้ป่ วยก็จะอยู่ได้ไม่นานนั้น จึงพบจากผู้ป่ วยเป็นจานวนมาก ซึ่ง ส่วนใหญ่แล้ว จะมีความกังวลสูง เพราะกลัวว่าการรักษาจะไม่ประสบความสาเร็จ และตนเองจะอยู่ ต่อไปไม่ได้ บางครั้งก็จะพบว่าคนไข้เบื่อที่จะกินยาที่ให้รับประทาน กินวันหยุดวัน ให้ยาไปนับแล้วกินได้ ไม่เกิน 25 วัน แต่เวลาผ่านไปเดือนครึ่ง ยายังไม่หมดเลย ผมก็ไม่เข้าใจว่า คนไข้คิดว่าตนเองเป็นหวัด หรือตัวร้อนหรืออย่างไร จึงไม่ค่อยห่วงเรื่องการกินยา และไวตามินที่แนะนาให้ไปซื้อทาน ตามเวลาที่ เหมาะสม บางที่ก็แปลกใจว่านี่คนไข้เป็นมะเร็งนะไม่ใช่ไข้หวัด จะได้หายใน 3 วัน 7 วัน ยิ่งคนเป็น เบาหวาน โรคเก๊าต์ โรคหัวใจ ทางโรงพยาบาลจะต้องให้กินยาตลอดชีวิต แต่นี้กินยาเพื่อรักษามะเร็ง แท้ๆ พอกินยาไปเดือน 2 เดือน ก็บ่นไม่เอาแล้ว ความอดทนหลายท่านมีน้อย บ้างท่านได้ทานยามา ระยะหนึ่งและอาการดีขึ้น จนคิดว่าตนเองหายจากโรคมะเร็งแล้ว ก็หยุดทานยาสมุนไพร และไว
3.
*** ความรู้สึกจากใจ...... ผู้เขียน...1*** ตามินที่แนะนา
และบอกว่าลองหยุดดูก่อนสัก 2 – 3 เดือน แล้วค่อยมาตรวจจะดูว่าเชื้อมะเร็งจะ กลับมาอีกหรือเปล่า ผมได้ยินแล้ว รู้สึกไม่สบายใจเลย คนไข้คิดอะไรอยู่ เห็นเป็นเรื่องการทดลองยา ไปได้ มันจริงๆ ผมยังรู้สึกดีใจกับคุณป้าท่านหนึ่ง เมื่อรู้ว่าตนเองเป็นมะเร็งตับ ไม่สามารถเดินได้แล้ว และทางโรงพยาบาลก็แจ้งญาติแล้วว่า น่าจะอยู่ได้ไม่เกิน 1 เดือน เมื่อทาการรักษาให้แล้ว 4 เดือนก็ลุก เดินได้ และในเดือนที่ 5 ทาการ ซีทีสแกน เพื่อตรวจขนาดก้อนเนื้อที่ตับ ปรากฏว่าไม่พบก้อนเนื้อ แล้วแต่คุณป้ายังคงทานยาตามที่แนะนาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด ถึง 3 ปี ก็อยู่ได้ปกติ โดยไม่มีอาการ ใดๆ อีกเลย อยู่ได้เหมือนคนปกติทั่วไปได้ แต่คุณป้ายังทานยาตามที่แนะนาโดยไม่ขาดเลยสักวันเดียว ตลอดเวลา 3 ปีเต็ม แต่พอขึ้นปีที่ 4 ก็ไม่ได้ให้ทานยาแล้ว ก็ไม่มีปัญหาแล้วเพราะหมอเอง ก็ค่อยๆ ถอยให้อยู่แล้ว ซึ่งผมรู้สึกภาคภูมิใจกับคุณป้าท่านนี้มาก แต่ค่าการตรวจเลือดก็ยังพบว่ามีค่ามะเร็งตับ เกินอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับร่างกายผู้ป่ วยเลยแม้นแต่น้อย ปัจจุบันเกินกว่า 5 ปีแล้ว ก็ยังอยู่ได้เหมือนคนปกติ และถึงแม้นตลอดเวลาที่ดูแลผู้ป่ วยโรคมะเร็งมากว่า 5 ปี ถือว่าประสพความสาเร็จเป็นอย่างดี ทางคลินิกได้เก็บสถิติ ผู้ป่ วยระยะสุดท้ายที่มาเข้ารับการรักษา ได้ผลกว่า 80 % ยังคงดารงชีวิตอยู่ แต่ อีก 20 % ไม่รอด นั้นไม่ทันจริงๆ ต้องขอโทษด้วย ที่มาหาเราถือว่ามากเกินเยียวยา แต่ก็ต้องยอมรับ ว่าเรามาเจอกันช้าเกินไป แต่ก็มีหลายท่านที่มีความผิดพลาดในการดูแลตนเอง และไม่ได้ทาตาม คาแนะนา ทาให้เกือบไม่รอดหลายราย ผมต้องคอยปรับเปลี่ยนตัวยา และวิธีการรักษาให้ เพื่อจะดึง เอาชีวิตผู้ป่ วยไว้ให้ได้ ก็เกือบไม่ทันหลายราย จึงเป็นเรื่องที่น่าห่วง ที่ผู้ป่ วยไม่ได้ดูแลรักษาตนเอง ตามคาแนะนา และยังไปใช้วิธีการต่างๆ ตามที่ใครต่อใครแนะนา เราเป็นหมอเรามีจรรยาบรรณ เราได้ ให้การแนะนาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนไข้อยู่แล้ว ขอให้ทุกท่านโชคดี และประสพความสาเร็จในการรักษา ทุกๆ คนนะครับ จากที่ผมได้พิมพ์ ในแต่ละตอนมาให้ โดยเริ่มจาก บทที่ 7 เพราะช่วงตอนหนึ่ง ของการเขียนเป็นหนังสือเรื่อง อวสาน แห่งมะเร็ง ซึ่งตั้งแต่ตอนที่ 7 ขึ้นไป ของหนังสือเล่มนี้ ก็จะเป็นช่วงที่แนะนาผู้ป่ วยในการดูแลตนเอง และการเลือกรับประทานอาหาร และการใช้ชีวิตประจาวันได้อย่างเหมาะสม **
4.
*** ความรู้สึกจากใจ...... ผู้เขียน...2*** เมื่อเราเริ่มต้นที่จะการรักษาต้องทาอย่างไร จากที่ทุกๆ
ท่าน ที่ได้เข้ารับการแนะนาการรักษา ก็จะทราบดีอยู่แล้วว่า อาหารอะไรควรรับประทาน และไม่ควรรับประทาน คืออะไรบ้าง เรื่องอาหารจะถือเป็นปัจจัยหลักของมนุษย์ทุกคน เพราะคนเราจะอยู่ได้อย่างไม่เป็นโรคอะไร หรือเป็นโรคอะไร ก็มาจากการทานอาหารของแต่ละท่าน เข้าไป ซึ่งอาหารเป็นเรื่องสาคัญในการ ดารงชีวิตของมนุษย์เราทุกคน และอาหารบางประเภท ก็ทาให้เกิดโทษ และทาให้ร่างกายเป็นโรคภัย ไข้เจ็บต่างๆ และอาหารเป็นจานวนมากที่ทาให้ร่างกายมนุษย์ปลอดการโรคภัยไข้เจ็บ และมีส่วนใน การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ทาให้ต่อสู้โรคภัยไข้เจ็บได้ เมื่อเราเกิดปัญหาที่เป็นโรคภัยไข้เจ็บแล้ว อาหารบางอย่างอาจจะส่งผลให้ภาวะของโรค เพิ่มขึ้นได้ เช่น เมื่อเราเป็นโรคความดันสูง เมื่อเรากินอาหารที่มีรสเค็มมาก ก็จะทาให้ความดัน เพิ่มขึ้นได้อีก จึงควรงดทานอาหารที่มีรสเค็ม เป็นต้น และเราก็พบว่ามีอาหารเป็นจานวนมาก ที่มีไว ตามิน ไปทาให้ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นได้
5.
อาหารต้องห้ามของผู้ป่ วย การรับประทานอาหาร ต่างๆ
จะมีทั้งคุณและโทษ ฉะนั้นในระหว่างที่ผู้ป่ วยทาการรักษาตัวอยู่ นี้ จาเป็นอย่างยิ่งที่ต้องระมัดระวังเรื่องทานอาหาร และอาหารที่ไม่ควรรับประทาน เพราะจะมีผลกับ การรักษาโรคได้ คือ - อาหารหมักดองทุกชนิด เช่น ผักกาดดอง กระเทียมดอง ขิงดอง ผลไม้ดองทุกชนิด ( เนื่องจาก ของหมักดองจะมีเชื้อรา และแบคทีเรีย ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย ) - อาหารสัตว์ทุกชนิดที่มีกลิ่นคาว เนื่องจากของคาว จะทาให้เชื้อโรค และเชื้อมะเร็ง เจริญเติบโตได้เร็วขึ้น - งดทานไข่แดง ทุกชนิด ( เนื่องจากมีงานวิจัยที่ ม.เชียงใหม่ เมื่อให้ไข่แดงกับหนูที่มี เซลล์มะเร็ง ทาให้มะเร็งโตขึ้นเป็น 2 เท่าในเวลาเพียง 15 วัน - งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ทุกชนิด - งดดื่มน้าอัดลม ที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทุกชนิด - งดทานเครื่องในสัตว์ทุกชนิด ( เนื่องจากอาจไม่สะอาด และมีสารตกค้างมาก ) - ห้ามทานปลาร้าสด น้าปลาร้า ( จะทาให้มีพยาธิใบไม้ในตับได้ ยิ่งเรามีเซลล์มะเร็งอยู่จะทา ให้มีโอกาสเกิดมะเร็งทางเดินน้าดีที่ตับได้ง่าย ) - งดทานอาหารที่มีรสจัด และเผ็ดร้อนจนเกินไป เพราะจะเพิ่มภาวการณ์อักเสบในร่างกาย ได้ง่าย - งดทานยา และสมุนไพร ที่ได้รับการแนะนา จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และ
Download