ݺߣ
Submit Search
กฎหมายในชีวิตประจำวันครั้งที่ 12
•
Download as PPTX, PDF
•
2 likes
•
1,960 views
AJ Por
Follow
กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวันครั้งที่ 12
Read less
Read more
1 of 15
Download now
Downloaded 24 times
More Related Content
กฎหมายในชีวิตประจำวันครั้งที่ 12
1.
กฎหมายในชีวิตประจาวัน การบรรยายครั้งที่ 12
2.
บุคคล • บุคคลธรรมดา สภาพบุคคลย่อมเริ่มแต่เมื่อคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารก และสิ้นสุดลงเมื่อตาย •
นิติบุคคล เป็นบุคคลตามกฎหมาย – ทบวงทางการเมือง กระทรวง ทบวง กรม มหาวิทยาลัย – วัดในพระพุทธศาสนา – ห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียน บริษัท สมาคม มูลนิธิ
3.
ผู้เยาว์ • บุคคลจะบรรลุนิติภาวะ เมื่อ 1.
เมื่อมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ 2. เมื่อทาการสมรส • การจากัดความสามารถของผู้เยาว์ ผู้เยาว์จะทานิติกรรมใดๆ ต้องได้รับ ความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม ไม่เช่นนั้น นิติกรรมนั้นจะเป็นโมฆียะ เว้นแต่ 1. ทาพินัยกรรม เมื่ออายุ 15 ปี 2. นิติกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เยาว์ฝ่ายเดียว 3. นิติกรรมที่ต้องทาเองเฉพาะตัว 4. นิติกรรมที่สมควรแก่ฐานานุรูป 5. เมื่อผู้เยาว์ได้รับอนุญาตให้ประกอบการค้า
4.
สัญญาซื้อขาย สาระสาคัญ • เป็นสัญญาที่ผู้ซื้อตกลงจะให้ราคาแก่ผู้ขาย โดยผู้ขายตกลงจะโอนกรรมสิทธิ์ ในทรัพย์นั้นให้ผู้ซื้อ
กรรมสิทธิ์โอนไปยังผู้ซื้อนับแต่เวลาทาสัญญาซื้อขาย • การใช้ราคาต้องชาระเป็นเงินเท่านั้น • สัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์ราคา 20,000 บาทขึ้นไปต้องมีหลักฐานเป็น หนังสือลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิดมิฉะนั้นฟ้ องร้องไม่ได้ • สัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษต้องทาเป็น หนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน มิฉะนั้นเป็นโมฆะ
5.
สัญญากู้ยืมเงิน • หลัก ในการกู้ยืมเงินจานวนเกินกว่า
2,000 บาท ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสาคัญ มิฉะนั้นฟ้ องร้องไม่ได้ หลักฐานนั้นมีเมื่อไหร่ก็ ได้ก่อนฟ้ องคดี • การคิดดอกเบี้ย – ดอกเบี้ยเป็นเงินหรือทรัพย์สินอย่างอื่นก็ได้ – คิดดอกเบี้ยเกินกว่าร้อยละ 15 ต่อปีไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเป็นโมฆะ – หากกาหนดให้คิดดอกเบี้ยแต่ไม่ได้มีการกาหนดอัตราดอกเบี้ย ให้คิด ร้อยละ 7.5 ต่อปี (ม.7)
6.
เช่าทรัพย์ คือ สัญญาซึ่งผู้ให้เช่า ตกลงให้ผู้เช่า
ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินในระยะเวลามี จากัด และผู้เช่าตกลงให้ค่าเช่า สาระสาคัญ • เป็นสัญญาต่างตอบแทน • อสังหาริมทรัพย์ หรือสังหาริมทรัพย์ก็ได้ • การกาหนดค่าเช่าเป็นเงินหรือทรัพย์สินอย่างอื่นก็ได้ • สิทธิในการใช้หรือรับประโยชน์ในทรัพย์ที่เช่าต้องมีการกาหนดระยะเวลาอันเป็นการจากัด • ไม่สามารถมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นได้ไม่ว่าจะเช่านานแต่ไหน แบบ - โดยทั่วไปไม่มีแบบ เว้นแต่ - เช่าอสังหาริมทรัพย์ไม่เกิน 3 ปี ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิด ไม่เช่นนั้นฟ้ องร้องไม่ได้ - เช่าอสังหาริมทรัพย์ เกิน 3 ปี ต้องทาเป็นหนังสือ และจดทะเบียนต่อพนักงาน โมฆะ
7.
เช่าซื้อ คือ สัญญาซึ่งเจ้าของเอาทรัพย์สินออกให้เช่า และให้คามั่นว่าจะขายหรือจะ ให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของผู้เช่า
โดยมีเงื่อนไขที่ผู้เช่าได้ให้เงินครบตามที่ กาหนด สาระสาคัญ • เป็นสัญญาต่างตอบแทน • อสังหาริมทรัพย์ หรือสังหาริมทรัพย์ก็ได้ • ค่าเช่าซื้อต้องเป็นเงินเท่านั้น • นอกจากมีสิทธิครอบครองแล้วอาจได้กรรมสิทธิ์หากชาระเงินครบตามสัญญา แบบ • ต้องทาเป็นหนังสือลงลายมือชื่อคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย ไม่เช่นนั้นสัญญาตกเป็น โมฆะ
8.
ความแตกต่างระหว่าง เช่าทรัพย์- เช่าซื้อ เช่าทรัพย์
เช่าซื้อ ไม่สามารถมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นได้ไม่ ว่านานแต่ไหน ได้กรรมสิทธิ์หากชาระเงินครบตาม สัญญา การกาหนดค่าเช่าเป็นเงินหรือทรัพย์สิน อย่างอื่นก็ได้ ค่าเช่าซื้อต้องเป็นเงินเท่านั้น เช่าอสังหาริมทรัพย์ไม่เกิน 3 ปี ต้องมี หลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ต้อง รับผิด ไม่เช่นนั้นฟ้ องร้องไม่ได้ เช่าอสังหาริมทรัพย์ เกิน 3 ปี ต้องทาเป็น หนังสือ และจดทะเบียนต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ ต้องทาเป็นหนังสือลงลายมือชื่อทั้งสอง ฝ่าย ไม่เช่นนั้นสัญญาตกเป็นโมฆะ
9.
จานอง คือ สัญญาซึ่งผู้จานองเอาทรัพย์สินตราไว้แก่ผู้รับจานอง เป็นประกันการ ชาระหนี้โดยไม่ส่งมอบทรัพย์สินให้ผู้รับจานอง สาระสาคัญ •
เป็นสัญญาอุปกรณ์ • ทรัพย์ที่จานอง เป็นอสังหาริมทรัพย์ หรือสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ หรือ สังหาริมทรัพย์ที่กฎหมายกาหนดให้มีการจดทะเบียน • ผู้จานองไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สิน ยังคงมีกรรมสิทธิ์อยู่ • ผู้จานองในสัญญาจานองจะเป็นตัวลูกหนี้เองหรือบุคคลภายนอกก็ได้ • ต้องทาเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นเป็นโมฆะ การบังคับชาระหนี้ เจ้าหนี้ต้องฟ้ องร้องเพื่อบังคับจานอง โดยนาทรัพย์สิน นั้นไปขายทอดตลาด
10.
จานา คือ สัญญาซึ่งผู้จานา ส่งมอบสังหาริมทรัพย์ให้ผู้รับจานาเพื่อเป็น ประกันการชาระหนี้ สาระสาคัญ •
เป็นสัญญาอุปกรณ์ • ทรัพย์ที่จานา เป็นสังหาริมทรัพย์ หรือสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ • ผู้จานาต้องส่งมอบทรัพย์สินที่จานาให้แก่ผู้รับจานา • ผู้จานาในสัญญาจานาจะเป็นตัวลูกหนี้เองหรือบุคคลภายนอกก็ได้ การบังคับชาระหนี้ บังคับจานาได้เลยไม่ต้องฟ้ องร้อง โดยเอา ทรัพย์สินไปขายทอดตลาดได้เองไม่ต้องอาศัยคาสั่งศาล
11.
ค้าประกัน คือ สัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ค้าประกัน
ผูกพันตนต่อ เจ้าหนี้คนหนึ่งเพื่อชาระหนี้เมื่อลูกหนี้ไม่ชาระหนี้ สาระสาคัญ • เป็นสัญญาอุปกรณ์ • ต้องทาเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ค้าประกันมิฉะนั้นฟ้ องร้องบังคับคดีไม่ได้ การบังคับชาระหนี้ถ้าลูกหนี้ไม่ชาระหนี้เจ้าหนี้ชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้า ประกันชาระหนี้ได้เมื่อนั้น แต่ผู้ค้าประกันเกี่ยงได้ หากพิสูจน์ได้ว่าลูกหนี้ยังมี ทางที่จะชาระได้ และการบังคับชาระจากลูกหนี้เป็นการไม่ยาก - เมื่อผู้ค้าประกันชาระหนี้แทนลูกหนี้แล้วสามารถไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ได้ - ข้อตกลงที่ให้ผู้ค้าประกันต้องรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมเป็นโมฆะ
12.
ค้าประกัน- จานอง-จานา ค้าประกัน จานอง
จานา ทรัพย์สินทุกอย่าง อสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์ ไม่ต้องส่งมอบทรัพย์ ไม่ต้องส่งมอบทรัพย์ ส่งมอบทรัพย์ที่จานา บุคคลภายนอก ลูกหนี้/บุคคลภายนอก ลูกหนี้/บุคคลภายนอก เรียกให้ผู้ค้าฯ ชาระแทนได้ ฟ้ องร้องบังคับจานอง ขาย ทอดตลาด บังคับจานาได้เลย ขาย ทอดตลาด ทาเป็นหนังสือลงลายมือชื่อ ผู้ค้าฯ =ฟ้ องไม่ได้ ทาเป็นหนังสือ+จด ทะเบียนต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่= โมฆะ ฟ้ องเรียกเงินคืนจากลูกหนี้ ได้ ฟ้ องเรียกเงินคืนจากลูกหนี้ ไม่ได้ ฟ้ องเรียกเงินคืนจากลูกหนี้ ไม่ได้
13.
ทายาทโดยธรรมตาม ม.1629 1 ผู้สืบสันดาน 2
บิดามารดา 3 พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 4 พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน 5 ปู่ ย่า ตา ยาย 6 ลุง ป้ า น้า อา ทายาทโดยธรรมภายใต้บทบัญญัติพิเศษ แห่ง ม.1635 คู่สมรส
14.
หลัก ญาติสนิทตัดญาติห่าง หลัก ทายาทในชั้นเดียวกันได้ส่วนแบ่งเท่ากัน หลักการได้รับส่วนแบ่งของคู่สมรส •
หากมีทายาทชั้นผู้สืบสันดาน คู่สมรสได้ส่วนแบ่งเท่าชั้น ผู้สืบสันดาน • หากทายาทที่มีเป็นชั้นที่ 2 หรือ ชั้นที่ 3 คู่สมรสได้ส่วนแบ่งกึ่ง หนึ่ง • หากทายาทที่มีเป็นชั้นที่ 4 ชั้นที่ 5 หรือชั้นที่ 6 คู่สมรสได้ส่วน แบ่งสองในสาม
15.
ข้อสอบ • นายชีพ เป็นบุตรโดยชอบของนายเสือกับนางสิงห์
ได้สมรสกับนาง ลั่นทม มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ นายเอื้อกับนางสาวเกนหลง ต่อมานาง ลั่นทมเสียชีวิต นายชีพจึงได้ไปอยู่กินกับนางรสสุคนธ์โดยไม่ได้จด ทะเบียนสมรส และมีบุตรด้วยกันหนึ่งคน คือ นายเขมชาติ โดยนายชีพ ได้ส่งเสียเลี้ยงดู ให้ใช้นามสกุล แต่ไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตร ต่อมา นายชีพเสียชีวิตปรากฏว่ามีทรัพย์มรดก 6,000,000 บาท ทรัพย์ดังกล่าว จะตกเป็นของใครบ้าง และได้จานวนเท่าไหร่ จงอธิบาย
Download