ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
บทที่ 2
องค์ประกอบพื้นฐานเกี่ยวกับระบบ๶ครือข่าย
สถานการณ์ปัญหาที่ 2
ทัดคุงวิศวกร๶ครือข่ายหนุ่มใหญ่ ได้รับมอบหมายให้จัดอุปกรณ์
๶ครือข่ายเพื่อนาไปใช้กับศูนย์คอมพิวเตอร์แห่งหนึ่ง ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆ มี
NIC, Fiber Optic, Router, Hub, Twisted Pairs, Switch, Coaxial
Cable, Bridge, Repeater, Transceiver, Controller ซึ่งเป็นงาน
ครั้งแรกของทัดคุง ซึ่งอุปกรณ์บางอย่างทัดคุงยังไม่เข้าใจว่าจะนาไปใช้
งานอย่างไร อยากให้เพื่อนๆ ช่วยทัดคุงทาภารกิจต่อไปนี้ด้วย
1. จงจาแนกอุปกรณ์๶ครือข่ายว่าสามารถจาแนกได้
กี่ประเภท ได้แก่อะไรบ้าง จงอธิบายอย่างละเอียด
- 3 ประเภท
- ๶Ȩตเวิร์คการ์ด
- อุปกรณ์๶ครือข่าย
- สายส่งสัญญาณ
1. ๶Ȩตเวิร์คการ์ด
๶Ȩตเวิร์คการ์ดจะเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ และระบบ๶ครือข่าย ส่วนใหญ่จะ
เรียกว่า “NIC (Network Interface Card)” หรือบางทีก็เรียกว่า “LAN การ์ด (LAN Card)”
2. สายส่งสัญญาณ
สายโคแอ็กเชียล
(Coaxial Cable)
สายคู่บิดเกลียว
(Twisted Pairs)
สายใยแก้วนาแสง
(Fiber Optic)
3. อุปกรณ์๶ครือข่าย
ฮับ (Network Hub) สวิตช์(Network Switch)
รีพรีทเตอร์ (Repeater) บริดจ์(Network Bridge)
Transceiver
เราท์เตอร์ (Router)
2. จากข้อ 1 ให้ระบุความสัมพันธ์ของแต่ละ
ประเภทพร้อมอธิบายเหตุผลว่าถึงการจัด
ประเภทดังกล่าว
1. ๶Ȩตเวิร์คการ์ด หรือ NIC (Network Interface Card) เป็นการ์ดที่เสียบเข้า
กับช่องบน เมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นชุดเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์
และ๶ครือข่าย
2. สายโคแอ็กเชียล (Coaxial Cable) สายคู่บิดเกลียว (Twisted Pairs)
สายใยแก้วนาแสง (Fiber Optic) มีความสัมพันธ์กันคือ เป็นสื่อกลาง
ของสายสัญญาณที่ใช้ในการรับ-ส่ง ข้อมูลป็นหลักเหมือนกัน และมีความ
แตกต่างกันที่ ลักษณะทางกายภาพ และวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ทาสายสัญญาณ
แต่ละชนิด ซึ่งทั้ง 3 ชนิดนี้ มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ
การใช้งานของผู้ใช้
3.อุปกรณ์๶ครือข่าย Router, Hub , Switch, Bridge, Repeater,
Transceiver, Controller
มีความสัมพันธ์กันคือ ทั้งหมดเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อเครื่อง
คอมพิวเตอร์ให้กลายเป็นระบบ๶ครือข่ายเหมือนกัน ซึ่งจะต้องอาศัย
อุปกรณ์ดังกล่าวทาหน้าที่รับและส่งข้อมูลโดยผ่านทางสื่อกลาง อุปกรณ์
บางชนิด เช่น Hub และ Switch มีหน้าที่การใช้งานคล้ายๆกัน
3. จงจัดหมวดหมู่อุปกรณ์แต่ละประเภท พร้อมอธิบาย
ความหมาย คุณสมบัติ และการนาไปใช้ประโยชน์
อย่างละเอียด
อุปกรณ์๶ครือข่าย
ฮับ(HUB)
ฮับ (Hub) เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้ในการเชื่อมต่อเครื่องจ านวนมากเข้าด้วยกัน
ใน๶ครือข่าย คอมพิวเตอร์ โดยที่ฮับจะมีพอร์ต (Port) หรือช่องส าหรับต่อสาย RJ-45 เข้า
มาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ และท าหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการกระจายข้อมูล ไปยังเครื่อง
อื่นๆ ในระบบ๶ครือข่าย
การนาไปใช้ประโยชน์คือเหมาะสาหรับใช้งานในระบบ๶ครือข่ายขนาดเล็กที่มี
เครือจานวนเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่มากประมาณ 3 -16 เครื่อง
สวิตช์ (Switch)
สวิตช์ใช้ในการเชื่อมต่อเครื่องจานวนมากเข้าด้วยกันใน๶ครือข่าย คอมพิวเตอร์ ซึ่งหน้าที่
คล้ายกับฮับแต่มีความ แตกต่างที่วงจรการทางานภายในจะใช้หลักการของวงจรสวิตชิ่งที่สลับการ
ส่งข้อมูลในแต่ละพอร์ตไปมา ไม่ได้แบ่งช่องทางการส่งผ่านข้อมูลเหมือนฮับจึงท าให้แต่ละพอร์ต
(Port) มีความสามารถในการส่งข้อมูล ได้สูงกว่า
การนาไปใช้ประโยชน์คือเหมาะสาหรับใช้งานในระบบ๶ครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีเครือจานวน
เครื่องคอมพิวเตอร์มาก เช่น ในหอพัก หรือองค์กรต่างๆ
รีพีตเตอร์ (repeater)
รีพีตเตอร์เป็นอุปกรณ์ระบบ๶ครือข่ายที่ใช้ในการเชื่อมต่อสายเคเบิล
2 เส้นเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่ม ระยะทางการเชื่อมต่อระบบ๶ครือข่าย
การนาไปใช้ประโยชน์คือเมื่อเราต้องการเชื่อมโยงระบบ๶ครือข่าย
ออกไปไกลเกินกว่าสายสัญญาณที่ใช้ จะรองรับได้ จะต้องใช้รีพีตเตอร์ช่วย
ในการขยายสัญญาณข้อมูล
บริดจ์(Network Bridge)
บริดจ์ เป็นอุปกรณ์เชื่อมโยง๶ครือข่ายของ๶ครือข่ายที่แยกจากกัน
บริดจ์จึงเป็นเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างสอง ๶ครือข่าย
เราท์เตอร์ (Router)
เราท์เตอร์เป็นอุปกรณ์ระบบ๶ครือข่ายซึ่งทาหน้าที่เสมือนสะพานสาหรับเชื่อมต่อ๶ครือข่าย
ท้องถิ่นหรือระบบ๶ครือข่าย LAN (Local Area Network) เข้ากับระบบ๶ครือข่าย WAN (Wide
Area Network) ขนาดใหญ่ และเมื่อ๶ครือข่าย LAN ถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกันโดยใช้เราท์เตอร์
๶ครือข่าย LAN แต่ละฝั่งจะยังคงมี๶ครือข่ายที่เป็นของตนเองซึ่งเป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการ
๶ครือข่ายภายใน
Transceiver
Transceiver คือ เครื่องรับและส่งวิทยุ รวมกัน๶ป็Ȩครื่อง๶ึϸยว
๶Ȩตเวิร์คการ์ด
NIC (Network Interface Card)
เป็นอุปกรณ์รับการเชื่อมต่อจาก๶ครือข่ายอินเตอร์เน็ตเข้าเครื่อง
คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์นี้จะทาหน้าที่ แปลงข้อมูลเป็นสัญญาณที่สามารถ
ส่งไปตามสายสัญญาณหรือสื่อแบบอื่นได้
สายสัญญาณ
สายโคแอ็กเชียล (Coaxial Cable)
สายโคแอ็กเชียล (Coaxial Cable) มีลักษณะคล้ายกับสายเคเบิลทีวี คือ มี
แกนเป็นทองแดง ห่อหุ้มด้วยฉนวน แล้วหุ้มด้วยตาข่ายโลหะ ชั้นนอกสุดเป็นวัสดุ
ป้องกันสายสัญญาณ สายประเภทนี้นิยมใช้ มากใน๶ครือข่ายสมัยแรกๆ แต่ปัจจุบันไม่
นิยมใช้แล้ว
สายคู่บิดเกลียว (Twisted Pairs)
สายคู่บิดเกลียว (Twisted Pairs) เป็นสายสัญญาณมาตรฐานที่นิยม
ใช้มากที่สุดในระบบ ๶ครือข่ายปัจจุบัน สายสัญญาณจะประกอบด้วยสาย
ทองแดงที่ห่อหุ้มด้วยฉนวน 2 เส้นแล้วบิดเป็นเกลียว เหตุที่บิดเป็นเกลียว
ก็เพื่อลดสัญญาณรบกวนนั่นเอง
สายใยแก้วนาแสง (Fiber Optic)
สายใยแก้วนาแสง (Fiber Optic) เป็นสายที่ใช้แสงเป็นสัญญาณ และแก้ว
หรือพลาสติกใสเป็น สื่อนาสัญญาณ ซึ่งสายใยแก้วนาแสงสามารถส่งข้อมูลได้ใน
อัตราสูงและระยะไกลกว่าสายสัญญาณประเภทโลหะแต่การผลิต การติดตั้ง
และดูแล รักษาจะยุ่งยาก และราคาแพงกว่าสายที่เป็นโลหะ ดังนั้นสายใยแก้ว
นาแสงจึงเหมาะสาหรับลิงค์ที่ต้องการ แบนด์วิธสูง และมีความเชื่อถือได้สูง
และสาหรับการส่งข้อมูลระยะไกล เช่น ลิงค์หลัก (Backbone) ของ ระบบ
๶ครือข่าย
รายชื่อผู้จัดทา
1. นางสาวฉัตรฑริกา เวชคง 573050203-9
2. นายพีรวิชญ์ ภูพานเพชร 573050220-9
3. นายพงศ์พิทักษ์ รัตนภักดี 573050564-7

More Related Content

บทที่ 2