ݺߣ
Submit Search
บทที่3รื่องอินทอร์Ȩตและการใช้งาน
•
0 likes
•
19,923 views
Piyanoot Ch
1 of 8
Download now
Downloaded 144 times
More Related Content
บทที่3รื่องอินทอร์Ȩตและการใช้งาน
1.
การติดต่อสื่อสารค้Ȩาྺ้อมูลและความรูผ่านครือข่าย
้ อินเทอร์เน็ต (Internet) • อินเทอร์เน็ต (Internet) มาจากคําว่า Inter และ net 1. อินเทอร์ (Inter) คือ ระหว่าง หรือท่ามกลาง 2. เน็ต (Net) คือ เครือข่าย (Network) อินเทอร์เน็ต คือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกัน เป็นจํานวนมากครอบคลุมไปทั่วโลก โดย อาศัยโครงสร้างระบบสื่อสารโทรคมนาคม เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูล มีการประยุกต์ใช้งาน หลากหลายรูปแบบ อินเทอร์เน็ตเป็นทั้งเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ และเครือข่ายของเครือข่าย เพราะ อินเทอร์เน็ตประกอบด้วย เครือข่ายย่อยเป็นจํานวนมากต่อเชื่อมเข้าด้วยกัน ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน จนเป็น สังคมเครือข่ายขนาดใหญ่ อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายสาธารณะ ที่ไม่มีผใดเป็นเจ้าของ ทําให้การเข้าสูเ่ ครือข่าย ู้ เป็นไปได้อย่างเสรี ภายใต้กฎเกณฑ์บางประการที่กําหนดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และวุ่นวายจากการ เชื่อมต่อจากเครือข่ายทั่วโลก • พัฒนาการของอินเทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายที่พัฒนามาจากอาร์พาเน็ต (ARPAnet) ซึ่งเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายใต้ ความรับผิดชอบของหน่วยงาน โครงการวิจัยขั้นสูง (Advanced Research Projects Agency : ARPA ) ใน สังกัดกระทรวงกลาโหมของประเทศสหรัฐอเมริกา อาร์พาเน็ต เป็นเครือข่ายทดลองที่ตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุน งานวิจัยทางด้านทหารที่มีผลมาจากสงครามเย็นระหว่างประเทศในค่ายคอมมิวนิสต ์กับค่ายเสรีประชาธิปไตย ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศผู้นําในค่ายเสรีประชาธิปไตย ที่ต้องพัฒนาเทคโนโลยีด้านการทหารให้ล้ําหน้ากว่า สหภาพโซเวียต พ.ศ.2512 การพัฒนาอาร์พาเน็ตได้ดําเนินการมาเป็นลําดับและได้มีการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ถึงกัน เป็นครั้งแรก โดยใช้มินิคอมพิวเตอร์รุ่น 316 ของฮันนีเวลล์เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (host) และมีเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการต่างกันและอยู่ในสถานที่ 4 แห่งคือ 1) มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ลอสแอนเจลิส 2) สถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด 3) มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ซานตา บาร์บารา 4) มหาวิทยาลัยยูทาห์
2.
พ.ศ.2515 อาร์พาเน็ตเป็นเครือข่ายที่ประสบความสําเร็จอย่างมากทําให้มีหน่วยงานอีกหลายแห่ง เชื่อมต่อเพิ่มมากขึ้น ทําให้อาร์พาเน็ต
กลายเป็นเครือข่ายที่ใช้งานได้จริง หน่วยงานอาร์พามีการปรับปรุงใหม่ ในปีน้ี และเรียกชื่อใหม่ว่า ดาร์พา (Defense Advanced Research Project Agency : DARPA) พ.ศ.2518 ความรับผิดชอบอาร์พาเน็ตให้กับหน่วยการสื่อสารของกองทัพในปี พ.ศ. 2518 พ.ศ.2526 เครือข่ายอาร์พาเน็ตนั้นได้มีแผนการขยายเครือข่ายและเปิดการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่น โดยใช้เกณฑ์วิธี หรือโพรโทคอล (protocol) ชื่อ คาห์น-เซอร์ฟ (Kahn-Cerf Protocol) ตามชื่อของผู้ออกแบบ คือ บ๊อบ คาห์น (Bob Kahn) และวินตัน เซอร์ฟ (Vinton Cerf) ซึ่งก็คือ โพรโทคอลทีซีพี/ไอพี (Transmission Control Protocol/ Internet Protocol : TCP/IP)รู้จักกันในปัจจุบัน และได้กําหนดให้ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่ต้องการต่ออินเทอร์เน็ตโดยใช้โพรโทคอลนี้ ในปลายปี พ.ศ. 2526 อาร์พาเน็ตได้แบ่งออกเป็นสองเครือข่ายคือ เครือข่ายวิจัย (ARPAnet) และ เครือข่ายของกองทัพ (MILNET) โดยในช่วงต้นนั้นเครือข่ายทั้งสองเป็นเครือข่ายแกนหลักสําคัญภายในทวีป อเมริกาเหนือและในช่วงเวลาต่อมาหน่วยงานหลักของสหรัฐที่มีเครือข่ายที่ใช้โพรโทคอลทีซีพี/ไอพี (TCP/IP) เชื่อมต่อเข้ามา เช่น เอ็นเอฟเอสเน็ต (NFSNet) และเครือข่ายของนาซา ทําให้มีการปรับเปลี่ยนชื่อจาก อาร์พา เป็น เฟเดอรัล รีเสิร์ช อินเทอร์เน็ตและเปลี่ยนไปเป็น ทีซีพี/ไอพีอินเทอร์เน็ต จนกระทั่งเป็น อินเทอร์เน็ต ใน ปัจจุบัน • พัฒนาการของอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย สําหรับประเทศไทย เริ่มเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 โดยหาวิทยาลัยสงขลา นครินทร์ต่อเชื่อมโยง เพื่อส่งไปรษณีย์อเล็กทรอนิกส์กับประเทศออสเตรเลีย ซึ่งทําให้ระบบไปรษณีย์ ิ อิเล็กทรอนิกส์เชื่อมกับอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรก ในช่วงระยะเวลาเดียวกันนี้ระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ ์แห่งชาติได้มีโครงการที่จะเชื่อมโยง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ระหว่างมหาวิทยาลัยขึ้น เครือข่ายคอมพิวเตอร์ระหว่างมหาวิทยาลัย ในประเทศไทยก็ ค่อยๆ พัฒนาขึ้น • การเติบโตของอินเทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ตเป็นเทคโนโลยีทมีอัตราการเติบโตเร็วมาก จํานวนเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายใน ี่ อินเทอร์เน็ตในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2524 มีเพียง 213 เครื่องต่อมาในเดือนธันวาคม 2530 มีการสํารวจโดยใช้ ระบบโดเมนเดิม พบว่าจํานวนเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ขายได้เพิ่มขึ้นเป็น 28,174 เครื่อง และในการสํารวจครั้ง ่ หลังสุดในเดือนมกราคม พ.ศ. 2546 มีจํานวนเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายทั้งสิ้น 171,638,297 เครื่อง และ อัตราการเพิ่มของจํานวนเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึนในอัตราที่สูง ้ • ชื่อและเลขที่อยู่ไอพี คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่ต่ออยู่บนอินเทอร์เน็ตจะมีเลขที่อยู่ไอพี (IP address) และแต่ละเครื่องทั่วโลกจะต้องมี เลขที่อยู่ไอพีไม่ซ้ํากัน เลขทีอยู่ไอพีนี้จะได้รับการกําหนดเป็นกฎเกณฑ์ให้ แต่ละองค์กรนําไปปฏิบัติ เพื่อให้ ่
3.
ระบบการเรียกชื่อง่ายขึ้นและการบริหารเครือข่ายทําได้ดี จึงมีการกําหนดชื่อแทนเลขทีอยู่ไอพี เรียกว่า
ชื่อ ่ โดเมน โดยจะมีการตั้งชื่อสําหรับเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องที่อยู่บนเครือข่าย เช่น ipst.ac.th ซึ่งใช้แทน เลขที่อยู่ไอพี 203.108.2.71 การกําหนดให้มีการใช้ระบบชื่อโดเมนมีการกําหนดรูปแบบเป็นลําดับชั้น เช่น Sena.ac.th Sena หมายถึงชื่อหน่วยงาน Ac หมายถึง หน่วยงานสถาบันทางการศึกษา Th หมายถึงประเทศไทย โดเมนระดับที่สองที่ประเทศไทย ชื่อโดเมนระดับสอง ความหมาย ac (academic) สถาบันการศึกษา co (company) บริษัท ห้างร้าน go (government) หน่วยงานของรัฐบาล or (organization) องค์กรที่ไม่แสวงกําไร in (individual) ส่วนบุคคล mi (military) หน่วยงานทางทหาร net (network) ผู้ให้บริการเครือข่าย • การประยุกต์ใช้งานอินเทอร์เน็ต 1) ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic mail หรือ e-mail) เป็นการส่งข้อความติดต่อกันระหว่าง บุคคลกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลก็ได้ หากเปรียบเทียบไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์กับไปรษณีย์ธรรมดาจะพบว่าโดย หลักการนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์เปลี่ยนบุรุษไปรษณีย์ให้เป็นโปรแกรม เปลี่ยน เส้นทางเป็นระบบเครือข่าย และเปลี่ยนรูปแบบการจ่าหน้าซองจดหมายให้เป็นการจ่าหน้าแบบอ้างอิงระบบ อิเล็กทรอนิกส์โดยใช้ที่อยู่ของไปรษณีย์อเล็กทรอนิกส์(email-address) การส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์น้นมี ิ ั รูปแบบที่ง่าย สะดวก และรวดเร็ว
4.
หากต้องการส่งข้อความถึงใครก็สามารถเขียนเป็นเอกสาร แล้วจ่าหน้าซองที่อยู่ของผู้รับ ระบบจะนําส่ง ให้ทันทีอย่างรวดเร็วลักษณะของที่อยู่จะเป็นชื่อรหัสผู้ใช้และชื่อเครื่องประกอบกันเช่น thainoktad_j@hotmail.com
การติดต่อบนอินเทอร์เน็ตนี้ ระบบจะหาตําแหน่งให้เองโดยอัตโนมัติ และนํา ส่งไปยังปลายทางได้อย่างถูกต้อง การรับส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์กําลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย 2) การโอนย้ายแฟ้มข้อมูลระหว่างกัน (File Transfer Protocol :FTP) เป็นระบบที่ทําให้ผู้ใช้สามารถ รับส่งแฟ้มข้อมูลระหว่างกันหรือมีสถานีให้บริการเก็บแฟ้มข้อมูลที่อยู่ในทีตางๆ และให้บริการ ผูใช้สามารถเข้า ่่ ้ ไปคัดเลือกนําแฟ้มข้อมูลมาใช้ประโยชน์ได้ เช่น โปรแกม cuteFTP โปรแกรม FileZilla เป็นต้น ตัวอย่างโปรแกรม cuteFTP 3) การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในที่หางไกล(telnet) การเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้ากับเครือข่ายทําให้ ่ เราสามารถติดต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นสถานีบริการในที่ห่างไกลได้ถ้าสถานีบริการนั้นยินยอม ทําให้ผู้ใช้ สามารถนําข้อมูลไปประมวลผลยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในเครือข่ายเช่นนักเรียนในประเทศ ไทยส่งโปรแกรม ไปประมวลผลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ที่บริษัทในประเทศญี่ปุ่นผ่านทางระบบเครือข่ายโดยไม่ต้องเดินทาง ไปเอง 4) การเรียกค้นข้อมูลข่าวสาร (search engine) ปัจจุบันมีฐานข้อมูลข่าวสารที่เก็บไว้ให้ใช้งานจํานวน มาก ฐานข้อมูลบางแห่งเก็บข้อมูลในรูปสิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผใช้สามารถเรียกอ่าน หรือนํามาพิมพ์ ู้ ฐานข้อมูลนี้จึงมีลกษณะเหมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่อยู่ภายในเครือข่ายที่สามารถค้นหาข้อมูลใดๆ ก็ได้ ั ฐานข้อมูลในลักษณะนี้เรียกว่า เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web : WWW) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงกันทั่ว โลกตัวอย่างเว็บไซต์ Search Engine
5.
http://www.yahoo.com
5) การสนทนาบนเครือข่าย (chat) เมื่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อถึงกันได้ทั่วโลก ผูใช้จึงสามารถ ้ ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นตัวกลางในการติดต่อสนทนากันได้ ในยุคแรกใช้วิธีการสนทนากันด้วยตัวหนังสือ เพื่อโต้ตอบกันแบบทันทีทันใดบนจอภาพ ต่อมามีผู้พัฒนาให้ใช้เสียงได้ จนถึงปัจจุบัน ถ้าระบบสื่อสารข้อมูลมี ความเร็วพอ ก็สามารถสนทนาโดยที่เห็นหน้ากันและกันบนจอภาพได้ 6) การบริการสถานีวิทยุและโทรทัศน์บนเครือข่าย เป็นการประยุกต์เพื่อให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ปัจจุบันมีผู้ตั้งสถานีวิทยุบนครือข่ายอินเทอร์เน็ตหลายร้อยสถานี ผู้ใช้สามารถเลือกสถานีที่ต้องการและได้ยิน เสียงเหมือนการเปิดฟังวิทยุ ขณะเดียวกันก็มการส่งกระจายภาพวีดิทัศน์บนเครือข่ายด้วย แต่ปัญหายังอยู่ที่ ี ความเร็วของเครือข่ายที่ยังไม่สามารถรองรับการส่งข้อมูลจํานวนมาก ทําให้คุณภาพของภาพวีดิทัศน์ยังไม่ดี เท่าที่ควร
6.
สถานีวิทยุบนครือข่าย
7) การบริการบนอินเทอร์เน็ต ปัจจุบันมีการให้บริการบนอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นมากมาย โดยผู้ใช้ สามารถใช้บริการโดยอยู่ที่ไหนก็ได้ ซึ่งไม่ตองเสียเวลาในการเดินทาง การบริการบน อินเทอร์เน็ตมีทั้งเผยแพร่ ้ ข่าวสาร ความรู้ ซื้อขายสินค้า ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน และบริการอื่นๆ ซึ่งการให้บริการ เหล่านี้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบได้ บริการเสียภาษีบนอินเทอร์เน็ต • บราวเซอร์ "บราวเซอร์" ย่อมาจากคําเต็มว่า "เว็บบราวเซอร์" ซึ่งหมายถึง แอพพลิเคชัน (ซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่พัฒนาขึ้น มา เพื่อใช้งานเฉพาะทาง) ที่ใช้สําหรับสืบค้น(browse) และแสดงหน้าเว็บ (webpage) ต่างๆ ที่อยู่ในเว็บ เซิร์ฟเวอร์บนอินเทอร์เน็ต โดยบราวเซอร์ยอดนิยมจะมีอยู่ 2 ตัวด้วยกันคือ Internet Explorer และ Firefox ซึ่งจะสามารถแสดงผลหน้าเว็บที่จัดทําออกมาในรูปแบบของมัลติมีเดีย (ข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ) ได้ อย่างสมบูรณ์
7.
• อินเทอร์เน็ตกับผลกระทบต่อสังคมไทย
อย่างไรก็ตามข้อมูลในอินเทอร์เน็ตนั้นมีมากทั้งข้อมูลที่ถูกต้องเป็นประโยชน์และข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและ อาจเป็นภัยต่อสังคมหรือผู้อื่นก็เป็นได้ ดังนั้นการใช้ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตนั้นจําเป็นต้องพิจารณาความ เหมาะสมและถูกต้องโดยต้องเปรียบเทียบข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแหล่งข้อมูลที่มี ชื่อเสียงและเชื่อถือได้ การวิเคราะห์น้นจําเป็นต้องใช้ความรู้ ประสบการณ์ทั้งของตนเองและผู้ที่มความรู้ว่า ั ี ข้อมูลนั้นมีความถูกต้องหรือเชื่อถือได้เพียงใด วัฒนธรรมท้องถิ่นที่ดไม่ถูกกลืนหรือสูญหายไปจากสังคม วิธีการหนึ่งก็คือการส่งเสริมและให้มีการ ี เผยแพร่วัฒนธรรมผ่านทางสืออินเทอร์เน็ตซึ่งสามารถทําได้งายและได้กลุ่มผู้รับข่าวสารมากยิ่งขึ้นการใช้ ่ ่ อินเทอร์เน็ตมีผลกระทบทั้งด้านบวกและลบ ผลกระทบทางด้านบวกเช่น สามารถได้รับความรู้และข้อมูล ข่าวสารมากยิ่งขึ้น ทําให้ประชาชนมีความรู้ สามารถหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์และทันสมัย ได้จากแหล่งข้อมูล ต่างๆ ในอินเทอร์เน็ต และยังทําให้สามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้สะดวก รวดเร็ว และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง สําหรับผลกระทบทางด้านลบ เช่น อาจจะทําให้เยาวชนได้รับข้อมูลหรือภาพในทางที่ไม่ดีได้ ดังนั้นผู้ปกครอง จําเป็นต้องช่วยดูแลบุตรหลานในการใช้อินเทอร์เน็ต เช่นดูแลให้ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการเรียน หรือเทคโนโลยีท่ทันสมัยและใช้ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น ไม่วาจะเป็นการส่งไปรษณีย์อเล็กทรอนิกส์หรือการ ี ่ ิ สนทนาบนเครือข่าย แต่อย่างไรก็ตามต้องใช้ด้วยความรอบคอบ ควรตระหนักถึงประโยชน์ที่จะได้รับ ใช้ สนทนาในเรื่องที่เป็นประโยชน์ และต้องตระหนักถึงความจําเป็นและความเหมาะในเรื่องของเวลาและเนื้อหาที่ ใช้ในการสนทนาด้วย ข้อควรระวัง การใช้งานอินเทอร์เน็ตในการส่งข้อมูลอาจจะทําให้เกิดความไม่เสมอภาคกันในเรื่องของ การรับข้อมูลข่าวสารได้ ยกตัวอย่าง เช่น ในขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เผยแพร่ข้อมูลเรื่องโรคระบาดผ่าน เครือข่ายอินเทอร์เน็ต คนที่อาศัยอยู่ในเมืองสามารถรับทราบข่าวนี้ได้และมีการเตรียมตัวเพื่อป้องกันโรค ระบาดเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นกับตน แต่คนที่อาศัยอยู่ในชนบทไม่สามารถรับข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตได้ อาจจะ เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์ เทคโนโลยี และความรู้ในการติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต ทําให้ไม่สามารถเตรียมตัว ป้องกันและติดโรคระบาดนี้ในที่สุด จะเห็นว่าจากตัวอย่างนี้ เป็นผลกระทบของอินเทอร์เน็ตในเรื่องของความ เสมอภาคในการรับข้อมูลข่าวสาร • มารยาท ระเบียบในการใช้อินเทอร์เน็ต การเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตของแต่ละคนมีจดประสงค์ที่แตกต่างกัน ุ บางคนต้องการเพียงส่งไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์ บางคนต้องการอ่านข่าว หรือประกาศข่าว บางคนต้องการใช้สําหรับติดต่อสื่อสาร บางคน ต้องการค้นหาข้อมูล หรือดาวน์โหลดโปรแกรม การใช้งานอินเทอร์เน็ตนั้นเป็นการใช้งานในกลุ่มบุคคลที่ หลากหลาย ดังนั้นการใช้งานอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้นั้นอาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้อื่นด้วยความตั้งใจหรือไม่กตาม็ นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ผู้ใช้งานทุกคนจึงจําเป็นต้องเรียนรู้เรื่องของมารยาทในการใช้อินเทอร์เน็ต
8.
เนื่องจากผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมีเป็นจํานวนมากและเพิ่มขึ้นทุกวัน ทําให้การส่งข่าวสารถึงกันอาจจะสร้าง ปัญหาให้กับผูใช้อ่นได้
้ ื และเพื่อประโยชน์สูงสุดขององค์กรจึงมีข้อปฏิบัติให้สมาชิกได้ใช้เครือข่ายร่วมกัน สมาชิกจึงต้องเรียนรู้และทําความเข้าใจในข้อบังคับนั้นและต้องรับผิดชอบต่อการกระทําของตนเองที่ใช้บริการ ต่างๆ บนเครือข่าย และไม่ละเมิดหรือกระทําการใดๆ ที่สร้างปัญหาและไม่เคารพกฎเกณฑ์ที่แต่ละองค์กรวาง ไว้ และจะต้องปฏิบติตามคําแนะนําของผู้บริหารเครือข่ายย่อยหรือองค์กรนั้นอย่างเคร่งครัด เครือข่ายไม่ได้ ั เป็นขององค์กรเดียว
Download