ݺߣ
Submit Search
การพัฒนาสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ ม.3
•
Download as PPSX, PDF
•
0 likes
•
21,263 views
Zax Chatdanai
การพัฒนาสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ ม.3
Read less
Read more
1 of 8
Download now
Downloaded 42 times
More Related Content
การพัฒนาสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ ม.3
1.
สมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ ความสามารถของระบบต่างๆ ในร่างกายประกอบด้วย ความสามารถเชิงสรีรวิทยาด้าน ต่างๆ
ที่ช่วยป้องกันบุคคลจากโรคที่มีสาเหตุจากภาวะการขาดการออกกาลังกาย นับเป็นปัจจัยหรือตัวบ่งชี้สาคัญของการมีสุขภาพดี ความสามารถหรือสมรรถนะ เหล่านี้ สามารถปรับปรุงพัฒนาและคงสภาพได้ โดยการออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ สมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพมีองค์ประกอบ ดังนี้
2.
1.องค์ประกอบของร่างกาย(BodyComposition) ตามปกติแล้วในร่างกายมนุษย์ประกอบด้วย กล้ามเนื้อ กระดูก
ไขมัน และ ส่วน อื่นๆ แต่ในส่วนของสมรรถภาพทางกายนั้น หมายถึง สัดส่วนปริมาณไขมันใน ร่างกายกับมวลร่างกายที่ปราศจากไขมัน โดยการวัดออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ ไขมัน (% fat)
3.
2.ความอดทนของระบบไหลเวียนเลือด(Cardiorespiratory Endurance) หมายถึง สมรรถนะเชิงปฏิบัติของระบบไหลเวียนเลือด (หัวใจ
หลอดเลือด) และระบบหายใจในการลาเลียงออกซิเจนไปยังเซลล์กล้ามเนื้อ ทาให้ร่างกาย สามารถยืนหยัดที่จะทางานหรือออกกาลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่เป็น ระยะเวลายาวนานได้
4.
3.ความอ่อนตัวหรือความยืดหยุ่น(Flexibility) หมายถึง พิสัยของการเคลื่อนไหวสูงสุดเท่าที่จะทาได้ของข้อต่อหรือกลุ่มข้อต่อ 4.ความอดทนของกล้ามเนื้อ (
Muscular Endurance ) หมายถึง ความสามารถของกล้ามเนื้อมัดใดมัดหนึ่งหรือกลุ่มกล้ามเนื้อ ในการหด ตัวซ้าๆ เพื่อต้านแรงหรือความสามารถในการหดตัวครั้งเดียวได้เป็นระยะเวลา ยาวนาน 5.ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ( Muscular Strength ) หมายถึง ปริมาณสูงสุดของแรงที่กล้ามเนื้อมัดใดมัดหนึ่งหรือ กลุ่มกล้ามเนื้อสามารถออกแรงต้านทานได้ ในช่วงการหดตัว 1 ครั้ง
5.
ความสามารถของร่างกายที่ช่วยให้บุคคลสามารถประกอบกิจกรรมทางกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นกีฬาได้ดีมีองค์ประกอบ6ด้านดังนี้ 1.ความคล่อง (Agility )หมายถึง
ความสามารถในการเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถควบคุมได้ 2.การทรงตัว (Balance) หมายถึง ความสามารถในการรักษาดุลของร่างกายเอาไว้ได้ทั้งในขณะอยู่ กับที่และเคลื่อนที่ 3.การประสานสัมพันธ์ ( Co-ordination)หมายถึง ความสามารถในการเคลื่อนไหวได้อย่าง ราบรื่น กลมกลืน และ มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการทางานประสารสอดคล้องระหว่างตา-มือ-เท้า 4.พลังกล้ามเนื้อ (Power) หมายถึง ความสามารถของกล้ามเนื้อส่วนหนึ่งส่วนใดหรือหลายๆ ส่วน ของร่างกายในการหดตัวเพื่อทางานด้วยความเร็วสูง แรงหรืองานที่ได้เป็นผลรวมของความแข็งแรง และความเร็วที่ใช้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เช่น การยืนอยู่กับที่ กระโดดไกล การทุ่มน้าหนัก เป็นต้น 5.เวลาปฏิกิริยาตอบสนอง ( Reaction time)หมายถึง ระยะเวลาที่ร่างกายใช้ในการตอบสนอง ต่อสิ่งเร้าต่างๆ เช่น แสง เสียง สัมผัส 6.ความเร็ว (Speed)หมายถึง ความสามารถในการเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่าง รวดเร็ว
6.
หลักการในการออกกาลังกาย 1.ปริมาณในการฝึก ( Volume) 2.ความหนักในการฝึก
( Intensity ) 3.ความบ่อยครั้ง/ ความถี่ในการฝึก ( Frequency ) 4.ระยะเวลาในการฝึก ( Duration ) 5.ระยะเวลาในการพักฟื้นสภาพร่างกาย ( Recovery ) 6.รูปแบบในการฝึก ( Pattern of Exercise )
7.
สิ่งที่ควรคานึงในการฝึกสมรรถภาพและทักษะกีฬา 1.ประวัติของผู้เข้ารับการฝึก เพศ วัย
ภูมิหลัง โรคภัยไข้เจ็บ 2.ความพร้อมทางด้านร่างกาย ความแข็งแรง อายุ รูปร่าง สัดส่วนของนักกีฬาที่จะเข้ารับการฝึก มีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใดกับชนิดและประเภทกีฬาที่จะทาการฝึก 3.อวัยวะหลักและรองในการออกกาลังกาย 4.เข้าใจระบบพลังงานที่ใช้ในการออกกาลังกาย 5.การจัดรูปแบบและขั้นตอนการฝึก ควรเริ่มจากง่ายไปหายาก จากเบาไปหาหนัก และ จากช้า ไปหาเร็ว ไม่ควรเร่งรัดข้ามขั้นตอนการฝึก 6.ไม่ควรฝึกทักษะ เมื่อร่างกายนักกีฬามีความเมื่อยล้า อ่อนเพลีย หรือ หมดแรง สิ่งที่ได้ไม่เป็น ผลตีต่อร่างกาย
8.
ระบบพลังงานร่างกาย เป็นการออกกาลังกายหรือประกอบกิจกรรมที่มีระยะเวลาสั้น ๆ (ต่ากว่า
10 วินาที ) สารอาหารที่ใช้เป็นแหล่งพลังงาน คือ คาร์โบไฮเดรท 2. แหล่งพลังงานจาก กรดแลคติค (ความเร็ว) 1. แหล่งพลังงานจาก ATP-PC (พลัง) เป็นการออกกาลังกายหรือประกอบกิจกรรมที่มีระยะเวลาประมาณ 10 วินาที ถึง 2 นาที สารอาหารที่ใช้เป็นแหล่งพลังงาน คือ คาร์โบไฮเดรทและ ไขมันบ้างเล็กน้อย 3. แหล่งพลังงานจากออกซิเจน (ความอดทน) เป็นการออกกาลังกาย หรือประกอบกิจกรรมที่มีระยะเวลานานกว่า 2 นาที ถึง หลายชั่วโมง สารอาหารที่ใช้เป็นพลังงาน คือ คาร์โบไฮเดรทและไขมัน
Download