ݺߣ
Submit Search
เทคโนโลยีสารสนเทศ บทที่ 4
•
Download as PPTX, PDF
•
1 like
•
354 views
N
Nuttapoom Tossanut
Follow
เทคโนโลยีสารสนเทศ บทที่ 4
Read less
Read more
1 of 9
Download now
Download to read offline
More Related Content
เทคโนโลยีสารสนเทศ บทที่ 4
1.
บทที่ 4 ระบบเครือข่ายและการสื่อสาร
2.
การติดต่อสื่อสารข้อมูลสมัยใหม่นี้ มีรากฐานมาจากความพยายามใน การเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์
โดยอาศัยระบบสื่อสารที่มีอยู่แล้ว เช่น โทรศัพท์ ดังนั้นการสื่อสารข้อมูลจึงอยู่ในขอบเขตที่จากัด ต่อมาเมื่อมีการใช้ คอมพิวเตอร์มากขึ้น ความต้องการในการติดต่อระหว่างคอมพิวเตอร์หลายเครื่องใน เวลาเดียวกัน ที่เรียกว่า ระบบเครื่อข่าย (Network) ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นเ็นลาดับ ในตอนเริ่มต้นของยุคสื่อสาร เมื่อ็ระมาณ พ.ศ. 2513-2515 ความ ต้องการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกันมีมากขึ้น แต่คอมพิวเตอร์ยังมีราคาสูงมาก เมื่อเทียบกับ อุ็กรณ์สื่อสารที่มีอยู่แล้วบางอย่าง การสื่อสารด้วยระบบเครือข่ายในระยะนั้นจึงเน้น การใช้คอมพิวเตอร์ที่ศูนย์คอมพิวเตอร์เ็นผู้ให้บริการแก่ผู้ใช้็ลายทางหลายคน เพื่อ ็ระหยัดค่าใช้จ่ายของระบบ อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/4.html บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
3.
ต่อมาเมื่อถึงยุคสมัยของไมโครคอมพิวเตอร์ พบว่าขีดความสามารถใน ด้านความเรวของการทางานของเมนเฟรม
มีความเรวมากกว่า 10 เท่า เมื่อเทียบกับ ไมโครคอมพิวเตอร์ตัวที่ดีที่สุด แต่ราคาของเมนเฟรมแพงกว่าไมโครคอมพิวเตอร์หลาย พันเท่า การใช้ไมโครคอมพิวเตอร์จึงแพร่หลายและกระจายออกไ็ การสื่อสารจึง กลายเ็นระบบเครือข่ายแบบกระจาย กล่าวคือ แทนที่จะออกแบบให้เครื่อง คอมพิวเตอร์็ลายทางต่อกับเมนเฟรม กเ็ลี่ยนเ็นระบบเครือข่ายที่ใช้คอมพิวเตอร์ต่อ กับเครื่องคอมพิวเตอร์แทน ลักษณะของเครือข่ายจึงเริ่มจากจุดเลก ๆ อาจจะอยู่บนแผงวงจร อิเลกทรอนิกส์เดียวกัน ขยายตัวใหญ่ขึ้นเ็นระบบที่ทางานร่วมกันในห้องทางาน ในตึก ระหว่างตึก ระหว่างสถาบัน ระหว่างเมือง ระหว่าง็ระเทศ การจัดแบ่งรู็แบบของ เครือข่ายคอมพิวเตอร์จึงแยกตามขนาดของเครือข่าย ดังตารางดังต่อไ็นี้ อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/4.html บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
4.
ระยะทางระหว่าง โพรเซสเซอร์ ลักษณะที่ตั้งของ โพรเซสเซอร์ ชื่อเรียกเครือข่าย 0.1 เมตร แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์
เครื่องจักรชนิดดาต้าโฟลว์ 1 เมตร ระบบเดียวกัน มัลติโพรเซสเซอร์ 10 เมตร ห้อง มัลติโพรเซสเซอร์ 100 เมตร ตัวอาคาร เครือข่ายท้องถิ่น 1 กิโลเมตร หน่วยงานเดียวกัน เครือข่ายท้องถิ่น 10 กิโลเมตร เมือง เครือข่ายท้องถิ่น 100 กิโลเมตร ประเทศ เครือข่ายระยะไกล 1000 กิโลเมตร ระหว่างประเทศ เครือข่ายระยะไกล 10000 กิโลเมตร ระหว่างดวงดาว เครือข่ายระยะไกลมาก อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/4.html บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ตาราง การแบ่งแยกลักษณะของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ตามระยะทางระหว่าง โพรเซสเซอร์
5.
ข้อมูลในรู็ของสัญญาณอิเลกทรอนิกส์ที่เกบในคอมพิวเตอร์สามารถ ส่งต่อ คัดลอก
จัดพิมพ์ ทาสาเนาได้ง่าย เมื่อเทียบกับการคัดลอกด้วยมือซึ่งต้องใช้เวลา มากและเสี่ยงต่อการทาข้อมูลผิดพลาดอีกด้วย วิธีการทางด้านการสื่อสารข้อมูล กาลัง ได้รับการนามา็ระยุกต์ใช้ในระบบสานักงานที่เรียกว่า ระบบสานักงานอัตโนมัติ (office automation) ระบบดังกล่าวนี้มักเรียกย่อกันสั้น ๆ ว่าโอเอ (OA) เ็นระบบที่ใช้ โ็รแกรมคอมพิวเตอร์มาช่วยในการทางานที่เกี่ยวกับเอกสารทั่วไ็ แล้วส่งไ็ยัง หน่วยงานต่าง ๆ ได้ด้วยไ็รษณีย์อิเลกทรอนิกส์เพื่อโอนย้ายแลกเ็ลี่ยนข้อมูลที่เกบ รวบรวมไว้ระหว่างแผนก ข้อมูลในรู็ของสัญญาณอิเลกทรอนิกส์ที่เกบในคอมพิวเตอร์สามารถ ส่งต่อ คัดลอก จัดพิมพ์ ทาสาเนาได้ง่าย เมื่อเทียบกับการคัดลอกด้วยมือซึ่งต้องใช้เวลา มากและเสี่ยงต่อการทาข้อมูลผิดพลาดอีกด้วย วิธีการทางด้านการสื่อสารข้อมูล กาลัง ได้รับการนามา็ระยุกต์ใช้ในระบบสานักงานที่เรียกว่า ระบบสานักงานอัตโนมัติ (office automation) ระบบดังกล่าวนี้มักเรียกย่อกันสั้น ๆ ว่าโอเอ (OA) เ็นระบบที่ใช้ โ็รแกรมคอมพิวเตอร์มาช่วยในการทางานที่เกี่ยวกับเอกสารทั่วไ็ แล้วส่งไ็ยัง หน่วยงานต่าง ๆ ได้ด้วยไ็รษณีย์อิเลกทรอนิกส์เพื่อโอนย้ายแลกเ็ลี่ยนข้อมูลที่เกบ รวบรวมไว้ระหว่างแผนก อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/4.html บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
6.
บทบาทที่สาคัญอีกบทบาทหนึ่ง คือ
การให้บริการข้อมูล หลาย็ระเทศ จัดให้มีฐานข้อมูลไว้บริการ เช่น ฐานข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ฐานข้อมูลงานวิจัย ฐานข้อมูลทางเศษรกิจ ฐานข้อมูลของสินค้าเครื่องอุ็โภคบริโภค ในมหาวิทยาลัยอาจมี ข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือและตาราวิชาการ หากผู้ใช้ต้องการข้อมูลใดกสามารถติดต่อ มายังศูนย์บริการข้อมูลนั้น การติดต่อจะผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทาให้การได้ข้อมูล เ็นไ็อย่างรวดเรว ความสาคัญของการสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ จึงเ็นสิ่ง ที่ตระหนักกันอยู่เสมอ ลองพิจารณาถึง็ระโยชน์ของการสื่อสารข้อมูลต่อไ็นี้ 1) การจัดเกบข้อมูลได้ง่ายและสื่อสารได้รวดเรว การจัดเกบข้อมูลซึ่งอยู่ใน รู็ของสัญญาณอิเลกทรอนิกส์ สามารถจัดเกบไว้ในแผ่นบันทึกที่มีความหนาแน่นสูง แผ่นบันทึกแผ่นหนึ่งสามารถบันทึกข้อมูลได้มากกว่า 1 ล้านตัวอักษร สาหรับการ สื่อสารข้อมูลนั้น ถ้าข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์ได้ด้วยอัตรา 120 ตัวอักษรต่อวินาทีแล้ว จะส่งข้อมูล 200 หน้าได้ในเวลา 40 นาที โดยที่ไม่ต้องเสียเวลามานั่ง็้ อนข้อมูล เหล่านั้นซ้าใหม่อีก อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/4.html บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
7.
2) ความถูกต้องของข้อมูล
โดย็กติมีการส่งข้อมูลด้วยสัญญาณทาง อิเลกทรอนิกส์จากจุดหนึ่งไ็ยังจุดอื่นด้วยระบบดิจิทัล วิธีการรับส่งนั้นจะมีการตรวจสอบสภาพ ของข้อมูลหากข้อมูลผิดพลาดกจะมีการรับรู้และพยายามหาวิธีการแก้ไขให้ข้อมูลที่ได้รับมี ความถูกต้อง โดยอาจให้ทาการส่งใหม่ หรือกรณีที่ผิดพลาดไม่มากนัก ฝ่ ายผู้รับอาจใช้ โ็รแกรมของตนแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องได้ 3) ความเรวของการทางาน โดย็กติสัญญาณของไฟฟ้ าจะเดินทางด้วย ความเรวเท่าแสง ทาให้การใช้คอมพิวเตอร์ส่งข้อมูลจากซีกโลกหนึ่งไ็ยังอีกซีกโลกหนึ่งหรือ ค้นหาข้อมูลจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ สามารถทาได้รวดเรว ความรวดเรวของระบบจะทาให้ ผู้ใช้สะดวกสบายอย่างยิ่ง เช่น บริษัทสายการบินทุกแห่งสามารถทราบข้อมูลของทุกเที่ยวบินได้ อย่างรวดเรว ทาให้การจองที่นั่งของสายการบินสามารถทาได้ทันที 4) ต้นทุน็ระหยัด การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ต่อเข้าหากันเ็นเครือข่ายเพื่อส่ง หรือสาเนาข้อมูลทาให้ราคาต้นทุนของการใช้ข้อมูลไม่แพง เมื่อเทียบกับการจัดส่งแบบวิธีอื่น นักคอมพิวเตอร์บางคนสามารถส่งโ็รแกรมให้กันและกันผ่านทางสายโทรศัพท์ได้ อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/4.html บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
8.
การสื่อสารข้อมูล (Data
Communications) หมายถึง กระบวนการถ่ายโอนหรือ แลกเ็ลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับ โดยผ่านช่องทางสื่อสาร เช่น อุ็กรณ์อิเลกทรอนิกส์ หรือ คอมพิวเตอร์เ็นตัวกลางในการส่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับเกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน เมื่อกล่าวถึงการติดต่อสื่อสาร ในอดีตอาจหมายถึงการพูดคุยกันของมนุษย์ซึ่งอาจเ็นการแสดงออกด้วย ท่าทาง การใช้ภาษาพูดหรือผ่านทางตัวอักษร โดยเ็นการสื่อสารในระยะใกล้ๆ ต่อมา เมื่อ เทคโนโลยี ก้าวหน้าได้มีการพัฒนาการสื่อสารเข้ากับการใช้งานอุ็กรณ์อิเลกทรอนิกส์ ทาให้สามารถสื่อสารได้ใน ระยะไกลขึ้นและสะดวกรวดเรวมากขึ้น เช่น การใช้โทรเลข โทรศัพท์ โทรสาร อีกทั้งตัวอุ็กรณ์ที่ใช้ใน การสื่อสารเองกได้รับการพัฒนาความสามารถขึ้นมาเ็นลาดับ และเข้ามามีบทบาทในทุกวงการ ดังนั้น ในยุคสารสนเทศนี้ การสื่อสารข้อมูลจึงหมายถึงการแลกเ็ลี่ยนข้อมูลข่าวสารซึ่งอาจอยู่ในรู็ของ ตัวอักษร ตัวเลข รู็ภาพ เสียงหรือวิดีทัศน์ ระหว่างอุ็กรณ์สื่อสาร โดยผ่านทางสื่อกลางในการสื่อสารซึ่ง อาจเ็นสื่อกลาง็ระเภทที่มีสายหรือไร้สายกได้ โดย็กติ องค์็ระกอบหลักของระบบสื่อสารข้อมูลมีอยู่ 5 อย่าง ได้แก่ 1. ข่าวสารหรือข้อมูล (message) 2. ผู้ส่ง (sender) 3. ผู้รับ (receiver) 4. สื่อกลาง (media) 5. โพรโทคอล (protocol อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/4.html การสื่อสารข้อมูล
9.
1. ผู้ส่งข่าวสารหรือแหล่งกาเนิดข่าวสาร
(source) อาจจะเ็นสัญญาณต่างๆ เช่นสัญญาณภาพ ข้อมูล และสียงเ็นต้น ในการติดต่อสื่อสารสมัยก่อนอาจจะใช้แสงไฟ ควันไฟ หรือท่าทางต่าง ๆ กนับว่าเ็นแหล่งกาเนิดข่าวสาร จัดอยู่ในหมวดหมู่นี้เช่นกัน 2. ผู้รับข่าวสารหรือจุดหมาย็ลายทางของข่าวสาร (sink) ซึ่งจะรับรู้จากสิ่งที่ผู้ส่งข่าวสาร หรือ แหล่งกาเนิดข่าวสารส่งผ่านมาให้ตราบใด ที่การติดต่อสื่อสารบรรลุวัตถุ็ระสงค์ ผู้รับสารหรือจุดหมาย็ลายทางของ ข่าวสารกจะได้รับข่าวสารนั้น ๆ ถ้าผู้รับสารหรือ จุดหมาย็ลายทางไม่ได้รับข่าวสาร กแสดงว่าการสื่อสารนั้นไม่็ระสบ ความสาเรจ กล่าวคือไม่มีการสื่อสารเกิดขึ้นนั่นเอง 3. ช่องสัญญาณ (channel) ในที่นี้อาจจะหมายถึงสื่อกลางหรือตัวกลางที่ข่าวสารเดินทางผ่าน อาจจะ เ็นอากาศ สายนาสัญญาณต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งของเหลว เช่น น้า น้ามัน เ็นต้น เ็รียบเสมือนเ็นสะพานที่จะให้ ข่าวสารข้ามจากฝั่งหนึ่งไ็ยังอีกฝั่งหนึ่ง 4. การเข้ารหัส (encoding) เ็นการช่วยให้ผู้ส่งข่าวสารและผู้รับข่าวสารมีความเข้าใจตรงกันในการสื่อ ความหมาย จึงมีความจาเ็นต้องแ็ลงความหมายนี้ การเข้ารหัสจึงหมายถึงการแ็ลงข่าวสารให้อยู่ในรู็พลังงาน ที่พร้อม จะส่งไ็ในสื่อกลาง ทางผู้ส่งมีความเข้าใจต้องตรงกันระหว่าง ผู้ส่งและผู้รับ หรือมีรหัสเดียวกัน การสื่อสารจึงเกิดขึ้นได้ 5. การถอดรหัส (decoding) หมายถึงการที่ผู้รับข่าวสารแ็ลงพลังงานจากสื่อกลางให้กลับไ็อยู่ในรู็ ข่าวสารที่ส่งมาจากผู้ส่งข่าวสาร โดยมีความเข้าในหรือรหัสตรงกัน 6. สัญญาณรบกวน (noise) เ็นสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ มักจะลดทอนหรือรบกวนระบบ อาจจะเกิดขึ้น ได้ทั้งทางด้านผู้ส่งข่าวสาร ผู้รับข่าวสาร และช่องสัญญาณ แต่ในการศึกษาขั้นพื้นฐานมักจะสมมติให้ทางด้านผู้ส่งข่าวสาร และผู้รับข่าวสารไม่มีความผิดพลาด ตาแหน่งที่ใช้วิเคราะห์ มักจะเ็นที่ตัวกลางหรือช่องสัญญาณ เมื่อไรที่รวมสัญญาณ รบกวนด้านผู้ส่งข่าวสารและด้านผู้รับข่าวสาร ในทาง็ฎิบัติมักจะใช้ วงจรกรอง (filter) กรองสัญญาณแต่ต้นทาง เพื่อให้ การสื่อสารมีคุณภาพดียิ่งขึ้นแล้วค่อยดาเนินการ เช่น การเข้ารหัสแหล่ง การสื่อสารข้อมูล อ้างอิง http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/4.html
Download