ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
By IamUser773
จบไปแล้วกับเรื่อง
1ค่าเฉลี่ยเลขคณิต
2ค่ามัธยฐาน
3ค่าฐานนิยม
หวังว่าคงเข้าใจไม่มากก็น้อยนะครับ ^^
โดยข้อมูลส่วนใหญ่ผมอ้างอิงจากหนังสือและก็อินเตอร์เน็ต
นะครับ ถ้าส่วนไหนอธิบายผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะครับ
การวัดการการกระจาย
(Measure of Dispersion)
การใช้สถิติเกี่ยวกับการวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลาง โดยค่าเหล่านั้นทาหน้าที่แทน
กลุ่มข้องข้อมูลเพียงอย่างเดียว เมื่อเรานาไปแปลความหมายของข้อมูล อาจทาให้
ข้อมูลไม่ชัดเจนและมีโอกาสคลาดเคลื่อนได้
โดยสิ่งที่ควรนามาพิจารควบคู่ไปกับการวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลางก็คือ ลักษณะ
การกระจายของข้อมูล
โดยลักษณะการกระจายของข้อมูล ก็คือข้อมูลแต่ละชุดมีค่าต่างกัน เราเรียกว่า
ข้อมูลชุดนั้นมีการกระจาย ตัวอย่าง
ข้อมูลชุดที่ 1 : 52 , 60 , 63 , 61 , 65
ถ้าหากข้อมูลชุดนั้นประกอบด้วยค่าที่แตกต่างกันมากเราจะเรียกว่า ข้อมูลมีการ
กระจายมาก
ข้อมูลชุดที่ 2 : 9 , 12 , 37 , 73 , 105
แต่ถ้าข้อมูลมีการกระจายน้อย หรือมีค่าใกล้เคียงกันเราจะเรียกว่าข้อมูลมีการ
กระจายน้อย
ข้อมูลชุดที่ 3 : 1 , 2 , 3 , 4 , 5
แต่ถ้าข้อมูลเหล่านั้นประกอบด้วยค่าต่างๆเท่ากัน เราเรียกว่าข้อมูลไม่มีการ
กระจาย
ข้อมูลชุดที่ 4 : : 35 , 35 , 35 , 35 , 35
ในการเปรียบเทียบข้อมูลหลายๆชุดว่าแตกต่างหรือไม่ จะต้องพิจารณาถึงค่าเฉลี่ย
และการกระจายของข้อมูลควบคู่กันไปด้วย เพื่อจะช่วยให้สรุปหรือแปล
ความหมายได้อยากถูกต้อง
Ex เด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งสอบวิชาภาษาไทยได้คะแนน
75 , 87 , 115 , 118 , 130
และเด็กกลุ่มที่2 ได้คะแนน
100 ,100 , 105 ,110 , 110
ถ้าเรานาข้อมูลด้านบนมาหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
ก็จะได้ค่าเฉลี่ยของคะแนน 2 ชุดนี้เท่ากันคือ 105
สรุปคือนักเรียนทั้ง2กลุ่มมีคะแนนสอบวิชาภาษาไทยอยู่ในระดับเดียวกัน
แต่เมื่อเราดูที่ข้อมูลทั้ง2ชุด จะเห็นว่า ข้อมูลชุดที่ 1 มีการกระจายมากกว่า ข้อมูล
ชุดที่ 2 จึงสรุปได้ว่าถ้าต้องการบรรยายลักษณะของข้อมูลให้ถูกต้องสมบูรณ์
จะต้องวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลางควบคู่ไปกับการวัดการกระจายด้วยเสมอ
การวัดการกระจายจะแบ่งได้ 2 แบบ คือ
1 การวัดการกระจายสัมบูรณ์
2 การวัดการกระจายสัมพัทธ์
การวัดการกระจายสัมบูรณ์
1. พิสัย(Range:R)
2. ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(Standard Deviation: S.D.,S,s)
พิสัยหรือ Range : R คือการหาพิสัยของข้อมูล โดยการนาข้อมูลที่
มีค่าสูงที่สุด ลบกับข้อมูลที่มีค่าต่าที่สุด เพื่อให้ได้ค่าที่เป็นช่วงของ
ข้อมูลที่มีการกระจายซึ่งสามารถบอกถึงความกว้างของข้อมูลชุด
นั้นๆ
โดยสูตรของมันคือ
พิสัย (R) = Xmax -Xmin
ตัวอย่างเช่น
จงหาพิสัยจากข้อมูลชุดนี้
25,19,32,29,19,21,22,31,19,20,15,22,23,20
ก่อนอื่นเราก็ทาการหาก่อนว่าข้อมูลไหนคือค่า
Xmax และข้อมูลไหนคือค่า Xmin โดยการหา
ข้อมูลที่มีค่ามากที่สุด และน้อยที่สุด
จงหาพิสัยจากข้อมูลชุดนี้
25,19,32,29,19,21,22,31,19,20,15,22,23,20
วิธีทา
Xmax = 32
Xmin = 15
ต่อมาก็นามาแทนค่าในสูตร R = Xmax - Xmin
32 – 15 = 17
R = 17
ดังนั้นความแตกต่างของข้อมูลสูงสุดกับข้อมูลต่าสุดมีค่าเท่ากับ 17
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(Standard Deviation: S.D.,S,s)
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็นค่าวัดการกระจายที่สาคัญทางสถิติ
เพราะเป็นค่าที่ใช้บอกถึงการกระจายของข้อมูลได้
ดีกว่าค่าพิสัย และค่าส่วนเบี่ยงเบนเฉลี่ย
โดยการหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานสามารถหาได้ 2 วิธี
1 การหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.) ในกรณีข้อมูลไม่ได้มีการ
แจกแจงความถี่
2 การหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.) ในกรณีข้อมูลมีการแจก
แจงความถี่
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็นค่าวัดการกระจายที่สาคัญทางสถิติ
เพราะเป็นค่าที่ใช้บอกถึงการกระจายของข้อมูลได้
ดีกว่าค่าพิสัย และค่าส่วนเบี่ยงเบนเฉลี่ย
กรณีไม่แจกแจงความถี่จะมีอยู่ 2 สูตรคือ
สูตรที่1
สูตรที่2
จาไว้ว่าในกรณีที่ค่า x มีค่าเป็นทศนิยมควรใช้สูตรที่2
ในการคานวณ เพื่อลดความยุ่งยากในการคานวณ
X คือ จานวนข้อมูล
X คือ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต
N คือจานวนข้อมูลทั้งหมด
จากข้อมูลต่อไปนี้จงหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1, 2, 4, 6, 8, 9
วิธีทา
ใช้สูตรที่ 2
ก่อนอื่นเราก็หาค่า n = 6
หาค่า โดยการนาข้อมูลมายกกาลัง 2 และนามารวมกันจะได้
1 + 4 + 16 + 36 + 64 + 91
212
=
=
=
=
ต่อมาก็หาค่า โดยการนาข้อมูลมาบวกกันและยกกาลัง2
1+2+4+6+8+9
=
=
30
2
= 900
แทนค่าสูตร นา 6 มาคูณกับ 212 และลบด้วย
900
นา 6 ลบ 1 และนามา
คูณ 6
นามาหารกัน
เมื่อได้คาตอบแล้ว
ก็นามาหาสแควรูท
12.40
ต่อมาก็นามาหาสแควรูท โดย
วิธีหาก็คือเราต้องทาให้ตัวเลข
เป็นเลขคู่ซะก่อนเพื่อง่ายใน
การหา เราก็เติม 0 เข้าไปเลย
12.40
ต่อมาเราก็หาว่าตัวเลขอะไรที่จานวน
เท่ากันแล้วคูณกันไม่เกิน12
3 * 3 = 9
และก็นาไปใส่ด้านบนและด้านข้าง
ซะ 3
3
9 ต่อมาก็ทาการลบกัน
และดึงตัวเลขลงมา
(ดึงลงมาเป็นคู่นะ)
3.40
12.40
ต่อมาเราก็ดึง 3 ลงมาแต่
ก่อนที่จะดึงลงมาเราก็นาไป
คูณ 2 ซะก่อน
3 * 2 = 6 3
3.
9 และก็นาทศนิยม
ออกไปและใส่ไว้
ด้านบนแทน
3406…
จากนั้นก็หาว่า 6… อะไร
ที่คูณกันแล้วใกล้เคียง
หรือเท่ากับ 340
12.403
3.5
9
34065
โดยตัวเลขที่จะนามาคูณกัน
ต้องเป็นเลขเดียวกัน
ยกตัวอย่าง
61 * 1 = 61
62 * 2 = 124
……
65 * 5 = 325
3255
12.40003
3. 5
9
34065
ต่อมาเราก็หาทศนิยมตาแหน่ง
ต่อไปโดยการเติม 0 เข้าไป2 ตัว
3255
1500
และก็ดึงลงมา ต่อไปก็ทา
เหมือนเดิมครับ
12.40003
3. 5
9
34065
โดยเอา 35 * 2 และดึงลงมา
ต่อไปก็หาตัวเลขที่คูณแล้วไม่
เกิน 1500
3255
150070…
*2
คาตอบก็จะได้
S.D. = 3.52
โปรดติดตามตอนต่อไปที่
http://droid-wizard.blogspot.com/

More Related Content

สถิติ เบื้องต้น 4