ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
Presentation วันลอยกระทง
ประเพณีวนลอยกระทงของแต่ ละภาค
ั
โดย
นางสาว นพรรษมล บุญเพชร
รหัส 5421302216 สาขาวิชา
ออกแบบประยุกต์ศิลป์
มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
ประวัตความเป็ นมาของวันลอยกระทง
ิ
ประเพณี ลอยกระทงนั้น ไม่มีหลักฐานระบุแน่ชดว่าเริ่ มตั้งแต่เมื่อใด แต่เชื่อว่าประเพณี น้ ี
ั
ได้สืบต่อกันมายาวนานตั้งแต่สมัยสุ โขทัย โดยในรัชสมัยพ่อขุนรามคําแหง เรี ยกประเพณี ลอย
่
กระทงนี้วา "พิธีจองเปรียญ" หรือ "การลอยพระประทีป" และมีหลักฐานจากศิลาจารึ กหลักที่ 1
กล่าวถึงงานเผาเทียนเล่นไฟว่าเป็ นงานรื่ นเริ งที่ใหญ่ที่สุดของกรุ งสุ โขทัย ทําให้เชื่อกันว่างาน
ดังกล่าวน่าจะเป็ นงานลอยกระทงอย่างแน่นอน
ในสมัยก่อนนั้นพิธีลอยกระทงจะเป็ นการลอยโคม โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
่ ั
เจ้าอยูหว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงสันนิษฐานว่า พิธีลอยกระทงเป็ นพิธีของพราหมณ์ จัดขึ้นเพื่อบูชา
เทพเจ้า 3 องค์ คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาได้นาพระพุทธศาสนาเข้าไป
ํ
เกี่ยวข้อง จึงให้มีการชักโคม เพื่อบูชาพระบรมสารี ริกธาตุ และลอยโคมเพื่อบูชารอยพระบาทของ
พระพุทธเจ้า
ก่อนที่นางนพมาศ หรื อ ท้าวศรี จุฬาลักษณ์ สนมเอกของพระร่ วงจะคิดค้นประดิษฐ์กระทง
่
ดอกบัวขึ้นเป็ นคนแรกแทนการลอยโคม ดังปรากฏในหนังสื อนางนพมาศที่วา
"ครั้ นวันเพ็ญเดือน 12 ข้าน้อยได้กระทําโคมลอย คิดตกแต่งให้งามประหลาดกว่าโคมสนม
กํานัลทั้งปวงจึงเลือกผกาเกษรสี ต่าง ๆ มาประดับเป็ นรู ปกระมุทกลีบบานรับแสงจันทร์ใหญ่
ประมาณเท่ากงระแทะ ล้วนแต่พรรณดอกไม้ซอนสี สลับให้เป็ นลวดลาย..."
้
เมื่อสมเด็จพระร่ วงเจ้าได้เสด็จฯ ทางชลมารค ทอดพระเนตรกระทงของนางนพมาศก็ทรง
พอพระราชหฤทัย จึงโปรดให้ถือเป็ นเยียงอย่าง และให้จดประเพณี ลอยกระทงขึ้นเป็ นประจําทุกปี
่
ั
่
โดยให้ใช้กระทงดอกบัวแทนโคมลอย ดังพระราชดํารัสที่วา "ตั้ งแต่น้ ีสืบไปเบื้องหน้า โดยลําดับ
กษัตริ ยในสยามประเทศถึงกาลกําหนดนักขัตฤกษ์วนเพ็ญเดือน 12 ให้ทาโคมลอยเป็ นรู ปดอกบัว
์
ั
ํ
อุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมมทานทีตราบเท่ากัลปาวสาน" พิธีลอยกระทงจึงเปลี่ยนรู ปแบบ
ตั้งแต่น้ นเป็ นต้นมา
ั
ประเพณี ลอยกระทงสื บต่อกันเรื่ อยมา จนถึงกรุ งรัตนโกสิ นทร์ตอนต้น สมัยรัชกาลที่ 1 ถึง
รัชกาลที่ 3 พระบรมวงศานุวงศ์ตลอดจนขุนนางนิยมประดิษฐ์กระทงใหญ่เพื่อประกวดประชันกัน
ซึ่งต้องใช้แรงคนและเงินจํานวนมาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงเห็นว่ า
เป็ นการสิ้นเปลือง จึงโปรดให้ ยกเลิกการประดิษฐ์ กระทงใหญ่ แข่ งขัน และโปรดให้ พระบรมวงศานุ
วงศ์ ทาเรือลอยประทีปถวายองค์ ละลําแทนกระทงใหญ่ และเรียกชื่อว่ า "เรือลอยประทีป" ต่อมาใน
ํ
รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ได้ทรงฟื้ นฟูพระราชพิธีน้ ีข้ ึนมาอีกครั้ง ปั จจุบนการลอยพระประทีป
ั
่ ั
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว ทรงกระทําเป็ นการส่ วนพระองค์ตามพระราชอัธยาศัย
เหตุผลและความเชื่อของการลอยกระทง
สาเหตุที่มีประเพณี ลอยกระทงขึ้นนั้น เกิดจากความเชื่อหลาย ๆ ประการของแต่ละท้องที่ ได้แก่
1.เพือแสดงความสํ านึกถึงบุญคุณของแม่ นําทีให้ เราได้ อาศัยนํากิน นําใช้ ตลอดจนเป็ นการขอ
่
้ ่
้
้
ขมาต่อพระแม่คงคา ที่ได้ทิ้งสิ่ งปฏิกลต่าง ๆ ลงไปในนํ้า อันเป็ นสาเหตุให้แหล่งนํ้าไม่สะอาด
ู
2.เพือเป็ นการสั กการะรอยพระพุทธบาทนัมมทานที เมื่อคราวที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดง
่
ธรรมโปรดในนาคพิภพ และได้ทรงประทับรอยพระบาทไว้บนหาดทรายแม่น้ านัมมทานที ซึ่งเป็ น
ํ
่
แม่น้ าสายหนึ่งอยูในแคว้นทักขิณาบถของประเทศอินเดีย ปั จจุบนเรี ยกว่าแม่น้ าเนรพุทท
ํ
ั
ํ
3.เพือเป็ นการสะเดาะเคราะห์ เพราะการลอยกระทงเปรี ยบเหมือนการลอยความทุกข์ ความ
่
โศกเศร้า โรคภัยไข้เจ็บ และสิ่ งไม่ดีต่าง ๆ ให้ลอยตามแม่น้ าไปกับกระทง คล้ายกับพิธีลอยบาปของ
ํ
พราหมณ์
4.เพือเป็ นการบูชาพระอุปคุต ที่ชาวไทยภาคเหนือให้ความเคารพ ซึ่งบําเพ็ญ
่
่
เพียรบริ กรรมคาถาอยูในท้องทะเลลึกหรื อสะดือทะเล โดยมีตานานเล่าว่าพระ
ํ
อุปคุตเป็ นพระมหาเถระรู ปหนึ่งที่มีอิทธิฤทธิ์มาก สามารถปราบพญามารได้
5.เพือรักษาขนบธรรมเนียมของไทยไว้มให้ สูญหายไปตามกาลเวลา และยัง
่
ิ
เป็ นการส่ งเสริ มการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
6.เพือความบันเทิงเริงใจ เนื่องจากการลอยกระทงเป็ นการนัดพบปะสังสรรค์
่
กันในหมู่ผไปร่ วมงาน
ู้
7.เพือส่ งเสริมงานฝี มือและความคิดสร้ างสรรค์ เพราะเมื่อมีเทศกาลลอย
่
กระทง มักจะมีการประกวดกระทงแข่งกัน ทําให้ผเู้ ข้าร่ วมได้เกิดความคิด
แปลกใหม่ และยังรักษาภูมิปัญญาพื้นบ้านไว้อีกด้วย
ประเพณีลอยกระทงในแต่ ละภาค
ภาคเหนือ
จังหวัดเชียงใหม่

ภาคเหนือ จะเรี ยกประเพณี ลอยกระทงว่า "ยีเ่ ป็ ง" อันหมายถึงการทําบุญในวัน
เพ็ญเดือนยี่ (เดือนยีถานับตามล้านนาจะตรงกับเดือนสิ บสองในแบบไทย) โดยชาวเหนือ
่ ้
จะนิยมประดิษฐ์โคมลอย หรื อที่เรี ยกว่า "ว่าวฮม" หรื อ "ว่าวควัน" โดยการใช้ผาบางๆ
้
แล้วสุ มควันข้างใต้ ให้โคมลอยขึ้นไปในอากาศ เพื่อเป็ นการบูชาพระอุปคุตต์ ซึ่งเชื่อกัน
่
ว่าท่านบําเพ็ญบริ กรรมคาถาอยูในท้องทะเลลึก หรื อสะดือทะเล ตรงกับคติของชาวพม่า
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
จังหวัดตาก

ประเพณี สาย ไหลประทีปพันดวง หรื อ การลอยกระทงสาย ถือเป็ น ประเพณี ของ
ชาวเมืองตากที่นาวิถีชีวตของบรรพชนมาผสมผสานเข้ากับความเชื่อ และหลัก
ํ
ิ
่
ศาสนา ชาวเมืองตากจะมีถ่ินอาศัยอยูบริ เวณริ มฝั่งแม่น้ าปิ ง วิถีชีวตของชาวตากจึงมีความ
ํ
ิ
ผูกพันกับสายนํ้าที่เปรี ยบเสมือนสายโลหิ ตที่หล่อ เลี้ยงชาวเมืองตากมานานหลายชัวอายุคน
่
ก่อให้เกิดประเพณี ที่แสดงออกถึงความกตัญ�ูในคืนวันเพ็ญเดือนสิ บสองชาวเมืองตากได้
จัดให้มีการขึ้น ประเพณี สาย ไหลประทีปพันดวง เกิดจากการร่ วมมือร่ วมใจของชาวบ้าน
ในหมู่บานเป็ นความเชื่อในการจัดทํากระทงนําไปลอย เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทของ
้
พระพุทธเจ้า อีกทั้งยังเป็ นการลอยทุกข์โศกโรคภัยให้พนไปจากตนเอง และขอขมาที่ได้
้
อาศัยแม่น้ าและทิ้งของเสี ย ถ่ายเทสิ่ งปฏิกลลงแม่น้ าปิ ง
ํ
ู
ํ
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
จังหวัดสุ โขทัย

เป็ นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีชื่อเสี ยงในเรื่ องประเพณี ลอยกระทง ด้วยความเป็ นจังหวัดต้น
กําเนิดของประเพณี น้ ี โดยการจัดงาน ลอยกระทงเผาเทียนเล่ นไฟ ที่จงหวัดสุ โขทัยถูกฟื้ นฟู
ั
กลับมาอีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ.2520 ซึ่งจําลองบรรยากาศงานมาจากงานลอยกระทงสมัยกรุ ง
สุ โขทัย และหลังจากนั้นก็มีการจัดงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟขึ้นที่จงหวัดสุ โขทัยทุก ๆ
ั
ปี มีท้ งการจัดขบวนแห่โคมชักโคมแขวน การเล่นพลุตะไล และไฟพะเนียง
ั
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
ประเพณีลอยกระทงภาคอีสาน
จังหวัดนครพนม

จังหวัดนครพนม จะตกแต่งเรื อแล้วประดับไฟ เป็ นรู ปต่างๆ เรี ยกว่า
“ไหลเรื อไฟ “โดยเฉพาะที่จงหวัดนครพนม เพราะมีความงดงามและอลังการที่สุด
ั
ในภาคอีสาน
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
ประเพณีลอยกระทงภาคกลาง
การลอยกระทงของภาคกลางซึ่ งเป็ นที่มาของการลอยกระทงที่นิยมปฏิบติกนทั้งประเทศ
ั ั
นั้น มีหลักฐานว่าในสมัยกรุ งศรี อยุธยาเป็ นราชธานีมีพระราชพิธี “จองเปรี ยงลดชุดลอยโคม”
่
ในสมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุ งรัตนโกสิ นทร์เรี ยกพิธีน้ ีวา “ลอยพระประทีปกระทง” เนื่องจากโปรด
ให้ทาเป็ นกระทงใหญ่ บนแพหยวกกล้วย ตกแต่งอย่างวิจิตรพิศดารประกวดประชันกัน แต่ใน
ํ
รัชกาลต่อมาก็โปรดให้เปลี่ยนกลับเป็ นเรื อลอยพระประทีปแบบสมัยอยุธยา ในสมัยพระสมเด็จ
่ ั
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูหว รัชกาลที่ ๖ โปรดให้เลิก พิธีน้ ีเสี ยเพราะเห็นว่าเป็ นการสิ้ นเปลือง
กระทงของภาคกลางมี ๒ ประเภทคือ
กระทงแบบพุทธ
เป็ นกระทงที่ประดิษฐ์ดวยวัสดุธรรมชาติ เช่น ใบตอง ใบกระบือ ก้านพลับพลึง ใบโกศล หรื อ
้
่
วัสดุธรรมชาติที่หาได้ตามท้องถิ่นและประดับด้วยดอกไม้สดต่างๆ ภายในกระทงจะตั้งพุมทอง
่
น้อย ถ้ากระทงใหญ่จะใช้ ๓ พุม กระทงเล็กใช้พมเดียวและธูปไม้ระกํา ๑ ดอก เทียน ๑ เล่ม และ
ุ่
วัสดุต่างๆตามความเชื่อของคนในท้องถิ่น
กระทงแบบพราหมณ์
วิธีการทําเช่นเดียวกับการทํากระทงแบบพุทธ จะแตกต่างกัน คือไม่ มีเครื่ องทองน้อย บางท้องถิ่น
จะมีการใส่ หมากพลู เงินเหรี ยญ หรื อตัดเส้นผมเล็บมือ เล็บเท้า เพื่อเป็ นการสะเดาะเคราะห์ไปใน
ตัว เป็ นพิธีความเชื่อของผูที่นบถือศาสนาพรามณ์
้ ั
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
ประเพณีลอยกระทงของภาคใต้

การลอยกระทงของชาวใต้ส่วนใหญ่นาเอาหยวกมาทําเป็ นแพบรรจุเครื่ องอาหาร
ํ
ํ
แล้วลอยไปแต่มีขอน่าสังเกตคือ การลอยกระทงทางภาคใต้ ไม่ มีกาหนดว่าเป็ น
้
กลางเดือน ๑๒ หรื อเดือน ๑๑ ดังกล่าวแล้ว แต่จะลอยเมื่อมีโรคภัยไข้เจ็บ เพื่อให้หาย
โรคภัยไข้เจ็บที่ตนเป็ นอยู่ เป็ นการลอยเพื่อสะเดาะเคราะห์การตกแต่งเรื อหรื อแพลอย
เคราะห์ จะมีการแทงหยวก เป็ นลวดลายสวยงามประดับด้วยธงทิว ภายในบรรจุดอกไม้
ธูปเทียน เงินและเสบียงต่างๆ ตามความเชื่อของคนในท้องถิ่น
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
กิจกรรมวันลอยกระทง
ประกวดทํากระทง
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
ขอบคุณทุกคนทีรับชม
่
พบกันใหม่ โอกาสหน้ าค่ ะ ^^

More Related Content

วันลอยกระทง นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 ออกแบบประยุกต์ศิลป์

  • 1. Presentation วันลอยกระทง ประเพณีวนลอยกระทงของแต่ ละภาค ั โดย นางสาว นพรรษมล บุญเพชร รหัส 5421302216 สาขาวิชา ออกแบบประยุกต์ศิลป์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
  • 2. ประวัตความเป็ นมาของวันลอยกระทง ิ ประเพณี ลอยกระทงนั้น ไม่มีหลักฐานระบุแน่ชดว่าเริ่ มตั้งแต่เมื่อใด แต่เชื่อว่าประเพณี น้ ี ั ได้สืบต่อกันมายาวนานตั้งแต่สมัยสุ โขทัย โดยในรัชสมัยพ่อขุนรามคําแหง เรี ยกประเพณี ลอย ่ กระทงนี้วา "พิธีจองเปรียญ" หรือ "การลอยพระประทีป" และมีหลักฐานจากศิลาจารึ กหลักที่ 1 กล่าวถึงงานเผาเทียนเล่นไฟว่าเป็ นงานรื่ นเริ งที่ใหญ่ที่สุดของกรุ งสุ โขทัย ทําให้เชื่อกันว่างาน ดังกล่าวน่าจะเป็ นงานลอยกระทงอย่างแน่นอน ในสมัยก่อนนั้นพิธีลอยกระทงจะเป็ นการลอยโคม โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ่ ั เจ้าอยูหว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงสันนิษฐานว่า พิธีลอยกระทงเป็ นพิธีของพราหมณ์ จัดขึ้นเพื่อบูชา เทพเจ้า 3 องค์ คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาได้นาพระพุทธศาสนาเข้าไป ํ เกี่ยวข้อง จึงให้มีการชักโคม เพื่อบูชาพระบรมสารี ริกธาตุ และลอยโคมเพื่อบูชารอยพระบาทของ พระพุทธเจ้า ก่อนที่นางนพมาศ หรื อ ท้าวศรี จุฬาลักษณ์ สนมเอกของพระร่ วงจะคิดค้นประดิษฐ์กระทง ่ ดอกบัวขึ้นเป็ นคนแรกแทนการลอยโคม ดังปรากฏในหนังสื อนางนพมาศที่วา
  • 3. "ครั้ นวันเพ็ญเดือน 12 ข้าน้อยได้กระทําโคมลอย คิดตกแต่งให้งามประหลาดกว่าโคมสนม กํานัลทั้งปวงจึงเลือกผกาเกษรสี ต่าง ๆ มาประดับเป็ นรู ปกระมุทกลีบบานรับแสงจันทร์ใหญ่ ประมาณเท่ากงระแทะ ล้วนแต่พรรณดอกไม้ซอนสี สลับให้เป็ นลวดลาย..." ้ เมื่อสมเด็จพระร่ วงเจ้าได้เสด็จฯ ทางชลมารค ทอดพระเนตรกระทงของนางนพมาศก็ทรง พอพระราชหฤทัย จึงโปรดให้ถือเป็ นเยียงอย่าง และให้จดประเพณี ลอยกระทงขึ้นเป็ นประจําทุกปี ่ ั ่ โดยให้ใช้กระทงดอกบัวแทนโคมลอย ดังพระราชดํารัสที่วา "ตั้ งแต่น้ ีสืบไปเบื้องหน้า โดยลําดับ กษัตริ ยในสยามประเทศถึงกาลกําหนดนักขัตฤกษ์วนเพ็ญเดือน 12 ให้ทาโคมลอยเป็ นรู ปดอกบัว ์ ั ํ อุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมมทานทีตราบเท่ากัลปาวสาน" พิธีลอยกระทงจึงเปลี่ยนรู ปแบบ ตั้งแต่น้ นเป็ นต้นมา ั ประเพณี ลอยกระทงสื บต่อกันเรื่ อยมา จนถึงกรุ งรัตนโกสิ นทร์ตอนต้น สมัยรัชกาลที่ 1 ถึง รัชกาลที่ 3 พระบรมวงศานุวงศ์ตลอดจนขุนนางนิยมประดิษฐ์กระทงใหญ่เพื่อประกวดประชันกัน ซึ่งต้องใช้แรงคนและเงินจํานวนมาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงเห็นว่ า เป็ นการสิ้นเปลือง จึงโปรดให้ ยกเลิกการประดิษฐ์ กระทงใหญ่ แข่ งขัน และโปรดให้ พระบรมวงศานุ วงศ์ ทาเรือลอยประทีปถวายองค์ ละลําแทนกระทงใหญ่ และเรียกชื่อว่ า "เรือลอยประทีป" ต่อมาใน ํ รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ได้ทรงฟื้ นฟูพระราชพิธีน้ ีข้ ึนมาอีกครั้ง ปั จจุบนการลอยพระประทีป ั ่ ั ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว ทรงกระทําเป็ นการส่ วนพระองค์ตามพระราชอัธยาศัย
  • 4. เหตุผลและความเชื่อของการลอยกระทง สาเหตุที่มีประเพณี ลอยกระทงขึ้นนั้น เกิดจากความเชื่อหลาย ๆ ประการของแต่ละท้องที่ ได้แก่ 1.เพือแสดงความสํ านึกถึงบุญคุณของแม่ นําทีให้ เราได้ อาศัยนํากิน นําใช้ ตลอดจนเป็ นการขอ ่ ้ ่ ้ ้ ขมาต่อพระแม่คงคา ที่ได้ทิ้งสิ่ งปฏิกลต่าง ๆ ลงไปในนํ้า อันเป็ นสาเหตุให้แหล่งนํ้าไม่สะอาด ู 2.เพือเป็ นการสั กการะรอยพระพุทธบาทนัมมทานที เมื่อคราวที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดง ่ ธรรมโปรดในนาคพิภพ และได้ทรงประทับรอยพระบาทไว้บนหาดทรายแม่น้ านัมมทานที ซึ่งเป็ น ํ ่ แม่น้ าสายหนึ่งอยูในแคว้นทักขิณาบถของประเทศอินเดีย ปั จจุบนเรี ยกว่าแม่น้ าเนรพุทท ํ ั ํ 3.เพือเป็ นการสะเดาะเคราะห์ เพราะการลอยกระทงเปรี ยบเหมือนการลอยความทุกข์ ความ ่ โศกเศร้า โรคภัยไข้เจ็บ และสิ่ งไม่ดีต่าง ๆ ให้ลอยตามแม่น้ าไปกับกระทง คล้ายกับพิธีลอยบาปของ ํ พราหมณ์
  • 5. 4.เพือเป็ นการบูชาพระอุปคุต ที่ชาวไทยภาคเหนือให้ความเคารพ ซึ่งบําเพ็ญ ่ ่ เพียรบริ กรรมคาถาอยูในท้องทะเลลึกหรื อสะดือทะเล โดยมีตานานเล่าว่าพระ ํ อุปคุตเป็ นพระมหาเถระรู ปหนึ่งที่มีอิทธิฤทธิ์มาก สามารถปราบพญามารได้ 5.เพือรักษาขนบธรรมเนียมของไทยไว้มให้ สูญหายไปตามกาลเวลา และยัง ่ ิ เป็ นการส่ งเสริ มการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ 6.เพือความบันเทิงเริงใจ เนื่องจากการลอยกระทงเป็ นการนัดพบปะสังสรรค์ ่ กันในหมู่ผไปร่ วมงาน ู้ 7.เพือส่ งเสริมงานฝี มือและความคิดสร้ างสรรค์ เพราะเมื่อมีเทศกาลลอย ่ กระทง มักจะมีการประกวดกระทงแข่งกัน ทําให้ผเู้ ข้าร่ วมได้เกิดความคิด แปลกใหม่ และยังรักษาภูมิปัญญาพื้นบ้านไว้อีกด้วย
  • 6. ประเพณีลอยกระทงในแต่ ละภาค ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคเหนือ จะเรี ยกประเพณี ลอยกระทงว่า "ยีเ่ ป็ ง" อันหมายถึงการทําบุญในวัน เพ็ญเดือนยี่ (เดือนยีถานับตามล้านนาจะตรงกับเดือนสิ บสองในแบบไทย) โดยชาวเหนือ ่ ้ จะนิยมประดิษฐ์โคมลอย หรื อที่เรี ยกว่า "ว่าวฮม" หรื อ "ว่าวควัน" โดยการใช้ผาบางๆ ้ แล้วสุ มควันข้างใต้ ให้โคมลอยขึ้นไปในอากาศ เพื่อเป็ นการบูชาพระอุปคุตต์ ซึ่งเชื่อกัน ่ ว่าท่านบําเพ็ญบริ กรรมคาถาอยูในท้องทะเลลึก หรื อสะดือทะเล ตรงกับคติของชาวพม่า
  • 11. จังหวัดตาก ประเพณี สาย ไหลประทีปพันดวง หรื อ การลอยกระทงสาย ถือเป็ น ประเพณี ของ ชาวเมืองตากที่นาวิถีชีวตของบรรพชนมาผสมผสานเข้ากับความเชื่อ และหลัก ํ ิ ่ ศาสนา ชาวเมืองตากจะมีถ่ินอาศัยอยูบริ เวณริ มฝั่งแม่น้ าปิ ง วิถีชีวตของชาวตากจึงมีความ ํ ิ ผูกพันกับสายนํ้าที่เปรี ยบเสมือนสายโลหิ ตที่หล่อ เลี้ยงชาวเมืองตากมานานหลายชัวอายุคน ่ ก่อให้เกิดประเพณี ที่แสดงออกถึงความกตัญ�ูในคืนวันเพ็ญเดือนสิ บสองชาวเมืองตากได้ จัดให้มีการขึ้น ประเพณี สาย ไหลประทีปพันดวง เกิดจากการร่ วมมือร่ วมใจของชาวบ้าน ในหมู่บานเป็ นความเชื่อในการจัดทํากระทงนําไปลอย เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทของ ้ พระพุทธเจ้า อีกทั้งยังเป็ นการลอยทุกข์โศกโรคภัยให้พนไปจากตนเอง และขอขมาที่ได้ ้ อาศัยแม่น้ าและทิ้งของเสี ย ถ่ายเทสิ่ งปฏิกลลงแม่น้ าปิ ง ํ ู ํ
  • 16. จังหวัดสุ โขทัย เป็ นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีชื่อเสี ยงในเรื่ องประเพณี ลอยกระทง ด้วยความเป็ นจังหวัดต้น กําเนิดของประเพณี น้ ี โดยการจัดงาน ลอยกระทงเผาเทียนเล่ นไฟ ที่จงหวัดสุ โขทัยถูกฟื้ นฟู ั กลับมาอีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ.2520 ซึ่งจําลองบรรยากาศงานมาจากงานลอยกระทงสมัยกรุ ง สุ โขทัย และหลังจากนั้นก็มีการจัดงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟขึ้นที่จงหวัดสุ โขทัยทุก ๆ ั ปี มีท้ งการจัดขบวนแห่โคมชักโคมแขวน การเล่นพลุตะไล และไฟพะเนียง ั
  • 20. ประเพณีลอยกระทงภาคอีสาน จังหวัดนครพนม จังหวัดนครพนม จะตกแต่งเรื อแล้วประดับไฟ เป็ นรู ปต่างๆ เรี ยกว่า “ไหลเรื อไฟ “โดยเฉพาะที่จงหวัดนครพนม เพราะมีความงดงามและอลังการที่สุด ั ในภาคอีสาน
  • 25. ประเพณีลอยกระทงภาคกลาง การลอยกระทงของภาคกลางซึ่ งเป็ นที่มาของการลอยกระทงที่นิยมปฏิบติกนทั้งประเทศ ั ั นั้น มีหลักฐานว่าในสมัยกรุ งศรี อยุธยาเป็ นราชธานีมีพระราชพิธี “จองเปรี ยงลดชุดลอยโคม” ่ ในสมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุ งรัตนโกสิ นทร์เรี ยกพิธีน้ ีวา “ลอยพระประทีปกระทง” เนื่องจากโปรด ให้ทาเป็ นกระทงใหญ่ บนแพหยวกกล้วย ตกแต่งอย่างวิจิตรพิศดารประกวดประชันกัน แต่ใน ํ รัชกาลต่อมาก็โปรดให้เปลี่ยนกลับเป็ นเรื อลอยพระประทีปแบบสมัยอยุธยา ในสมัยพระสมเด็จ ่ ั พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูหว รัชกาลที่ ๖ โปรดให้เลิก พิธีน้ ีเสี ยเพราะเห็นว่าเป็ นการสิ้ นเปลือง กระทงของภาคกลางมี ๒ ประเภทคือ กระทงแบบพุทธ เป็ นกระทงที่ประดิษฐ์ดวยวัสดุธรรมชาติ เช่น ใบตอง ใบกระบือ ก้านพลับพลึง ใบโกศล หรื อ ้ ่ วัสดุธรรมชาติที่หาได้ตามท้องถิ่นและประดับด้วยดอกไม้สดต่างๆ ภายในกระทงจะตั้งพุมทอง ่ น้อย ถ้ากระทงใหญ่จะใช้ ๓ พุม กระทงเล็กใช้พมเดียวและธูปไม้ระกํา ๑ ดอก เทียน ๑ เล่ม และ ุ่ วัสดุต่างๆตามความเชื่อของคนในท้องถิ่น กระทงแบบพราหมณ์ วิธีการทําเช่นเดียวกับการทํากระทงแบบพุทธ จะแตกต่างกัน คือไม่ มีเครื่ องทองน้อย บางท้องถิ่น จะมีการใส่ หมากพลู เงินเหรี ยญ หรื อตัดเส้นผมเล็บมือ เล็บเท้า เพื่อเป็ นการสะเดาะเคราะห์ไปใน ตัว เป็ นพิธีความเชื่อของผูที่นบถือศาสนาพรามณ์ ้ ั
  • 30. ประเพณีลอยกระทงของภาคใต้ การลอยกระทงของชาวใต้ส่วนใหญ่นาเอาหยวกมาทําเป็ นแพบรรจุเครื่ องอาหาร ํ ํ แล้วลอยไปแต่มีขอน่าสังเกตคือ การลอยกระทงทางภาคใต้ ไม่ มีกาหนดว่าเป็ น ้ กลางเดือน ๑๒ หรื อเดือน ๑๑ ดังกล่าวแล้ว แต่จะลอยเมื่อมีโรคภัยไข้เจ็บ เพื่อให้หาย โรคภัยไข้เจ็บที่ตนเป็ นอยู่ เป็ นการลอยเพื่อสะเดาะเคราะห์การตกแต่งเรื อหรื อแพลอย เคราะห์ จะมีการแทงหยวก เป็ นลวดลายสวยงามประดับด้วยธงทิว ภายในบรรจุดอกไม้ ธูปเทียน เงินและเสบียงต่างๆ ตามความเชื่อของคนในท้องถิ่น