ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการจาลองการทดลองของสาขา
ต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น
และเป็นโครงงานที่ผู้ทาต้องศึกษารวบรวมความรู้หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ
อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ใน
รูปของสูตร สมการ หรือคาอธิบาย พร้อมทั้งการจาลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมา
เป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนั้น ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้
ดียิ่งขึ้น การทาโครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญอยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี
ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี เช่น
- การทดลองเรื่องการไหลของของเหลว
- การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลา ปิรันย่า
- การทดลองเรื่องการมองเห็นวัตถุแบบสามมิติ
- กิจกรรมการไหลซึมของน้า
ความรู้พื้นฐาน
การไหลซึมของน้าสู่ดินขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น (เนื้อดิน และการกระจายของขนาด
อนุภาคดิน) และแรงดึงดูดระหว่างอนุภาคดินกับน้า ดินบางชนิดจะปล่อยให้น้าซึมผ่านได้อย่างรวดเร็วแล้วอุ้ม
น้าไว้ในดิน ซึ่งทาให้พืชสามารถดูดน้าไปใช้ได้ดีขึ้น ดินบางชนิดอาจปล่อยให้น้าซึมผ่านไปได้หมดภายใน
เวลา 2 - 3 วินาที ดินบางชนิดไม่ยอมให้น้าซึมผ่านเลย ดินที่เหมาะสาหรับการปลูกพืชควรมีสมบัติอย่างไร
ดินที่เหมาะสมสาหรับเป็นที่จอดรถหรือสนามเด็กเล่นควรมีสมบัติอย่างไร ถ้าดินอิ่มตัวไปด้วยน้าแล้วมีฝนตก
หนักบริเวณนั้นจะเกิดอะไรขึ้น นักเรียนจะปรับปรุงการอุ้มน้าของดินให้เหมาะสมได้อย่างไร ถ้าเพิ่ม
อินทรียวัตถุให้แก่ดิน ถ้ามีพืชขึ้นอยู่บนดิน ถ้าดินถูกอัดตัว หรือถ้าดินถูกไถพรวนเกิดอะไรขึ้นกับการไหลซึม
ของน้าสู่ดิน
น้าในดินเป็นตัวการสาคัญในการลาเลียงธาตุอาหารจากดินสู่พืชที่กาลังเจริญเติบโต พืชได้น้าจากการ
ดูดน้าจากดินของราก และได้อาหารที่ละลายอยู่ในน้าซึ่งอยู่ในดิน ดินจะมีธาตุอาหารพืชอยู่มากน้อยเพียงใด
ขึ้นอยู่กับว่าดินนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร จากวัตถุต้นกาเนิดอะไร และจัดเรียงตัวกันอย่างไร ชาวสวนและชาวนา
มักจะเติมธาตุอาหาร หรือ ปุ๋ย ลงในดินเพื่อจะเพิ่มธาตุอาหารของพืช
ขอบคุณ :
http://portal.edu.chula.ac.th/lesa_cd/assets/document/LESA212/8/
soil/passing_through/passing_through.html
การทดลอง: ลาแสงหักเห
เคยมองเห็นปลาหรือวัตถุต่าง ๆ ที่อยู่ในน้าใสบ้างหรือไม่ ว่าแต่ว่า ปลาหรือวัตถุเหล่านั้นอยู่
ตรงตาแหน่งที่เรามองเห็นหรือไม่ ชักจะสงสัยแล้วล่ะ ไปลองทาการทดลองกันเลยดีกว่า
ครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับกับผลการทดลอง ลักษณะของดินสอที่เรามองเห็นขณะที่อยู่ในแก้วที่มีน้า
กับดินสอที่อยู่ในแก้วที่ปราศจากน้ามีความแตกต่างกันอย่างไร เราจะเห็นว่าดินสอที่อยู่ใน
แก้วเปล่า จะเป็นแท่งตรงส่วนดินสอที่อยู่ในแก้วที่มีน้าจะมีลักษณะหักงอ และเมื่อมองจาก
ด้านบนลงไป ดินสอจะดูตื้นกว่าความเป็นจริง เช่นเดียวกับการที่เรามองเห็นปลาว่ายน้าไปมาอยู่
ใกล้ๆ ผิวน้า แต่จริง ๆ แล้ว ปลาว่ายน้าที่ระดับลึกกว่าที่เรามองเห็นมาก เนื่องจาก การหักเห
ของแสงนั่นเอง
การจะมองเห็นวัตถุใด ๆ ได้นั้นต้องมีแสงจากวัตถุสะท้อนมาเข้าตาเรา โดยวัตถุชนิดนั้น
อาจมีแสงสว่างในตัวเอง ทาให้เรามองเห็นได้ หรือ หากวัตถุชนิดนั้นไม่มีแสงสว่างในตัวเอง
จะต้องมีแสงจากแหล่งกาเนิดแสงอื่นมากระทบวัตถุนั้น แล้วสะท้อนเข้าตา จึงจะทาให้เรา
มองเห็นวัตถุนั้นได้ เมื่อแสงเคลื่อนที่ผ่านวัตถุที่มีความหนาแน่นที่ต่างกัน เช่นน้ากับ
อากาศ จะทาให้แสงเดินทางช้าลงหรือเร็วขึ้น มีผลทาให้แสงเบนไปจากแนวเดิม ตรง
บริเวณผิวรอยต่อของน้าและอากาศ เรียกแสงที่เปลี่ยนไปจากแนวเดิมนี้ว่า รังสีหักเห การ
ที่เรามองเห็นภาพของดินสอดูตื้นกว่าความเป็นจริง เนื่องจากแสงมีการเปลี่ยนทิศทาง
ออกไป เมื่อผ่านจากน้าออกสู่อากาศ ตาแหน่งที่เห็นดินสอจึงไม่ใช่ตาแหน่งที่แท้จริง เห็น
ไหมครับว่าบางครั้งสิ่งที่เราเห็นก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป ต้องทาการพิสูจน์เพื่อค้นหา
ความจริง
แหล่งที่มา:
http://www.nsm.or.th/nsm2009/index.php?option=c
om_nsmcontents&views=article&id=1688&Itemid=92
http://25092537.blogspot.com/2012/08/6.html

More Related Content

ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”

  • 2. โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการจาลองการทดลองของสาขา ต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็นโครงงานที่ผู้ทาต้องศึกษารวบรวมความรู้หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ใน รูปของสูตร สมการ หรือคาอธิบาย พร้อมทั้งการจาลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมา เป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนั้น ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้ ดียิ่งขึ้น การทาโครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญอยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี เช่น - การทดลองเรื่องการไหลของของเหลว - การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลา ปิรันย่า - การทดลองเรื่องการมองเห็นวัตถุแบบสามมิติ - กิจกรรมการไหลซึมของน้า
  • 3. ความรู้พื้นฐาน การไหลซึมของน้าสู่ดินขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น (เนื้อดิน และการกระจายของขนาด อนุภาคดิน) และแรงดึงดูดระหว่างอนุภาคดินกับน้า ดินบางชนิดจะปล่อยให้น้าซึมผ่านได้อย่างรวดเร็วแล้วอุ้ม น้าไว้ในดิน ซึ่งทาให้พืชสามารถดูดน้าไปใช้ได้ดีขึ้น ดินบางชนิดอาจปล่อยให้น้าซึมผ่านไปได้หมดภายใน เวลา 2 - 3 วินาที ดินบางชนิดไม่ยอมให้น้าซึมผ่านเลย ดินที่เหมาะสาหรับการปลูกพืชควรมีสมบัติอย่างไร ดินที่เหมาะสมสาหรับเป็นที่จอดรถหรือสนามเด็กเล่นควรมีสมบัติอย่างไร ถ้าดินอิ่มตัวไปด้วยน้าแล้วมีฝนตก หนักบริเวณนั้นจะเกิดอะไรขึ้น นักเรียนจะปรับปรุงการอุ้มน้าของดินให้เหมาะสมได้อย่างไร ถ้าเพิ่ม อินทรียวัตถุให้แก่ดิน ถ้ามีพืชขึ้นอยู่บนดิน ถ้าดินถูกอัดตัว หรือถ้าดินถูกไถพรวนเกิดอะไรขึ้นกับการไหลซึม ของน้าสู่ดิน น้าในดินเป็นตัวการสาคัญในการลาเลียงธาตุอาหารจากดินสู่พืชที่กาลังเจริญเติบโต พืชได้น้าจากการ ดูดน้าจากดินของราก และได้อาหารที่ละลายอยู่ในน้าซึ่งอยู่ในดิน ดินจะมีธาตุอาหารพืชอยู่มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับว่าดินนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร จากวัตถุต้นกาเนิดอะไร และจัดเรียงตัวกันอย่างไร ชาวสวนและชาวนา มักจะเติมธาตุอาหาร หรือ ปุ๋ย ลงในดินเพื่อจะเพิ่มธาตุอาหารของพืช ขอบคุณ : http://portal.edu.chula.ac.th/lesa_cd/assets/document/LESA212/8/ soil/passing_through/passing_through.html
  • 4. การทดลอง: ลาแสงหักเห เคยมองเห็นปลาหรือวัตถุต่าง ๆ ที่อยู่ในน้าใสบ้างหรือไม่ ว่าแต่ว่า ปลาหรือวัตถุเหล่านั้นอยู่ ตรงตาแหน่งที่เรามองเห็นหรือไม่ ชักจะสงสัยแล้วล่ะ ไปลองทาการทดลองกันเลยดีกว่า ครับ เป็นอย่างไรบ้างครับกับผลการทดลอง ลักษณะของดินสอที่เรามองเห็นขณะที่อยู่ในแก้วที่มีน้า กับดินสอที่อยู่ในแก้วที่ปราศจากน้ามีความแตกต่างกันอย่างไร เราจะเห็นว่าดินสอที่อยู่ใน แก้วเปล่า จะเป็นแท่งตรงส่วนดินสอที่อยู่ในแก้วที่มีน้าจะมีลักษณะหักงอ และเมื่อมองจาก ด้านบนลงไป ดินสอจะดูตื้นกว่าความเป็นจริง เช่นเดียวกับการที่เรามองเห็นปลาว่ายน้าไปมาอยู่ ใกล้ๆ ผิวน้า แต่จริง ๆ แล้ว ปลาว่ายน้าที่ระดับลึกกว่าที่เรามองเห็นมาก เนื่องจาก การหักเห ของแสงนั่นเอง
  • 5. การจะมองเห็นวัตถุใด ๆ ได้นั้นต้องมีแสงจากวัตถุสะท้อนมาเข้าตาเรา โดยวัตถุชนิดนั้น อาจมีแสงสว่างในตัวเอง ทาให้เรามองเห็นได้ หรือ หากวัตถุชนิดนั้นไม่มีแสงสว่างในตัวเอง จะต้องมีแสงจากแหล่งกาเนิดแสงอื่นมากระทบวัตถุนั้น แล้วสะท้อนเข้าตา จึงจะทาให้เรา มองเห็นวัตถุนั้นได้ เมื่อแสงเคลื่อนที่ผ่านวัตถุที่มีความหนาแน่นที่ต่างกัน เช่นน้ากับ อากาศ จะทาให้แสงเดินทางช้าลงหรือเร็วขึ้น มีผลทาให้แสงเบนไปจากแนวเดิม ตรง บริเวณผิวรอยต่อของน้าและอากาศ เรียกแสงที่เปลี่ยนไปจากแนวเดิมนี้ว่า รังสีหักเห การ ที่เรามองเห็นภาพของดินสอดูตื้นกว่าความเป็นจริง เนื่องจากแสงมีการเปลี่ยนทิศทาง ออกไป เมื่อผ่านจากน้าออกสู่อากาศ ตาแหน่งที่เห็นดินสอจึงไม่ใช่ตาแหน่งที่แท้จริง เห็น ไหมครับว่าบางครั้งสิ่งที่เราเห็นก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป ต้องทาการพิสูจน์เพื่อค้นหา ความจริง