ݺߣ
Submit Search
ครั้งที่ 6
•
Download as PPTX, PDF
•
2 likes
•
1,375 views
AJ Por
Follow
การบรรยายครั้งที่ ๖
Read less
Read more
1 of 10
Download now
Downloaded 16 times
More Related Content
ครั้งที่ 6
1.
กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจาวัน ครั้งที่ 6
2.
กฎหมายอาญา คือ กฎหมายที่บัญญัติว่าด้วยความผิดและกาหนด โทษไว้ ความมุ่งหมายของกฎหมายอาญาก็เพื่อควบคุมความประพฤติ ของบุคคลให้อยู่ในสังคมด้วยความเรียบร้อย
เพื่อที่จะคุ้มครองความ ปลอดภัยของสังคม กล่าวคือ กฎหมายอาญาทาหน้าที่รักษาโครงสร้าง ของสังคมให้มั่นคง และรักษาความสงบสุขของสมาชิกของสังคมโดย ส่วนรวม และในการที่จะบรรลุจุดมุ่งหมาย รัฐได้ใช้โทษทางอาญาเป็น เครื่องมือจัดการกับผู้กระทาผิด
3.
ลักษณะของกฎหมายอาญา 1. เป็นกฎหมายมหาชน 2. ว่าด้วยความผิดและโทษทางอาญา 3.
ตามปกติบังคับเฉพาะการกระทาในราชอาณาจักร 4. การกระทานั้นต้องมีกฎหมายกาหนดไว้ชัดแจ้ง 5 โทษที่ลงต้องเป็นโทษที่กฎหมายกาหนดไว้ 6. กฎหมายอาญาต้องตีความโดยเคร่งครัด 7. ไม่มีผลย้อนหลังในทางเป็นโทษ
4.
ความผิดทางอาญา 1 ความผิดต่อแผ่นดิน คือ
ความผิดที่มีผลกระทบต่อผู้ที่ถูกกระทา แล้วยังมีผลกระทบต่อสังคม รัฐจึงต้องเข้าดาเนินการเอาตัวผู้กระทาผิดมา ลงโทษให้ได้ แม้ผู้ที่ถูกกระทาจะไม่ติดใจเอาความกับผู้กระทาผิดต่อไปแล้วก็ ตาม เพื่อป้ องกันสังคม 2 ความผิดต่อส่วนตัว คือ ความผิดที่มีผลกระทบต่อผู้ที่ถูกกระทา แต่ไม่มีผลกระทบต่อสังคมโดยตรง ดังนั้น เมื่อผู้ที่ถูกกระทาจะไม่ติดใจเอาความ กับผู้กระทาผิดต่อไปแล้ว รัฐก็ไม่จาต้องเข้ไปดาเนินคดีกับผู้กระทาความผิดอีก ต่อไป การกระทาความผิดใดเป็นความผิดต่อแผ่นดินและความผิดต่อส่วนตัว นั้นมีหลักอยู่ว่า ความผิดใดเป็นความผิดต่อส่วนตัวต้องมีกฎหมายกาหนดไว้ โดยชัดแจ้ง ความผิดนอกจากนั้นถือเป็นความผิดต่อแผ่นดิน
5.
โทษอาญา วัตถุประสงค์ของการลงโทษผู้กระทาผิดกฎหมายอาญา 1. เพื่อปราบปรามอาชญากรรม 2. เพื่อป้
องกันสังคม โดยตัดผู้กระทาผิดออกจากสังคม 3. เพื่อแก้ไขผู้กระทาผิด 4. เพื่อตอบแทนหรือชดใช้สิ่งที่กระทาผิด โทษอาญาที่ใช้ลงแก่ผู้กระทาผิดมี ๕ ประการเท่านั้น คือ - ประหารชีวิต - จาคุก - กักขัง - ปรับ - ริบทรัพย์
6.
• บุคคลต้องรับโทษในทางอาญา 1 กระทาการอันกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทาบัญญัติเป็นความผิด
ตาม หลัก “ไม่มีความผิดโดยปราศจากกฎหมาย” 2 กฎหมายที่ใช้ในขณะกระทากาหนดโทษไว้ด้วย
7.
บุคคลต้องรับผิดในทางอาญา และรับโทษในทางอาญาเมื่อใด บุคคลต้องรับผิดในทางอาญา 1 ต้องมีการกระทา
= การเคลื่อนไหวหรือไม่เคลื่อนไหวร่างกายโดยรู้สานึกในการที่กระทา 2 การกระทาต้องครบองค์ประกอบ - การกระทาครบองค์ประกอบภายนอก = ผู้กระทา การกระทา วัตถุที่มุ่งหมายกระทา ต่อ - การกระทาครบองค์ประกอบภายใน เป็นการกระทาโดยเจตนา = กระทาโดยรู้สานึกในการที่กระทาและใน ขณะเดียวกันผู้กระทาประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทานั้น หลักบุคคลจะต้องรับผิดทางอาญาเมื่อได้กระทาโดยเจตนาเท่านั้น เว้นแต่มีกฎหมายไว้ว่า แม้ไม่ได้กระทาโดยเจตนาก็เป็นความผิด กระทาความผิดโดยประมาท กระทาความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทาโดย ปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และ ผู้กระทาอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาใช้ให้เพียงพอไม่ กระทาความผิดมิใช่โดยเจตนา ความผิดลหุโทษ 3 ไม่มีกฎหมายยกเว้นความผิด
8.
• เหตุยกเว้นความผิด - การป้
องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย - ผู้เสียหายยินยอมให้กระทา - มีกฎหมายอื่นให้อานาจกระทาได้ • เหตุยกเว้นโทษ - การกระทาความผิดด้วยความจาเป็น - การกระทาความผิดเพราะความบกพร่องทางจิต - การกระทาความผิดเพราะความมึนเมา - การกระทาตามคาสั่งของเจ้าพนักงาน - สามี ภริยา กระทาความผิดต่อกันในเรื่องทรัพย์ - เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี กระทาความผิด
9.
• เหตุลดหย่อนโทษ เป็นเหตุที่ศาลอาจลงโทษสถานเบาได้ •
ศาลเชื่อว่าบุคคลนั้นไม่รู้กฎหมาย • การกระทาโดยบันดาลโทสะ • บุพการีกับผู้สืบสันดาน หรือพี่น้องที่การกระทาความผิดเกี่ยวกับ ทรัพย์
10.
• เด็กและเยาวชนที่กระทาความผิด • เด็กและเยาวชนที่กระทาความผิดอาจกระทาไปเพราะขาดความสานึกเท่า ผู้ใหญ่
โทษสาหรับเด็กจึงต้องแตกต่างกับผู้ใหญ่โดยแบ่งออก เป็น 4 ระดับ คือ • อายุ ไม่เกิน 10 ปี ไม่ต้องรับโทษ • อายุกว่า 10 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี ไม่ต้องรับโทษ แต่ศาลอาจว่ากล่าว ตักเตือนและวางข้อกาหนดให้บิดามารดาปฏิบัติหรือส่งเด็กไปให้หน่วยงาน ของรัฐ (บ้านเมตตา)ดูแลอบรมสั่งสอนจนอายุครบ 18 ปี • อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี อาจใช้วิธีการดังกล่าวข้างต้นหรือลงโทษ เช่นเดียวกับผู้ใหญ่แต่ลดมาตราส่วนโทษลงกึ่งหนึ่ง • อายุกว่า 18 ปี แต่ไม่เกิน 20 ปี ลงโทษเช่นเดียวกับผู้ใหญ่แต่ลดมาตรา ส่วนโทษลง 1 ใน 3 หรือ กึ่งหนึ่ง
Download