�ݺ�ߣ

ที่มาและความสาคัญ
เนื่องจากสตรอเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่ทุกคนสามารถรับประทานได้และสามารถนาไป
เป็นแปรรูปอาหารได้หลายชนิด เช่น ขนมเบเกอร์รี่ต่างๆ เครื่องดื่ม แต่จะมีใครซักกี่คนที่รู้
ที่มาและประโยชน์ของสตรอเบอร์รี่ถึงจะมีประโยชน์มากก็ยังมีภัยร้ายแฝงมาด้วย คณะ
ผู้จัดทาจึงเล็งเห็น ควรมีการให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อช่วยให้ความรู้ที่ถูกต้องกับประชาชนคน
ไทยมากขึ้น จึงได้คิดหัวข้อในการทาโครงงานนี้ขึ้น คือ สตรอเบอร์รี่ ตามที่บางคนได้ยิน
ผลของสตรอเบอร์รี่ช่วยในเรื่องการมองเห็นให้ดีขึ้น ช่วยต้านมะเร็งต่างๆ แต่ยังมีอีกหลาย
อย่างที่ผลสตรอเบอรร์รี่ลูกเล็กๆสามารถช่วยได้ ไม่ว่าจะเป็นการลดน้าหนัก การชะลอ
ความแก่ ช่วยในการบารุงร่างกายหลังฟื้นไข้ บารุงโลหิต ประโยชน์ของสตรอเบอร์รี่ยังมี
อีกมาก คณะผู้จัดทาจึงทาเป็นเว็บบล็อกเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่จะศึกษาเกี่ยวกับ
สตรอเบอร์รี่ให้มากขึ้น

วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้ประชาชนรู้เรื่องที่มาและประโยชน์ของสตรอว์เบอร์รี่อย่างครบถ้วน
2. เพื่อนาประโยชน์ของสตรอว์เบอร์รี่ไปใช้ในชีวิตประจาวัน
3. ๶�พื่อ๶�ผยแผความรู้เกี่ยวกับสตรอว์๶�บอร์รี่

สตรอเบอร์รี่เป็นไม้ผลที่นิยมปลูกกันในหลายประเทศเช่น
สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และ ประเทศในทวีปยุโรป สาหรับประเทศไทยเรา
นั้น ปลูกกันมากในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย สตรอเบอร์รี่จัดเป็น
ผลไม้ที่มีราคาดีและให้ผลตอบแทนสูง สามารถจาหน่ายได้หลายรูปแบบ
คือ รูปผลสด และการแปรรูป เช่น การทาแยมสตรอเบอร์รี่ สตรอ
เบอร์รี่แช่แข็ง สตรอเบอร์รี่ลอยแก้ว น้าสตรอเบอร์รี่เข้มข้น และใช้ทาเป็น
ไวน์สตรอเบอร์รี่ สามารถทารายได้เข้าประเทศคิดเป็นมูลค่าปีละ เกือบ
200 ล้านบาท
สตรอเบอร์รี่

มีถิ่นกาเนิดอยู่ในทวีปอเมริกา และแพร่กระจายไปยังทวีปยุโรป ตลอดจนถึงซีก
โลกตะวันตก สาหรับการแพร่กระจายเข้ามาในประเทศไทยนั้น ชาวอังกฤษผู้หนึ่งได้นา ต้น
สตรอเบอร์รี่เข้ามาปลูกที่จังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2477 แต่การปลูกก็ยังคงปลูกอยู่
ใน วงแคบๆ ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2512 – 2514 โครงการหลวง ร่วมกับ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้นาสตรอเบอร์รี่จากต่างประเทศ เข้ามาทดลองปลูกใน
สถานีวิจัยดอยปุย จังหวัดเชียงใหม่ และได้คัดเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศของ
ประเทศไทยได้ 3 พันธุ์ ในปี พ.ศ. 2516 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรง
พระราชทาน สตรอเบอร์รี่ 3 พันธุ์แก่ชาวสวน เพื่อใช้ปลูกต่อไป สตรอเบอร์รี่ทั้ง 3 พันธุ์
ได้แก่ พันธุ์พระราชทานเบอร์ 13 (Cambridge Favorite) พระราชทานเบอร์ 16
(Tioga) และพันธุ์พระราชทานเบอร์ 20 (Sequoia)
ถิ่นกาเนิดของสตรอเบอร์รี่

ลักษณะของสตรอเบอร์รี่
สตรอเบอร์รี่ จัดอยู่ใน ตระกูล Rosaceae สกุล
Fragaria มีจานวนโครโมโซมพื้นฐาน n = 7 นิสัยการ
เจริญเติบโต เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปีขนาดเล็กที่มีลาต้นสั้นและ
หนา จนดูเหมือนว่าไม่มีลาต้น ทรงพุ่มกว้าง 20 – 30
เซนติเมตร สูง 15 – 20 เซนติเมตร ความสูงและทรงพุ่ม
แตกต่างไปตามพันธุ์

ลำต้น
ลาต้นของสตรอเบอร์รี่เรียกว่าคราวน์ (crown) เป็นส่วน
ของลาต้นที่สั้น โดยปกติมีขนาดยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร มี
ลักษณะเป็นข้อ ตามข้อมีตาหลายชนิดได้แก่ ตาที่เจริญไปเป็นใบ ตาที่
เจริญไปเป็นลาต้นแขนง ( branch crown ) ตาที่เจริญไปเป็นช่อ
ดอก และตาที่เจริญไปเป็นไหล โดยไหลสามารถเจริญไปเป็นต้นสตรอ
เบอร์รี่ใหม่และเกิดรากได้ ตาเหล่านี้อยู่ที่มุมของก้านใบ

ใบ
ลักษณะของใบสตรอเบอร์รี่จัดเป็นใบประกอบแบบมี 3 ใบย่อย
(trifoliate) หรือ บางครั้งเป็นแบบอันอิควอลลี อิมพาริพินเนท (unequally
imparipinnate) คือใบย่อยข้างๆทั้งคู่ซึ่งปกติมีขนาดเล็กกว่าใบย่อยกลาง
เล็กน้อย มีขนาดเล็กกว่าใบย่อยปกติมาก รูปร่างของแผ่นใบย่อยเป็นรูปไข่
ตอนบนของใบย่อยมีขอบเป็นหยักแบบฟันเลื่อย (dentate) ส่วนฐานของใบย่อย
มีขอบเรียบ (entire) ใบย่อยใบกลางมีฐานใบเป็นรูปลิ่ม ส่วนใบย่อยข้างๆมีฐาน
ใบไม่ได้สมมาตร (oblique) โดยฟากที่อยู่ข้างๆ ใบย่อยใบกลางมีขนาดเล็กกว่า
ฟากที่อยู่ด้านนอก ก้านช่อดอก(scape)มักมีความยาวใกล้เคียงกับก้านใบ

ดอก
เป็นช่อดอกแบบไซม์ (cyme) มีประมาณ 3- 5 ช่อๆละ 8 – 15 ดอก ก้าน
แขนง ก้านล่างสุดมีหูใบ ( stipule) และอาจมีแผ่นใบเล็กๆหุ้ม ก้านดอกยาวเรียว ในช่วงที่
ยัง เป็นดอกก้านดอกย่อยจะเหยียดตรงเมื่อติดผลก้านดอกย่อยจะโค้งงอลงสตรอเบอร์รี่
มีการออกดอกแบบโพลีกาโมไดโออีเชียส (polygamo dioecious) คือมีทั้งดอกตัวผู้
ดอกตัวเมียและดอกสมบูรณ์เพศ โดยมีดอกตัวผู้และดอกสมบูรณ์เพศอยู่บนต้นหนึ่งและมี
ดอกตัวเมียกับดอกสมบูรณ์เพศบนอีกต้นหนึ่งจะไม่พบต้นสตรอเบอร์รี่ที่มีดอกสมบูรณ์
เพศหรือมีทั้งดอกตัวผู้ และ ดอกตัวเมียอยู่บนต้นเดียวกันเลย
ดอกมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงสีเขียวมีจานวน 5 อัน
กลีบดอก สีขาวมีจานวน 5 อัน กลีบดอกแยกกันและอยู่รอบฐานรองดอก เกสรตัวผู้และ
เกสรตัวเมียมี สีเหลืองอยู่กลางดอก

ผล
จัดเป็นผลกลุ่ม (aggregate fruit) ผลย่อยแต่ละผลเรียกว่าอะคีน
(achene) อยู่บนผิวของผล แต่ละผลอาจมี ผลย่อยจานวน 20-500 ผล
ซึ่งแต่ละอันมีความยาว 1 มิลลิเมตร ผลของสตรอเบอร์รี่คือส่วนที่เจริญมา
จากฐานรองดอก (receptacle) พัฒนาไปสู่ส่วนที่รับประทานได้ ผลมีหลาย
รูปทรง เช่น ทรงกลม ทรงกลมแป้น ทรงกลมปลายแหลม ทรงแหลม ทรง
แหลมยาว ทรงลิ่มยาว และทรงลิ่มสั้น มีหลายขนาดขึ้นอยู่กับพันธุ์ ผลมีสี
เขียวในระยะแรก และค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาวเมื่อผลแก่จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม
รสเปรี้ยวอมหวาน

วิธีการปลูก
กำรเตรียมแปลงปลูก
สตรอเบอร์รี่สตรอเบอร์รี่มีระบบรากตื้นและต้องการดินที่มีการระบายน้าดีมาก ในการ
เตรียมดินถ้าดินเป็นกรดควรใส่ปูนขาวหรือโดโลไมท์ในอัตรา 60 – 80 กิโลกรัมต่อไร่เพื่อปรับสภาพดิน
พร้อมทั้ง ไถดะ ไถแปร และผึ่งดินไว้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ เพื่อกาจัดวัชพืชและเชื้อโรคในดิน หลังจาก
นั้นใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ที่ย่อยสลายแล้ว โดยหว่านทั่วแปลงในอัตรา 2 – 2.5 ตันต่อไร่ พร้อมทั้ง
ไถพรวน การไถพรวนควรทาในช่วงที่ดินมีความชื้นพอประมาณไม่ควรไถขณะที่ดินแห้ง หรือ เปียกแฉะ
เกินไป เพราะจะทาให้สภาพทางกายภาพของดินเสียไป ดินจะจับกันเป็นก้อนใหญ่ ทาให้รากเจริญได้ไม่ดี
และผิวหน้าดินแห้งเร็วเกินไป ควรไถให้ดินเป็นก้อน ขนาดประมาณ 0.5 – 1.0 นิ้ว หลังจากเตรียมดิน
เสร็จแล้วทาการเตรียมแปลงปลูกแบบยกร่องให้ฐานแปลงกว้าง 75 เซนติเมตร สูงประมาณ 20 –30
เซนติเมตร และมีสันแปลงเหลือกว้างประมาณ 50 เซนติเมตร เว้นทางเดินระหว่างแปลงไว้ประมาณ
20 – 30 เซนติเมตร แปลงปลูกควรวางอยู่ในแนว ทิศเหนือ – ใต้ เพื่อให้ต้นสตรอเบอร์รี่ได้รับแสงแดด
อย่างเต็มที่ตลอดวัน

กำรคลุมแปลง
วัตถุประสงค์ของการคลุมแปลงเพื่อช่วยรักษาความชื้นของดินในแปลงปลูก
และช่วย ควบคุมวัชพืชบนแปลง รวมทั้งป้องกันไม่ให้ผลผลิตสตรอเบอร์รี่เกิดการ
เสียหายเนื่องจากสัมผัส กับดิน นอกจากนี้การคลุมแปลงยังทาให้อุณหภูมิดินสูงขึ้น มี
ผลทาให้รากเจริญเติบโตได้ดี วัสดุคลุมแปลงที่ใช้กันได้แก่ฟางข้าว ใบหญ้าคา พลาสติก
ใบตองเหียงหรือใบตองตึง ซึ่งวัสดุคลุมแปลงแต่ละชนิดมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน
วัสดุที่นิยมใช้คลุมแปลงสตรอเบอร์รี่ได้แก่
1. ฟางข้าว เป็นวัสดุหาง่าย ราคาถูก แต่มักจะเน่าสลายได้เร็วต้องเติมอยู่
เสมอ และพบว่าบ่อยครั้งเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตเศษฟางจะติดไปกับผลสตรอเบอร์รี่ทา
ให้ผลเสียหาย ทาความสะอาดยากเป็นปัญหากับผู้ส่งออก

กำรคลุมแปลง
2. พลาสติก ในการผลิตสตรอเบอร์รี่ในบางรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกาได้นาเอา
พลาสติกสีดาขนาดหนา 1.0 – 1.5 มิลลิเมตร มาใช้เป็นวัสดุคลุมแปลงแทนฟางข้าว ข้อดีของ
พลาสติกสีดาในการคลุมแปลงคือ ให้ผลผลิตสูงขึ้น ผลสุกเร็วขึ้น ลดปัญหาเกี่ยวกับโรคเน่าใน
ดิน ลดปัญหา วัชพืช ทาให้ความชื้นในดินค่อนข้างคงที่ ลดผลแตก ผลสตรอเบอร์รี่สะอาด
สาหรับในประเทศไทยได้มีการนาเอาพลาสติกสีดามาคลุมแปลง แต่พบว่าทาให้อุณหภูมิดินใต้
พลาสติกสูง เป็นอันตรายต่อระบบราก และผลสตรอเบอร์รี่ที่แนบกับพลาสติกที่ร้อนจัดจะ
เสียหายเป็นรอยตาหนิ
3. ใบตองตึงหรือใบตองเหียง จัดเป็นวัสดุคลุมดินที่นิยมใช้กันมาก โดยนาใบตองตึง
หรือใบตองเหียงที่สานเป็นตับเช่นเดียวกันกับที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งแต่ละตับยาวประมาณ 1 เมตร
นาไปคลุมบนแปลงและขอบแปลง
วิธีการปลูกวิธีการปลูก

ระยะปลูก
ระยะปลูกที่แนะนากันในปัจจุบันคือ ระหว่างแถว 30 – 40
เซนติเมตร ระหว่างต้น 25 – 30 เซนติเมตร ปลูกแบบแถวคู่สลับฟัน
ปลา โดยทั่วไปจะใช้ไหลสาหรับปลูกประมาณ 8,000 – 10,000 ต้นต่อ
ไร่
การคัดเลือกต้นไหล ต้นไหลสตรอเบอร์รี่ควรมีขนาดลาต้น 0.8-1.0
เซนติเมตร มีใบ 3-5 ใบ และมะรากใหญ่สีขาวแข็งแรง

ภายหลังจากเตรียมแปลงปลูกและคลุมแปลงเรียบร้อยแล้ว ทาการเจาะวัสดุคลุมแปลงตามระยะ
ปลูกที่ต้องการ ขนาดของหลุมไม่ควรลึกเกินไป แล้วรองก้นหลุมด้วย ปุ๋ยคอกที่ย่อยสลายแล้วอัตรา 30 กรัม
ต่อต้นโดยผสมคลุกเคล้าให้เข้ากับดิน ในการปลูกต้นไหลนั้นระดับรอยต่อของรากและลาต้นต้องพอดีกับระดับ
ผิวดิน ไม่ปลูกลึกหรือตื้นเกินไป ถ้าปลูกลึกจนกระทั่งลาต้นต่ากว่าผิวดิน คราวน์ (crown) ซึ่งมีจุดเจริญเป็นที่
เกิดของใบ ไหล และช่อดอก จะจมอยู่ต่ากว่าระดับผิวดิน ดินจะบีบรัดยอด ทาให้ต้นเจริญเติบโตได้ช้า แตกตา
ช้า นอกจากนี้บริเวณยอดจะมีความชื้นสูงอาจทาให้ยอดเน่าตายได้ แต่ถ้าปลูกตื้นคือปลูกต้นไหลแล้วรากลอย
ขึ้นมาเหนือผิวดิน ทาให้รากถูกอากาศและแห้ง ต้นเจริญเติบโตช้า ไม่สมบูรณ์และอาจเป็นสาเหตุให้ต้นตายได้
เช่นกัน
การปลูกควรใช้ขั้วไหลด้านที่เจริญมาจาก ต้นแม่หันเข้ากลางแปลงเพื่อให้ผลสตรอเบอร์รี่เจริญอยู่
ด้านนอกของแปลงได้รับแสงแดดเต็มที่ จึงทาให้รสชาติดี สะดวกในการเก็บเกี่ยว ต้นไหลที่นามาปลูกควรมี
ขนาดพอเหมาะคือขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ของต้นประมาณ 10 – 13 มิลลิเมตรไม่แก่หรืออ่อนเกินไป การใช้ต้น
ไหลที่ผ่านการชักนาให้เกิด ตาดอกจากพื้นที่สูงแล้วจะให้ผลผลิตเร็วและมีช่วงการเก็บเกี่ยวยาวนานขึ้น

ฤดูปลูก
ควรปลูกในช่วงปลายฤดูฝน คือ ตั้งแต่
กลางเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม ผลจะเริ่มเก็บ
เกี่ยวได้ในช่วงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนเมษายน

การดูแลรักษา
ก. กำรให้นำ
เนื่องจากสตรอเบอร์รี่เป็นพืชที่มีระบบรากตื้นอยู่ใกล้ผิวดิน รากส่วนใหญ่อยู่ลึกประมาณ
20-30 เซนติเมตร จากผิวดิน จึงจาเป็นต้องระวังในเรื่องการให้น้าเป็นพิเศษ ควรรักษาความชื้นใน
ดินอย่างสม่าเสมอ ถ้าหากดินมีความชื้นต่าหรือดินแห้งจะทาให้สตรอเบอร์รี่มีการเจริญเติบโตลดลง
แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าดินมีความชื้นมากเกินไปจนถึงระดับแฉะน้าจะทาให้รากเน่า และต้นอ่อนแอต่อ
การเข้าทาลายของเชื้อโรคมากยิ่งขึ้น การให้น้าสตรอเบอร์รี่ขึ้นอยู่กับระยะการเจริญเติบโต ในช่วงแรก
ของการปลูกควรรดน้าทุกวันๆละครั้ง เมื่อต้นตั้งตัวได้แล้วอาจทิ้งระยะการให้น้าห่างกัน 2-3 วันต่อ
ครั้ง ในช่วงให้ผลผลิตควรให้น้าวันละครั้ง ทั้งนี้ต้องพิจารณาถึงวิธีการให้น้าด้วย วิธีการให้น้าของ
เกษตรกรผู้ปลูกสตรอเบอร์รี่ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการหาบน้ารด หรือปล่อยน้าเข้าร่องสวนแล้ววิดสาดแต่
มีเกษตรกรบางรายให้น้าโดยระบบ น้าหยดซึ่งมีข้อดีคือ ควบคุมปริมาณน้าได้ทาให้ประหยัดน้าและลด
ปัญหาโรคและวัชพืช แต่การติดตั้งระบบน้าหยดใช้ต้นทุนสูง

ข. กำรให้ปุ๋ย
การให้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพนั้นควรวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารในดินและ
ในใบเพื่อนามาประกอบการพิจารณา ในดินนั้นควรวิเคราะห์ทุกๆ 2 ปี Galletla and
Bringhurst (1990)
ได้กล่าวถึงปริมาณธาตุอาหารในใบของต้นสตรอเบอร์รี่ที่ให้ผลผลิตอยู่ใน
เกณฑ์ที่น่าพอใจว่าควรมีไนโตรเจน 2.8% ฟอสฟอรัส 0.2% โพแทสเซียม 1.1 %
แคลเซียม 0.3% แมกนีเซียม 0.18% แมงกานีส 30 มก./กก. สังกะสี 20 มก./กก.
โบรอน 25 มก./กก. ทองแดง 5 มก./กก. กามะถัน 100 มก./กก. เหล็ก 50 มก./
กก. และโมลิบดินั่ม 0.5 มก./กก.ในรัฐฟลอริดาแนะนาให้ใช้ปุ๋ยไนโตรเจน 27.0-36.0
กิโลกรัมต่อไร่ โดยให้เป็นแถบระหว่างแถวลึก 1-2 นิ้วส่วนโพแทสเซียมให้แบบหว่านถ้าเป็น
ดินที่มีโพแทสเซียมต่าจะให้ในอัตรา 32.0-36.0 กิโลกรัมต่อไร่

ข. กำรให้ปุ๋ย
ถ้าดินมีธาตุโพแทสเซียมสูงจะให้ในอัตราต่าคือ 24.0-27.2 กิโลกรัมต่อไร่ส่วน
ธาตุฟอสฟอรัสให้ตามคาแนะนาจากผลการวิเคราะห์ดิน ณรงค์ชัย (2544) กล่าวถึง
ค่าเฉลี่ยของปริมาณธาตุอาหารหลักที่สตรอเบอร์รี่ต้องการต่อหนึ่งฤดูกาลคือ ไนโตรเจน
24.0-35.2 กิโลกรัมต่อไร่ ฟอสฟอรัส 17.6-20.8 กิโลกรัมต่อไร่ และโพแทสเซียม 35.2
- 40.0 กิโลกรัมต่อไร่นอกจากนี้ยังให้ข้อแนะนาโปรแกรมการให้ปุ๋ยดังแสดงในตารางที่ 4.1
ตารางที่4.1
ข้อแนะนาการให้ปุ๋ยในประเทศไทยนั้น โดยทั่วไปจะให้ปุ๋ยดังนี้คือก่อนปลูกควรใส่ปุ๋ย
ซุปเปอร์ฟอสเฟตรองก้นหลุมๆละ 1 ช้อนชา เมื่อต้นตั้งตัวแล้วใช้ปุ๋ยสูตร 8 – 24 – 24
หรือ 9 – 24 – 24 อัตรา 2 กรัมต่อต้นทุกๆ 10 วัน

ค. กำรกำจัดวัชพืช
การปล่อยให้มีวัชพืชขึ้นในแปลงสตรอเบอร์รี่จะมีผลทาให้ผลผลิต
ลดลงได้ เนื่องจากวัชพืชแย่งน้าธาตุอาหารและแสงแดด ทั้งยังเป็นแหล่งสะสม
โรคและแมลงที่จะระบาดทาความเสียหาย ให้แก่สตรอเบอร์รี่ด้วยดังนั้นต้อง
หมั่นกาจัดวัชพืชอย่างสม่าเสมอพร้อมทั้งตัดแต่งใบและลาต้นแขนงที่ไม่สมบูรณ์
ออกทิ้ง ซึ่งแต่ละกอควรเก็บหน่อไว้ประมาณ 6 – 8 หน่อ และอย่าทิ้งเศษพืช
ไว้ ในแปลงปลูกเพราะจะทาให้เป็นที่สะสมโรคและควรเก็บเศษพืชมาทาเป็นปุ๋ย
หมักเพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป

ประโยชน์ของสตรอเบอร์รี่
1. สตรอเบอร์รี่อุดมไปด้วย สารต่อต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยในการชะลอวัย
2. ช่วยในการเสริมสร้างคลอลาเจน จึงช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี
3. เป็นผลไม้ที่เหมาะอย่างยิ่งสาหรับผู้ต้องการจะลดน้าหนักและความอ้วน เพราะมี
พลังงานต่า
4. ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับร่างกาย
5. ช่วยในการดีท็อกซ์สารพิษออกจากร่างกาย ช่วยทาให้ร่างกายมีสุขภาพดี
6. มีส่วนช่วยบารุงประสาทและสมอง
7. ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
8. ช่วยป้องกันการเกิดโรคโลหิตจาง

9. เพิ่มปริมาณ ไขมันชนิดดี (HDL) ซึ่งช่วยทาให้หลอดเลือดสะอาดปราศจากคราบ
ไขมัน
10. ช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็งอย่าง ไนโตรซามีน (Nitrosamines) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้น
ทาให้เกิดโรคมะเร็งละไส้
11. ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
12. ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกได้
13. ช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน
14. ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง และป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
15. สตรอเบอร์รี่อุดมไปด้วย ซุปเปอร์ไฟเบอร์เพคติน ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดระดับ
คอเลสเตอรอลได้

16. มีส่วนช่วยบารุงโลหิต
17. ช่วยลดความดันโลหิต
18. มีส่วนช่วยในการบารุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
19. ช่วยป้องกันไม่ให้ทารกในครรภ์สมองพิการได้ (กรดโฟลิก)
20. ช่วยบารุงและรักษาสายตา ช่วยปรับสมดุลของนัยน์ตาให้เป็นปกติ และป้องกัน
โรคต้อกระจก โรคตาบอดตอนกลางคืน การรับประทานสตรอเบอร์รี่เป็น
ประจาจึงช่วยลดความเสื่อมของจอประสาทตาได้ถึง 50%
21. การดื่มน้าสตรอเบอร์รี่จะช่วยบารุงร่างกายหลังฟื้นไข้
22. ช่วยป้องกันการเกิดโรคหวัดและภูมิแพ้
23. ช่วยป้องกันการเกิดโรคเลือดออกตามไรฟันได้เป็นอย่างดี

24. ช่วยทาให้ระบบทางเดินอาหารทางานได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ
25. มีสรรพคุณทางยาเป็นยาระบายอ่อนๆ
26. ช่วย แก้อาการท้องร่วง (ด้วยการใช้เหล้าไวน์ 1 ถ้วยตวง ใส่รากและใบสตรอเบอร์รี่
ตากแห้ง 1/2 ถ้วยตวง นามาต้มน้าให้เดือดแล้วกรองเอาแต่น้าดื่มก่อนอาหารทุก
มื้อ)
27. ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ด้วยการรับประทานผลสดครั้งละ 5 ผล
28. มีส่วนช่วยรักษาโรคนิ่วในไตช่วยบรรเทาอาการของโรคตับอักเสบ
29. ช่วยป้องกันการเกิดโรคข้ออักเสบ
30. ช่วยป้องกันการเกิดโรคเหน็บชา
31. ช่วยป้องกันโรคเกาต์

32. รักษาโรคทางเดินปัสสาวะ (ด้วยการใช้เหล้าไวน์ 1 ถ้วยตวง ใส่รากและใบสตรอ
เบอร์รี่ตากแห้ง 1/2 ถ้วยตวง นามาต้มน้าให้เดือดแล้วกรองเอาแต่น้าดื่มก่อน
อาหารทุกมื้อ)
33. ช่วยแก้ ปัญหาประจาเดือนมาไม่เป็นปกติ (ด้วยการใช้ใบและราก(ด้วยการใช้เหล้า
ไวน์ 1 ถ้วยตวง ใส่รากและใบสตรอเบอร์รี่ตากแห้ง 1/2 ถ้วยตวง นามาต้มน้าให้
เดือดแล้วกรองเอาแต่น้าดื่มก่อนอาหารทุกมื้อ)ตากแห้ง นามาชงกับน้าเดือด แล้ว
ดื่มแทนชา และใช้รากสตรอเบอร์รี่ 2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้าเดือด 1 กาขนาดกลาง)
34. ช่วยระงับกลิ่นปากได้ดี ทาให้ลมหายใจสดชื่น (ใช้ใบสดนามาแช่น้าทิ้งไว้ค้างคืน แล้ว
นามาอมบ้วนปาก)
35. ช่วยแก้อาการเจ็บคอ รักษาแผลในช่องปาก (ด้วยการใช้ใบสดสตรอเบอร์รี่นามาแช่
น้าทิ้งไว้ค้างคืน แล้วนาน้ามาใช้กลั้วคอ)

36. ใบสดนามาโขลกแล้วนาไปประคบตามร่างกายช่วยลดอาการอักเสบบวมช้าได้เป็นอย่างดี
37. ใบสตรอเบอร์รี่นามาซ้อนกันหลายๆใบ ใช้ประคบแก้รอยช้าบวมตามร่างกาย
38. ช่วยบารุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ด้วยการนาผลสตรอเบอร์รี่สดมาฝานบางๆ วางให้
ทั่วบริเวณใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้าสะอาด
39. ใช้ ทาความสะอาดผิวหน้า ด้วยการใช้สตรอเบอร์รี่ประมาณ 3 ผลผสมกับน้ามะนาว
แล้วนามานวดทาบริเวณใบหน้าแล้วล้างออก ซึ่งจะช่วยทาความสะอาดและปรับสภาพผิว
และลดการอุดตันของรูขุมขนได้เป็นอย่าง ดี
40. ช่วยทาให้ฟันขาวสะอาดเงางาม ด้วยการใช้ใบสตรอเบอร์รี่และรากที่ตากแห้วมาใส่โถปั่น
จนเป็นผง แล้วนามาใช้แทนยาสีฟัน
41. มีการนาไปแปรรูปอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสตรอเบอร์รี่เชื่อม น้าสตรอเบอร์รี่ แยม
สตรอเบอร์รี่ ไวน์สตรอเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่อบแห้ง เค้กสตรอเบอร์รี่ โยเกิร์ตสตรอ
เบอร์รี่ เป็นต้น

ผลิตภัณฑ์ของสตรอเบอร์รี่
อำหำรคำว
ข้าวผัดสตรอเบอร์รี่ ราเมงสตรอเบอร์รี่ใส่นมข้น

อำหำรคำว
ไข่ห่อไส้หมูผัดสตรอเบอร์รี่ ยาสตรอเบอร์รี่กุ้งสด

อำหำรคำว สลัดสตรอเบอร์รี่และไก่
สตรอเบอร์รี่อโวคาโดซัลซ่า
Strawberry, Pistachio, and
Goat Cheese Pizza

ของหวำน
สตรอเบอร์รี่คัพเค้ก
สตรอเบอร์รี่มูสตี้
ไอศกรีมโคนสตรอเบอร์รี่

สตรอเบอร์รี่ลอยแก้ว เค้กสตรอเบอร์รี่

Old-Fashioned Strawberry
Shortcakes
สตรอเบอร์รี่อัลมอนด์ครีมทาร์ต
สตรอเบอร์รี่พาเฟ่ต์

อำหำรอื่นๆ
สตรอเบอร์รี่อบแห้ง
ไวน์สตรอเบอร์รี่
แยมสตรอเบอร์รี่

แหล่งอ้างอิง
• http://coursewares.mju.ac.th:81/e-learning50/ps416/chap_04.html
• http://frynn.com/%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B9%
80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B
5%E0%B9%88/
• http://www.ilovetogo.com/Article/128/3892/%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0
%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%80%
E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A
3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%
AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B
8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%
B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88-
The-Anna-Restaurant-and-Art-Gallery

ผู้จัดทา
นายทศพล หิรัญสุข
เลขที่ 18
นางสาวกัญญาณัฐ ขาคม
เลขที่ 31
ม.6/15

�ݺ�ߣ

Ichiko

More Related Content

Ichiko