ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
เสนอ
มิส เขมจิรา ปลงไสว
เกิดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 1560 ในเมือง Nyírbátor ประเทศฮังการี
เป็นคนในตระกูล บาโธรี่ ซึ่งมีความเกี่ยวดองกับกษัตริย์ฮังการีในสมัยนั้น
อลิซาเบธ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 1614 (54 ปี) ในเมือง Cachtice
ประเทศสโลวาเกีย
เคาท์เตส อลิซาเบธ บาโธรี่ เป็นหญิงสาวที่มีความเชื่อในเรื่องชีวิตที่เป็นอมตะ
และต้องการคงร่างของตนเองให้คงดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ จึงมีความคิดที่ว่า หากได้
อาบเลือดของหญิงสาวบริสุทธิ์แล้ว จะทาให้ตนเองดูอ่อนเยาว์ได้ตลอดไป เธอจึง
สั่งให้คนรับใช้ไปเอาร่างของหญิงสาวบริสุทธิ์ มากรีดเอาเลือดใส่อ่างด้วยเครื่อง
ไอรอน เมเดน (Iron maiden) แล้วอาบต่างน้า โดยมีเหยื่อที่ต้องสังเวยชีวิต
ให้กับเธอไปไม่น้อยกว่า 600 คน กว่าที่เธอจะถูกคนจับไปขังในคุกมืดจนตาย เธอ
ได้รับสมญานามว่า The Blood Countess และ Countess
Dracula
เอลิซาเบธ เกิดในปราสาทเชิงเขาคาร์เทียนใกล้ๆ กับแคว้นทรานซิลวา
เนีย ซึ่งเป็นของตระกูลบาโธรี่อันเป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงของฮังการี่
และสืบสายมา จากตระกูลแฮบสเบิร์กอันเก่าแก่ของยุโรป ตระกูล
บาโธรี่จึงเป็นตระกูลที่เก่าแก่ร่ารวย มีอานาจล้นหลาม เป็นที่น่ายา
เกรงของประชาชนทั่วไป และปกครองแคว้นทรานซิลวาเนียมาหลาย
ต่อหลายยุคสมัย ความจริงแล้ว เอลิซาเบธไม่ใช่เด็กหญิงที่สวยงาม
เธอออกจะขี้เหร่ด้วยซ้าแต่ด้วยความที่เป็นลูกผู้ดีมีตระกูล จน
จักรพรรดิมาร์คมิชิเลียนที่ 2 เคยมาขอดูตัวด้วยซ้า เอลิซาเบธจึงมีทั้ง
ความสวยทั้งหน้าตา รูปร่าง (เธอคิดเอาเอง) และชาติตระกูลสูงส่ง
แต่มันเหมือนนรกจับยัดมาเกิด เพราะเธอกลับมีอาการบกพร่องทาง
จิตอย่างรุนแรง
เป็นเรื่องธรรมดาของตระกูลเก่าแก่ที่มีการแต่งงานกันเองในหมู่
ญาติเพื่อ รักษาทรัพย์สมบัติและอานาจเอาไว้ ทาให้ผู้สืบสายเลือด
ตระกูลนี้จานวนมากมีอาการบกพร่องทางจิตอันเนื่องมาจาก
ลักษณะทางพันธุกรรม เป็นต้นว่าโรคฮิสทีเรีย พฤติกรรมรักร่วม
เพศ หรือแม้แต่การสืบทอดของสาวกลัทธิบูชาปีศาจ ผู้มักมากใน
กาม ฯลฯ เอลิซาเบธ ก็เช่นเดียวกัน นิสัยเพี้ยนของเอลิซาเบธ
ปรากฏตั้งยังเล็กๆ อยู่นั่นแหละ เอลิซาเบธนั้นแทนที่จะพอใจกับ
เกียรติยศที่ผู้คนเตรียมใส่พานทองมาประเคนให้ แต่เธอกลับใฝ่ต่า
ทาท่าเบื่อหน่ายพวกพี่เลี้ยง ครูอาจารย์ที่มาอบรมสั่งสอน เธอกลับ
เกเรหนีเรียน แอบไปเที่ยวเล่นกับลูกชาวนา ชาวไร่ที่เป็นทาสติด
ที่ดิน เธอชอบเล่นสัปดนเสียจนท้องเมื่ออายุเพียง 13
ข่าวที่น่าอับอายถูกส่งไปบอกผู้เป็นมารดาอย่างเร่งด่วน
และก่อนที่จะมีผู้ใดระแคะระคาย เธอก็ถูกส่งตัวไปไว้ใน
ปราสาทแห่งหนึ่งของตระกลูบาโธรี่ที่ห่างไกลสายตา
ผู้คน ท่านแม่ของเธออ้างว่าลูกสาวไม่สบายต้องการอยู่ใน
ที่สงบเพื่อรักษาตัว และเมื่อทารกเกิดมาก็อาจถูกฆ่าทิ้ง
หรือไม่ก็ถูกส่งไปที่ลับหูลับไม่ให้มีใคร รู้เด็ดขาดเลยว่า
เจ้าสาวเคยมีลูกกับพวกไพร่ แต่ใครไม่รู้ว่า ทารกลูกคน
แรกของเอลิซาเบธหลังจากลืมตามายังโลก สุดท้ายแล้ว
ซะตากรรมเป็นเช่นใด
เมื่อเธอโตขึ้น เอลิซาเบธ เริ่มมีอาการป่วยเป็นโรค
ปวดหัวเรื้อรังจนตลอดชีวิตของเธอ มีหมอหลายคน
ทาการรักษาแต่ก็ไม่หายจนกระทั่ง มีเรื่องเล่ากันว่า
ในสมัยเด็กที่เธอเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง จน
กัดเนื้อไหล่ของสาวใช้ที่เข้ามาพยาบาล หลุดออกมา
สาวใช้ร้องลั่น เอลิซาเบธได้ยินเสียงกรีดร้องของ
สาวใช้นั่นเอง น่าแปลกที่อาการปวดหัวของเธอกลับ
หายเป็นปลิดทิง นับแต่นนมา เกิดอาการปวดหัว
้
ั้
เธอก็จะทรมานสาวใช้เพื่อให้เสียงร้องเหล่านั้นเป็น
ยาระงับอาการของเธอ
ปี 1575 เมื่อเอลิซาเบธ อายุ 15 ปี เธอก็แต่งงานกับท่านเคานท์ฟี
เรนซ์ นาดาสดี้ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่า 11 ปี (หลังจาก
แต่งงานแล้ว เอลิซาเบธ ก็ยังคงใช้ชื่อตระกูลเดิม) ทั้งสองย้ายที่
อยู่ไปยังปราสาทเซติซ ปราสาทกว้างใหญ่แต่มืดทะมึนดูน่า
สยดสยองกลางป่าลึกบนภูเขาคาร์ลปาเชีย ในสโลวาเกีย เพื่อจะ
อบรมเตรียมรับตาแหน่งเคาน์เตส นายหญิงแห่งอาณาจักรอัน
ไพศาล ท่านเคานท์ฟีเรนซ์ นาดาสดี้ ไม่ใช่คนดีมากนัก ออกจะ
จิตวิตถารเช่นเดียวกับอลิซาเบธเสียด้วยซ้า สองสามีภรรยามัก
สนุกตื่นเต้น สนุกสนาน อยู่ด้วยกันเสมอกับการได้ทรมานบ่าว
ไพร่ ซึ่งเคาน์ฟีเรนซ์ มักจะเล่าให้อลิซาเบธฟังถึงการที่เขาเคย
ทรมานทรกรรมเชลยชาวเติร์กอย่างโหด เหี้ยม และอลิซาเบธเอง
ก็สนองคิดค้นหาวิธีสยดสยองต่างๆนาๆมาทดลองใช้กับคนของ
ตัวบ้าง
ทั้งสองมีความสุขกับรสนิยมที่ต้องกันอย่างนี้มากล้นจนมีบุตรธิดาด้วยกันถึง 4
คน แต่ฟีเรนซ์มักจะไปออกรบตามที่ต่างๆจนไม่ค่อยอยู่ติดปราสาท ชีวิตสมรส
ของเอลิซาเบธ จึงไม่หวานชื่นเท่าใดนัก อาการปวดหัวของเธอกาเริบถี่ขึ้นและ
การทรมานสาวใช้ก็ค่อยๆหนักข้อขึ้นทุกที เป็นต้นว่า การแทงเข็มเข้าที่ปลายนิ้ว
ของสาวใช้ หรือจับสาวใช้มาทาน้าผึ้งทั่วตัวแล้วโยนลงไปในห้องใต้ดินที่เต็มไป
ด้วยมด
แต่นี่ก็ยังไม่นับเป็นการเปิดฉากตานานเลือดของเธอเลยด้วยซ้า เอลิซาเบธ เริ่มหางานอดิเรก
ใหม่มาทดแทนชีวิตอันน่าเบื่อ ซึ่งก็คือมนต์ดาที่คนรับใช้เป็นผู้แนะนานั่นเอง เธอมักจะลงไป
หมกตัวอยู่ในห้องใต้ดินและประกอบพิธีกรรมประหลาดกับคนรับใช้ บ่อยครั้ง และในไม่ช้า
เอลิซาเบธ ก็เริ่มมีชู้ ฟีเรนซ์รับรู้เรื่องนี้แต่ใจกว้างพอที่จะทาเป็นไม่รู้ไม่เห็น หากไม่นานนัก
แม่ของฟีเรนซ์ก็ย้ายมาอยู่ด้วย จึงเป็นการเปิดสงครามเย็นระหว่างแม่สามีลูกสะใภ้ในที่สด
ุ
เอลิซาเบธมักประพฤติตัวเป็นภรรยาผู้เรียบร้อยต่อหน้าสามี แต่พอลับหลัง เธอก็ทากระทั่ง
การจับสาวใช้ของแม่สามีมาทรมานจนตาย จะอย่างไรก็ตาม เอลิซาเบธมีลูก 4 คน จึงทาให้
สภาพครอบครัวยังไม่ถึงกับพังทลายลงในทีเดียว ชีวิตฆาตกรของเธอเริ่มต้นขึ้นหลังจาก
การตายของสามีเสียมากกว่า ปี 1600 ในฤดูหนาว เอลิซาเบธอายุได้ 40 ปี ฟีเรนซ์สามีคู่ชีวิต
ซาดิสต์ได้เสียชีวิตลงในขณะอายุ เพียง 51 ปี ทิ้งสมบัติและอานาจทุกอย่างไว้ในมือของ
ภรรยา และแทบจะในวันเดียวกันนั้นเอง แม่ก็จากโลกนี้ตามลูกชายไปอีกคน มีข่าวลือ
ภายหลังว่าเป็นการวางยาพิษ
ทีนี้ก็ไม่มีใครจะมาขวางทางเอลิซาเบธได้อีก เธอกลายเป็นราชินีในอาณาจักรของเธอ ชีวิต
ประชาชนก็เหมือนกับลูกไก่ในกามือ จะบีบจะคลายก็ขึ้นอยู่กับใจเธออย่างเดียว จะมีก็แต่อย่าง
หนึ่งที่ไม่เป็นไปดังใจคิด เอลิซาเบธมีความภูมิใจในรูปโฉมของตัวเองมาก แต่ตัวเธอก็ไม่
สามารถเอาชนะกาลเวลาได้ นับวันร่างกายเหี่ยวยานตามกาลเวลา เธอต้องการความสวย ความ
สวยที่เป็นอมตะตลอดกาล
มีการสั่งให้แม่มดหมอผีที่คุ้นเคยทายาคืนความสาวมาใช้หลายขนาน แต่ไม่ว่าอันไหนก็ไม่ค่อย
เห็นผลเท่าใดนัก จนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาล้างหน้าล้างตาแต่งองค์ทรงเครื่อง ทันใด
นั้นขณะที่เธอส่องดูเงาตัวเองในกระจกเธอก็ต้องชะงักเพ่งมองแล้วมองอีก นี่ความชราย่าง
กรายเข้ามาทาร้ายตัวเธอแล้วหรือจริงซินะ เธอนึกได้ว่า อายุเธอปาเข้าไปตั้ง 45 แล้วนี่นา เอลิ
ซาเบธใจหายวาบถึงจะไม่สวยแต่เธอก็ไม่อยากแก่และกลัวอย่างที่สุด เธอรู้สึกเหมือนความแก่
เฒ่านั้นมันมีตัวตน เอาปากครีมมาหนีบดึงถึ้งเนื้อที่เต่งตึงผุดผ่องของเธอทีละชิ้นๆ เมื่อเธอ
หงุดหงิด ขัดข้องก็ยิ่งต้องหาเรื่องระบายอารมณ์และความบันเทิงใดเล่า จะเท่ากับการลากคนมา
ทรมาน
ขณะที่สาวใช้กาลังสางผมให้กับเอลิซาเบธ คงเพราะเกร็งไปหน่อยจึงออก
แรงมากไป ดึงผมหลุดติดหวีมาหลายเส้น เอลิซาเบธระเบิดอารมณ์ทันที
เธอใช้เชิงเทียนที่อยู่ใกล้มือทุบเด็กสาวอย่างไม่ยั้งมือ แล้วลงมือหวดแซ่
หนังผูกปมโลหะใส่เนื้อหนังมังสาของทาสชะตาขาดนั้นอย่างเมา มัน
ความรุนแรงของเธอทาเอาแซ้ตวัดเกี่ยวหนังของผู้เคราะห์ร้ายหลุด
กระเต็นออกมา เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หยาดเลือดสาดกระเซ็นเป็นฝอยมา
ติดตามตัวของเธอ การโบยหฤโหดจบลงพร้อมๆ กับชีวิตของทาสที่เละ
เป็นหมูบะช่อแต่ทว่าเรื่องที่ร้ายที่สุดกาลังจะเกิด ขึนเคาน์เตส หอบ
้
เหนื่อยเกือบหมดแรงแต่ก็สนุกสมใจไม่น้อยเลย
ความอัจฉริยะบังเกิดขึ้นอีกแล้ว เอลิซาเบธตาวาวโรจน์เปี่ยมสุขขึ้นมา
ทันใด คราวนี้เธอค้นพบสูตรใหม่แห่งยาอายุวัฒนะ เธอนั่งลงเห็นและ
เห็นหยาดเลือดทาสที่กระเด็นมา จึงให้สาวใช้ต้นห้องเอาผ้าชุบน้ามา
เช็ดหน้า และแล้วความโหดเหี้ยมแปรเปลี่ยนเป็นความพิศวง เมื่อ
เคาน์เตสพบว่าใต้รอยเลือดนั้นผิวของเธอกลับนุ่มนวลผุดผ่องเป็นยอง
ใยราวสาวแรกรุ่นอ่อนนุ่ม ละมุนละไม ผิดกับผิวเนือตรงอื่นอย่าง
้
เหลือเชื่อ เธอคิดได้ว่าเลือดสด ๆ มีคุณสมบัติพิเศษที่จะบันดาลให้เธอ
เป็นสาวอมตะได้ตลอดกาล เลือดนั้นจะต้องเป็นของสาวแรกรุ่นซินะ
มันถึงจะได้ฤทธิ์ของน้าแห้งชีวิตอย่างเต็มที่
และด้วยเหตุนี้เองโศกนาฏกรรมการฆ่าสังหารเด็กสาว
กว่า 600 คนเพื่อประทังความงามของเอลิซาเบธ บาโธรี่
จึงเริ่มต้นขึ้น เหยื่อของเอริซาเบทส่วนใหญ่จะเป็นคน
เลือกเหยื่อด้วยตนเองเธอต้องการเลือดของ เด็กสาว
บริสุทธิ์ โดยเฉพาะสาวแรกรุ่นที่แสนสวยมีอกอวบอิ่ม
เธอสั่งให้เชือดและชาแหละเพื่อรีดเลือดทุกหยดออกมาให้
ได้มากที่สุด เด็กหญิงคนแล้วคนเล่าต้องตายอย่างทุก
ทรมาน บางคนถูกกรีดร่างจนเป็นริ้วลึกถึงกระดูก ตัดเส้น
เลือดทุกเส้นในร่างที่งดงาม หลายคนถูกแหวะอก ผ่าท้อง
กรีดหัวใจเลือดพุ่งไหลเป็นสายน้า แล้วให้เธออาบร่างนั้น
อย่างมีความสุข
เคาท์เตส อลิซาเบธ บาโธรี่  M5 4
เมื่อลูกทาสของคนรับใช้และทาสในที่ดินตายหมดแล้ว เอริซาเบทก็ให้
ลูกน้องบริวารไปล่อลวงหลอกเอาสาวชาวบ้านตามชนบทเข้ามา เอลิ
ซาเบทเริ่มทาการรวบรวมเด็กสาวจากที่ต่างๆในดินแดนของตน
ชาวบ้านที่ยากจนต่างก็ยินดีที่จะส่งลูกสาวออกมาทางานในปราสาท
เพียงเพื่อแลก กับเสื้อผ้าไม่กี่ชุด เหล่าเด็กสาวพากันลอดประตู
ปราสาทเข้ามาด้วยใบหน้าร่าเริงราวกับจะไปปิกนิค แต่ไม่มีใครที่รอด
กลับมาได้ พวกเธอถูกคั้นเลือดออกมาจนหยดสุดท้ายแล้วถูกฝังไว้ใน
สวนหลังปราสาทโดยที่พ่อ แม่พี่น้องก็ไม่มีโอกาสจะทราบข่าวถึง
วิธีการทรมานของเอลิซาเบธ ยิ่งยกระดับเสียยิ่งกว่าเก่า มีทั้งการใช้
เหล็กร้อนเผาลาคอ ใช้เครื่องทรมานบีบหน้าอก บางครั้งเธอก็ใช้มือทั้ง
สองของตัวเองล้วงเข้าไปในปากและฉีกร่างของเหยื่อออก เป็นสองซีก
เด็กสาวบางคนที่พยายามจะหนีก็ถูกตัดเท้าทิ้ง
มีบันทึกกล่าวถึงงานฉลองที่เอลิซาเบธ จัดขึ้น เธอได้รวบรวมเด็กสาวหน้าตา
ดีจานวน 60 คนมาจัดงานเลี้ยง คนแคระพากันเต้นรา แม่มดก็พ่นไฟ เมื่องาน
เลี้ยงดาเนินมาถึงจุดสูงสุดนั่นเอง ประตูถูกปิดตาย และทหารก็กรูกันเข้ามา
เด็กสาวที่พากันหนีลนลานบ้างก็ถูกข่มขืนแล้วแทงด้วยมีดที่กลางอก บ้างก็
ถูกตัดหัว บ้างก็ถูกตัดแขนตัดขาและเสียเลือดมากจนสิ้นลม ศพและชิ้นส่วน
ต่างๆถูกรวบรวมมากรองเลือดใส่อ่าง และเอลิซาเบธก็เปลื้องผ้าลงแช่ในอ่าง
เลือด แต่การรอให้เลือดเต็มอ่างก็ยังไม่ทันใจเธออยู่ดี เอลิซาเบธจึงทดลองวิธี
ที่เร็วกว่าด้วยการปาดคอเด็กสาวให้เลือดกระฉูดออกมาใส่ตนเองเหมือน
ฝักบัวเลือด แต่เนื่องจากเหยื่อกรีดร้องน่าราคาญ เด็กสาวคนที่สองจึงถูกเย็บ
ปากเพื่อรักษาสุขภาพหูของเอลิซาเบธ
เคาท์เตส อลิซาเบธ บาโธรี่  M5 4
อีกสิ่งหนึ่งที่เอลิซาเบธทิ้งไว้ในประวัติศาสตร์โลกก็คือ เครื่องมือ
ทรมานที่มีชื่อเสียงที่สุดชิ้นหนึ่ง Iron Maiden นั่นเอง ช่างทา
นาฬิกาถูกเรียกตัวมาจากเยอรมันเพื่อการนี้โดยเฉพาะ มีการบรรยาย
เกี่ยวกับสุภาพสตรีเหล็กตัวแรกสุดไว้ดังนี้ "ตุ๊กตาเหล็กนี้มีรูปร่าง
เป็นร่างเปลือยทาสีเนื้อ ส่วนใบหน้ามีการแต้มเครื่องสาอาง เมื่อกลไก
ขยับปาก ก็จะปรากฏรอยยิ้มอันเลื่อนลอยและเหี้ยมโหดขึ้นบน
ใบหน้า ที่อกมีพลอยประดับอยู่เป็นปุ่ม เมื่อกดปุ่ม ตุ๊กตาก็จะค่อยๆยก
แขนขึ้น จากนั้นแขนก็จะเคลื่อนมาเป็นกอดอกซึ่งคนที่อยู่ในระยะ
รัศมีก็จะถูกแขนของ ตุ๊กตากอดไว้ พร้อมกันนั้น ส่วนตัวด้านหน้าก็
จะเปิดออกเป็นบานประตู ภายในเป็นช่องกลวงและด้านหลังบาน
ประตูมีเข็มแหลมยาวงอกอยู่ 5 เล่ม ผู้ที่ถูกตุ๊กตากอดไว้จะถูกขังอยู่
ภายในตัวตุ๊กตาและถูกเข็มเหล่านี้แทง คั้นเลือดออกมาจนเสียชีวิต"
อย่างไรก็ตาม เครื่องทรมานดังกล่าวนี้ไม่ได้ถูกใช้งานจริงมากเท่าที่เข้าใจกัน
เนื่องจากเข็มพากันทื่อเสียหมดเพราะเป็นสนิมจากเลือด เอลิซาเบธ จึงออก
คาสั่งใหม่ให้สร้างกรงเหล็กขนาดใหญ่ซึ่งมีเข็มแหลมอยู่ภายใน กรงดังกล่าวจะ
ถูกเฟืองโซ่ยกขึ้นสูงจากพื้นโดยมีเด็กสาวอยู่ข้างใน และเมื่อเขย่ากรง เลือดก็จะ
กระจายลงมาสู่เอลิซาเบธ ที่อยู่เบืองล่างราวกับเป็นฝนเลือด
้
จนเวลาผ่านไปเกือบห้าปี ลูกสาวชาวไร่ชาวนาหายสาบสูญไปจนหมดสิ้น ความ
ผิดพลาดเอลิซาเบธเกิดขึ้นเมื่อเธอไปเที่ยวที่เมืองวีน เหตุการณ์สยองจึงเริ่มเกิด
ต่อสาธารณชนรับรู้ครั้งแรก เมื่อมีผู้ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องดังออกจากห้องพัก
ของเอลิซาเบธ เอลิซาเบทหันไปหาพวกธิดาของพวกผู้ดีมีตระกูล บางรายเป็น
ลูกของเพื่อนๆผู้สูงศักดิของเธอด้วยซ้า ถึงตอนนี้บ่าวไพร่หมดปัญญาจะเอาศพ
์
ไปทิ้งไม่ให้ใครเห็นเพราะมีเหยื่อมากมาย ก่ายกองจนต้องโยนออกมาในตอน
กลางคืนเพื่อให้ฝูงหมาป่ารุมกินเป็นความเอร็ด อร่อยยามดึก แต่สดท้ายแล้ว
ุ
เมื่อฝูงหมาป่าก็กินไม่หมด คราวนี้ละพวกญาติๆที่มาตามหาสาวน้อยของพวก
เขาก็ได้เห็นภาพอันสยองขวัญ ตอนแรกมีชาวบ้านมาพบกองซากศพที่ซีดเผือก
ไม่มีเลือดอยู่เหลือเลยแม้แต่หยด เดียว เลยเกิดล่าลือไปว่าในป่านี้มีผีดิบดูดเลือด
อยู่
เคาท์เตส อลิซาเบธ บาโธรี่  M5 4
คนเลี้ยงสัตว์ของเอลิซาเบธจึงรีบไปตรวจดูและพบว่าเสียงนั้นเป็นเสียง
ของนัก ร้องสาวของสมาคมแห่งหนึ่งในเมืองนัน ภาพที่เห็น หญิงสาว
้
ถูกตัดมือ ตัดเท้า และเสียชีวิต ตายตรงหน้าเอลิซาเบธ เธอบอกกับคน
เลี้ยงสัตว์ของเธอว่า นักร้องผู้นี้ทาความผิด จึงมีโทษต้องตาย และนี่คือ
ความผิดพลาดของเอลิซาเบธเพราะคนเลี้ยงสัตว์คนนี้ก็ปากเปราะเสีย
ด้วยสิ ว่าแล้วกิตติศัพท์นย่อมต้องกลายเป็นที่เลื่องลือในไม่ช้า
ี้
ประชาชนก็เริ่มร้องเรียนเรื่องไปยังราชสานักถึงเรื่องคนหาย และมีญาติ
ของเด็กหลายรายยืนยันว่าเด็กสาวที่ตายกันเป็นกองๆใกล้ปราสาทของ
เอ ลิซาเบธ อยู่นั้นล้วนแล้วแต่ถูกล่อลวงให้มาที่ปราสาทเธอ
และแล้วพระเจ้าแมทเทียสที่ 2 ก็ทรงเข้ามาจัดการกับคดีนี้ด้วยพระองค์เอง เดือน
ธันวาคมปี 1610 เมื่อมาร์ควิสเธอร์โซซึ่งเป็นญาติของเอลิซาเบธ ไปยังห้องใต้ดิน
ของปราสาทเซติช เขาก็ต้องผงะกับสิ่งที่ตัวเองพบ เครื่องทรมานจานวนนับไม่
ถ้วน รอยเลือดที่ชโลมอยู่แทบทุกที่และศพที่กองเป็นภูเขา บางศพถูกตัดทรวงอก
บางศพถูกเฉือนเนื้อ บางศพก็ศีรษะถูกทุบจนแหลก และบางศพก็เต็มไปรู กลิ่น
เลือดตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง มีเด็กสาวบางคนถูกช่วยออกมาได้ แต่ก็เกือบไม่
รอดเหมือนกันเพราะพวกเขาพบเธอในขณะที่นอนหายใจรวยรินยังไม่ เสียชีวิต
เธอเล่าว่าเธอถูกจับมาพร้อมเพื่อนสาวอีกเป็นจานวนมากโดยมีสาวใช้สองคนของ
เอ ลิซาเบธคือ นางดอลค์และนางรีโอน่า เป็นคนสังหารนาเลือดมาให้ผู้เป็นนาย
ชโลมผิว เพราะเชื่อว่าเลือดคือยาอายุวัฒนะ แต่ก็ยากที่บอกว่าพวกเธอปลอดภัยดี
เพราะหลายคนถูกบังคับให้กินเนื้อจากศพของเด็กสาวคนอื่น จนบางคน
กลายเป็นคนวิกลจริตด้วยซ้า
เอลิซาเบธ บาโธรี่ ถูกสอบสวนในปี ค.ศ. 1610 อย่าว่าแต่พวกชาวไร่ชาวนาเลย
บรรดาผู้ดีมีตระกูลทั้งหลายต่างอาฆาตแค้น และญาติสนิทของเธอเองก็โกรธ
เคืองอย่างหนักว่าเธอซาดิสต์ขนาดนี้ วงส์ตระกลูบาโธรี่เสื่อมเสียกันหมด ไม่มี
อานาจใดๆที่จะช่วยให้นางฟ้าหรือผีห่าซาตานตนนี้พ้นผิดไปได้แล้ว ลูกมือของ
เคาน์เตสเปิดปากสารภาพเล่าวิธีการ และบอกถึงรายนามเหยื่อเท่าที่พวกเขาจา
ได้เฉพาะที่จาได้ก็ปาเข้าไปตั้ง 160 ศพ เดือนมกราคมปี 1611 การตัดสินคดีของ
เอลิซาเบธถูกจัดขึ้นที่พิซเซ่ เอลิซาเบธได้รับอนุญาตให้ไม่ต้องมาขึ้นศาลด้วย
ตัวเอง และเนื่องจากฎีกาของตระกูลบาโธรี่ เธอก็รอดพ้นจากโทษประหารใน
ขณะที่ผู้มีส่วนร่วมในการสังหารทุกคนต่างก็ถูกตัดสินโทษเผาทั้งเป็น โดยผู้มี
ส่วนร่วมเป็นสาวใช้สองคนที่ทาหน้าที่ค้นหาและจับผู้หญิงสาวเคราะห์ร้ายมา
สังเวยแก่เธอถึง 605 คน
หลังการไต่สวนสมุนเอกของเคาน์เตสถูกลงโทษโดยการเผาทั้งเป็นในที่
สาธารณะเธอ ถูกลากกลับไปที่ปราสาทเซติซ ของเธอเอง ที่นั้นเธอถูก
รุนเข้าไปอยู่ในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งแล้ว เจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองก็ก่ออิฐ
ปิดหน้าต่างและประตูทั้งหมด เหลือไว้เพียงชองเล็กนิดเดียวที่พอจะ
สอดอาหารและน้าส่งให้เธอได้ ลองโดนขังไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน
ขนาดนี้ เป็นคนอื่นล่ะตายไปนานแล้วแต่บาปหนาของเธอทาให้เธอยังมี
ชีวิตอยู่รู้รสความทรมานที่แสนสาหัสนานถึง 4 ปี
เคาท์เตส อลิซาเบธ บาโธรี่  M5 4
การตัดสินโทษของเอลิซาเบธ ถูกโอนให้เป็นอานาจของตระกูลบาโธรี่ และโดย
ผลการประชุมของตระกูล เอลิซาเบธ ก็ถูกตัดสินให้ถูกจองจาอยู่ในปราสาทเซ
ติชไปจนตลอดชีวิตในห้องขังอันมืดมิด ซึ่งประตูถูกโบกปูนปิดตายตลอดชิวิต
ไม่ให้หลุดมาทาอันตรายใครได้อีก
21 สิงหาคม 1614 ก็เป็นวันที่ปราศจากสัญญาณชีวิตจาก เอลิซาเบธ บาโธรี่ ช่อง
เล็กๆ เพียงช่องเดียวก็ได้ถูกอิฐก่อปิดสนิทลง แต่มีบางตานานกล่าวว่าเธอหนี
ออกไปได้และกลายเป็นผีร้ายอยู่ในป่าของฮังการี่ ทุกวันนี้ ปราสาทเซติซ บน
ภูเขาคาร์ลปาเชีย ในสโลวาเกีย ที่ซึ่งในอดีตเป็นสถานที่สังหารเหยื่อของเอลิ
ซาเบธ ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่น แม้จะเหลือแต่ซากปรักหักพังแล้ว แต่มันก็ยัง
น่าสะพรึงกลัวอยู่เช่นเดิม
เคาท์เตส อลิซาเบธ บาโธรี่  M5 4

More Related Content

เคาท์เตส อลิซาเบธ บาโธรี่ M5 4

  • 2. เกิดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 1560 ในเมือง Nyírbátor ประเทศฮังการี เป็นคนในตระกูล บาโธรี่ ซึ่งมีความเกี่ยวดองกับกษัตริย์ฮังการีในสมัยนั้น อลิซาเบธ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 1614 (54 ปี) ในเมือง Cachtice ประเทศสโลวาเกีย
  • 3. เคาท์เตส อลิซาเบธ บาโธรี่ เป็นหญิงสาวที่มีความเชื่อในเรื่องชีวิตที่เป็นอมตะ และต้องการคงร่างของตนเองให้คงดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ จึงมีความคิดที่ว่า หากได้ อาบเลือดของหญิงสาวบริสุทธิ์แล้ว จะทาให้ตนเองดูอ่อนเยาว์ได้ตลอดไป เธอจึง สั่งให้คนรับใช้ไปเอาร่างของหญิงสาวบริสุทธิ์ มากรีดเอาเลือดใส่อ่างด้วยเครื่อง ไอรอน เมเดน (Iron maiden) แล้วอาบต่างน้า โดยมีเหยื่อที่ต้องสังเวยชีวิต ให้กับเธอไปไม่น้อยกว่า 600 คน กว่าที่เธอจะถูกคนจับไปขังในคุกมืดจนตาย เธอ ได้รับสมญานามว่า The Blood Countess และ Countess Dracula
  • 4. เอลิซาเบธ เกิดในปราสาทเชิงเขาคาร์เทียนใกล้ๆ กับแคว้นทรานซิลวา เนีย ซึ่งเป็นของตระกูลบาโธรี่อันเป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงของฮังการี่ และสืบสายมา จากตระกูลแฮบสเบิร์กอันเก่าแก่ของยุโรป ตระกูล บาโธรี่จึงเป็นตระกูลที่เก่าแก่ร่ารวย มีอานาจล้นหลาม เป็นที่น่ายา เกรงของประชาชนทั่วไป และปกครองแคว้นทรานซิลวาเนียมาหลาย ต่อหลายยุคสมัย ความจริงแล้ว เอลิซาเบธไม่ใช่เด็กหญิงที่สวยงาม เธอออกจะขี้เหร่ด้วยซ้าแต่ด้วยความที่เป็นลูกผู้ดีมีตระกูล จน จักรพรรดิมาร์คมิชิเลียนที่ 2 เคยมาขอดูตัวด้วยซ้า เอลิซาเบธจึงมีทั้ง ความสวยทั้งหน้าตา รูปร่าง (เธอคิดเอาเอง) และชาติตระกูลสูงส่ง แต่มันเหมือนนรกจับยัดมาเกิด เพราะเธอกลับมีอาการบกพร่องทาง จิตอย่างรุนแรง
  • 5. เป็นเรื่องธรรมดาของตระกูลเก่าแก่ที่มีการแต่งงานกันเองในหมู่ ญาติเพื่อ รักษาทรัพย์สมบัติและอานาจเอาไว้ ทาให้ผู้สืบสายเลือด ตระกูลนี้จานวนมากมีอาการบกพร่องทางจิตอันเนื่องมาจาก ลักษณะทางพันธุกรรม เป็นต้นว่าโรคฮิสทีเรีย พฤติกรรมรักร่วม เพศ หรือแม้แต่การสืบทอดของสาวกลัทธิบูชาปีศาจ ผู้มักมากใน กาม ฯลฯ เอลิซาเบธ ก็เช่นเดียวกัน นิสัยเพี้ยนของเอลิซาเบธ ปรากฏตั้งยังเล็กๆ อยู่นั่นแหละ เอลิซาเบธนั้นแทนที่จะพอใจกับ เกียรติยศที่ผู้คนเตรียมใส่พานทองมาประเคนให้ แต่เธอกลับใฝ่ต่า ทาท่าเบื่อหน่ายพวกพี่เลี้ยง ครูอาจารย์ที่มาอบรมสั่งสอน เธอกลับ เกเรหนีเรียน แอบไปเที่ยวเล่นกับลูกชาวนา ชาวไร่ที่เป็นทาสติด ที่ดิน เธอชอบเล่นสัปดนเสียจนท้องเมื่ออายุเพียง 13
  • 6. ข่าวที่น่าอับอายถูกส่งไปบอกผู้เป็นมารดาอย่างเร่งด่วน และก่อนที่จะมีผู้ใดระแคะระคาย เธอก็ถูกส่งตัวไปไว้ใน ปราสาทแห่งหนึ่งของตระกลูบาโธรี่ที่ห่างไกลสายตา ผู้คน ท่านแม่ของเธออ้างว่าลูกสาวไม่สบายต้องการอยู่ใน ที่สงบเพื่อรักษาตัว และเมื่อทารกเกิดมาก็อาจถูกฆ่าทิ้ง หรือไม่ก็ถูกส่งไปที่ลับหูลับไม่ให้มีใคร รู้เด็ดขาดเลยว่า เจ้าสาวเคยมีลูกกับพวกไพร่ แต่ใครไม่รู้ว่า ทารกลูกคน แรกของเอลิซาเบธหลังจากลืมตามายังโลก สุดท้ายแล้ว ซะตากรรมเป็นเช่นใด
  • 7. เมื่อเธอโตขึ้น เอลิซาเบธ เริ่มมีอาการป่วยเป็นโรค ปวดหัวเรื้อรังจนตลอดชีวิตของเธอ มีหมอหลายคน ทาการรักษาแต่ก็ไม่หายจนกระทั่ง มีเรื่องเล่ากันว่า ในสมัยเด็กที่เธอเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง จน กัดเนื้อไหล่ของสาวใช้ที่เข้ามาพยาบาล หลุดออกมา สาวใช้ร้องลั่น เอลิซาเบธได้ยินเสียงกรีดร้องของ สาวใช้นั่นเอง น่าแปลกที่อาการปวดหัวของเธอกลับ หายเป็นปลิดทิง นับแต่นนมา เกิดอาการปวดหัว ้ ั้ เธอก็จะทรมานสาวใช้เพื่อให้เสียงร้องเหล่านั้นเป็น ยาระงับอาการของเธอ
  • 8. ปี 1575 เมื่อเอลิซาเบธ อายุ 15 ปี เธอก็แต่งงานกับท่านเคานท์ฟี เรนซ์ นาดาสดี้ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่า 11 ปี (หลังจาก แต่งงานแล้ว เอลิซาเบธ ก็ยังคงใช้ชื่อตระกูลเดิม) ทั้งสองย้ายที่ อยู่ไปยังปราสาทเซติซ ปราสาทกว้างใหญ่แต่มืดทะมึนดูน่า สยดสยองกลางป่าลึกบนภูเขาคาร์ลปาเชีย ในสโลวาเกีย เพื่อจะ อบรมเตรียมรับตาแหน่งเคาน์เตส นายหญิงแห่งอาณาจักรอัน ไพศาล ท่านเคานท์ฟีเรนซ์ นาดาสดี้ ไม่ใช่คนดีมากนัก ออกจะ จิตวิตถารเช่นเดียวกับอลิซาเบธเสียด้วยซ้า สองสามีภรรยามัก สนุกตื่นเต้น สนุกสนาน อยู่ด้วยกันเสมอกับการได้ทรมานบ่าว ไพร่ ซึ่งเคาน์ฟีเรนซ์ มักจะเล่าให้อลิซาเบธฟังถึงการที่เขาเคย ทรมานทรกรรมเชลยชาวเติร์กอย่างโหด เหี้ยม และอลิซาเบธเอง ก็สนองคิดค้นหาวิธีสยดสยองต่างๆนาๆมาทดลองใช้กับคนของ ตัวบ้าง
  • 9. ทั้งสองมีความสุขกับรสนิยมที่ต้องกันอย่างนี้มากล้นจนมีบุตรธิดาด้วยกันถึง 4 คน แต่ฟีเรนซ์มักจะไปออกรบตามที่ต่างๆจนไม่ค่อยอยู่ติดปราสาท ชีวิตสมรส ของเอลิซาเบธ จึงไม่หวานชื่นเท่าใดนัก อาการปวดหัวของเธอกาเริบถี่ขึ้นและ การทรมานสาวใช้ก็ค่อยๆหนักข้อขึ้นทุกที เป็นต้นว่า การแทงเข็มเข้าที่ปลายนิ้ว ของสาวใช้ หรือจับสาวใช้มาทาน้าผึ้งทั่วตัวแล้วโยนลงไปในห้องใต้ดินที่เต็มไป ด้วยมด
  • 10. แต่นี่ก็ยังไม่นับเป็นการเปิดฉากตานานเลือดของเธอเลยด้วยซ้า เอลิซาเบธ เริ่มหางานอดิเรก ใหม่มาทดแทนชีวิตอันน่าเบื่อ ซึ่งก็คือมนต์ดาที่คนรับใช้เป็นผู้แนะนานั่นเอง เธอมักจะลงไป หมกตัวอยู่ในห้องใต้ดินและประกอบพิธีกรรมประหลาดกับคนรับใช้ บ่อยครั้ง และในไม่ช้า เอลิซาเบธ ก็เริ่มมีชู้ ฟีเรนซ์รับรู้เรื่องนี้แต่ใจกว้างพอที่จะทาเป็นไม่รู้ไม่เห็น หากไม่นานนัก แม่ของฟีเรนซ์ก็ย้ายมาอยู่ด้วย จึงเป็นการเปิดสงครามเย็นระหว่างแม่สามีลูกสะใภ้ในที่สด ุ เอลิซาเบธมักประพฤติตัวเป็นภรรยาผู้เรียบร้อยต่อหน้าสามี แต่พอลับหลัง เธอก็ทากระทั่ง การจับสาวใช้ของแม่สามีมาทรมานจนตาย จะอย่างไรก็ตาม เอลิซาเบธมีลูก 4 คน จึงทาให้ สภาพครอบครัวยังไม่ถึงกับพังทลายลงในทีเดียว ชีวิตฆาตกรของเธอเริ่มต้นขึ้นหลังจาก การตายของสามีเสียมากกว่า ปี 1600 ในฤดูหนาว เอลิซาเบธอายุได้ 40 ปี ฟีเรนซ์สามีคู่ชีวิต ซาดิสต์ได้เสียชีวิตลงในขณะอายุ เพียง 51 ปี ทิ้งสมบัติและอานาจทุกอย่างไว้ในมือของ ภรรยา และแทบจะในวันเดียวกันนั้นเอง แม่ก็จากโลกนี้ตามลูกชายไปอีกคน มีข่าวลือ ภายหลังว่าเป็นการวางยาพิษ
  • 11. ทีนี้ก็ไม่มีใครจะมาขวางทางเอลิซาเบธได้อีก เธอกลายเป็นราชินีในอาณาจักรของเธอ ชีวิต ประชาชนก็เหมือนกับลูกไก่ในกามือ จะบีบจะคลายก็ขึ้นอยู่กับใจเธออย่างเดียว จะมีก็แต่อย่าง หนึ่งที่ไม่เป็นไปดังใจคิด เอลิซาเบธมีความภูมิใจในรูปโฉมของตัวเองมาก แต่ตัวเธอก็ไม่ สามารถเอาชนะกาลเวลาได้ นับวันร่างกายเหี่ยวยานตามกาลเวลา เธอต้องการความสวย ความ สวยที่เป็นอมตะตลอดกาล มีการสั่งให้แม่มดหมอผีที่คุ้นเคยทายาคืนความสาวมาใช้หลายขนาน แต่ไม่ว่าอันไหนก็ไม่ค่อย เห็นผลเท่าใดนัก จนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาล้างหน้าล้างตาแต่งองค์ทรงเครื่อง ทันใด นั้นขณะที่เธอส่องดูเงาตัวเองในกระจกเธอก็ต้องชะงักเพ่งมองแล้วมองอีก นี่ความชราย่าง กรายเข้ามาทาร้ายตัวเธอแล้วหรือจริงซินะ เธอนึกได้ว่า อายุเธอปาเข้าไปตั้ง 45 แล้วนี่นา เอลิ ซาเบธใจหายวาบถึงจะไม่สวยแต่เธอก็ไม่อยากแก่และกลัวอย่างที่สุด เธอรู้สึกเหมือนความแก่ เฒ่านั้นมันมีตัวตน เอาปากครีมมาหนีบดึงถึ้งเนื้อที่เต่งตึงผุดผ่องของเธอทีละชิ้นๆ เมื่อเธอ หงุดหงิด ขัดข้องก็ยิ่งต้องหาเรื่องระบายอารมณ์และความบันเทิงใดเล่า จะเท่ากับการลากคนมา ทรมาน
  • 12. ขณะที่สาวใช้กาลังสางผมให้กับเอลิซาเบธ คงเพราะเกร็งไปหน่อยจึงออก แรงมากไป ดึงผมหลุดติดหวีมาหลายเส้น เอลิซาเบธระเบิดอารมณ์ทันที เธอใช้เชิงเทียนที่อยู่ใกล้มือทุบเด็กสาวอย่างไม่ยั้งมือ แล้วลงมือหวดแซ่ หนังผูกปมโลหะใส่เนื้อหนังมังสาของทาสชะตาขาดนั้นอย่างเมา มัน ความรุนแรงของเธอทาเอาแซ้ตวัดเกี่ยวหนังของผู้เคราะห์ร้ายหลุด กระเต็นออกมา เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หยาดเลือดสาดกระเซ็นเป็นฝอยมา ติดตามตัวของเธอ การโบยหฤโหดจบลงพร้อมๆ กับชีวิตของทาสที่เละ เป็นหมูบะช่อแต่ทว่าเรื่องที่ร้ายที่สุดกาลังจะเกิด ขึนเคาน์เตส หอบ ้ เหนื่อยเกือบหมดแรงแต่ก็สนุกสมใจไม่น้อยเลย
  • 13. ความอัจฉริยะบังเกิดขึ้นอีกแล้ว เอลิซาเบธตาวาวโรจน์เปี่ยมสุขขึ้นมา ทันใด คราวนี้เธอค้นพบสูตรใหม่แห่งยาอายุวัฒนะ เธอนั่งลงเห็นและ เห็นหยาดเลือดทาสที่กระเด็นมา จึงให้สาวใช้ต้นห้องเอาผ้าชุบน้ามา เช็ดหน้า และแล้วความโหดเหี้ยมแปรเปลี่ยนเป็นความพิศวง เมื่อ เคาน์เตสพบว่าใต้รอยเลือดนั้นผิวของเธอกลับนุ่มนวลผุดผ่องเป็นยอง ใยราวสาวแรกรุ่นอ่อนนุ่ม ละมุนละไม ผิดกับผิวเนือตรงอื่นอย่าง ้ เหลือเชื่อ เธอคิดได้ว่าเลือดสด ๆ มีคุณสมบัติพิเศษที่จะบันดาลให้เธอ เป็นสาวอมตะได้ตลอดกาล เลือดนั้นจะต้องเป็นของสาวแรกรุ่นซินะ มันถึงจะได้ฤทธิ์ของน้าแห้งชีวิตอย่างเต็มที่
  • 14. และด้วยเหตุนี้เองโศกนาฏกรรมการฆ่าสังหารเด็กสาว กว่า 600 คนเพื่อประทังความงามของเอลิซาเบธ บาโธรี่ จึงเริ่มต้นขึ้น เหยื่อของเอริซาเบทส่วนใหญ่จะเป็นคน เลือกเหยื่อด้วยตนเองเธอต้องการเลือดของ เด็กสาว บริสุทธิ์ โดยเฉพาะสาวแรกรุ่นที่แสนสวยมีอกอวบอิ่ม เธอสั่งให้เชือดและชาแหละเพื่อรีดเลือดทุกหยดออกมาให้ ได้มากที่สุด เด็กหญิงคนแล้วคนเล่าต้องตายอย่างทุก ทรมาน บางคนถูกกรีดร่างจนเป็นริ้วลึกถึงกระดูก ตัดเส้น เลือดทุกเส้นในร่างที่งดงาม หลายคนถูกแหวะอก ผ่าท้อง กรีดหัวใจเลือดพุ่งไหลเป็นสายน้า แล้วให้เธออาบร่างนั้น อย่างมีความสุข
  • 16. เมื่อลูกทาสของคนรับใช้และทาสในที่ดินตายหมดแล้ว เอริซาเบทก็ให้ ลูกน้องบริวารไปล่อลวงหลอกเอาสาวชาวบ้านตามชนบทเข้ามา เอลิ ซาเบทเริ่มทาการรวบรวมเด็กสาวจากที่ต่างๆในดินแดนของตน ชาวบ้านที่ยากจนต่างก็ยินดีที่จะส่งลูกสาวออกมาทางานในปราสาท เพียงเพื่อแลก กับเสื้อผ้าไม่กี่ชุด เหล่าเด็กสาวพากันลอดประตู ปราสาทเข้ามาด้วยใบหน้าร่าเริงราวกับจะไปปิกนิค แต่ไม่มีใครที่รอด กลับมาได้ พวกเธอถูกคั้นเลือดออกมาจนหยดสุดท้ายแล้วถูกฝังไว้ใน สวนหลังปราสาทโดยที่พ่อ แม่พี่น้องก็ไม่มีโอกาสจะทราบข่าวถึง วิธีการทรมานของเอลิซาเบธ ยิ่งยกระดับเสียยิ่งกว่าเก่า มีทั้งการใช้ เหล็กร้อนเผาลาคอ ใช้เครื่องทรมานบีบหน้าอก บางครั้งเธอก็ใช้มือทั้ง สองของตัวเองล้วงเข้าไปในปากและฉีกร่างของเหยื่อออก เป็นสองซีก เด็กสาวบางคนที่พยายามจะหนีก็ถูกตัดเท้าทิ้ง
  • 17. มีบันทึกกล่าวถึงงานฉลองที่เอลิซาเบธ จัดขึ้น เธอได้รวบรวมเด็กสาวหน้าตา ดีจานวน 60 คนมาจัดงานเลี้ยง คนแคระพากันเต้นรา แม่มดก็พ่นไฟ เมื่องาน เลี้ยงดาเนินมาถึงจุดสูงสุดนั่นเอง ประตูถูกปิดตาย และทหารก็กรูกันเข้ามา เด็กสาวที่พากันหนีลนลานบ้างก็ถูกข่มขืนแล้วแทงด้วยมีดที่กลางอก บ้างก็ ถูกตัดหัว บ้างก็ถูกตัดแขนตัดขาและเสียเลือดมากจนสิ้นลม ศพและชิ้นส่วน ต่างๆถูกรวบรวมมากรองเลือดใส่อ่าง และเอลิซาเบธก็เปลื้องผ้าลงแช่ในอ่าง เลือด แต่การรอให้เลือดเต็มอ่างก็ยังไม่ทันใจเธออยู่ดี เอลิซาเบธจึงทดลองวิธี ที่เร็วกว่าด้วยการปาดคอเด็กสาวให้เลือดกระฉูดออกมาใส่ตนเองเหมือน ฝักบัวเลือด แต่เนื่องจากเหยื่อกรีดร้องน่าราคาญ เด็กสาวคนที่สองจึงถูกเย็บ ปากเพื่อรักษาสุขภาพหูของเอลิซาเบธ
  • 19. อีกสิ่งหนึ่งที่เอลิซาเบธทิ้งไว้ในประวัติศาสตร์โลกก็คือ เครื่องมือ ทรมานที่มีชื่อเสียงที่สุดชิ้นหนึ่ง Iron Maiden นั่นเอง ช่างทา นาฬิกาถูกเรียกตัวมาจากเยอรมันเพื่อการนี้โดยเฉพาะ มีการบรรยาย เกี่ยวกับสุภาพสตรีเหล็กตัวแรกสุดไว้ดังนี้ "ตุ๊กตาเหล็กนี้มีรูปร่าง เป็นร่างเปลือยทาสีเนื้อ ส่วนใบหน้ามีการแต้มเครื่องสาอาง เมื่อกลไก ขยับปาก ก็จะปรากฏรอยยิ้มอันเลื่อนลอยและเหี้ยมโหดขึ้นบน ใบหน้า ที่อกมีพลอยประดับอยู่เป็นปุ่ม เมื่อกดปุ่ม ตุ๊กตาก็จะค่อยๆยก แขนขึ้น จากนั้นแขนก็จะเคลื่อนมาเป็นกอดอกซึ่งคนที่อยู่ในระยะ รัศมีก็จะถูกแขนของ ตุ๊กตากอดไว้ พร้อมกันนั้น ส่วนตัวด้านหน้าก็ จะเปิดออกเป็นบานประตู ภายในเป็นช่องกลวงและด้านหลังบาน ประตูมีเข็มแหลมยาวงอกอยู่ 5 เล่ม ผู้ที่ถูกตุ๊กตากอดไว้จะถูกขังอยู่ ภายในตัวตุ๊กตาและถูกเข็มเหล่านี้แทง คั้นเลือดออกมาจนเสียชีวิต"
  • 20. อย่างไรก็ตาม เครื่องทรมานดังกล่าวนี้ไม่ได้ถูกใช้งานจริงมากเท่าที่เข้าใจกัน เนื่องจากเข็มพากันทื่อเสียหมดเพราะเป็นสนิมจากเลือด เอลิซาเบธ จึงออก คาสั่งใหม่ให้สร้างกรงเหล็กขนาดใหญ่ซึ่งมีเข็มแหลมอยู่ภายใน กรงดังกล่าวจะ ถูกเฟืองโซ่ยกขึ้นสูงจากพื้นโดยมีเด็กสาวอยู่ข้างใน และเมื่อเขย่ากรง เลือดก็จะ กระจายลงมาสู่เอลิซาเบธ ที่อยู่เบืองล่างราวกับเป็นฝนเลือด ้ จนเวลาผ่านไปเกือบห้าปี ลูกสาวชาวไร่ชาวนาหายสาบสูญไปจนหมดสิ้น ความ ผิดพลาดเอลิซาเบธเกิดขึ้นเมื่อเธอไปเที่ยวที่เมืองวีน เหตุการณ์สยองจึงเริ่มเกิด ต่อสาธารณชนรับรู้ครั้งแรก เมื่อมีผู้ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องดังออกจากห้องพัก ของเอลิซาเบธ เอลิซาเบทหันไปหาพวกธิดาของพวกผู้ดีมีตระกูล บางรายเป็น ลูกของเพื่อนๆผู้สูงศักดิของเธอด้วยซ้า ถึงตอนนี้บ่าวไพร่หมดปัญญาจะเอาศพ ์ ไปทิ้งไม่ให้ใครเห็นเพราะมีเหยื่อมากมาย ก่ายกองจนต้องโยนออกมาในตอน กลางคืนเพื่อให้ฝูงหมาป่ารุมกินเป็นความเอร็ด อร่อยยามดึก แต่สดท้ายแล้ว ุ เมื่อฝูงหมาป่าก็กินไม่หมด คราวนี้ละพวกญาติๆที่มาตามหาสาวน้อยของพวก เขาก็ได้เห็นภาพอันสยองขวัญ ตอนแรกมีชาวบ้านมาพบกองซากศพที่ซีดเผือก ไม่มีเลือดอยู่เหลือเลยแม้แต่หยด เดียว เลยเกิดล่าลือไปว่าในป่านี้มีผีดิบดูดเลือด อยู่
  • 22. คนเลี้ยงสัตว์ของเอลิซาเบธจึงรีบไปตรวจดูและพบว่าเสียงนั้นเป็นเสียง ของนัก ร้องสาวของสมาคมแห่งหนึ่งในเมืองนัน ภาพที่เห็น หญิงสาว ้ ถูกตัดมือ ตัดเท้า และเสียชีวิต ตายตรงหน้าเอลิซาเบธ เธอบอกกับคน เลี้ยงสัตว์ของเธอว่า นักร้องผู้นี้ทาความผิด จึงมีโทษต้องตาย และนี่คือ ความผิดพลาดของเอลิซาเบธเพราะคนเลี้ยงสัตว์คนนี้ก็ปากเปราะเสีย ด้วยสิ ว่าแล้วกิตติศัพท์นย่อมต้องกลายเป็นที่เลื่องลือในไม่ช้า ี้ ประชาชนก็เริ่มร้องเรียนเรื่องไปยังราชสานักถึงเรื่องคนหาย และมีญาติ ของเด็กหลายรายยืนยันว่าเด็กสาวที่ตายกันเป็นกองๆใกล้ปราสาทของ เอ ลิซาเบธ อยู่นั้นล้วนแล้วแต่ถูกล่อลวงให้มาที่ปราสาทเธอ
  • 23. และแล้วพระเจ้าแมทเทียสที่ 2 ก็ทรงเข้ามาจัดการกับคดีนี้ด้วยพระองค์เอง เดือน ธันวาคมปี 1610 เมื่อมาร์ควิสเธอร์โซซึ่งเป็นญาติของเอลิซาเบธ ไปยังห้องใต้ดิน ของปราสาทเซติช เขาก็ต้องผงะกับสิ่งที่ตัวเองพบ เครื่องทรมานจานวนนับไม่ ถ้วน รอยเลือดที่ชโลมอยู่แทบทุกที่และศพที่กองเป็นภูเขา บางศพถูกตัดทรวงอก บางศพถูกเฉือนเนื้อ บางศพก็ศีรษะถูกทุบจนแหลก และบางศพก็เต็มไปรู กลิ่น เลือดตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง มีเด็กสาวบางคนถูกช่วยออกมาได้ แต่ก็เกือบไม่ รอดเหมือนกันเพราะพวกเขาพบเธอในขณะที่นอนหายใจรวยรินยังไม่ เสียชีวิต เธอเล่าว่าเธอถูกจับมาพร้อมเพื่อนสาวอีกเป็นจานวนมากโดยมีสาวใช้สองคนของ เอ ลิซาเบธคือ นางดอลค์และนางรีโอน่า เป็นคนสังหารนาเลือดมาให้ผู้เป็นนาย ชโลมผิว เพราะเชื่อว่าเลือดคือยาอายุวัฒนะ แต่ก็ยากที่บอกว่าพวกเธอปลอดภัยดี เพราะหลายคนถูกบังคับให้กินเนื้อจากศพของเด็กสาวคนอื่น จนบางคน กลายเป็นคนวิกลจริตด้วยซ้า
  • 24. เอลิซาเบธ บาโธรี่ ถูกสอบสวนในปี ค.ศ. 1610 อย่าว่าแต่พวกชาวไร่ชาวนาเลย บรรดาผู้ดีมีตระกูลทั้งหลายต่างอาฆาตแค้น และญาติสนิทของเธอเองก็โกรธ เคืองอย่างหนักว่าเธอซาดิสต์ขนาดนี้ วงส์ตระกลูบาโธรี่เสื่อมเสียกันหมด ไม่มี อานาจใดๆที่จะช่วยให้นางฟ้าหรือผีห่าซาตานตนนี้พ้นผิดไปได้แล้ว ลูกมือของ เคาน์เตสเปิดปากสารภาพเล่าวิธีการ และบอกถึงรายนามเหยื่อเท่าที่พวกเขาจา ได้เฉพาะที่จาได้ก็ปาเข้าไปตั้ง 160 ศพ เดือนมกราคมปี 1611 การตัดสินคดีของ เอลิซาเบธถูกจัดขึ้นที่พิซเซ่ เอลิซาเบธได้รับอนุญาตให้ไม่ต้องมาขึ้นศาลด้วย ตัวเอง และเนื่องจากฎีกาของตระกูลบาโธรี่ เธอก็รอดพ้นจากโทษประหารใน ขณะที่ผู้มีส่วนร่วมในการสังหารทุกคนต่างก็ถูกตัดสินโทษเผาทั้งเป็น โดยผู้มี ส่วนร่วมเป็นสาวใช้สองคนที่ทาหน้าที่ค้นหาและจับผู้หญิงสาวเคราะห์ร้ายมา สังเวยแก่เธอถึง 605 คน
  • 25. หลังการไต่สวนสมุนเอกของเคาน์เตสถูกลงโทษโดยการเผาทั้งเป็นในที่ สาธารณะเธอ ถูกลากกลับไปที่ปราสาทเซติซ ของเธอเอง ที่นั้นเธอถูก รุนเข้าไปอยู่ในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งแล้ว เจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองก็ก่ออิฐ ปิดหน้าต่างและประตูทั้งหมด เหลือไว้เพียงชองเล็กนิดเดียวที่พอจะ สอดอาหารและน้าส่งให้เธอได้ ลองโดนขังไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ขนาดนี้ เป็นคนอื่นล่ะตายไปนานแล้วแต่บาปหนาของเธอทาให้เธอยังมี ชีวิตอยู่รู้รสความทรมานที่แสนสาหัสนานถึง 4 ปี
  • 27. การตัดสินโทษของเอลิซาเบธ ถูกโอนให้เป็นอานาจของตระกูลบาโธรี่ และโดย ผลการประชุมของตระกูล เอลิซาเบธ ก็ถูกตัดสินให้ถูกจองจาอยู่ในปราสาทเซ ติชไปจนตลอดชีวิตในห้องขังอันมืดมิด ซึ่งประตูถูกโบกปูนปิดตายตลอดชิวิต ไม่ให้หลุดมาทาอันตรายใครได้อีก 21 สิงหาคม 1614 ก็เป็นวันที่ปราศจากสัญญาณชีวิตจาก เอลิซาเบธ บาโธรี่ ช่อง เล็กๆ เพียงช่องเดียวก็ได้ถูกอิฐก่อปิดสนิทลง แต่มีบางตานานกล่าวว่าเธอหนี ออกไปได้และกลายเป็นผีร้ายอยู่ในป่าของฮังการี่ ทุกวันนี้ ปราสาทเซติซ บน ภูเขาคาร์ลปาเชีย ในสโลวาเกีย ที่ซึ่งในอดีตเป็นสถานที่สังหารเหยื่อของเอลิ ซาเบธ ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่น แม้จะเหลือแต่ซากปรักหักพังแล้ว แต่มันก็ยัง น่าสะพรึงกลัวอยู่เช่นเดิม