ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
งานนำา เสนอ
 รายวิช า วิท ยาศาสตร์
เรื่อ ง เครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า ใน
             บ้า น
• จัด ทำา โดย
ด.ช พงศกร สีพ รหม เลขที่ 21
ด.ญ กนกนารถ เค้า สิม เลขที่
             22
 ด.ญ ขนิษ ฐา ยาดี เลขที่ 23
• เครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า ในบ้า น
• เครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า
• เครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า  คือ อุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงาน
  ไฟฟ้าเป็นพลังงานรูปอื่น เพื่อนำาไปใช้ในชีวิต
  ประจำาวัน ได้แก่
• 1. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้แสงสว่าง
• 2. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน
• 3. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานกล
• 4. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานเสียง
• นอกจากนียังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถเปลี่ยน
             ้
  เป็นพลังงานรูปอื่นหลายรูปในเวลาเดียวกัน
• เครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า ที่ใ ห้แ สงสว่า ง  

       อุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงาน
  แสง ได้แก่ หลอดไฟฟ้า หลอดฟลูออเรสเซนต์
  และหลอดไฟโฆษณา โธมัส แอลวา เอดิสัน
  (Thomas Alva Edison) นักฟิสกส์ชาวอเมริกัน
                                 ิ
  ได้ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ
  พ.ศ. 2422 โดยใช้คาร์บอนเส้นเล็กๆเป็นไส้
  หลอดและต่อมาได้มีการพัฒนาขึ้น จนเป็น
  หลอดไฟฟ้าที่ใช้ในปัจจุบัน 
• ประเภทของหลอดไฟ
• 1. หลอดไฟฟ้าธรรมดา มีไส้หลอดที่ทำาด้วยลวด
  โลหะที่มีจุดหลอมเหลวสูง เช่น ทังสเตนเส้น
  เล็กๆ ขดเอาไว้เหมือนขดลวดสปริงภายใน
  หลอดแก้วสูบอากาศออกหมดแล้วบรรจุ
  ก๊าซเฉือย เช่น อาร์กอน (Ar) ไว้ ก๊าซนีช่วย
         ่                              ้
  ป้องกันไม่ให้หลอดไฟฟ้าดำา ลักษณะของหลอด
  ไฟเป็นดังรูป
                      •  
• หลัก การทำา งานของหลอดไฟฟ้า ธรรมดา
• กระแสไฟฟ้าไหลผ่านไส้หลอดซึงมีความต้านทานสูง
                                 ่
  พลังงานไฟฟ้าจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ทำาให้
  ไส้หลอดร้อนจัดจนเปล่งแสงออกมาได้ การเปลี่ยน
  พลังงานเป็นดังนี้
• พลังงานไฟฟ้า >>>พลังงานความร้อน >>>พลังงาน
  แสง
• 2. หลอดเรื่องแสง หรือ หลอดฟลูออเรสเซนต์
  (fluorescent) เป็นอุปกรณ์ทเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็น
                            ี่
  พลังงานแสงสว่าง ซึ่งมีการประดิษฐ์ในปี ค.ศ. 1938
  โดยมีรูปร่างหลายแบบ อาจทำาเป็นหลอดตรง สั้น ยาว
  ขดเป็นวงกลมหรือครึ่งวงกลม เป็นต้น
• ส่ว นประกอบของหลอดเรือ งแสง
• ตัวหลอดมีไส้โลหะทังสเตนติดอยูทปลายทัง 2 ข้าง
                                   ่ ี่  ้
  ของหลอดแก้ว ซึ่งผิวภายในของหลอดฉาบด้วยสาร
  เรื่องแสง อากาศในหลอดแก้วถูกสูบออกจนหมดแล้วใส่
• อุปกรณ์ที่ใช้เพื่อให้หลอดเรืองแสงทำางาน
 1. สตาร์ตเตอร์ (starter) ทำาหน้าที่เป็นสวิตซ์
  อัตโนมัติในขณะหลอดเรืองแสง ยังไม่ติดและ
  หยุดทำางานเมื่อหลอดติดแล้ว
 2. แบลลัสต์ (Ballast) ทำาหน้าที่เพิ่มความต่าง
  ศักย์ เพื่อให้หลอดไฟเรืองแสงติดในตอนแรก
  และทำาหน้าที่ ควบคุมกระแสไฟฟ้าที่ผานหลอด
                                        ่
  ให้ลดลงเมื่อหลอดติดแล้ว

• การใช้หลอดเรืองแสงต้องต่อวงจรเข้ากับสตาร์ต
  เตอร์และแบลลัสต์ แล้วจึงต่อเข้ากับสายไฟฟ้า
  ในบ้าน
• หลัก การทำา งานของหลอดเรือ งแสง
  เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านไส้หลอดจะทำาให้ไส้หลอด
  ร้อนขึ้น ความร้อนที่เกิดทำาให้ปรอทที่บรรจุไว้
  ในหลอดกลายเป็นไอมากขึ้น เมื่อกระแสไฟฟ้า
  ผ่านไอปรอทได้จะคายพลังงานไฟฟ้าให้ไอ
  ปรอท ทำาให้อะตอมของไอปรอทอยู่ในภาวะถูก
  กระตุ้น และอะตอมปรอทจะคายพลังงานออกมา
  เพื่อลดระดับพลังงานของตนในรูปของรังสี
  อัลตราไวโอเลต เมื่อรังสีดังกล่าวกระทบสาร
  เรืองแสงที่ฉาบไว้ที่ผิวในของหลอดเรืองแสงนั้น
  ก็จะเปล่งแสงได้ โดยให้แสงสีต่างๆ ตามชนิด
  ของสารเรืองแสงที่ฉาบไว้ภายในหลอดนั้น เช่น
  แคดเมียมบอเรทจะให้แสงสีชมพู ซิงค์ซิลิเคทให้
  แสงสีเขียว แมกนีเซียมทังสเตนให้แสงสีขาวอม
  ฟ้า และยังอาจผสมสารเหล่านี้เพื่อให้ได้สผสมที่
                                          ี
ข้อ แนะนำา การใช้ห ลอดไฟอย่า งประหยัด
1. ใช้หลอดเรืองแสงจะให้แสงสว่างมากกว่าหลอด
  ธรรมดาประมาณ 4 เท่า เมือใช้พลังงานไฟฟ้าเท่ากัน
                              ่
  และอายุการใช้งานจะทนกว่าประมาณ 8 เท่า
2. ใช้แสงสว่างให้เหมาะกับการใช้งาน ที่ใดต้องการแสง
  สว่างไม่มากนักควรติดไฟน้อยดวง
3. ทำาความสะอาดโป๊ะไฟ จะให้แสงสว่างเต็มที่
4. ปิดไฟทุกครั้งทีไม่จำาเป็นต้องใช้
                  ่
• เครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า ที่ใ ห้พ ลัง งานความร้อ น
  การเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานความ
  ร้อน เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทนี้ในปัจจุบันมีการ
  ผลิตและใช้กันมาก เช่น เตาไฟฟ้า 
  เตารีดไฟฟ้า หม้อหุงข้าว กาต้มนำ้าไฟฟ้า เครื่อง
  ปิงขนมปัง เครื่องอบผม เป็นต้น
    ้
เครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า ประเภทนีอ าศัย หลัก การที่ว ่า
                          ้

        เมื่อ ให้ก ระแสไฟฟ้า ผ่า นขดลวดความต้า นทานจะ
  ทำา ให้เ กิด ความร้อ นในขดลวดนั้น ความร้อ นจะมีป ริม าณ
  มากหรือ น้อ ยขึ้น อยู่ก ัก ระแสไฟฟ้า และความต้า นทาน
  ของขดลวด ถ้า กระแสไฟฟ้า มากลวดจะร้อ นมากขึ้น
  และถ้า ความต้า นทานขดลวดมากก็จ ะทำา ให้ร ้อ นยิ่ง ขึ้น
  จากหลัก การนี้เ ส้น ลวดที่น ำา มาใช้เ ป็น ตัว ให้ค วามร้อ นจึง
  ต้อ งมีค วามต้า นทานสูง เพื่อ ให้ม ีค วามร้อ นมาก และ
  จุด หลอมเหลวสูง พอที่จ ะทำา ให้ค วามร้อ นนานๆ และที่
  สำา คัญ ต้อ งไม่ร วมกับ ออกซิเ จนในอากาศเมื่อ อุณ หภูม ิส ูง
  ขึ้น เพื่อ ไม่ใ ห้ข าดเร็ว

       ในทางปฏิบ ัต ิเ ส้น ลวดที่น ำา มาใช้ท ำา เป็น ขดลวด
  ความร้อ นนี้ ทำา มาจากโลหะผสมระหว่า งนิก เกิล
  ประมาณร้อ ยละ 60 โครเมีย ม ประมาณร้อ ยละ 15 และ
  เหล็ก ประมาณร้อ ยละ 25 ได้โ ลหะใหม่ท ี่ เรีย กว่า นิโ ครม
  เป็น โลหะที่ม ีค วามต้า นทานประมาณ 50 เท่า ของ
  ลวดทองแดง และจุด หลอมเหลวอยู่ 1,500 องศาเซลเซีย ส
  ลวดนิโ ครมที่ป ระกอบอยู่ใ นเครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า อาจทำา เป็น
เครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า ที่ใ ห้พ ลัง งานกล  

      เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็น
 พลังงานกลได้ ต้องใช้มอเตอร์เป็นอุปกรณ์ใน
 การเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล เช่น
 เครื่องซักผ้า เครื่องสูบนำ้า พัดลม จักรเย็บผ้า ตู้
 เย็น เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น 
มอเตอร์ไฟฟ้า ทำางานโดยอาศัยหลักการดังนี้ เมื่อ
 มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดตัวนำาทางวางงอ
 อยู่ระหว่างขั้นเหนือและขั้นใต้ของแท่งแม่เหล็ก
 กระแสไฟฟ้าขณะไหลผ่านขดลวดจะเกิดการ
 เหนี่ยวนำาเกิดสนามแม่เหล็กรอบเส้นลวด ทำาให้
 เส้นแรงแม่เหล็กของแท่นแม่เหล็กแบนไป ซึ่ง
 เส้นแรงแม่เหล็กที่เบียงเบนไปนี้จะยึดเส้นแรง
                      ่
 ออกให้ตรงด้วยเส้นแรงผลักขดลวด เป็นผลให้
 ขดลวดหมุนได้ เช่น เครื่องดูดฝุ่น
เครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า ที่ใ ห้พ ลัง งานเสีย ง  

      เครื่องใช้ไฟฟ้าทีให้พลังงานเสียง เป็นเครื่องใช้
                        ่
 ไฟฟ้าทีเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานเสียง เช่น
           ่
 เครื่องรับวิทยุ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องขยายเสียง 

 เครื่อ งรับ วิท ยุ 
      เป็นอุปกรณ์ทเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงาน
                     ี่
 เสียง โดยเครื่องรับวิทยุอาศัยการรับคลื่นวิทยุจาก
 สถานีส่ง แล้วใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขยายสัญญาณ
 เสียงทีอยูในรูปของสัญญาณไฟฟ้าให้แรงขึ้นจนเพียง
         ่ ่
 พอทีทำาให้ลำาโพงเสียงสั่นสะเทือนเป็นเสียงให้เราได้ยน
       ่                                            ิ
 ดังแผนผัง 
เครื่อ งบัน ทึก เสีย ง 
      เครื่องบันทึกเสียงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่
 เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานเสียง โดย
 ขณะบันทึกใช้การพูดผ่านไมโครโฟน ซึ่งจะ
 เปลี่ยนเสียงเป็นสัญญาณไฟฟ้า แล้วบันทึกลง
 ในแถบบันทึกเสียงซึ่งฉาบด้วยสารแม่เหล็กใน
 รูปของสัญญาณแม่เหล็ก เมื่อนำาแถบบันทึกเสียง
 ที่บนทึกไว้มาเล่น สัญญาณแม่เหล็กจะถูก
     ั
 เปลี่ยนกลับไปเป็นสัญญาณไฟฟ้า และสัญญาณ
 ไฟฟ้าจะถูกขยายให้แรงขึ้นด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้า
 สัญญาณไฟฟ้าจะถูกส่งไปถึงลำาโพง ทำาให้
 ลำาโพงสันสะเทือนกลับเป็นเสียงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
            ่
 ดังแผนผัง 
เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิด สามารถเปลี่ยน
พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานอื่นๆ หลายรูปได้
พร้อมกัน เช่น โทรทัศน์สามารถเปลี่ยนพลังงาน
ไฟฟ้าเป็นพลังงานแสง และพลังงานเสียงใน
เวลาเดียวกัน 
อุป กรณ์
• อุป กรณ์ไ ฟฟ้า
              อุปกรณ์ไฟฟ้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้า คือ อุปกรณ์ที่
   เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานรูปอื่น เพือนำาไปใช้ใน
                                                      ่
   ชีวิตประจำาวัน ได้แก่ 
                            - อุปกรณ์ไฟฟ้าทีให้แสง่
                            - อุปกรณ์ไฟฟ้าทีให้ความร้อน 
                                            ่
                            - อุปกรณ์ไฟฟ้าทีให้พลังงานกล
                                              ่
                            - อุปกรณ์ไฟฟ้าทีให้พลังงาน
                                                ่
   เสียง     หมายเหตุ นอกจากนี้อุปกรณ์ไฟฟ้าหลาย
   ชนิด ทีให้พลังงานหลายชนิดพร้อมๆกัน เช่น โทรทัศน์
            ่
   และคอมพิวเตอร์ จัดเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าทีให้พลังงานแสง่
   และพลังงานเสียงพร้อมกัน              ข้อ ควรระวัง ใน
   การใช้เ ครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า มีด ัง นี้ 
     1. ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างระมัดระวัง
   อย่าให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 
     2. หมันตรวจดูสายไฟ และอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยูในสภาพ
              ่                                         ่
   ทีใช้งานได้ดี
     ่
     3. ถ้าไม่มีความรู้เรื่องไฟฟ้า อย่าแก้ไขหรือซ่อมแซม
๶ครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน.ʻ

More Related Content

๶ครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน.ʻ

  • 1. งานนำา เสนอ รายวิช า วิท ยาศาสตร์ เรื่อ ง เครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า ใน บ้า น
  • 2. • จัด ทำา โดย ด.ช พงศกร สีพ รหม เลขที่ 21 ด.ญ กนกนารถ เค้า สิม เลขที่ 22 ด.ญ ขนิษ ฐา ยาดี เลขที่ 23
  • 3. • เครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า ในบ้า น • เครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า • เครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า  คือ อุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงาน ไฟฟ้าเป็นพลังงานรูปอื่น เพื่อนำาไปใช้ในชีวิต ประจำาวัน ได้แก่ • 1. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้แสงสว่าง • 2. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน • 3. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานกล • 4. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานเสียง • นอกจากนียังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถเปลี่ยน ้ เป็นพลังงานรูปอื่นหลายรูปในเวลาเดียวกัน
  • 4. • เครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า ที่ใ ห้แ สงสว่า ง        อุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงาน แสง ได้แก่ หลอดไฟฟ้า หลอดฟลูออเรสเซนต์ และหลอดไฟโฆษณา โธมัส แอลวา เอดิสัน (Thomas Alva Edison) นักฟิสกส์ชาวอเมริกัน ิ ได้ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2422 โดยใช้คาร์บอนเส้นเล็กๆเป็นไส้ หลอดและต่อมาได้มีการพัฒนาขึ้น จนเป็น หลอดไฟฟ้าที่ใช้ในปัจจุบัน 
  • 5. • ประเภทของหลอดไฟ • 1. หลอดไฟฟ้าธรรมดา มีไส้หลอดที่ทำาด้วยลวด โลหะที่มีจุดหลอมเหลวสูง เช่น ทังสเตนเส้น เล็กๆ ขดเอาไว้เหมือนขดลวดสปริงภายใน หลอดแก้วสูบอากาศออกหมดแล้วบรรจุ ก๊าซเฉือย เช่น อาร์กอน (Ar) ไว้ ก๊าซนีช่วย ่ ้ ป้องกันไม่ให้หลอดไฟฟ้าดำา ลักษณะของหลอด ไฟเป็นดังรูป •  
  • 6. • หลัก การทำา งานของหลอดไฟฟ้า ธรรมดา • กระแสไฟฟ้าไหลผ่านไส้หลอดซึงมีความต้านทานสูง ่ พลังงานไฟฟ้าจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ทำาให้ ไส้หลอดร้อนจัดจนเปล่งแสงออกมาได้ การเปลี่ยน พลังงานเป็นดังนี้ • พลังงานไฟฟ้า >>>พลังงานความร้อน >>>พลังงาน แสง • 2. หลอดเรื่องแสง หรือ หลอดฟลูออเรสเซนต์ (fluorescent) เป็นอุปกรณ์ทเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็น ี่ พลังงานแสงสว่าง ซึ่งมีการประดิษฐ์ในปี ค.ศ. 1938 โดยมีรูปร่างหลายแบบ อาจทำาเป็นหลอดตรง สั้น ยาว ขดเป็นวงกลมหรือครึ่งวงกลม เป็นต้น • ส่ว นประกอบของหลอดเรือ งแสง • ตัวหลอดมีไส้โลหะทังสเตนติดอยูทปลายทัง 2 ข้าง ่ ี่ ้ ของหลอดแก้ว ซึ่งผิวภายในของหลอดฉาบด้วยสาร เรื่องแสง อากาศในหลอดแก้วถูกสูบออกจนหมดแล้วใส่
  • 7. • อุปกรณ์ที่ใช้เพื่อให้หลอดเรืองแสงทำางาน 1. สตาร์ตเตอร์ (starter) ทำาหน้าที่เป็นสวิตซ์ อัตโนมัติในขณะหลอดเรืองแสง ยังไม่ติดและ หยุดทำางานเมื่อหลอดติดแล้ว 2. แบลลัสต์ (Ballast) ทำาหน้าที่เพิ่มความต่าง ศักย์ เพื่อให้หลอดไฟเรืองแสงติดในตอนแรก และทำาหน้าที่ ควบคุมกระแสไฟฟ้าที่ผานหลอด ่ ให้ลดลงเมื่อหลอดติดแล้ว • การใช้หลอดเรืองแสงต้องต่อวงจรเข้ากับสตาร์ต เตอร์และแบลลัสต์ แล้วจึงต่อเข้ากับสายไฟฟ้า ในบ้าน
  • 8. • หลัก การทำา งานของหลอดเรือ งแสง เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านไส้หลอดจะทำาให้ไส้หลอด ร้อนขึ้น ความร้อนที่เกิดทำาให้ปรอทที่บรรจุไว้ ในหลอดกลายเป็นไอมากขึ้น เมื่อกระแสไฟฟ้า ผ่านไอปรอทได้จะคายพลังงานไฟฟ้าให้ไอ ปรอท ทำาให้อะตอมของไอปรอทอยู่ในภาวะถูก กระตุ้น และอะตอมปรอทจะคายพลังงานออกมา เพื่อลดระดับพลังงานของตนในรูปของรังสี อัลตราไวโอเลต เมื่อรังสีดังกล่าวกระทบสาร เรืองแสงที่ฉาบไว้ที่ผิวในของหลอดเรืองแสงนั้น ก็จะเปล่งแสงได้ โดยให้แสงสีต่างๆ ตามชนิด ของสารเรืองแสงที่ฉาบไว้ภายในหลอดนั้น เช่น แคดเมียมบอเรทจะให้แสงสีชมพู ซิงค์ซิลิเคทให้ แสงสีเขียว แมกนีเซียมทังสเตนให้แสงสีขาวอม ฟ้า และยังอาจผสมสารเหล่านี้เพื่อให้ได้สผสมที่ ี
  • 9. ข้อ แนะนำา การใช้ห ลอดไฟอย่า งประหยัด 1. ใช้หลอดเรืองแสงจะให้แสงสว่างมากกว่าหลอด ธรรมดาประมาณ 4 เท่า เมือใช้พลังงานไฟฟ้าเท่ากัน ่ และอายุการใช้งานจะทนกว่าประมาณ 8 เท่า 2. ใช้แสงสว่างให้เหมาะกับการใช้งาน ที่ใดต้องการแสง สว่างไม่มากนักควรติดไฟน้อยดวง 3. ทำาความสะอาดโป๊ะไฟ จะให้แสงสว่างเต็มที่ 4. ปิดไฟทุกครั้งทีไม่จำาเป็นต้องใช้ ่
  • 10. • เครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า ที่ใ ห้พ ลัง งานความร้อ น   การเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานความ ร้อน เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทนี้ในปัจจุบันมีการ ผลิตและใช้กันมาก เช่น เตาไฟฟ้า  เตารีดไฟฟ้า หม้อหุงข้าว กาต้มนำ้าไฟฟ้า เครื่อง ปิงขนมปัง เครื่องอบผม เป็นต้น ้
  • 11. เครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า ประเภทนีอ าศัย หลัก การที่ว ่า ้ เมื่อ ให้ก ระแสไฟฟ้า ผ่า นขดลวดความต้า นทานจะ ทำา ให้เ กิด ความร้อ นในขดลวดนั้น ความร้อ นจะมีป ริม าณ มากหรือ น้อ ยขึ้น อยู่ก ัก ระแสไฟฟ้า และความต้า นทาน ของขดลวด ถ้า กระแสไฟฟ้า มากลวดจะร้อ นมากขึ้น และถ้า ความต้า นทานขดลวดมากก็จ ะทำา ให้ร ้อ นยิ่ง ขึ้น จากหลัก การนี้เ ส้น ลวดที่น ำา มาใช้เ ป็น ตัว ให้ค วามร้อ นจึง ต้อ งมีค วามต้า นทานสูง เพื่อ ให้ม ีค วามร้อ นมาก และ จุด หลอมเหลวสูง พอที่จ ะทำา ให้ค วามร้อ นนานๆ และที่ สำา คัญ ต้อ งไม่ร วมกับ ออกซิเ จนในอากาศเมื่อ อุณ หภูม ิส ูง ขึ้น เพื่อ ไม่ใ ห้ข าดเร็ว ในทางปฏิบ ัต ิเ ส้น ลวดที่น ำา มาใช้ท ำา เป็น ขดลวด ความร้อ นนี้ ทำา มาจากโลหะผสมระหว่า งนิก เกิล ประมาณร้อ ยละ 60 โครเมีย ม ประมาณร้อ ยละ 15 และ เหล็ก ประมาณร้อ ยละ 25 ได้โ ลหะใหม่ท ี่ เรีย กว่า นิโ ครม เป็น โลหะที่ม ีค วามต้า นทานประมาณ 50 เท่า ของ ลวดทองแดง และจุด หลอมเหลวอยู่ 1,500 องศาเซลเซีย ส ลวดนิโ ครมที่ป ระกอบอยู่ใ นเครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า อาจทำา เป็น
  • 12. เครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า ที่ใ ห้พ ลัง งานกล        เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็น พลังงานกลได้ ต้องใช้มอเตอร์เป็นอุปกรณ์ใน การเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องสูบนำ้า พัดลม จักรเย็บผ้า ตู้ เย็น เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น 
  • 13. มอเตอร์ไฟฟ้า ทำางานโดยอาศัยหลักการดังนี้ เมื่อ มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดตัวนำาทางวางงอ อยู่ระหว่างขั้นเหนือและขั้นใต้ของแท่งแม่เหล็ก กระแสไฟฟ้าขณะไหลผ่านขดลวดจะเกิดการ เหนี่ยวนำาเกิดสนามแม่เหล็กรอบเส้นลวด ทำาให้ เส้นแรงแม่เหล็กของแท่นแม่เหล็กแบนไป ซึ่ง เส้นแรงแม่เหล็กที่เบียงเบนไปนี้จะยึดเส้นแรง ่ ออกให้ตรงด้วยเส้นแรงผลักขดลวด เป็นผลให้ ขดลวดหมุนได้ เช่น เครื่องดูดฝุ่น
  • 14. เครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า ที่ใ ห้พ ลัง งานเสีย ง        เครื่องใช้ไฟฟ้าทีให้พลังงานเสียง เป็นเครื่องใช้ ่ ไฟฟ้าทีเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานเสียง เช่น ่ เครื่องรับวิทยุ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องขยายเสียง  เครื่อ งรับ วิท ยุ       เป็นอุปกรณ์ทเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงาน ี่ เสียง โดยเครื่องรับวิทยุอาศัยการรับคลื่นวิทยุจาก สถานีส่ง แล้วใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขยายสัญญาณ เสียงทีอยูในรูปของสัญญาณไฟฟ้าให้แรงขึ้นจนเพียง ่ ่ พอทีทำาให้ลำาโพงเสียงสั่นสะเทือนเป็นเสียงให้เราได้ยน ่ ิ ดังแผนผัง 
  • 15. เครื่อ งบัน ทึก เสีย ง       เครื่องบันทึกเสียงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานเสียง โดย ขณะบันทึกใช้การพูดผ่านไมโครโฟน ซึ่งจะ เปลี่ยนเสียงเป็นสัญญาณไฟฟ้า แล้วบันทึกลง ในแถบบันทึกเสียงซึ่งฉาบด้วยสารแม่เหล็กใน รูปของสัญญาณแม่เหล็ก เมื่อนำาแถบบันทึกเสียง ที่บนทึกไว้มาเล่น สัญญาณแม่เหล็กจะถูก ั เปลี่ยนกลับไปเป็นสัญญาณไฟฟ้า และสัญญาณ ไฟฟ้าจะถูกขยายให้แรงขึ้นด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้า สัญญาณไฟฟ้าจะถูกส่งไปถึงลำาโพง ทำาให้ ลำาโพงสันสะเทือนกลับเป็นเสียงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ่ ดังแผนผัง 
  • 16. เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิด สามารถเปลี่ยน พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานอื่นๆ หลายรูปได้ พร้อมกัน เช่น โทรทัศน์สามารถเปลี่ยนพลังงาน ไฟฟ้าเป็นพลังงานแสง และพลังงานเสียงใน เวลาเดียวกัน 
  • 17. อุป กรณ์ • อุป กรณ์ไ ฟฟ้า               อุปกรณ์ไฟฟ้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้า คือ อุปกรณ์ที่ เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานรูปอื่น เพือนำาไปใช้ใน ่ ชีวิตประจำาวัน ได้แก่                           - อุปกรณ์ไฟฟ้าทีให้แสง่                          - อุปกรณ์ไฟฟ้าทีให้ความร้อน  ่                          - อุปกรณ์ไฟฟ้าทีให้พลังงานกล ่                          - อุปกรณ์ไฟฟ้าทีให้พลังงาน ่ เสียง     หมายเหตุ นอกจากนี้อุปกรณ์ไฟฟ้าหลาย ชนิด ทีให้พลังงานหลายชนิดพร้อมๆกัน เช่น โทรทัศน์ ่ และคอมพิวเตอร์ จัดเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าทีให้พลังงานแสง่ และพลังงานเสียงพร้อมกัน              ข้อ ควรระวัง ใน การใช้เ ครื่อ งใช้ไ ฟฟ้า มีด ัง นี้    1. ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างระมัดระวัง อย่าให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า    2. หมันตรวจดูสายไฟ และอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยูในสภาพ ่ ่ ทีใช้งานได้ดี ่   3. ถ้าไม่มีความรู้เรื่องไฟฟ้า อย่าแก้ไขหรือซ่อมแซม