�ݺ�ߣ

ึϸ�วเคราะห์น้อย (Asteroid) ึϸ�วเคราะห์น้อย (Asteroid) คือก้อนหินขนาดเล็กซึ่งรวมอยู่ด้วยกันจำนวนหลายพันก้อนในระบบสุริยะ รายล้อมดวงอาทิตย์และโคจรรอบดวงอาทิตย์คล้ายึϸ�วเคราะห์ อยู่ระหว่างดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี เรียกบริเวณนี้ว่า “แถบึϸ�วเคราะห์น้อย(Asteroid Belt)” ซึ่งอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 2.0 –3.3 au. ึϸ�วเคราะห์น้อยดวงที่ใหญ่ที่สุดคือ ดารเคราะห์น้อยซีเรส(Ceres) มีความยาวประมาณ 1,000 กิโลเมตร ถ่ายภาพไว้ได้โดยยานอวกาศกาลิเลโอ(Galileo Space Probe) �� ึϸ�วเคราะห์น้อยจำแนกออกได้เป็น 3 ประเภท โดยพิจารณาจากการสะท้อนแสงอาทิตย์ คือ1. C-type Asteroid (Cabonaceous Asteroid)�� เป็นึϸ�วเคราะห์น้อยที่สะท้อนแสงได้น้อยมาก มองดูมืดที่สุด องค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นคาร์บอน(ถ่าน) เป็นึϸ�วเคราะห์น้อยกลุ่มนี้มีจำนวนประมาณ 75%ของเป็นึϸ�วเคราะห์น้อยทั้งหมด2. S-type Asteroid (Silicaceous Asteroid)�� เป็นึϸ�วเคราะห์น้อยที่สะท้อนแสงได้ปานกลาง มองดูเป็นสีเทา องค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นซิลิกา(Silica) เป็นึϸ�วเคราะห์น้อยกลุ่มนี้มีจำนวนประมาณ 15%ของเป็นึϸ�วเคราะห์น้อยทั้งหมด3. M-type Asteroid (Metaliceous Asteroid)�� เป็นึϸ�วเคราะห์น้อยที่สะท้อนแสงได้มากที่สุดมองดูสว่าง องค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นโลหะ(Metal) เป็นึϸ�วเคราะห์น้อยกลุ่มนี้มีจำนวนประมาณ 10%ของเป็นึϸ�วเคราะห์น้อยทั้งหมด�� กำเนิดึϸ�วเคราะห์น้อย �� มีสองทฤษฎีที่เกี่ยวกับจุดกำเนิดของึϸ�วเคราะห์น้อย คือ ทฤษฎีที่หนึ่งกล่าวว่า ึϸ�วเคราะห์น้อยเป็นส่วนหนึ่งของึϸ�วเคราะห์ดวงใหญ่ดวงหนึ่งหรือึϸ�วเคราะห์ดวงเล็ก ๆ หลายดวง ต่อมาภายหลังึϸ�วเคราะห์เหล่านี้เกิดการแตกออกเนื่องจากการชนกันหรือหมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วมากเกินไป ทฤษฎีที่สองกล่าวว่า เริ่มต้นของการเกิดระบบสุริยะมีความผิดพลาดจากการเกิดเป็นดาวบริวารของดาวอังคารหรือดาวพฤหัสบดี หรือทั้งสองดวง หรือเกิดจากการผิดพลาดจากการรวมตัวเป็นึϸ�วเคราะห์ วิวัฒนาการ �� ึϸ�วเคราะห์น้อยไม่อาจถือเป็นตัวอย่างของระบบสุริยะในยุคดั้งเดิม เพราะมันได้ผ่านกระบวนการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากการก่อตัวในครั้งแรกแล้ว ซึ่งรวมถึงความร้อนภายใน (ในช่วงหลายสิบล้านปีแรกๆ) การหลอมเหลวบนพื้นผิวเนื่องจากการชน การผุกร่อน (space weathering) จากการแผ่รังสี ตลอดจนการถูกชนจากสะเก็ดดาวขนาดเล็ก นักวิทยาศาสตร์บางส่วนอ้างว่าึϸ�วเคราะห์น้อยเป็นเศษที่เหลือมาจากึϸ�วเคราะห์ แต่นักวิทยาศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่งเห็นว่ามันเป็นวัตถุที่แตกต่างออกไป �� เชื่อกันว่า แถบึϸ�วเคราะห์น้อยในปัจจุบันเป็นแต่เพียงส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของมวลที่เคยมีในแถบดั้งเดิม แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์แสดงให้เห็นว่าแถบึϸ�วเคราะห์น้อยดั้งเดิมน่าจะมีมวลมากเทียบเท่ากับมวลของโลก ทั้งนี้เนื่องจากการถูกรบกวนแรงโน้มถ่วง ทำให้สสารส่วนใหญ่ดีดตัวออกไปจากแถบหลักในราวช่วงหนึ่งล้านปีของยุคการก่อตัว คงเหลือมวลอยู่ในแถบหลักเพียงประมาณ 0.1% เท่านั้น หลังจากยุคการก่อตัว ขนาดการกระจายของึϸ�วเคราะห์น้อยในแถบหลักก็ค่อนข้างคงที่ ไม่มีสัญญาณที่ชี้ว่ามีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของขนาดแถบึϸ�วเคราะห์น้อยเลย �� �� ��http://www.student.chula.ac.th/~50370299/asteroid.htm

�ݺ�ߣ

Pon

Recommended

More Related Content

What's hot (15)

Viewers also liked (11)

Similar to Pon (20)

Pon