�ݺ�ߣ

การประชุม “ การเอาชนะความขัดแย้งต่างๆในสังคมไทย ” จัดโดย Siam Intelligence Unit และ มูลนิธิฟรีดริช เนามัน ดร . ไรเนอร์ อดัม ( ผู้อำนวยการระดับภูมิภาค มูลนิธิฟรีดริช เนามัน ) กรุงเทพ ประเทศไทย

เงื่อนไขของมวลมนุษย์ ดูเหมือนว่าจะเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกที่ความสอดประสานกันของคุณค่ามนุษย์และสันติภาพนั้นอยู่เหนือการโต้เถียงและความขัดแย้ง ดังนั้น สถาบันต่างๆ จึงต่างรักษาสันติภาพและความมั่นคงของมนุษย์ดำรงอยู่และพัฒนาต่อไปในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์ อย่างไรก็ดี เมื่อเราพิจารณาอย่างละเอียด เราต่างพบว่าอีกด้านของการแก้ไขปัญหาต่างจริงๆแล้วก็คือการปฎิเสธความรุนแรงมากกว่าตัวความขัดแย้งเอง

ความขัดแย้งเป็นสิ่งที่เลวร้ายหรอ ? ความขัดแย้งเป็นปัจจัยหนึ่งในการพัฒนาสังคมมนุษย์ จริงๆ แล้ว ความขัดแย้งเป็นปัจจัยหลักของการพัฒนา นวตกรรมและเทคโนโลยีในโลกสมัยใหม่ ความขัดแย้งเป็นตัวขับเคลื่อนมนุษย์เมื่อเจอกับปัญหาที่เกี่ยวกับอนาคตของสังคม

คำถามที่ก่อให้เกิดสังคมแบ่งแยก ตัวอย่าง : ภาษีอัตราก้าวหน้า , ภาษีสูง - ต่ำ , ภาษีที่ดิน ? เราควรจะลงทุนในการศึกษาสาธารณะหรือการพัฒนาเทคโนโลยีหรือไม่ ? เราควรให้การสนับสนุนจากเงินภาษีเพื่อสร้างศักยภาพที่ทันสมัยให้แก่กองทัพหรือไม่ ? เราควรจะสร้างสิ่งก่อสร้างในภูมิภาคที่ห่างไกลหรือไม่ ? เกษตรกรรมน่าจะได้รับเงินสนับสนุนหรือไม่ ?

เราจัดการกับความขัดแย้งอย่างไร ? หากจะกล่าวในเชิงการเมืองแล้ว การปกครองระบอบประชาธิปไตยหรือระบอบประชาธิปไตยนั้นไม่มีอะไรไปมากกว่าระบบที่จัดการความขัดแย้งในสังคมที่ซึ่งอำนาจได้รับการควบคุมและการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจเกิดขึ้นในระบบ รัฐธรรมนูญเป็นสถานบันที่เกิดการแบ่งแยกอำนาจ ตรวจสอบและสร้างสมดุลหรือจะเรียกสั้นได้ว่าเป็น “ระบบประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม” ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักนิติรัฐที่ทุกคนเท่าเที่ยมกันตามกฏหมาย เสียงส่วนใหญ่เป็นผู้ตัดสินใจ ส่วนเสียงส่วนน้อยต้องยอมรับการตัดสินและพัฒนาหนทางอื่นๆและสร้างอำนาจจากการลงคะแนนเสียงในการสนับสนุนทางเลือกและนำไปสู่การพัฒนาต่อไป เสียงส่วนน้อยได้รับการปกป้องจากกฎหมายและพึงพอใจกับปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันมากกว่าสิ่งอื่นใดสิทธิของมวลชนอันรวมถึงอิสระภาพในการเข้าร่วม แสดงความคิดเห็น และประท้วงต่อสาธารณะอย่างสันติได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ

ความเป็นจริงของมนุษย์ วิธีการในการจัดการความขัดแย้งของมนุษย์นั้นย่อมมีมิติทางวัฒนธรรม การแสดงออกให้เห็นถึงความไม่พอใจนั้นแตกต่างกันในแต่ละสังคม การอนกลั้นต่อความขัดแย้งนั้นแตกต่างกันออกไป คำตอบนั้นแตกต่างกันออกไปอันเกิดจากความเพิกเฉยและปฎิเสธที่จะต่อต้านความรุนแรง ความรุนแรงพบเห็นได้บ่อยครั้งในฐานะวิธีการที่ถูกต้องชอบธรรมในการจัดการความขัดแย้ง

ประสบการณ์จากเยอรมัน หลายท่านคงรู้ว่าชาวเยอรมันเป็นกลุ่มท้ายๆที่เข้าไปสู่ความทันสมัยในแง่การยอมรับประชาธิปไตย ภายในระยะเวลา 100 ปี ชาวเยอรมันประการสงคราม 3 ครั้ง 2 ใน 3 ครั้งเป็นสงครามที่ขยายวงกว้างไปทั่วโลกซึ่งส่งผลผู้คน 50-70 ล้านคนเสียชีวิต ( ในจำนวนนี้ 40-52 ล้านคนเป็นประชาชนทั่วไป ) ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ความคลั่งชาตินิยมของเผด็จการนาซีและการไม่ยอมรับและปฏิเสธสิทธิมนุษยชนเป็นสาเหตุที่วัฒนธรรมเยอรมันถูกทำลายและเกิดการกวาดล้างชาวเยอรมันเชื้อสายยิวและชนกลุ่มน้อยเยอรมัน

ชนกลุ่มน้อยเยอรมันในอดีต ภายใต้การควบคุมและนโยบายของนาซี อุดมการณ์ความเกลียดชังชาติพันธุ์ยิว ชุมชนชาวเยอรมันเชื้อสายยิวจึงถูกกำจัด ชาวเยอรมันเชื้อสายยิวเหล่านี้ประกอบไปด้วย แพทย์ เจ้าของกิจการ ทนายความซึ่งตอนแรกจะถูกกีดกันออกจากสังคม และต่อมา ... ... จะถูกส่งตัวไปยังค่ายกักกันหรือถูกบังคับให้ออกจากประเทศ การจัดการกับชาวยิวนำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อันเป็นผลให้ชาวยุโรปเชื้อสายยิวหลายล้านคนถูกส่งตัวและฆ่าในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง

ประสบการณ์ในเยอรมันหลังปี 1949 จากการพ่ายพ่ายอย่างราบคาบ เยอรมนีได้รับการช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริการเพื่อวางรากฐานประชาธิปไตยที่เข็มแข็ง กฏเกณฑ์ใหม่ที่ตั้งอยู่บนรากฐานของรัฐธรรมนูญพื้นฐานเยอรมันที่เรียกว่า Grundgesetz (23 พฤษภาคม 1949) สร้างความมั่นคงแก่กฏเกณฑ์ต่างๆในสังคม แต่นั้นเป็นต้นมาความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นจึงได้รับการแก้ไขอย่างสันติ ชาวเยอรมันลงคะแนนเลือกพรรคร่วมรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีเพื่อคานอำนาจ อีกทั้งยังใช้ความประนีประนอมเป็นหนทางในการแก้ไขความขัดแย้งต่างๆ

ใครแข่งกับใคร ? สีม่วง สีดำ สีแดง สีเหลือง สีเขียว

ผลการเลือกตั้ง

ย้อนกลับไปที่ปี 1949

ประวัติของการจับมือระหว่างพรรคต่างเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ตั้งแต่ปี 1949 1949 – 1953 CDU/CSU, FDP , DP 1953 – 1956 CDU/CSU, FDP , DP and BHE 1956 – 1957 CDU/CSU, FVP, DP 1957 – 1961 CDU/CSU, DP 1961 – 1965 CDU/CSU, FDP 1965 – 1966 CDU/CSU, FDP 1966 – 1969 CDU/CSU, SPD “Grand Coalition” 1969 – 1972 SPD , FDP 1972 – 1976 SPD , FDP 1976 – 1980 SPD , FDP 1980 – 1982 SPD , FDP 1982 – 1983 CDU/CSU, FDP 1983 – 1987 CDU/CSU, FDP 1987 – 1990 CDU/CSU, FDP 1990 – 1994 CDU/CSU, FDP 1994 – 1998 CDU/CSU, FDP 1998 – 2002 SPD , Grüne 2002 – 2005 SPD , Grüne 2005 - 2009 CDU/CSU, SPD “Grand Coalition” 2009 - CDU/CSU, FDP

ภูมิศาสตร์การแบ่งสรรของพรรคการ๶�มือง

แผ�Ȩ��ูมิที่�Ȩ��้งในรัฐสภา๶�ยอรมัน

ชนกลุ่มน้อยเยอรมันในปัจจุบัน ความวุ่นวายในประวัติศาสตร์ยุโรปได้แสดงให้เห็นว่าการปกป้องชนกลุ่มน้อยนั้นเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างความยั่งยืน ความมั่นคงของประชาธิปไตยและสันติภาพ มีการระบุถึงการปกป้องชนกลุ่มน้อยในระดับของภูมิภาคยุโรปและใน Grundgesetz รัฐธรรมนูญพื้นฐานเยอรมัน สังคมพหุนิยมและประชาธิปไตยไม่ควรคำนึงเพียงแค่เชื้อชาติ วัฒนธรรมทางภาษา อัตลักษณ์ทางศานาของแต่ละบุคคลที่เป็นชนกลุ่มน้อย แต่ยังต้องคำนึงถึงเงื่อนไขต่างที่ทำให้ชนกลุ่มน้อยสามารถแสดงออก ได้รับการปกป้อง และพัฒนาอัตลักษณ์ไปด้วยกัน การสร้างบรรยากาศของการยอมรับและการแลกเปี่ยนพูดคุยกันนับว่าเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อที่จะทำให้ความหลากหลายทางวัฒนธรรมกลายเป็นแหล่งข้อมูล ปัจจัย ไม่ได้มีนัยยะเฉพาะการแบ่งแยก แต่เป็นความรุ่มรวยของสังคม

ชนกลุ่มน้อยใ�Ȩ��ยอรม�Ȩ��

มาตราการในประเทศเยอรมนี ( กรณีชนกลุ่มน้อยชาวซอร์บ ) ชาวซอร์บ ( บรันเด็นบร์วก และ แซ็กโซนี ) ชาวซอร์บประมาณ 6,000 คน อาศัยอยู่ในเยอรมนี ประมาณ 20,000 คน ( ชาวซอร์บ ตอนล่าง ) อาศัยอยู่ในบริเวณ บรันเดนบวกร์ และอีก 40,000 คน ( ชาวซอร์บ ตอนบน ) อาศัยอยู่ในแซกโซนี สิทธิของชาวซอร์บได้รับการปกป้องและถูกตราลงไปในกฏหมายของรัฐแซ็กโซนี ในเดือน มีนาคม 2009 สภาแห่งรัฐแซกโซนีได้อนุมัติกฎหมานเกี่ยวกับสิทธิของชาวซอร์บในรัฐอิสระแซกโซนี่ ชาวซอร์บนั้นมีฐานะเป็นพลเมืองเยอรมันมีสิทธิและหน้าที่เทียบเท่าพลเมืองเยอรมัน รัฐธรรมนูญแห่งรัฐแซ็กโซนี่ระบุไว้ว่าการปกป้องชาวซอร์บนั้นเป็นสิทธิพื้นฐาน จากระดับแรกจนถึงชั้นประกาศนียบัตร เด็กชาวซอร์บทุกคนที่ศึกษาในโรงเรียนระดับประถม ระดับกลาง และระดับสูง ในเมือง เบาท์เซ็น จะได้เรียนภาษาซอร์บ และโรงเรียนประถมของชาวซอร์บจะดำเนินการสอนแบบ 2 ภาษา

มาตราการที่ดำเนินการในเยอรมนี ( กรณีชนกลุ่มน้อยชาวเดนนิช ) ชนกลุ่มน้อยชาวเดนนิชอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของรัฐชเลสวิกของประเทศเยอรมนี สหพันธ์ผู้ลงคะแนนชเลสวิก โฮสไตน์ตอนใต้ (SSW) เป็นตัวแทนของกลุ่มชนกลุ่มน้อยชาวเดนนิชที่มีที่นั้งอยู่ในสภาของรัฐ สหพันธ์ผู้ลงคะแนนชเลสวิก โฮสไตน์ตอนใต้ (SSW) ไม่ได้เป็นเพียงที่ข้อบังคับที่ต้องได้คะแนนเสียงอย่างน้อน 5 % จากคะแนนสียงทั้งหมด เมื่อการเลือกตั้งในปี 2009 ที่ผ่านมา กลุ่มดังกล่าวได้รับคะแนนเสียง 4.3 % จากคะแนนสียงทั้งหมดและได้ 4 ที่นั่งในสภา สหพันธ์ผู้ลงคะแนนชเลสวิก โฮสไตน์ตอนใต้ (SSW ) ยังมีบทบาทในสภาเทศบาลหลายสภา

ชนกลุ่มน้อยทางศาสนาในเยอรมนี : มุสลิม นัการเมืองทั้วทั้งยุโรปพยายามที่จะเข้าใจตรรกะทางวัฒนธรรมของพลเมืองชาวมุสลิม ซึ่งมีถึง 16 ล้านคน คิดเป็น 3 เปอร์เซ็นต์จากประชากร 495 ล้านคนใน 27 ประเทศผู้เป็นสมาชิกประชาคมยุโรป มุสลิมในยุโรปมาจากหลากหลายเชื้อชาติและภูมิหลังทางชาติ คาดว่า มีชาวมุสลิม 3-4 ล้านคนอาศัยอยู่ในเยอรมนี วอลฟ์กัง ชอยเบิล อดีตรัฐมนตรีมหาดไทยได้เสนอให้มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ควบคู่ไปกับศาสนาคริสต์และยูดาย ในเยอรมนี ผู้คนต่างเคารพ สำรวมและระมัดระวังต่อความรู้สึกเกี่ยวกับศาสนาของแต่ละคนไม่ว่าศาสนาใดๆ ในกฎหมายพื้นฐาน ( รัฐธรรมนูญ ) ได้ให้อิสระในการเลือกนับถือศาสนาและกำหมายอื่นๆรวมทั้งนโยบายต่างๆก็ได้ระบุถึงเสรีภาพในการนับถือความเชื่อหรือศาสนาใดๆ กฎหมายทุกระดับต้องปกป้องสิทธิดังกล่าวอย่างเต็มที่และต่อต้านการละเมิดทั้งจากภาครัฐและเอกชน การสร้างสมดุลในการเคารพสิทธิในการเลือกศาสนาและการแสดงความคิดเห็นนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในประเทศเยอรมนี กฎหมายสหพันธ์ห้ามการอ้างอิงถึงศาสนา โดยกล่าวว่า “เป็นการทำให้เกิดความแตกแยกและบั่นทอนสันติภาพของสาธารณะ”

ขอขอบพระคุณคุณทุกท่าน เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราได้ที่ : www.fnfthailand.org

�ݺ�ߣ

Praesentation Conflict Siam 2

More Related Content

Praesentation Conflict Siam 2