วิจัยสุྺศึกษา
- 2. บทที่ 1 บทนำา
มเป็นมาและความสำาคัญของปัญหา
การจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน
สามารถพัฒนาธรรมชาติและ
ศักยภาพ เน้นความสำาคัญทั้งความรู้ คุณธรรม
ทั้งกระบวนการเรียนรู้และการบูรณาการอย่าง
เหมาะสม
ธรรมชาติและลักษณะเฉพาะของกลุ่มสาระ
การเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษามีเนื้อหาที่
เป็นแกน แสดงความเป็นศาสตร์เฉพาะทาง
ค่านิยมทีดีของสุขภาพมีทกษะในการดูแล
่ ั
สุขภาพของตนเองและผู้อื่น
การศึกษาและวิเคราะห์สภาพปัญหาในด้าน
- 4. วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1. เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนการ
สอนวิชาสุขศึกษา ของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยวิธีสอน
แบบแก้ปัญหาและการเรียน
แบบเพื่อนช่วยเพื่อน
2. เพื่อหาประสิทธิภาพของกิจกรรม
การเรียนการสอนวิชาสุขศึกษาของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยวิธีสอนแบบ
แก้ปญหาและ
ั
การเรียนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน
- 5. สมมติฐานของการวิจัย
1. กิจกรรมการเรียนการสอนวิชา
สุขศึกษาของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยวิธีสอน
แบบแก้ปัญหาและการเรียนแบบเพื่อน
ช่วยเพื่อนทีพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ
่
ตามเกณฑ์ความสัมพันธ์ระหว่าง
กระบวนการเท่ากับ 80/80
2. นักเรียนทีเรียนด้วยกิจกรรม
่
การเรียนการสอนทีพัฒนาขึ้นมีผล
่
- 6. ขอบเขตของการวิจัย
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร อำาเภอเมือง
จังหวัดหนองคาย รวม 10 ห้อง จำานวน 518
คน
กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างทีใช้ในการทดลอง
่
เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนปทุม
เทพวิทยาคาร อำาเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
ปีการศึกษา 2548 จำานวน 49 คน ซึ่งได้มา
- 7. ตัวแปรทีใช้ใȨาร
่
ศึกษา
1.ตัวแปรต้น คือ การสอนแบบแก้ปัญหาและการ
เรียนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน
2.ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา
สุขศึกษา
3.เนื้อหาที่ใช้ทำาแผนการสอนวิชาสุขศึกษา
มัธยมศึกษาปีที่3 หัวข้อดังต่อไปนี้
3.1 ปัจจัยและพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพและ
สิ่งแวดล้อม
3.2 ปัจจัยและพฤติกรรมเสี่ยงต่อความ
ปลอดภัยในการประกอบอาชีพ
3.3 ปัจจัยและพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพเกี่ยว
กับสารเสพติด
- 8. 4. ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง
กลุมทดลองใช้เวลาทดลอง 8 ชั่วโมง
่
ประโยชน์ทจะได้รบ
ี่ ั
1. เป็นแนวทางในการปรับปรุงการ
เรียนการสอนวิชาสุขศึกษาให้มี
ประสิทธิภาพที่ดยิ่งขึ้น
ี
2. ส่งเสริมให้นักเรียนได้คดเป็น
ิ
ทำาเป็น และแก้ปัญหาเป็น สามารถนำาไป
ใช้ปฏิบัตในชีวิตจริงในสังคมได้
ิ
- 9. บทที่ 2 งานวิจัยที่
เกีขศึวข้อง
1. การสอนสุ
่ย กษา
¤ ความสำาคัญของสุขศึกษา
¤ ปรัชญาการสอนสุขศึกษา
¤ หลักเบื้องต้นในการสอนสุขศึกษา
¤ แนวคิดในการสอนสุขศึกษา
¤ ความเชื่อหรือความศรัทธาในการ
สอนสุขศึกษา
¤ การสอนสุขศึกษา
- 11. 3.การสอนแบบกลุ่มพื่อȨ่วยเพื่อน
¤ พัฒนาการสอนแบบกลุ่มเพื่อน
ช่วยกลุ่มเพื่อน
¤ ความหมายของการสอนแบบ
กลุมเพื่อนช่วยเพื่อน
่
¤ วัตถุประสงค์ของการสอนแบบ
กลุมเพื่อนช่วยเพื่อน
่
¤ รูปแบบวิธีการสอนแบบกลุม
่
เพื่อนช่วยเพื่อน
4. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา
- 12. บทที่ 3 วิธี
ในการวิจยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์มี
ั
วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากิจกรรม ัย
ดำาเนินงานวิจ
การเรียนการสอนวิชาสุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 3 โดยวิธีสอนแบบ
แก้ปัญหาและการเรียนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนมี
หัวข้อในการดำาเนินการวิจัยดังนี้
ประชากรและกลุมตัวอย่าง
่
ประชากร ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร อำาเภอเมือง จังหวัด
หนองคาย รวม 10 ห้อง จำานวน 518 คน
- 14. เครื่องมือที่ใช้ใน
การวิจัย่องมือที่ใช้ในการทดลองภาคสนาม
เครื
เพื่อรวบรวมข้อมูลในการวิจัยในครั้งนี้
ประกอบด้วย
1. แผนการสอน
ที่เน้นวิธีการและขั้นตอนการจัด
กิจกรรม โดยวิธีการสอนแบบแก้ปัญหาและ
การเรียนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน
2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนสุขศึกษา
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิทางการ
์
เรียนสุขศึกษา
- 15. การเก็บรวม
รวมข้ิจัยได้ดำาเนินการเก็บ
ในครั้งนี้ ผู้ว อมูล
รวบรวมข้อมูลโดยแยกเป็น
2 ตอน คือ
1. การทดลองเพื่อตรวจสอบและหา
ประสิทธิภาพเบื้องต้นของกิจกรรมการเรียน
การสอนที่พัฒนาขึ้น
2.การทดลองภาคสนาม เพื่อตรวจสอบ
สมมติฐานการวิจัย
- 16. การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิตที่ใช้
ิ
ในการวิเคราะห์ข้อมูล
การทดสอบสมมติฐาน
1. การหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ โดย
ใช้สูตร(ชัยยงค์ พรหมวงค์,2521:136)
สูตรที่ ดังนี้
1 สูตรที่ 2 ΣF
E1= Σx x 100 ( X x 100 ) E2 = N x 100 ( Fx 100 )
N A B B
E1 หมายถึง ประสิทธิภาพของ E2 หมายถึง ประสิทธิภาพของ
กระบวนการ ผลลัพธ์
Σx หมายถึง คะแนนรวมของ ΣF หมายถึงคะแนนรวมของ
แบบฝึกหัดหรืองาน คะแนนผลลัพธ์หลังเรียน
A หมายถึง คะแนนเต็มของ B หมายถึง คะแนนเต็มของ
2. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา
แบบฝึกหัดทุกชิ้นรวม คะแนนสอบหลังเรียน
สุขศึกษา ง จำ่อนวนนักเรียน
N หมายถึ เรื า ง ความปลอดภัยในชีวง ระหว่างก่อยน
N หมายถึิตจำานวนนักเรี น
เรียนและหลังเรียน โดยการทดสอบความแตกต่างโดย
การทดสอบค่าที (t - test) แบบเป็นอิสระต่อกัน (t –