ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
๶กร็ดความรู้เรื่องสุྺภาพ

      …นวดให้ผอม กินให้เผาผลาญ เคล็ดลับหุ่นสวยสมส่วน…

   เรื่องของรูปร่างและสุขภาพ คือสิ่งที่ผู้หญิงทุกเพศทุกวัยให้ความใส่ใจ
   และส่งผลให้เกิดเทรนด์การดูแลรูปร่างและการกินเพื่อสุขภาพขึ้นหลายรูปแบบ
   เทคนิคการลดน้้าหนักที่ไม่จ้าเป็นต้องอดอาหาร หรือพึ่งพาศัลยกรรม
   เพียงแต่ยึดหัวใจหลัก 2 ข้อ
   นั่นคือการรับประทานอาหารอย่างถูกวิธีหรือที่เรียกว่า “โภชนาการบ้าบัด”
   และการนวดเพื่อให้เรือนร่างเข้ารูปทรงหรือ “การปั้นแต่งเรือนร่าง”
   ให้สวยเหมาะสม
   นวดให้ผอม เคล็ดลับเฉพาะอยู่ที่เทคนิคการนวดละลายไขมัน
   เป็นการนวดตามแนวกล้ามเนื้อ การไหลเวียนของโลหิต และน้้าเหลือง
   ช่วยให้ไขมันแตกตัว พร้อมจะน้าไปเผาผลาญ คือ
   ทั้งยังช่วยผลักดันเนื้อที่เป็นส่วนเกินให้กลับเข้าที่
   ท้าให้รูปร่างมีส่วนโค้งส่วนเว้า ผิวพรรณสดใส
   และยังช่วยให้ทรวงอกอวบอิ่มขึ้นได้ด้วย
   โดยการนวนนั้นควรได้รับการนวดบ่อยครั้งในช่วงแรก
   แล้วจะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงหากนวดประมาณ 3-4 ครั้งภายใน 2 สัปดาห์
   กินให้เผาผลาญ
   การรับประทานอาหารที่ถูกวิธีไม่ใช่การอดอาหารหรือรับประทานแบบนับจ้านวนแคลอรี่
   แต่ต้องเริ่มจากการเรียนรู้ระบบย่อยของอาหารแต่ละประเภท
   และรับประทานอาหารให้ครบ 6 หมู่ ในจ้านวนที่เหมาะสมตามสัดส่วนการใช้งาน
   โดยเน้นให้มีปริมาณโปรตีนถึงระดับ
   เพราะหากน้อยไปอาจส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ไม่เต็มที่ เช่น
   มื้อเช้าควรรับประทานโปรตีนประมาณ ? ฝ่ามือ มื้อกลางวัน ? ฝ่ามือ มื้อเย็น 1
   ฝ่ามือ หรือหากอยากรับประทานขนมเค้ก ก็เพียงตัดข้าวออกไปครึ่งหนึ่ง
   เพื่อแทนที่กัน เป็นต้น โดยหลักการนี้เรียกว่า “บาลานซ์ฟู้ด”
หรือรับประทานให้สมดุลกับการที่ร่างกายจะน้าไปใช้ และไม่เกิดการสะสม
คือไปอ้วนนั่นเอง

    คุณทราบไหมคะว่าสารสีต่างๆ
   ที่มีอยู่ในพืชนั้นมีประโยชน์และมีบทบาทมากพอๆ กับวิตามินเลยทีเดียว

มาร์ ฟาร์กัวสัน ผู้สนใจทางเคมีวิทยาของพืชก็ได้แยกไว้อย่างคร่าวๆ
พอให้เข้าใจได้ง่ายดังนี้ค่ะ.-
สารสีแดง มีสาร lycopene เป็นตัวพิกเม้นท์ให้สีแดงในแตงโม มะเขือเทศ สาร
Betacycin ให้สีแดงในลูกทับทิม บีทรูท และแคนเบอร์รี่
สารทั้งสองอย่างนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ Antioxydants ซึ่งจะช่วยป้อง
กันการเกิดมะเร็งหลายชนิด

สารสีส้ม ผักและผลไม้สีส้ม เช่น มะละกอ แครอท มีสาร Betacarotene
ซึ่งมีศักยภาพต้านอนุมูลอิสระอันเป็นตัวก่อมะเร็ง
คนผิวขาวซีดที่กินมะละกอหรือแครอทมาก ผิวจะออกสีเหลืองสวย
ทางกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกาประกาศว่า การกินแครอทวันละ 2-3 หัว
จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล หรือไขมันในเลือด คนไทยที่ทดลองกินมะละกอห่ามมากๆ
นานถึง 2 ปี
จะช่วยเปลี่ยนสีผิวหน้าที่เป็นฝ้าให้หายได้โดยไม่ต้องพึ่งครีมแก้ฝ้าเลย
     สารสีเหลือง พิกเม้นต์ (Lutein) คือสารสีเหลืองที่ให้สีสันแก่ข้าวโพด
     ช่วยป้องกันความเสื่อมของจุดสี
หรือแสงสีของเรตินาดวงตา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ท้าให้คนแก่มองไม่เห็น
สารสีเขียว พิกเม้นต์คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll)
เป็นสารที่ให้สีเขียวแก่ผักต่างๆ
ผักที่มีสีเขียวเข้มมากก็ยิ่งมีคลอโรฟิลล์มาก เช่น ต้าลึง คะน้า บร็อคโคลี่
ชะพลู บัวบก เป็นต้น และสารคลอโรฟิลล์ ก็มีคุณค่ามากเหลือเกิน
นักวิทยาศาสตร์บอกว่าเมื่อคลอโรฟิลล์ถูกย่อยแล้ว
จะมีพลังแรงมากในการป้องกันมะเร็ง ทั้งยังช่วยขจัดกลิ่นเหม็นต่างๆ
ในตัวคนด้วย
   สารสีม่วง พืชสีม่วงมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin)
   เป็นตัวให้สีม่วงที่คุณเห็นในดอกอัญชัน กะหล่้าม่วงผิวชมพู่มะเหมี่ยว
   มะเขือม่วง แบล็กเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่
   นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าสารตัวนี้ช่วยลบล้างสารที่ก่อมะเร็งและสาร Anthocyanin
   นี้ยังออกฤทธิ์ทางขยายเส้นเลือด ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ
   และอัมพาตด้วย

       ท้าไงดีล่ะ … เมื่ออาหารที่เราทานส่วนใหญ่มีสารเคมีตกค้าง

   ทุกวันนี้วัตถุดิบที่น้ามาปรุงอาหาร ส่วนใหญ่มีสารเคมีตกค้าง เช่น
   เนื้อสัตว์มีสารเร่งเนื้อแดง ผักมียาฆ่าแมลงและสารเร่งดอกผล เป็นต้น
   เพราะฉะนั้นการล้างสารพิษด้วยสารอาหารจากธรรมชาติ
   จะท้าให้เราลดปริมาณสารเคมีเหล่านี้ได้ ท้าให้เราห่างไกลจากโรคภัยอีกด้วย
   โดยสารอาหารที่จะแนะน้าในวันนี้
   มีหลายสถาบันวิจัยออกมาแล้วว่าสามารถล้างสารพิษได้ ดังนี้.-
        1. สารสกัดจากงาด้า ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
        ควบคุมสุขภาพหลอดเลือดหัวใจ ลดการดูดซึมของคอเลสเตอรอล
        ป้องกันโรคหัวใจและต้านมะเร็ง
        2.
        สารสกัดจากโรสแมรี่เป็นสมุนไรที่ชาวโรมันน้ามาใช้ล้างพิษตั้งแต่โบราณแล้ว
        ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มปริมาณเอนไซม์ล้างพิษ
        และต้านมะเร็งในร่างกายถึง 450 เท่าของปริมาณปกติในร่างกาย
        3. สารสกัดจากบีทรูทอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามิน บี 1 บี
        2 บี 3 บี 6 และวิตามินซี นอกจากนี้ยังช่วยล้างพิษที่ตับ ถุงน้้าดี ไต
        และเป็นสารอาหารที่ช่วยในการสร้างเลือด และลดอาการท้องผูก
        4. สารสกัดจากชาเขียวซึ่งมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ
และก้าจัดสารพิษในร่างกายให้เร็วยิ่งขึ้น
และยังป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหาร ไต ถุงน้้าดี ผิวหนังและปอด
5. สารกรีนบาร์เลย์อุดมไปด้วยวิตามินเกลือแร่
กรดอะมิโนและเอนไซม์บ้ารุงสุขภาพถึง 17 ชนิด
ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเอนไซม์ที่ส้าคัญมาก
ในขบวนการก้าจัดอนุมูลอิสระระดับเซลล์
ที่ช่วยชะลอความเสื่อมชราของทุกอวัยวะในร่างกาย
และท้าให้ผิวพรรณสดใสมีชีวิตชีวาดูอ่อนวัยลง
6. กลุ่มวิตามินล้างพิษวิตามิน บี 1 บี 2 บี 3 บี 5 บี 6 บี 12
วิตามินบีรวมเป็นสารอาหารจ้าเป็น
ในกระบวนการล้างพิษของร่างกายในระดับเซลล์ ของทุกๆ อวัยวะทั้งในตับ
โดยท้าหน้าที่เป็นโค-เอนไซม์ในปฏิกิริยาการล้างพิษ
นอกจากนี้วิตามินบีรวม
ยังช่วยในขบวนการเผาผลาญโปรตีนและไขมันของร่างกายอีกด้วย
7. สารเบต้าแคโรทีนวิตามินซี และอี
ช่วยก้าจัดอนุมูลอิสระและสารพิษที่สะสมตามเซลล์ต่างๆ
ช่วยขจัดพิษจากสารเคมีตกค้าง
ช่วยเสริมภูมิต้านทานเพื่อต่อต้านสารพิษในร่างกาย
8. แอปเปิ้ลไฟเบอร์เป็นเส้นใยธรรมชาติที่ละลายน้้าแล้วพองตัว
ช่วยดูดซับไขมันคอเลสเตอรอล กลุ่มไขมัน และสารพิษ
โลหะหนักที่สะสมหมักหมมอยู่ในล้าไส้และขับถ่ายออก
และยังช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้้าดีอีกด้วย
9.
เมล็ดไซเลียมเป็นแหล่งเส้นใยธรรมชาติที่ไม่ถูกย่อยสลายจะช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่ม
ท้าให้สารพิษที่สะสมอยู่ในล้าไส้ถูกขับถ่ายออกได้ง่ายขึ้น
ช่วยลดอาการท้องผูก ช้าระล้างพิษในล้าไส้ใหญ่ และป้องกันโรคทางเดินอาหาร
10. สารสกัดจากเคลป์สาหร่ายจากท้องทะเลที่อุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่
และแร่ธาตุ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ท้าลายสารพิษต่างๆ
เช่นโลหะหนักและสารกัมมันตภาพรังสี ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมัน
   จึงช่วยลดน้้าหนักได้
   11. กระเจี๊ยบแดงอุดมไปด้วย วิตามินซี ช่วยขับปัสสาวะ
   ท้าให้ปัสสาวะคล่อง ช่วยลดความเข้มข้นของเลือด
   ท้าให้ระบบการไหลเวียนของเลือดดี ช่วยลดความดันเลือด มีกรดซิตริค
   ซึ่งเป็นสารให้ความเย็นธรรมชาติ ช่วยลดไข้ ช่วยท้าให้แผลหายเร็วขึ้น
   ช่วยบ้ารุงผิวพรรณ บรรเทาการเกิดสิว และปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนัง
   มีสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ ป้องกันเซลล์ถูกท้าลาย
   ช่วยป้องกันตับถูกท้าลาย
   12. ข้าวโอ๊ต มีสารประกอบของกรดอมิโน กรดไขมันจ้าเป็น วิตามินบี1
   แคลเซี่ยม เหล็ก ใยอาหารที่ละลายได้(Soluble Fiber)
   ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารท้างานได้ดีขึ้น ระบบขับถ่ายดีขึ้น
   ช่วยลดคลอเรสเตอรอล ลดความดันโลหิต
   ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเส้นเลือดอุดตัน โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดในสมองแตก
   อัมพฤกษ์ อัมพาต ช่วยบ้ารุงระบบประสาท คลายภาวะซึมเศร้า ลดอาการปวดศีรษะ
   อาการเหนื่อยล้า มีแคลเซี่ยม ช่วยท้าให้กระดูกและฟันแข็งแรง



เมล็ดพืชไม่ขัดขาว (Whole grain) มีประโยชน์ต่อหัวใจ
ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 2007 มีรายงานใหม่เข้ามาว่าข้อมูลวิจัยมากมาย
ได้ศึกษาวิจัยเรื่องคุณประโยชน์ของข้าวไม่ขัด
ผลวิจัยรายงานว่าผู้ที่กินเมล็ดพืชที่ไม่ขัดขาว
มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจน้อยกว่าผู้ที่ไม่กิน
งานวิจัยใหม่ล่าสุดในอเมริกาพบว่า คนที่กินเมล็ดพืชไม่ขัดสองมื้อครึ่ง
จะมีโอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ เพียงหนึ่งในห้าของคนที่ไม่กิน
ทั้งนี้วิเคราะห์จากคน 149,000 คน
แต่ก็พบด้วยว่ามีน้อยคนที่ใส่ใจกับการกินอาหารที่ไม่ขัด
นักวิจัยจากอเมริกาพากันลงความเห็นว่า เราต้องเพิ่มความพยายามให้หนักขึ้น
ในการส่งเสริมให้ผู้ป่วยพยายามกินอาหารประเภทนี้
เพราะคนที่กินข้าวไม่ขัดขาววันละ 2.5
มื้อจะลดความเสี่ยงต่อการป่วยเกี่ยวกับโรคหัวใจ 21%

    เมล็ดพืชไม่ขัดขาวคืออะไร



   ตัวเมล็ดพืชประกอบด้วยหลักใหญ่ 3 ส่วน คือ ร้า จมูก และโภชนาสาร
   แต่เมล็ดพืชที่ขัดขาวจะก้าจัดตัวที่เป็นร้าข้าวและจมูกออกไป
   ซึ่งท้าให้เส้นใยและคุณค่าทางอาหารหมดไป
   เมล็ดพืชที่ขัดขาวไม่สามารถช่วยปกป้องหัวใจได้เลย
   นอกจากนี้เมล็ดพืชไม่ขัดขาวจะช่วยลดโคเลสเตอรอล
   และเพิ่มวิตามินให้ได้หลายชนิด และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยหัวใจ
   ตัวอย่างของเมล็ดพืชไม่ขัดขาวนั้น รวมถึงเมล็ดข้าวสาลีไม่ฟอก ข้าวกล้อง
   ข้าวโอ๊ต ข้าวนก ข้าวบาร์เลย์ ข้าวป่า ข้าวไรย์ ข้าวโพด บัควีท



   เคล็ดลับในการกินเมล็ดพืชไม่ขัด
   ตามค้าแนะน้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่าจะต้องกินเมล็ดพืชไม่ขัด
   ให้ได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของอาหารที่กินในแต่ละวัน
   ดังนั้นมื้อต่อไปแทนที่จะกินขนมปังขาว
   ก็ให้กินขนมปังที่ท้าจากแป้งที่ไม่ฟอก และกินข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ
   ข้าวป่าแทนข้าวขัดขาว
   ถ้ายังกินไม่ได้ล้วนๆ ก็ค่อยๆ ผสมในข้าวเดิมๆ ที่เราชิน
   แล้วเพิ่มปริมาณ นอกจากนั้นก็อาจเติมเมล็ดพืชไม่ขัดขาว เช่น ข้าวป่า
   ข้าวโพด ข้าวกล้อง ฯลฯ ลงในแกงจืด หรือปรุงในอาหารบางอย่างก็ได้
สูตรอาหาร … ซุปข้าวป่าศรีเวียง …

ต้มน้าเคี่ยวกระดูกไก่หรือกระดูกหมู
      ้
(ถ้าเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งให้ใส่น้าต้มผักหรือซุปผักแทน) ใส่น้าปลา Low Sodium
(มีปริมาณเกลือต่้า ส้าหรับผู้ป่วย) เมื่อได้ที่แล้วใส่ผักโขม หรือบรอคโคลี่
หรือกระหล่้าปลี หรือฟักทอง หรือแครอทก็ได้ หั่นซอยเป็นชิ้นเล็กๆ
อาจเติมไก่สับหรือหมูสับด้วย (เหมาะกับเด็กๆ)
หรือผู้ใหญ่ที่ไม่มีความเสี่ยงโรคมะเร็ง เติมด้วยไข่ไก่
(ถ้าผู้ป่วยมะเร็งให้ใส่เฉพาะไข่ขาว) หรือเต้าหู้ก้อน เมื่อทุกอย่างสุกแล้ว
ให้ดับไฟ แล้วใส่ข้าวชงศรีเวียงลงไปคนให้ทั่ว สัก 2 ช้อนโต๊ะ
เมื่อเข้ากันดีแล้ว ตักข้าวป่าที่หุงสุกแล้ว
(อาจเหลือจากที่หุงรับประทานแต่ละมื้อ) คนข้าวป่าฯ เป็นเม็ดๆ
ให้กระจายทั่วกัน ชิมรสที่ชอบ พร้อมเสิร์ฟได้

More Related Content

๶กล็ดความรู้เรื่องสุྺภาพ

  • 1. ๶กร็ดความรู้เรื่องสุྺภาพ …นวดให้ผอม กินให้เผาผลาญ เคล็ดลับหุ่นสวยสมส่วน… เรื่องของรูปร่างและสุขภาพ คือสิ่งที่ผู้หญิงทุกเพศทุกวัยให้ความใส่ใจ และส่งผลให้เกิดเทรนด์การดูแลรูปร่างและการกินเพื่อสุขภาพขึ้นหลายรูปแบบ เทคนิคการลดน้้าหนักที่ไม่จ้าเป็นต้องอดอาหาร หรือพึ่งพาศัลยกรรม เพียงแต่ยึดหัวใจหลัก 2 ข้อ นั่นคือการรับประทานอาหารอย่างถูกวิธีหรือที่เรียกว่า “โภชนาการบ้าบัด” และการนวดเพื่อให้เรือนร่างเข้ารูปทรงหรือ “การปั้นแต่งเรือนร่าง” ให้สวยเหมาะสม นวดให้ผอม เคล็ดลับเฉพาะอยู่ที่เทคนิคการนวดละลายไขมัน เป็นการนวดตามแนวกล้ามเนื้อ การไหลเวียนของโลหิต และน้้าเหลือง ช่วยให้ไขมันแตกตัว พร้อมจะน้าไปเผาผลาญ คือ ทั้งยังช่วยผลักดันเนื้อที่เป็นส่วนเกินให้กลับเข้าที่ ท้าให้รูปร่างมีส่วนโค้งส่วนเว้า ผิวพรรณสดใส และยังช่วยให้ทรวงอกอวบอิ่มขึ้นได้ด้วย โดยการนวนนั้นควรได้รับการนวดบ่อยครั้งในช่วงแรก แล้วจะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงหากนวดประมาณ 3-4 ครั้งภายใน 2 สัปดาห์ กินให้เผาผลาญ การรับประทานอาหารที่ถูกวิธีไม่ใช่การอดอาหารหรือรับประทานแบบนับจ้านวนแคลอรี่ แต่ต้องเริ่มจากการเรียนรู้ระบบย่อยของอาหารแต่ละประเภท และรับประทานอาหารให้ครบ 6 หมู่ ในจ้านวนที่เหมาะสมตามสัดส่วนการใช้งาน โดยเน้นให้มีปริมาณโปรตีนถึงระดับ เพราะหากน้อยไปอาจส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ไม่เต็มที่ เช่น มื้อเช้าควรรับประทานโปรตีนประมาณ ? ฝ่ามือ มื้อกลางวัน ? ฝ่ามือ มื้อเย็น 1 ฝ่ามือ หรือหากอยากรับประทานขนมเค้ก ก็เพียงตัดข้าวออกไปครึ่งหนึ่ง เพื่อแทนที่กัน เป็นต้น โดยหลักการนี้เรียกว่า “บาลานซ์ฟู้ด”
  • 2. หรือรับประทานให้สมดุลกับการที่ร่างกายจะน้าไปใช้ และไม่เกิดการสะสม คือไปอ้วนนั่นเอง คุณทราบไหมคะว่าสารสีต่างๆ ที่มีอยู่ในพืชนั้นมีประโยชน์และมีบทบาทมากพอๆ กับวิตามินเลยทีเดียว มาร์ ฟาร์กัวสัน ผู้สนใจทางเคมีวิทยาของพืชก็ได้แยกไว้อย่างคร่าวๆ พอให้เข้าใจได้ง่ายดังนี้ค่ะ.- สารสีแดง มีสาร lycopene เป็นตัวพิกเม้นท์ให้สีแดงในแตงโม มะเขือเทศ สาร Betacycin ให้สีแดงในลูกทับทิม บีทรูท และแคนเบอร์รี่ สารทั้งสองอย่างนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ Antioxydants ซึ่งจะช่วยป้อง กันการเกิดมะเร็งหลายชนิด สารสีส้ม ผักและผลไม้สีส้ม เช่น มะละกอ แครอท มีสาร Betacarotene ซึ่งมีศักยภาพต้านอนุมูลอิสระอันเป็นตัวก่อมะเร็ง คนผิวขาวซีดที่กินมะละกอหรือแครอทมาก ผิวจะออกสีเหลืองสวย ทางกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกาประกาศว่า การกินแครอทวันละ 2-3 หัว จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล หรือไขมันในเลือด คนไทยที่ทดลองกินมะละกอห่ามมากๆ นานถึง 2 ปี จะช่วยเปลี่ยนสีผิวหน้าที่เป็นฝ้าให้หายได้โดยไม่ต้องพึ่งครีมแก้ฝ้าเลย สารสีเหลือง พิกเม้นต์ (Lutein) คือสารสีเหลืองที่ให้สีสันแก่ข้าวโพด ช่วยป้องกันความเสื่อมของจุดสี หรือแสงสีของเรตินาดวงตา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ท้าให้คนแก่มองไม่เห็น สารสีเขียว พิกเม้นต์คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) เป็นสารที่ให้สีเขียวแก่ผักต่างๆ ผักที่มีสีเขียวเข้มมากก็ยิ่งมีคลอโรฟิลล์มาก เช่น ต้าลึง คะน้า บร็อคโคลี่ ชะพลู บัวบก เป็นต้น และสารคลอโรฟิลล์ ก็มีคุณค่ามากเหลือเกิน นักวิทยาศาสตร์บอกว่าเมื่อคลอโรฟิลล์ถูกย่อยแล้ว
  • 3. จะมีพลังแรงมากในการป้องกันมะเร็ง ทั้งยังช่วยขจัดกลิ่นเหม็นต่างๆ ในตัวคนด้วย สารสีม่วง พืชสีม่วงมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) เป็นตัวให้สีม่วงที่คุณเห็นในดอกอัญชัน กะหล่้าม่วงผิวชมพู่มะเหมี่ยว มะเขือม่วง แบล็กเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าสารตัวนี้ช่วยลบล้างสารที่ก่อมะเร็งและสาร Anthocyanin นี้ยังออกฤทธิ์ทางขยายเส้นเลือด ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ และอัมพาตด้วย ท้าไงดีล่ะ … เมื่ออาหารที่เราทานส่วนใหญ่มีสารเคมีตกค้าง ทุกวันนี้วัตถุดิบที่น้ามาปรุงอาหาร ส่วนใหญ่มีสารเคมีตกค้าง เช่น เนื้อสัตว์มีสารเร่งเนื้อแดง ผักมียาฆ่าแมลงและสารเร่งดอกผล เป็นต้น เพราะฉะนั้นการล้างสารพิษด้วยสารอาหารจากธรรมชาติ จะท้าให้เราลดปริมาณสารเคมีเหล่านี้ได้ ท้าให้เราห่างไกลจากโรคภัยอีกด้วย โดยสารอาหารที่จะแนะน้าในวันนี้ มีหลายสถาบันวิจัยออกมาแล้วว่าสามารถล้างสารพิษได้ ดังนี้.- 1. สารสกัดจากงาด้า ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ควบคุมสุขภาพหลอดเลือดหัวใจ ลดการดูดซึมของคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจและต้านมะเร็ง 2. สารสกัดจากโรสแมรี่เป็นสมุนไรที่ชาวโรมันน้ามาใช้ล้างพิษตั้งแต่โบราณแล้ว ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มปริมาณเอนไซม์ล้างพิษ และต้านมะเร็งในร่างกายถึง 450 เท่าของปริมาณปกติในร่างกาย 3. สารสกัดจากบีทรูทอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามิน บี 1 บี 2 บี 3 บี 6 และวิตามินซี นอกจากนี้ยังช่วยล้างพิษที่ตับ ถุงน้้าดี ไต และเป็นสารอาหารที่ช่วยในการสร้างเลือด และลดอาการท้องผูก 4. สารสกัดจากชาเขียวซึ่งมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ
  • 4. และก้าจัดสารพิษในร่างกายให้เร็วยิ่งขึ้น และยังป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหาร ไต ถุงน้้าดี ผิวหนังและปอด 5. สารกรีนบาร์เลย์อุดมไปด้วยวิตามินเกลือแร่ กรดอะมิโนและเอนไซม์บ้ารุงสุขภาพถึง 17 ชนิด ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเอนไซม์ที่ส้าคัญมาก ในขบวนการก้าจัดอนุมูลอิสระระดับเซลล์ ที่ช่วยชะลอความเสื่อมชราของทุกอวัยวะในร่างกาย และท้าให้ผิวพรรณสดใสมีชีวิตชีวาดูอ่อนวัยลง 6. กลุ่มวิตามินล้างพิษวิตามิน บี 1 บี 2 บี 3 บี 5 บี 6 บี 12 วิตามินบีรวมเป็นสารอาหารจ้าเป็น ในกระบวนการล้างพิษของร่างกายในระดับเซลล์ ของทุกๆ อวัยวะทั้งในตับ โดยท้าหน้าที่เป็นโค-เอนไซม์ในปฏิกิริยาการล้างพิษ นอกจากนี้วิตามินบีรวม ยังช่วยในขบวนการเผาผลาญโปรตีนและไขมันของร่างกายอีกด้วย 7. สารเบต้าแคโรทีนวิตามินซี และอี ช่วยก้าจัดอนุมูลอิสระและสารพิษที่สะสมตามเซลล์ต่างๆ ช่วยขจัดพิษจากสารเคมีตกค้าง ช่วยเสริมภูมิต้านทานเพื่อต่อต้านสารพิษในร่างกาย 8. แอปเปิ้ลไฟเบอร์เป็นเส้นใยธรรมชาติที่ละลายน้้าแล้วพองตัว ช่วยดูดซับไขมันคอเลสเตอรอล กลุ่มไขมัน และสารพิษ โลหะหนักที่สะสมหมักหมมอยู่ในล้าไส้และขับถ่ายออก และยังช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้้าดีอีกด้วย 9. เมล็ดไซเลียมเป็นแหล่งเส้นใยธรรมชาติที่ไม่ถูกย่อยสลายจะช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ท้าให้สารพิษที่สะสมอยู่ในล้าไส้ถูกขับถ่ายออกได้ง่ายขึ้น ช่วยลดอาการท้องผูก ช้าระล้างพิษในล้าไส้ใหญ่ และป้องกันโรคทางเดินอาหาร 10. สารสกัดจากเคลป์สาหร่ายจากท้องทะเลที่อุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ และแร่ธาตุ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ท้าลายสารพิษต่างๆ
  • 5. เช่นโลหะหนักและสารกัมมันตภาพรังสี ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมัน จึงช่วยลดน้้าหนักได้ 11. กระเจี๊ยบแดงอุดมไปด้วย วิตามินซี ช่วยขับปัสสาวะ ท้าให้ปัสสาวะคล่อง ช่วยลดความเข้มข้นของเลือด ท้าให้ระบบการไหลเวียนของเลือดดี ช่วยลดความดันเลือด มีกรดซิตริค ซึ่งเป็นสารให้ความเย็นธรรมชาติ ช่วยลดไข้ ช่วยท้าให้แผลหายเร็วขึ้น ช่วยบ้ารุงผิวพรรณ บรรเทาการเกิดสิว และปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนัง มีสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ ป้องกันเซลล์ถูกท้าลาย ช่วยป้องกันตับถูกท้าลาย 12. ข้าวโอ๊ต มีสารประกอบของกรดอมิโน กรดไขมันจ้าเป็น วิตามินบี1 แคลเซี่ยม เหล็ก ใยอาหารที่ละลายได้(Soluble Fiber) ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารท้างานได้ดีขึ้น ระบบขับถ่ายดีขึ้น ช่วยลดคลอเรสเตอรอล ลดความดันโลหิต ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเส้นเลือดอุดตัน โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดในสมองแตก อัมพฤกษ์ อัมพาต ช่วยบ้ารุงระบบประสาท คลายภาวะซึมเศร้า ลดอาการปวดศีรษะ อาการเหนื่อยล้า มีแคลเซี่ยม ช่วยท้าให้กระดูกและฟันแข็งแรง เมล็ดพืชไม่ขัดขาว (Whole grain) มีประโยชน์ต่อหัวใจ ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 2007 มีรายงานใหม่เข้ามาว่าข้อมูลวิจัยมากมาย ได้ศึกษาวิจัยเรื่องคุณประโยชน์ของข้าวไม่ขัด ผลวิจัยรายงานว่าผู้ที่กินเมล็ดพืชที่ไม่ขัดขาว มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจน้อยกว่าผู้ที่ไม่กิน งานวิจัยใหม่ล่าสุดในอเมริกาพบว่า คนที่กินเมล็ดพืชไม่ขัดสองมื้อครึ่ง จะมีโอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ เพียงหนึ่งในห้าของคนที่ไม่กิน ทั้งนี้วิเคราะห์จากคน 149,000 คน แต่ก็พบด้วยว่ามีน้อยคนที่ใส่ใจกับการกินอาหารที่ไม่ขัด นักวิจัยจากอเมริกาพากันลงความเห็นว่า เราต้องเพิ่มความพยายามให้หนักขึ้น
  • 6. ในการส่งเสริมให้ผู้ป่วยพยายามกินอาหารประเภทนี้ เพราะคนที่กินข้าวไม่ขัดขาววันละ 2.5 มื้อจะลดความเสี่ยงต่อการป่วยเกี่ยวกับโรคหัวใจ 21% เมล็ดพืชไม่ขัดขาวคืออะไร ตัวเมล็ดพืชประกอบด้วยหลักใหญ่ 3 ส่วน คือ ร้า จมูก และโภชนาสาร แต่เมล็ดพืชที่ขัดขาวจะก้าจัดตัวที่เป็นร้าข้าวและจมูกออกไป ซึ่งท้าให้เส้นใยและคุณค่าทางอาหารหมดไป เมล็ดพืชที่ขัดขาวไม่สามารถช่วยปกป้องหัวใจได้เลย นอกจากนี้เมล็ดพืชไม่ขัดขาวจะช่วยลดโคเลสเตอรอล และเพิ่มวิตามินให้ได้หลายชนิด และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยหัวใจ ตัวอย่างของเมล็ดพืชไม่ขัดขาวนั้น รวมถึงเมล็ดข้าวสาลีไม่ฟอก ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวนก ข้าวบาร์เลย์ ข้าวป่า ข้าวไรย์ ข้าวโพด บัควีท เคล็ดลับในการกินเมล็ดพืชไม่ขัด ตามค้าแนะน้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่าจะต้องกินเมล็ดพืชไม่ขัด ให้ได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของอาหารที่กินในแต่ละวัน ดังนั้นมื้อต่อไปแทนที่จะกินขนมปังขาว ก็ให้กินขนมปังที่ท้าจากแป้งที่ไม่ฟอก และกินข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวป่าแทนข้าวขัดขาว ถ้ายังกินไม่ได้ล้วนๆ ก็ค่อยๆ ผสมในข้าวเดิมๆ ที่เราชิน แล้วเพิ่มปริมาณ นอกจากนั้นก็อาจเติมเมล็ดพืชไม่ขัดขาว เช่น ข้าวป่า ข้าวโพด ข้าวกล้อง ฯลฯ ลงในแกงจืด หรือปรุงในอาหารบางอย่างก็ได้
  • 7. สูตรอาหาร … ซุปข้าวป่าศรีเวียง … ต้มน้าเคี่ยวกระดูกไก่หรือกระดูกหมู ้ (ถ้าเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งให้ใส่น้าต้มผักหรือซุปผักแทน) ใส่น้าปลา Low Sodium (มีปริมาณเกลือต่้า ส้าหรับผู้ป่วย) เมื่อได้ที่แล้วใส่ผักโขม หรือบรอคโคลี่ หรือกระหล่้าปลี หรือฟักทอง หรือแครอทก็ได้ หั่นซอยเป็นชิ้นเล็กๆ อาจเติมไก่สับหรือหมูสับด้วย (เหมาะกับเด็กๆ) หรือผู้ใหญ่ที่ไม่มีความเสี่ยงโรคมะเร็ง เติมด้วยไข่ไก่ (ถ้าผู้ป่วยมะเร็งให้ใส่เฉพาะไข่ขาว) หรือเต้าหู้ก้อน เมื่อทุกอย่างสุกแล้ว ให้ดับไฟ แล้วใส่ข้าวชงศรีเวียงลงไปคนให้ทั่ว สัก 2 ช้อนโต๊ะ เมื่อเข้ากันดีแล้ว ตักข้าวป่าที่หุงสุกแล้ว (อาจเหลือจากที่หุงรับประทานแต่ละมื้อ) คนข้าวป่าฯ เป็นเม็ดๆ ให้กระจายทั่วกัน ชิมรสที่ชอบ พร้อมเสิร์ฟได้