ݺߣ
Submit Search
โครงงาȨาษาไทย
•
1 like
•
27,188 views
โก๋แก่ มันทุกเม็ด
1 of 23
Download now
Downloaded 161 times
More Related Content
โครงงาȨาษาไทย
1.
โครงงาȨาษาไทย
โดย ครูณฐญา กาลันสีมา ั ครู ช้านาญการ โรงเรียนถ้าปินวิทยาคม สพม.36
2.
ตัวอย่างโครงงานกลุ่มสาระภาษาไทย - กาเมียงลับแลแป๋ เป็
นไทย(ภาษาถิ่นลับแลแปลเป็ นภาษาไทยกลาง) โรงเรียน เทศบาลวัดคลองโพธิ์ - คิดสนุกวรรณยุกต์พาเพลิน โรงเรียนเทศบาลท่าอิฐ - ปริศนาคาทาย ฉายความหมาย โรงเรียนเทศบาลวัดท้ายตลาด(กวีธรรมสาร) - การใช้ภาษาของกลุมบุคคลในวงการเมือง วงการธุรกิจและวงการบันเทิง จาก ่ หนังสือพิมพ์ โรงเรียนเทศบาลวัดหนองผา
4.
ความหมาย
โครงงานหมายถึง กิจกรรมทีเ่ ปิ ดโอกาสให้ผูเ้ รียนได้ศึกษา ค้นคว้าและลงมือปฏิบติดวยตนเองตามความสามารถ ความถนัด และ ั ้ ความสนใจ โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หรือกระบวนการอื่น ใดไปใช้ในการศึกษาหาคาตอบในเรื่องนันๆ ้
5.
ประเภทของโครงงาน ๑.๑ โครงงานประเภทสารวจ
โครงงานประเภทสารวจ เป็ นโครงงานประเภทเก็บ รวบรวมข้อมูลเพื่อหาสาเหตุของปั ญหาหรือสารวจความคิด ่ ่ เห็น ข้อมูลทีรวบรวมได้บางอย่างอาจเป็ นปั ญหาทีนาไปสูการ ่ ่ ้ ทดลองหรือค้นพบสาเหตุ ของปั ญหาทีตองหาวิธีแก้ไขปรับปรุง ่ ั ร่วมกัน เช่น โครงงานการสารวจคาทีมกเขียนผิด โครงงาน สารวจการใช้คาคะนองในหนังสือพิมพ์ เป็ นต้น
6.
๑.๒ โครงงานประเภทการทดลอง
โครงงานประเภทการทดลอง เป็ นโครงงานที่ตองออกแบบ ้ ทดลอง เพื่อการศึกษาผลการทดลองว่าเป็ นไปตามที่ตงสมมติฐานไว้ ั้ หรือไม่ โครงงานประเภทนี้ตองสรุปความรูหรือผลการทดลองเป็ น ้ ้ หลักการหรือแนวทางการ ปฏิบติไว้ เช่น โครงงานการทดลองยากันยุง ั จากพืชสมุนไพร โครงงานการทดลองปลูกพืชสวนครัวโดยใช้ปุ๋ย วิทยาศาสตร์ เป็ นต้น
7.
๑.๓
่ โครงงานประเภทสิงประดิษฐ์ โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ เป็ นโครงงานทีประยุกต์ ่ หลักการทางวิทยาศาสตร์เข้าสู่กระบวนการปฏิบติ โดยอาศัยเครื่องมือ ั วัสดุ อุปกรณ์ เพื่อประดิษฐ์ช้ ินงานใหม่ อาจเป็ นของใช้ เครื่องประดับ จากวัสดุเหลือใช้ หรือนาวัสดุทองถิ่นทีมีมากมายมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ้ ่ เช่น โครงงานการประดิษฐ์เครื่องจักสานจากผักตบชวา โครงงานการ ประดิษฐ์เครื่องช่วยสอนวิชาภาษาอังกฤษ เป็ นต้น
8.
โครงงานประเภททฤษฎี
่ ั โครงงานประเภททฤษฎี เป็ นโครงงานทีมีลกษณะเป็ นการ หาความรูใ้ หม่ โดยการรวบรวมข้อมูลและนามาวิเคราะห์จากสถิติแล้ว อภิปราย หรือเป็ นโครงงานทีศึกษาค้นคว้าข้อมูลทีเ่ กิดจากข้อสงสัย ่ อาจเป็ นการนาบทเรียนมาขยายเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมให้ได้ความรู ้ ในแง่มุม ที่กว้างและลึกกว่าเดิม เช่น โครงงานการศึกษาคาซ้อนใน วรรณคดีรอยแก้ว โครงงานการศึกษาข้อคิดจากเรื่องพระมโหสถชาดก ้ เป็ นต้น
9.
ขันตอนการทาโครงงาน ้
การทาโครงงานมีขนตอนการปฏิบติ ดังนี้ ั้ ั ่ ่ ๒.๑ การคิดและการเลือกหัวเรือง ผูเ้ รียนจะต้องคิด และเลือกหัวเรืองของ โครงงานด้วยตนเองว่าอยากจะศึกษาอะไร ทาไมจึงอยากศึกษา หัวเรืองของ ่ โครงงานมักจะได้มาจากปั ญหา คาถามหรือความอยากรูอยากเห็นเกี่ยวกับเรือง ้ ่ ต่างๆ ของผูเ้ รียนเอง หัวเรืองของโครงงานควรเฉพาะเจาะจงและชัดเจน เมื่อใคร ่ ่ ่ ่ ่ ได้อานชือเรืองแล้วควรเข้าใจและรูเ้ รืองว่าโครงงานนี้ทาจากอะไร การกาหนดหัว ่ ่ เรืองของโครงงานนันมีแหล่งทีจะช่วยกระตุนให้เกิดความคิดและ ความสนใจหลาย ้ ้ แหล่งด้วยกัน เช่น จากการอ่านหนังสือ เอกสาร บทความ การเยียมชมสถานที่ ่ ต่างๆ การฟังบรรยายทางวิชาการ การเข้าชมนิทรรศการหรืองานประกวด โครงงานทางวิทยาศาสตร์ การสนทนากับบุคคลต่างๆ หรือจาการสังเกต ปรากฏการณ์ตางๆ รอบตัว เป็ นต้น ่
10.
นอกจากนี้ ควรคานึงถึงประเด็นต่อไปนี้
- ความเหมาะสมของระดับความรู ้ ความสามารถของผูเ้ รียน ่ - วัสดุ อุปกรณ์ ทีใช้ - งบประมาณ - ระยะเวลา - ความปลอดภัย - แหล่งความรู ้
11.
๒.๒
การวางแผน การวางแผนการทาโครงงาน จะรวมถึงการเขียนเค้าโครง ของโครงงาน ซึงต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า เพื่อให้การดาเนินการ ่ เป็ นไปอย่างรัดกุมและรอบคอบ ไม่สบสน แล้วนาเสนอต่อผูสอนหรือ ั ้ ครูทปรึกษาเพื่อขอความเห็นชอบก่อนดาเนินการขัน ต่อไป การเขียน ี่ ้ เค้าโครงของโครงงาน โดยทัวไป เขียนเพื่อแสดงแนวคิด แผนงาน และ ่ ขันตอนการทาโครงงาน ซึ่งควรประกอบด้วยหัวข้อต่อไปนี้ ้
12.
๑) ชือโครงงาน ควรเป็ นข้อความทีกะทัดรัด ชัดเจน สื่อ ่ ่ ความหมายได้ตรง ่ ้ ๒) ชือผูทาโครงงาน ่ ่ ๓) ชือทีปรึกษาโครงงาน ๔) หลักการและเหตุผลของโครงงาน เป็ นการอธิบายว่าเหตุใด ่ จึงเลือกทาโครงงานเรืองนี้ มีความสาคัญอย่างไร มีหลักการหรือทฤษฎีอะไร ทีเ่ กี่ยวข้อง เรืองทีทาเป็ นเรืองใหม่หรือมีผูอนได้ศึกษาค้นคว้าเรืองนี้ไว้บาง ่ ่ ่ ้ ื่ ่ ้ แล้ว ถ้ามีได้ผลอย่างไร เรืองทีทาได้ขยายเพิ่มเติม ปรับปรุงจากเรื่องทีผูอน ่ ่ ่ ้ ่ื ทาไว้อย่างไร หรือเป็ นการทาซาเพื่อตรวจสอบผล ้ ๕) จุดมุงหมายหรือวัตถุประสงค์ควรมีความเฉพาะเจาะจง และ ่ ่ สามารถวัดได้ เป็ นการบอกขอบเขตของงานทีจะทาได้ชดเจนขึ้น ั
13.
๖) สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า (ถ้ามี) สมมติฐานเป็ นคาตอบ ่ ่ หรือคาอธิบายทีคาดไว้ล่วงหน้า ซึงอาจจะถูกหรือไม่ก็ได้ การเขียนสมมติฐานควร ่ ่ มีเหตุมผลมีทฤษฎีหรือหลักการรองรับ และทีสาคัญ คือ เป็ นข้อความทีมองเห็น ี แนวทางในการดาเนินการทดสอบได้ นอกจากนี้ควรมีความสัมพันธ์ระหว่างตัว แปรอิสระและตัวแปรตามด้วย ๗) วิธดาเนินงานและขันตอนการดาเนินงาน จะต้องอธิบายว่า จะ ี ้ ออกแบบการทดลองอะไรอย่างไร จะเก็บข้อมูลอะไรบ้างรวมทังระบุวสดุอุปกรณ์ท่ี ้ ั จาเป็ นต้องใช้ มีอะไรบ้าง ๘) แผนปฏิบตงาน อธิบายเกี่ยวกับกาหนดเวลาตังแต่เริมต้นจนเสร็จ ัิ ้ ่ สิ้นการดาเนินงานในแต่ละขันตอน้ ่ ๙) ผลทีคาดว่าจะได้รบ ั ๑๐) เอกสารอ้างอิง
14.
๒.๓
การดาเนินงาน เมื่อทีปรึกษาโครงงานให้ความเห็นชอบเค้าโครง ่ ้ ั ้ ่ ของโครงงานแล้ว ต่อไปก็เป็ นขันลงมือปฏิบติงานตามขันตอนทีระบุไว้ ผูเ้ รียนต้องพยายามทาตามแผนงานที่วางไว้ เตรียมวัสดุอุปกรณ์และ ่ สถานทีให้พร้อมปฏิบติงานด้วยความละเอียดรอบคอบ คานึงถึงความ ั ประหยัดและปลอดภัยในการทางาน ตลอดจนการบันทึกข้อมูลต่างๆ ว่าได้ทาอะไรไปบ้าง ได้ผลอย่างไร มีปัญหาและข้อคิดเห็นอย่างไร พยายามบันทึกให้เป็ นระเบียบและครบถ้วน
15.
๒.๔
การเขียนรายงาน การเขียนรายงานเกี่ยวกับโครงงาน เป็ นวิธีสื่อความหมาย วิธีหนึ่งทีจะให้ผูอื่นได้เข้าใจถึงแนวคิด วิธีการดาเนินงาน ผลทีได้ ่ ้ ่ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ ทีเ่ กี่ยวกับโครงงานนัน การ ้ ่่ เขียนโครงงานควรใช้ภาษาทีอานแล้วเข้าใจง่าย ชัดเจนและครอบคลุม ประเด็นสาคัญๆ ทังหมดของโครงงาน ้
16.
๒.๕ การนาเสนอผลงาน
การนาเสนอผลงาน เป็ นขันตอนสุดท้ายของการทา ้ โครงงานและเข้าใจถึงผลงานนัน การนาเสนอผลงานอาจทาได้หลาย ้ รูปแบบ ขึ้นอยูกบความเหมาะสมต่อประเภทของโครงงาน เนื้อหา เวลา ่ ั ระดับของผูเ้ รียน เช่น การแสดงบทบาทสมมติ การเล่าเรื่อง การเขียน ่ รายงาน สถานการณ์จาลอง การสาธิต การจัดนิทรรศการ ซึงอาจมีทง ั้ การจัดแสดงและการอธิบายด้วยคาพูด หรือการรายงานปากเปล่า การ บรรยาย สิ่งสาคัญคือ พยายามทาให้การแสดงผลงานนันดึงดูดความ ้ สนใจของผูชม มีความชัดเจน เข้าใจง่าย และมีความถูกต้องของเนื้อหา ้
17.
๓. การเขียนรายงานโครงงาน
การเขียนรายงานโครงงาน เป็ นรูปแบบหนึ่งของการนาเสนอ ่ ผลงานของโครงงานทีผูเ้ รียนได้ศึกษาค้นคว้า ตังแต่ตนจนจบ การ ้ ้ กาหนดหัวข้อในการเขียนรายงานโครงงานอาจไม่ระบุตายตัวเหมือนกัน ทุกโครงงาน ส่วนประกอบของหัวข้อในรายงานต้องเหมาะสมกับ ประเภทของโครงงานและระดับชันของ ผูเ้ รียน องค์ประกอบของการ ้ เขียนรายงานโครงงาน แบ่งกว้างๆ เป็ น ๓ ส่วน ดังนี้
18.
๑. ส่วนปกและส่วนต้น ส่วนปกและส่วนต้น
ประกอบด้วย ่ ๑) ชือโครงงาน ่ ้ ี่ ั ๒) ชือผูทาโครงงาน ชัน โรงเรียน และวันเดือนปี ทจดทา ้ ่ ี่ ๓) ชืออาจารย์ทปรึกษา ๔) คานา ๕) สารบัญ ๖) สารบัญตาราง หรือภาพประกอบ (ถ้ามี) ้ ่ ่ ่ ๗) บทคัดย่อสันๆ ทีบอกเค้าโครงอย่างย่อๆ ซึงประกอบด้วย เรือง วัตถุประสงค์ วิธการศึกษา ระยะเวลา และสรุปผล ี ๘) กิตติกรรมประกาศ เพื่อแสดงความขอบคุณบุคคล หรือหน่วยงาน ่ ทีให้ความช่วยเหลือหรือมีสวนเกี่ยวข้อง ่
19.
่ ๒. ส่วนเนื้อเรือง
ส่วนเนื้อเรื่อง ประกอบด้วย ๑) บทนา บอกความเป็ นมา ความสาคัญของโครงงาน บอกเหตุผล หรือเหตุจูงใจในการเลือกหัวข้อโครงงาน ๒) วัตถุประสงค์ของโครงงาน ๓) สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า
20.
๔) การดาเนินงาน อาจเขียนเป็
นตาราง แผนผังโครงงานเพื่อให้การ ่ ดาเนินงานเป็ นไปตามหัวข้อเรือง ตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงงาน และ ่ พิสูจน์คาตอบ (สมมติฐาน) ตามประเด็นทีกาหนด ดังตัวอย่างการเขียน แผนผังโครงงานต่อไปนี้ ในแผนผังโครงงานทาให้เห็นระบบการทางานอย่างมีเป้ าหมาย ่ ่ ่ ้ มีการวางแผนการทางาน จะเห็นได้วาสิงทีตองการทราบ คือ หัวข้อย่อย หรือคาถามย่อยของหัวข้อโครงงาน ถ้ามีมาก ๑ ข้อ ก็จะเรียงลาดับทีละ หัวข้อ พร้อมทังบอกสมมติฐาน วิธีศึกษา และแหล่งศึกษาค้นคว้าตาม ้ ่ ่ ้ แผนผังให้ครบทุกข้อ สิงทีตองการทราบ สมมติฐาน วิธีการศึกษา แหล่ง ่ ่ ้ ศึกษา/แหล่งข้อมูล หัวข้อย่อยจากหัวข้อเรืองของโครงงานทีตองการหา คาตอบ การตอบคาถามล่วงหน้า ค้นคว้า สอบถาม สัมภาษณ์ สังเกต ศึกษาโดยการดู-ฟั ง จากสือชนิดต่างๆ - เอกสาร หนังสือ - สถานที่ บุคคล ่
21.
๕) สรุปผลการศึกษา เป็
นการอธิบายคาตอบทีได้จาก ่ การศึกษาค้นคว้า ตามหัวข้อย่อยที่ตองการทราบ ว่าเป็ นไปตาม ้ สมมติฐานหรือไม่ ๖) อภิปรายผล บอกประโยชน์ หรือคุณค่าของผลงานทีได้่ และบอกข้อจากัดหรือปั ญหา อุปสรรค (ถ้ามี) พร้อมทังบอก ้ ข้อเสนอแนะในการศึกษาค้นคว้า โครงงานลักษณะใกล้เคียงกัน
22.
๓. ส่วนท้าย
ส่วนท้าย ประกอบด้วย ๑) บรรณานุกรม หรือ เอกสารอ้างอิง หรือเอกสารทีใช้คนคว้า ซึ่งมีหลาย ่ ้ ่ ประเภท เช่น หนังสือ ตารา บทความ หรือคอลัมน์ ซึงจะมีวธีการเขียนบรรณานุกรม ิ ต่างกัน เช่น ่ ่ ่ ่ หนังสือ ชือ นามสกุล. ชือหนังสือ. สถานทีพิมพ์ : สานักพิมพ์, ปี ทีพิมพ์ บทความในวารสาร ชือผูเ้ ขียน "ชือบทความ," ชือวารสาร. ปี ทีหรือเล่มที่ ่ ่ ่ ่ : หน้า ;วัน เดือน ปี . คอลัมน์จากหนังสือพิมพ์ ์์ ชือผูเ้ ขียน "ชือคอลัมน์ : ชือเรื่องในคอลัมน์" ่ ่ ่ ่ ชือหนังสือพิมพ์.วัน เดือน ปี . หน้า. ๒) ภาคผนวก เช่น โครงร่างโครงงาน ภาพกิจกรรม แบบสอบถาม บท สัมภาษณ์
23.
เข้าใจแล้ว ก็ลงมือทาโครงงาȨาษาไทยได้เลยจ้า
Download