ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
1




อสมการ คือ ประโยคสัญลักษณ์ที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ของจานวน โดยมีสัญลักษณ์ น้อยกว่า( < ) มากกว่า
( > ) น้อยกว่าหรือเท่ากับ (≤) มากกว่าหรือเท่ากับ (≥) และ ไม่เท่ากับ (≠)

เช่น   1<2<3      ความหมายคือ 1 < 2 และ 2 < 3
ℝ+ เป็นส่วนหนึ่งของ ℝ ดังนั้นจึงมีสมบัติที่เกี่ยวข้องคือ สมบัติจานวนจริงข้อที่ 11 , 12 ,13

         นิยาม     a < b คือ b − a ∈ ℝ+

                   a > b คือ a − b ∈ ℝ+

สมบัติไตรวิภาค
ถ้า a และ b เป็นจานวนจริง ลักษณะของ a และ b จะเป็นจริงเพียงข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
1. a = b   ก็ต่อเมื่อ a – b   =0

2. a < b   ก็ต่อเมื่อ b – a   ∈ ℝ+

3. a > b   ก็ต่อเมื่อ a – b ∈ ℝ+
สมบัติการไม่เท่ากัน
1.   สมบัติการถ่ายทอด ถ้า     a > b และ b > c   แล้ว a > c
2.   สมบัติการบวกด้วยจานวนที่เท่ากัน ถ้า a > b แล้ว a+c > b+c
3.   สมบัติการคูณด้วยจานวนที่เท่ากัน ถ้า a > b และ c > 0 แล้ว ac > bc
                                       ถ้า a > b และ c < 0 แล้ว ac < bc
4. สมบัติการตัดออกสาหรับการบวก         ถ้า a+c > b+c แล้ว a > b
5. สมบัติการตัดออกสาหรับการคูณ         ถ้า ac > bc และ c > 0 แล้ว a > b
                                       ถ้า ac > bc และ c < 0 แล้ว a < b
2



ตัวอย่างที่ 1. ให้ −5 ≤ x ≤ −2 และ −4 ≤ y ≤ 3 จงหา x + y2 ,                      x−y

วิธีทา จาก −5 ≤ x ≤ −2
จะได้             x ≥ −5     และ    x ≤ −2                             ... (1)

จาก −4 ≤ y ≤ 3               จะได้ 9 ≤ y2 ≤ 16
นั่นคือ           y2 ≥ 9     และ   y 2 ≤ 16                            ... (2)

จาก −4 ≤ y ≤ 3               จะได้ −3 ≤ −y ≤ 4
นั่นคือ          −y ≥ −3     และ −y ≤ 4                                ... (3)

(1) + (2) ; 4 ≤ x + y 2 ≤ 14

(1) + (3) ; −8 ≤ x − y ≤ 2
                                                            (a+b)2
ตัวอย่างที่ 2. ถ้า a > 0 และ b > 0 แล้วจงแสดงว่า               2
                                                                       > ab
                                   (a+b)2                                         (a+b)2
วิธีทา [ในการตรวจสอบว่า              2
                                            > ab หรือไม่ เราต้องตรวจสอบว่า
                                                                                      2
                                                                                              − ab > 0 ซึ่งเป็น
จานวนจริงบวก]
            (a+b)2                 a 2 +2ab +b 2 −2ab       a 2 +b 2
เนื่องจาก         2
                        − ab =
                                            2
                                                        =
                                                               2

                                                                                  a 2 +b 2
เนื่องจาก a > 0 และ b > 0 นั่นคือ a และ b เป็นจานวนจริงบวก ดังนั้น                   2
                                                                                             >0ซึ่งเป็นจานวนจริงบวก

          a 2 +b 2
นั่นคือ      2
                      − ab>0 ซึ่งเป็นจานวนจริงบวก
          (a+b)2
ดังนั้น       2
                      > ab
3




ช่วงและเส้นจานวน (Interval and Number Line)
 เนื่องจากจานวนจริงเป็นเซตอนันต์ (เซตที่หาค่าสิ้นสุดไม่ได้) ดังนั้นอาจจะมีบางสับเซตของจานวน
จริงเป็นเซตอนันต์ด้วย ซึ่งในบางครั้งเราไม่สามารถที่จะเขียนในรูปแจกแจงสมาชิกได้ นักคณิตศาสตร์จึงได้
กาหนดสัญลักษณ์ แทนสับเซตเหล่านั้น ซึ่งเรียกสัญลักษณ์นี้ว่า ช่วงของจานวนจริง
 ช่วงของจานวนจริง แบ่งออกเป็น           2 แบบ คือ ช่วงจากัด (finite interval) และ ช่วงอนันต์
(infinite interval) ดังนี้

1. ช่วงจากัด
1.1) a, b = x a < x < b
                                                      a                    b


1.2) a, b = x a ≤ x ≤ b
                                                      a                    b


1.3) a, b = x a < x ≤ b
                                                      a                    b

1.4) a, b = x a ≤ x < b

                                                       a                   b



2. ช่วงอนันต์

2.1) a, ∞ = x x > a                               a



2.2) a, ∞ = x x ≥ a
                                                   a


2.3) −∞, a = x x < a
                                                                               a

2.4) −∞, a = x x ≤ a

                                                                               a

2.5) −∞, ∞ = x x ∈ R
4



ตัวอย่างที่ 3. ให้ A =   x −1 < x ≤ 5   และ B =      xx>2   จงหาเซตคาตอบของ
A ∪ B , A ∩ B′ , A − B

วิธีทา หา A ∪ B
                                            -1              2           5
ดังนั้น   A ∪ B = x x ≥ −1 = [−1, ∞)




หา   A ∩ B′




                                -1               2              5



ดังนั้น   A ∩ B ′ = x −1 ≤ x ≤ 2 = [−1,2]

หา A − B



                                -1               2              5



ดังนั้น   A − B= x −1 ≤ x ≤ 2 = [−1,2]




 การแก้อสมการ(Solving Inequality)


1.            การแก้อสมการเชิงเส้น(กาลังหนึ่ง)
ตัวอย่างที่ 4. จงหาเซตคาตอบอสมการของ 3x − 2 ≥ 1 − 2x
วิธีทา จาก          3x − 2 ≥ 1 − 2x

                   3x + 2x ≥ 1 + 2
5


                         5x ≥ 3
                                  3
                             x≥5

                                               3        3
ดังนั้น เซตคาตอบของอสมการคือ          x x ≥ 5 = [5 , ∞)




2.          การแก้อสมการกาลังสอง
      หลักเกณฑ์ในการแก้อสมการกาลังสองโดยทั่วไป มีดังนี้
 ทาอสมการให้อยู่ในรูปขวามือ เท่ากับ 0
 ซ้ายมือของอสมการต้องอยู่ในรูปตัวประกอบกาลังหนึ่ง โดยสัมประสิทธิ์หน้าตัวแปรต้องเป็นบวกเสมอ
 จานวนที่เกี่ยวข้องกับคาตอบของอสมการ(ค่าวิกฤต) คือ ค่า x ที่ทาให้แต่ละตัวประกอบเป็น 0 นาค่า x
มากาหนดจุดบนเส้นจานวน และใส่เครื่องหมายช่องขวามือสุดเป็น + ถัดมาเป็น – และใส่สลับกันเรื่อยๆ
                  +           -            +            -         +

                        x1            x2           x3       x4


 ถ้า อสมการ เป็นเครื่องหมาย                        ≥, > ให้ตอบที่ช่อง    บวก (+)
 ถ้า อสมการ เป็นเครื่องหมาย                        ≤, < ให้ตอบที่ช่อง    ลบ ( - )

 สาหรับอสมการตรรกยะ คืออสมการที่อยู่ในรูปเศษส่วนโดยมีพจน์หรือตัวแปรว่ามีค่า + , - , 0 เมื่อใด
ดังนั้น เราจะไม่ใช้วิธีการคูณทแยง แต่เราจะแก้อสมการโดยใช้ 2 วิธีนี้(เลือกว่าจะใช้วิธีไหน)คือ
        1. การใช้วิธีของช่วง คือต้องให้ความสาคัญของตัวส่วนที่ไม่ทราบค่า ต้องไม่เป็น 0
        2. กรณีตัวส่วนเป็นตัวแปรกาลังหนึ่งจะนาตัวส่วนมายกกาลังสอง แล้วคูณทั้งอสมการ (จะทาให้เรา
ตัดพจน์ที่เป็นตัวส่วนไปได้) แต่ถ้าตัวส่วนเป็นตัวแปรที่มีดีกรีมากกว่า 1 ให้นักเรียนพิจารณาว่าพจน์ของตัว
ส่วนนั้นมีค่าเป็นบวกหรือไม่ ถ้ามีค่าเป็นบวกให้นักเรียนตัดพจน์นั้นได้เลย

 สาหรับอสมการอตรรกยะ คือ อสมการที่อยู่ในรูปกรณ์(                       ) โดยที่มีพจน์ที่ไม่ทราบค่า เราสามารถ
แก้อสมการอตรรกยะได้โดยขั้นแรก ต้องพิจารณาเงื่อนไขที่อยู่ภายในรูปกรณ์(                    ) ให้มากกว่าหรือ
เท่ากับศูนย์ หลังจากนั้น ยกกาลังด้วย n เพื่อให้อสมการไม่อยู่ในรูปกรณ์(              ) เมื่อ n ∈ I +
6



ตัวอย่างที่ 5. จงหาเซตคาตอบของอสมการ x2 − 2x − 3 ≤ 0
วิธีทา จาก               x 2 − 2x − 3 ≤ 0

                     x − 3 (x + 1) ≤ 0                                   +            -       +

      ค่าวิกฤตคือ -1 , 3                                                     -1           3

ดังนั้น เซตคาตอบของอสมการ คือ              x −1 ≤ x ≤ 3 = [−1,3]

                                                      1   1
ตัวอย่างที่ 6. จงหาเซตคาตอบของอสมการของ <
                                                      x   2
                     1       1
วิธีทา จาก               <
                     x       2
             1       1
                 − <0
             x       2
                 2−x
                         <0
                 2x
      2−x (2x)2                                                   +               -               +
                         < 0 ∙ (2x)2
           2x
                                                                         0                2
      (2 – x)(2x) < 0

      (x – 2)(2x) > 0

ดังนั้น เซตคาตอบของอสมการ คือ x x < 0 หรือ x > 2 = −∞, 0 ∪ (2, ∞)
                                                  1
ตัวอย่างที่ 7. จงหาเซตคาตอบของอสมการ                      > x+1
                                                  x−1

วิธีทา พิจารณา            x−1         ;         x−1≥ 0        ∴x≥1

          และ            x+1          ;         x+1 ≥0        ∴ x ≥ −1

                 1
จาก              x−1
                         > x+1
                                            1
กาลังสองทั้งสองข้าง จะได้                  x−1
                                                 >x+1
                                 1
                                     −x−1>0
                             x−1

                             1−x 2 −x+x+1
                                                 >0
                                     x−1

                                      −x 2 +2
                                                 >0
                                           x−1
7


                                         x 2 −2
                                                    <0                -         +               -               +
                                         x−1

                                   x 2 −( 2)2                             − 2           1                   2
                                                  <0
                                     x−1

                           x− 2 (x+ 2)
                                                  <0
                                   x−1
          เนื่องจากเงื่อนไข x ≥ 1 และ x ≥ −1 แต่ − 2 ไม่อยู่ในเงื่อนไข นั่นคือ −                    2   ไม่ใช่คาตอบ
ดังนั้น เซตคาตอบของอสมการคือ x 1 < x < 2 = (1, 2)



3.            การแก้อสมการที่มีดีกรีมากกว่าสอง
                                                         2−3x                                           x−1
ตัวอย่างที่ 8. ถ้า A เป็นเซตคาตอบของอสมการ               x+1
                                                                ≥ 0 , B เป็นเซตคาตอบของ
                                                                                                x 3 −5x 2 +x−5
                                                                                                                 ≤0

จงหา A ∩ B
วิธีทา        หา A
                2−3x
จากอสมการ        x+1
                        ≥0
                3x−2
                       ≤0                                 -1
                                                                          2
                x+1                                                       3

                               2                2
ดังนั้น A =    x −1 < x ≤ 3 = (−1, 3]

หา B
                           x−1
จากอสมการ              x 3 −5x 2 +x−5
                                         ≤0
                            x−1
                                         ≤0
                        x−5 (x 2 +1)

[ พยายามกาจัด (x2 + 1) โดยการพิจารณาว่า (x2 + 1) เป็นจานวนบวก เพื่อที่เราจะสามารถตัด (x2 + 1) ได้ ]
เนื่องจาก   (x 2 + 1) ไม่สามารถแยกตัวประกอบได้ แต่ 1 > 0 และ x 2 ≥ 0

ดังนั้น   x 2 + 1 > 0 ซึ่งเป็นจานวนบวก

                                         x−1
นา (x2 + 1) คูณทั้งอสมการ           x−5 (x 2 +1)
                                                     (x2 + 1) ≤ 0 ∙ (x2 + 1)

                                                           x−1
                                                                 ≤0                 +                   -             +
                                                           x−5

                                                                                            1                   5
8




ดังนั้น   𝐵 = 𝑥 1 ≤ 𝑥 < 5 = [1,5)




                                 2
                     -1          3
                                                   1                 5


นั่นคือ   𝐴∩ 𝐵       =       2
                          −1, 3 ∩ 1,5 = ∅

                                                           2𝑥−3 (𝑥 2 +1)
ตัวอย่างที่ 9. จงหาเซตคาตอบของอสมการ                             (𝑥 6 +8)
                                                                               >0

วิธีทา เนื่องจาก      𝑥 2 + 1 > 0 และ 𝑥 6 + 8 > 0                    ดังนั้น
     𝑥 6 +8
นา   𝑥 2 +1
              คูณตลอด จะได้ (2x – 3) > 0
                                                       3
                      ∴                     𝑥>                                               3
                                                       2
                                                                                             2
                                                            3             3
ดังนั้น เซตคาตอบของอสมการ คือ 𝑥 𝑥 > 2 = (2 , ∞)

ตัวอย่างที่ 10. จงหาเซตคาตอบของอสมการ (4x – 3)7(3x2 + 6                                 ≤0

วิธีทา เนื่องจาก              (4x – 3)7(3x2 + 6 ≤ 0

                     (4x – 3) (4x – 3)6(3x2 + 6 ≤ 0

เนื่องจาก     (4x – 3)6 > 0      และ   3x2 + 6 > 0 ดังนั้น

                 1
นา                               คูณตลอด จะได้             4x – 3 ≤ 0
      4𝑥−3 6 (3𝑥 2 +6)                                                                           3
                                                                          3                      4
                                               ∴                     𝑥≤
                                                                          4
                                                            3                   3
ดังนั้น เซตคาตอบของอสมการ คือ 𝑥 𝑥 ≤ 4 = (−∞, 4]
                                                           𝑥−5   5    𝑥 2 −1 (𝑥 2 −4)
ตัวอย่างที่ 11. จงหาคาตอบของอสมการ                                   (𝑥+2)7
                                                                                        ≥0

                                     𝑥−5   5    𝑥 2 −1 (𝑥 2 −4)
วิธีทา จาก                                     (𝑥+2)7
                                                                         ≥0

              (𝑥−5)4 𝑥−5         𝑥−1       𝑥+1     𝑥−2 (𝑥+2)
                                                                         ≥0
                            (𝑥+2)6 (𝑥+2)
9


                                                                                                         จะเห็นว่าเราจะไม่ตัดทอน พจน์
เนื่องจาก    (𝑥 − 5)4 > 0 และ (𝑥 + 2)6 > 0 ดังนั้น
                                                                                                         ของ(𝑥 + 2) ที่มีทั้งเศษและ
     (𝑥+2)6                                            𝑥−5       𝑥−1    𝑥+1    𝑥−2 (𝑥+2)                 ส่วน เนื่องจาก การที่มีพจน์เป็น
นา           4   คูณตลอดอสมการ จะได้                                   (𝑥+2)
                                                                                            ≥0
     (𝑥−5)                                                                                               ตัวแปรกาลังหนึ่ง เราต้องนาค่าที่
                                                                                                         เป็นกาลังหนึ่งมาพิจารณา
                          -           +                -           +           -        +                ทั้งหมด ห้ามตัดทอนกัน 
                              -2              -1             1           2         5

ดังนั้น เซตคาตองของอสมการ คือ 𝑥 −2 < 𝑥 ≤ −1 หรือ 1 ≤ 𝑥 ≤ 2 หรือ 𝑥 ≥ 5 =
 −2, −1 ∪ 1,2 ∪ [5, ∞)
                                                                  (𝑥−3)2
ตัวอย่างที่ 12. จงหาเซตคาตอบของอสมการ                            𝑥 2 +4𝑥+5
                                                                              >0

วิธีทา พิจารณา           𝑥 2 + 4𝑥 + 5 = (x + 2)2 - 4 + 5 = (x + 2)2 + 1 > 0 ดังนั้น

นา   𝑥 2 + 4𝑥 + 5 คูณตลอดอสมการ จะได้ (𝑥 − 3)2 > 0 ยกเว้นที่ x = 3                               [ เพราะที่ x = 3 จะทาให้
(𝑥 − 3)2 = 0         ]
ดังนั้นคาตอบของอสมการคือ ℝ −                       3

                                                                 (3𝑥−5)2
ตัวอย่างที่ 13. จงหาเซตคาตอบของอสมการ                                         ≤0
                                                                  𝑥 2 +3

วิธีทา พิจารณา       𝑥 2 + 3 > 0 ดังนั้น

นา    𝑥 2 + 3 คูณตลอดอสมการ จะได้                            (3𝑥 − 5)2 ≤ 0                  ... (1)

แต่เมื่อพิจารณา     (3𝑥 − 5)2 ≥ 0                  ... (2) เสมอๆ ดังนั้นจากเงื่อนไขที่ (1) และ (2)

จะได้              (3𝑥 − 5)2 = 0

         (3x – 5) (3x – 5) = 0
                                          5
                                    x=
                                          3
                                              5
ดังนั้นคาตอบของอสมการคือ
                                              3
                                                                              4x 2 +7
ตัวอย่างที่ 14. จงหาเซตคาตอบของอสมการ (2x 2 +3x+5)(2x 2 +3x+5)12 < 0
                                      4x 2 +7
วิธีทา       จาก                   (2x 2 +3x+5)13
                                                           <0
10


                      4x 2 +7
                                               <0
          (2x 2 +3x+5)(2x 2 +3x+5)12

เนื่องจาก 4x2 + 7 > 0 และ       (2x 2 + 3x + 5)12 > 0 ดังนั้น

                                                             1
นา (2x2 + 3x + 5)12 คูณตลอดอสมการ จะได้                 (2x 2 +3x+5)
                                                                       <0
                         1
[เนื่องจาก อสมการ                       < 0 แสดงว่ามีค่าเป็นลบ แต่ 1 > 0 ดังนั้นเราต้องพิจารณา พจน์ของ
                    (2x 2 +3x+5)
 2x 2 + 3x + 5   ว่าต้องเป็น ลบ เท่านั้น อสมการจึงจะเป็นจริง]
                                1
        จาก                                   <0
                       (2x 2 +3x+5)
                                1
                                    3     5   <0
                        2(x 2 + x+ )
                                    2     2

                                1
                           3     31           <0
                      2[(x+4 )2 +16 ]

                                3 2           31
จะเห็นว่า พจน์ของ 2 x + 4                 +
                                              16
                                                   > 0 เสมอแต่จากเงื่อนไขต้องเป็นเครื่องหมาย <

ดังนั้นคาตอบของอสมการคือ ∅



     สรุปหลักสาคัญๆ
 การที่เราจะสามารถแก้อสมการได้ ต้องเป็นเฉพาะอสมการที่มีพจน์ตัวแปรมีดีกรีหนึ่งเท่านั้น
ถ้าเป็นตัวแปรมีดีกรีสองเราต้องพิจารณาต่อไปว่าสามารถแยกตัวประกอบได้หรือไม่ เพราะถ้าแยกได้ จะ
ได้ตัวแปรมีดีกรีหนึ่งที่เราสามารถหาค่าได้ แต่ถ้าไม่สามารถแยกได้ให้นักเรียนพิจารณาว่าตัวแปรดีกรีสอง
นั้นเป็นบวกหรือไม่ เพราะถ้าเป็นบวก เราจะตัดพจน์นั้นทิ้งไปได้ไม่ต้องคิดค่า
กรณีเป็นอสมการที่มีดีกรีมากกว่าสอง เราต้องพิจารณาก่อนว่าตัวแปรมีดีกรีเป็นจานวนคี่หรือว่าจานวนคู่
เพราะถ้าตัวแปรมีดีกรีเป็นจานวนคู่เราจะตัดออกไปได้ไม่ต้องนาพจน์ที่เป็นเลขคู่นั้นมาคิด(เพราะตัวแปรที่มี
ดีกรีเป็นจานวนคู่จะมีค่าเป็นบวกเสมอ )แต่ถ้าดีกรีของตัวแปรเป็นจานวนคี่ เราต้องแยกให้ได้เป็นรูปของตัว
แปรดีกรีหนึ่งคูณกับตัวแปรที่มีดีกรีเป็นจานวนคู่ แล้วตัดตัวแปรพจน์ที่มีดีกรีเป็นจานวนคู่นั้นไป แล้ว
พิจารณาพจน์ตัวแปรที่เป็นกาลังหนึ่ง

More Related Content

อสมการ

  • 1. 1 อสมการ คือ ประโยคสัญลักษณ์ที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ของจานวน โดยมีสัญลักษณ์ น้อยกว่า( < ) มากกว่า ( > ) น้อยกว่าหรือเท่ากับ (≤) มากกว่าหรือเท่ากับ (≥) และ ไม่เท่ากับ (≠) เช่น 1<2<3 ความหมายคือ 1 < 2 และ 2 < 3 ℝ+ เป็นส่วนหนึ่งของ ℝ ดังนั้นจึงมีสมบัติที่เกี่ยวข้องคือ สมบัติจานวนจริงข้อที่ 11 , 12 ,13 นิยาม a < b คือ b − a ∈ ℝ+ a > b คือ a − b ∈ ℝ+ สมบัติไตรวิภาค ถ้า a และ b เป็นจานวนจริง ลักษณะของ a และ b จะเป็นจริงเพียงข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ 1. a = b ก็ต่อเมื่อ a – b =0 2. a < b ก็ต่อเมื่อ b – a ∈ ℝ+ 3. a > b ก็ต่อเมื่อ a – b ∈ ℝ+ สมบัติการไม่เท่ากัน 1. สมบัติการถ่ายทอด ถ้า a > b และ b > c แล้ว a > c 2. สมบัติการบวกด้วยจานวนที่เท่ากัน ถ้า a > b แล้ว a+c > b+c 3. สมบัติการคูณด้วยจานวนที่เท่ากัน ถ้า a > b และ c > 0 แล้ว ac > bc ถ้า a > b และ c < 0 แล้ว ac < bc 4. สมบัติการตัดออกสาหรับการบวก ถ้า a+c > b+c แล้ว a > b 5. สมบัติการตัดออกสาหรับการคูณ ถ้า ac > bc และ c > 0 แล้ว a > b ถ้า ac > bc และ c < 0 แล้ว a < b
  • 2. 2 ตัวอย่างที่ 1. ให้ −5 ≤ x ≤ −2 และ −4 ≤ y ≤ 3 จงหา x + y2 , x−y วิธีทา จาก −5 ≤ x ≤ −2 จะได้ x ≥ −5 และ x ≤ −2 ... (1) จาก −4 ≤ y ≤ 3 จะได้ 9 ≤ y2 ≤ 16 นั่นคือ y2 ≥ 9 และ y 2 ≤ 16 ... (2) จาก −4 ≤ y ≤ 3 จะได้ −3 ≤ −y ≤ 4 นั่นคือ −y ≥ −3 และ −y ≤ 4 ... (3) (1) + (2) ; 4 ≤ x + y 2 ≤ 14 (1) + (3) ; −8 ≤ x − y ≤ 2 (a+b)2 ตัวอย่างที่ 2. ถ้า a > 0 และ b > 0 แล้วจงแสดงว่า 2 > ab (a+b)2 (a+b)2 วิธีทา [ในการตรวจสอบว่า 2 > ab หรือไม่ เราต้องตรวจสอบว่า 2 − ab > 0 ซึ่งเป็น จานวนจริงบวก] (a+b)2 a 2 +2ab +b 2 −2ab a 2 +b 2 เนื่องจาก 2 − ab = 2 = 2 a 2 +b 2 เนื่องจาก a > 0 และ b > 0 นั่นคือ a และ b เป็นจานวนจริงบวก ดังนั้น 2 >0ซึ่งเป็นจานวนจริงบวก a 2 +b 2 นั่นคือ 2 − ab>0 ซึ่งเป็นจานวนจริงบวก (a+b)2 ดังนั้น 2 > ab
  • 3. 3 ช่วงและเส้นจานวน (Interval and Number Line) เนื่องจากจานวนจริงเป็นเซตอนันต์ (เซตที่หาค่าสิ้นสุดไม่ได้) ดังนั้นอาจจะมีบางสับเซตของจานวน จริงเป็นเซตอนันต์ด้วย ซึ่งในบางครั้งเราไม่สามารถที่จะเขียนในรูปแจกแจงสมาชิกได้ นักคณิตศาสตร์จึงได้ กาหนดสัญลักษณ์ แทนสับเซตเหล่านั้น ซึ่งเรียกสัญลักษณ์นี้ว่า ช่วงของจานวนจริง ช่วงของจานวนจริง แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ช่วงจากัด (finite interval) และ ช่วงอนันต์ (infinite interval) ดังนี้ 1. ช่วงจากัด 1.1) a, b = x a < x < b a b 1.2) a, b = x a ≤ x ≤ b a b 1.3) a, b = x a < x ≤ b a b 1.4) a, b = x a ≤ x < b a b 2. ช่วงอนันต์ 2.1) a, ∞ = x x > a a 2.2) a, ∞ = x x ≥ a a 2.3) −∞, a = x x < a a 2.4) −∞, a = x x ≤ a a 2.5) −∞, ∞ = x x ∈ R
  • 4. 4 ตัวอย่างที่ 3. ให้ A = x −1 < x ≤ 5 และ B = xx>2 จงหาเซตคาตอบของ A ∪ B , A ∩ B′ , A − B วิธีทา หา A ∪ B -1 2 5 ดังนั้น A ∪ B = x x ≥ −1 = [−1, ∞) หา A ∩ B′ -1 2 5 ดังนั้น A ∩ B ′ = x −1 ≤ x ≤ 2 = [−1,2] หา A − B -1 2 5 ดังนั้น A − B= x −1 ≤ x ≤ 2 = [−1,2] การแก้อสมการ(Solving Inequality) 1. การแก้อสมการเชิงเส้น(กาลังหนึ่ง) ตัวอย่างที่ 4. จงหาเซตคาตอบอสมการของ 3x − 2 ≥ 1 − 2x วิธีทา จาก 3x − 2 ≥ 1 − 2x 3x + 2x ≥ 1 + 2
  • 5. 5 5x ≥ 3 3 x≥5 3 3 ดังนั้น เซตคาตอบของอสมการคือ x x ≥ 5 = [5 , ∞) 2. การแก้อสมการกาลังสอง หลักเกณฑ์ในการแก้อสมการกาลังสองโดยทั่วไป มีดังนี้  ทาอสมการให้อยู่ในรูปขวามือ เท่ากับ 0  ซ้ายมือของอสมการต้องอยู่ในรูปตัวประกอบกาลังหนึ่ง โดยสัมประสิทธิ์หน้าตัวแปรต้องเป็นบวกเสมอ  จานวนที่เกี่ยวข้องกับคาตอบของอสมการ(ค่าวิกฤต) คือ ค่า x ที่ทาให้แต่ละตัวประกอบเป็น 0 นาค่า x มากาหนดจุดบนเส้นจานวน และใส่เครื่องหมายช่องขวามือสุดเป็น + ถัดมาเป็น – และใส่สลับกันเรื่อยๆ + - + - + x1 x2 x3 x4 ถ้า อสมการ เป็นเครื่องหมาย ≥, > ให้ตอบที่ช่อง บวก (+) ถ้า อสมการ เป็นเครื่องหมาย ≤, < ให้ตอบที่ช่อง ลบ ( - )  สาหรับอสมการตรรกยะ คืออสมการที่อยู่ในรูปเศษส่วนโดยมีพจน์หรือตัวแปรว่ามีค่า + , - , 0 เมื่อใด ดังนั้น เราจะไม่ใช้วิธีการคูณทแยง แต่เราจะแก้อสมการโดยใช้ 2 วิธีนี้(เลือกว่าจะใช้วิธีไหน)คือ 1. การใช้วิธีของช่วง คือต้องให้ความสาคัญของตัวส่วนที่ไม่ทราบค่า ต้องไม่เป็น 0 2. กรณีตัวส่วนเป็นตัวแปรกาลังหนึ่งจะนาตัวส่วนมายกกาลังสอง แล้วคูณทั้งอสมการ (จะทาให้เรา ตัดพจน์ที่เป็นตัวส่วนไปได้) แต่ถ้าตัวส่วนเป็นตัวแปรที่มีดีกรีมากกว่า 1 ให้นักเรียนพิจารณาว่าพจน์ของตัว ส่วนนั้นมีค่าเป็นบวกหรือไม่ ถ้ามีค่าเป็นบวกให้นักเรียนตัดพจน์นั้นได้เลย  สาหรับอสมการอตรรกยะ คือ อสมการที่อยู่ในรูปกรณ์( ) โดยที่มีพจน์ที่ไม่ทราบค่า เราสามารถ แก้อสมการอตรรกยะได้โดยขั้นแรก ต้องพิจารณาเงื่อนไขที่อยู่ภายในรูปกรณ์( ) ให้มากกว่าหรือ เท่ากับศูนย์ หลังจากนั้น ยกกาลังด้วย n เพื่อให้อสมการไม่อยู่ในรูปกรณ์( ) เมื่อ n ∈ I +
  • 6. 6 ตัวอย่างที่ 5. จงหาเซตคาตอบของอสมการ x2 − 2x − 3 ≤ 0 วิธีทา จาก x 2 − 2x − 3 ≤ 0 x − 3 (x + 1) ≤ 0 + - + ค่าวิกฤตคือ -1 , 3 -1 3 ดังนั้น เซตคาตอบของอสมการ คือ x −1 ≤ x ≤ 3 = [−1,3] 1 1 ตัวอย่างที่ 6. จงหาเซตคาตอบของอสมการของ < x 2 1 1 วิธีทา จาก < x 2 1 1 − <0 x 2 2−x <0 2x 2−x (2x)2 + - + < 0 ∙ (2x)2 2x 0 2 (2 – x)(2x) < 0 (x – 2)(2x) > 0 ดังนั้น เซตคาตอบของอสมการ คือ x x < 0 หรือ x > 2 = −∞, 0 ∪ (2, ∞) 1 ตัวอย่างที่ 7. จงหาเซตคาตอบของอสมการ > x+1 x−1 วิธีทา พิจารณา x−1 ; x−1≥ 0 ∴x≥1 และ x+1 ; x+1 ≥0 ∴ x ≥ −1 1 จาก x−1 > x+1 1 กาลังสองทั้งสองข้าง จะได้ x−1 >x+1 1 −x−1>0 x−1 1−x 2 −x+x+1 >0 x−1 −x 2 +2 >0 x−1
  • 7. 7 x 2 −2 <0 - + - + x−1 x 2 −( 2)2 − 2 1 2 <0 x−1 x− 2 (x+ 2) <0 x−1 เนื่องจากเงื่อนไข x ≥ 1 และ x ≥ −1 แต่ − 2 ไม่อยู่ในเงื่อนไข นั่นคือ − 2 ไม่ใช่คาตอบ ดังนั้น เซตคาตอบของอสมการคือ x 1 < x < 2 = (1, 2) 3. การแก้อสมการที่มีดีกรีมากกว่าสอง 2−3x x−1 ตัวอย่างที่ 8. ถ้า A เป็นเซตคาตอบของอสมการ x+1 ≥ 0 , B เป็นเซตคาตอบของ x 3 −5x 2 +x−5 ≤0 จงหา A ∩ B วิธีทา หา A 2−3x จากอสมการ x+1 ≥0 3x−2 ≤0 -1 2 x+1 3 2 2 ดังนั้น A = x −1 < x ≤ 3 = (−1, 3] หา B x−1 จากอสมการ x 3 −5x 2 +x−5 ≤0 x−1 ≤0 x−5 (x 2 +1) [ พยายามกาจัด (x2 + 1) โดยการพิจารณาว่า (x2 + 1) เป็นจานวนบวก เพื่อที่เราจะสามารถตัด (x2 + 1) ได้ ] เนื่องจาก (x 2 + 1) ไม่สามารถแยกตัวประกอบได้ แต่ 1 > 0 และ x 2 ≥ 0 ดังนั้น x 2 + 1 > 0 ซึ่งเป็นจานวนบวก x−1 นา (x2 + 1) คูณทั้งอสมการ x−5 (x 2 +1) (x2 + 1) ≤ 0 ∙ (x2 + 1) x−1 ≤0 + - + x−5 1 5
  • 8. 8 ดังนั้น 𝐵 = 𝑥 1 ≤ 𝑥 < 5 = [1,5) 2 -1 3 1 5 นั่นคือ 𝐴∩ 𝐵 = 2 −1, 3 ∩ 1,5 = ∅ 2𝑥−3 (𝑥 2 +1) ตัวอย่างที่ 9. จงหาเซตคาตอบของอสมการ (𝑥 6 +8) >0 วิธีทา เนื่องจาก 𝑥 2 + 1 > 0 และ 𝑥 6 + 8 > 0 ดังนั้น 𝑥 6 +8 นา 𝑥 2 +1 คูณตลอด จะได้ (2x – 3) > 0 3 ∴ 𝑥> 3 2 2 3 3 ดังนั้น เซตคาตอบของอสมการ คือ 𝑥 𝑥 > 2 = (2 , ∞) ตัวอย่างที่ 10. จงหาเซตคาตอบของอสมการ (4x – 3)7(3x2 + 6 ≤0 วิธีทา เนื่องจาก (4x – 3)7(3x2 + 6 ≤ 0 (4x – 3) (4x – 3)6(3x2 + 6 ≤ 0 เนื่องจาก (4x – 3)6 > 0 และ 3x2 + 6 > 0 ดังนั้น 1 นา คูณตลอด จะได้ 4x – 3 ≤ 0 4𝑥−3 6 (3𝑥 2 +6) 3 3 4 ∴ 𝑥≤ 4 3 3 ดังนั้น เซตคาตอบของอสมการ คือ 𝑥 𝑥 ≤ 4 = (−∞, 4] 𝑥−5 5 𝑥 2 −1 (𝑥 2 −4) ตัวอย่างที่ 11. จงหาคาตอบของอสมการ (𝑥+2)7 ≥0 𝑥−5 5 𝑥 2 −1 (𝑥 2 −4) วิธีทา จาก (𝑥+2)7 ≥0 (𝑥−5)4 𝑥−5 𝑥−1 𝑥+1 𝑥−2 (𝑥+2) ≥0 (𝑥+2)6 (𝑥+2)
  • 9. 9 จะเห็นว่าเราจะไม่ตัดทอน พจน์ เนื่องจาก (𝑥 − 5)4 > 0 และ (𝑥 + 2)6 > 0 ดังนั้น ของ(𝑥 + 2) ที่มีทั้งเศษและ (𝑥+2)6 𝑥−5 𝑥−1 𝑥+1 𝑥−2 (𝑥+2) ส่วน เนื่องจาก การที่มีพจน์เป็น นา 4 คูณตลอดอสมการ จะได้ (𝑥+2) ≥0 (𝑥−5) ตัวแปรกาลังหนึ่ง เราต้องนาค่าที่ เป็นกาลังหนึ่งมาพิจารณา - + - + - + ทั้งหมด ห้ามตัดทอนกัน  -2 -1 1 2 5 ดังนั้น เซตคาตองของอสมการ คือ 𝑥 −2 < 𝑥 ≤ −1 หรือ 1 ≤ 𝑥 ≤ 2 หรือ 𝑥 ≥ 5 = −2, −1 ∪ 1,2 ∪ [5, ∞) (𝑥−3)2 ตัวอย่างที่ 12. จงหาเซตคาตอบของอสมการ 𝑥 2 +4𝑥+5 >0 วิธีทา พิจารณา 𝑥 2 + 4𝑥 + 5 = (x + 2)2 - 4 + 5 = (x + 2)2 + 1 > 0 ดังนั้น นา 𝑥 2 + 4𝑥 + 5 คูณตลอดอสมการ จะได้ (𝑥 − 3)2 > 0 ยกเว้นที่ x = 3 [ เพราะที่ x = 3 จะทาให้ (𝑥 − 3)2 = 0 ] ดังนั้นคาตอบของอสมการคือ ℝ − 3 (3𝑥−5)2 ตัวอย่างที่ 13. จงหาเซตคาตอบของอสมการ ≤0 𝑥 2 +3 วิธีทา พิจารณา 𝑥 2 + 3 > 0 ดังนั้น นา 𝑥 2 + 3 คูณตลอดอสมการ จะได้ (3𝑥 − 5)2 ≤ 0 ... (1) แต่เมื่อพิจารณา (3𝑥 − 5)2 ≥ 0 ... (2) เสมอๆ ดังนั้นจากเงื่อนไขที่ (1) และ (2) จะได้ (3𝑥 − 5)2 = 0 (3x – 5) (3x – 5) = 0 5 x= 3 5 ดังนั้นคาตอบของอสมการคือ 3 4x 2 +7 ตัวอย่างที่ 14. จงหาเซตคาตอบของอสมการ (2x 2 +3x+5)(2x 2 +3x+5)12 < 0 4x 2 +7 วิธีทา จาก (2x 2 +3x+5)13 <0
  • 10. 10 4x 2 +7 <0 (2x 2 +3x+5)(2x 2 +3x+5)12 เนื่องจาก 4x2 + 7 > 0 และ (2x 2 + 3x + 5)12 > 0 ดังนั้น 1 นา (2x2 + 3x + 5)12 คูณตลอดอสมการ จะได้ (2x 2 +3x+5) <0 1 [เนื่องจาก อสมการ < 0 แสดงว่ามีค่าเป็นลบ แต่ 1 > 0 ดังนั้นเราต้องพิจารณา พจน์ของ (2x 2 +3x+5) 2x 2 + 3x + 5 ว่าต้องเป็น ลบ เท่านั้น อสมการจึงจะเป็นจริง] 1 จาก <0 (2x 2 +3x+5) 1 3 5 <0 2(x 2 + x+ ) 2 2 1 3 31 <0 2[(x+4 )2 +16 ] 3 2 31 จะเห็นว่า พจน์ของ 2 x + 4 + 16 > 0 เสมอแต่จากเงื่อนไขต้องเป็นเครื่องหมาย < ดังนั้นคาตอบของอสมการคือ ∅ สรุปหลักสาคัญๆ  การที่เราจะสามารถแก้อสมการได้ ต้องเป็นเฉพาะอสมการที่มีพจน์ตัวแปรมีดีกรีหนึ่งเท่านั้น ถ้าเป็นตัวแปรมีดีกรีสองเราต้องพิจารณาต่อไปว่าสามารถแยกตัวประกอบได้หรือไม่ เพราะถ้าแยกได้ จะ ได้ตัวแปรมีดีกรีหนึ่งที่เราสามารถหาค่าได้ แต่ถ้าไม่สามารถแยกได้ให้นักเรียนพิจารณาว่าตัวแปรดีกรีสอง นั้นเป็นบวกหรือไม่ เพราะถ้าเป็นบวก เราจะตัดพจน์นั้นทิ้งไปได้ไม่ต้องคิดค่า กรณีเป็นอสมการที่มีดีกรีมากกว่าสอง เราต้องพิจารณาก่อนว่าตัวแปรมีดีกรีเป็นจานวนคี่หรือว่าจานวนคู่ เพราะถ้าตัวแปรมีดีกรีเป็นจานวนคู่เราจะตัดออกไปได้ไม่ต้องนาพจน์ที่เป็นเลขคู่นั้นมาคิด(เพราะตัวแปรที่มี ดีกรีเป็นจานวนคู่จะมีค่าเป็นบวกเสมอ )แต่ถ้าดีกรีของตัวแปรเป็นจานวนคี่ เราต้องแยกให้ได้เป็นรูปของตัว แปรดีกรีหนึ่งคูณกับตัวแปรที่มีดีกรีเป็นจานวนคู่ แล้วตัดตัวแปรพจน์ที่มีดีกรีเป็นจานวนคู่นั้นไป แล้ว พิจารณาพจน์ตัวแปรที่เป็นกาลังหนึ่ง