ݺߣ
Submit Search
ึϹกที่มีความบกพร่องทางการไึϹยิน
•
0 likes
•
5,875 views
D
Darika Roopdee
Follow
1 of 13
Download now
Downloaded 44 times
More Related Content
ึϹกที่มีความบกพร่องทางการไึϹยิน
1.
ึϹกที่มีความบกพร่องทางการไึϹยิน
(Hearing Impaired Children)
2.
ความรู้ทั่วไปสาหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
ประวัติความเป็นมาด้านการศึกษาสาหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ ยิน การศึกษาสาหรับเด็กหูหนวกในประเทศไทย เริ่มเมื่อปี พ.ศ. 2494 โดย ม.ร.ว. เสริมศรี เกษมศรี ซึ่งสาเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยกอลอเดท (Gallaudet College) วิทยาลัยทางศิลปศาสตร์แห่งแรก และแห่งเดียวสาหรับคนหูหนวก ได้ เปิดหน่วยทดลองสอนคนหูหนวกขึ้นเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนวัดโสมนัส การสอนคนหู หนวกในตอนนั้นเป็นการสอนพูดโดยใช้ท่าภาษามือประกอบ ต่อมาคุณหญิงกมลา ไกร ฤกษ์ ได้สาเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยเดียวกันมาเป็นครูใหญ่โรงเรียนสอนคนหูหนวก ดุสิต (ปัจจุบันคือโรงเรียนเศรษฐเสถียร) ได้รวบรวมภาษามือขึ้นเป็นหนังสือภาษามือ ไทยขึ้น เพื่อใช้สอนคนหูหนวกในประเทศไทย โดยให้มีการสอนพูดรวมกับการใช้ภาษามือ และการสะกดนิ้วมือร่วมกับการอ่านและการเขียนตามปกติ
3.
ความหมาย
ึϹกที่มีความบกพร่องทางการไึϹยิน หมายถึงเด็กหูหนวก และ เด็กหูตึงเด็กหูหนวก เป็นเด็กที่สามารถได้ยินเสียงคนพูดน้อยมาก ใช้เครื่องช่วยฟังก็ไม่ได้ผล ซึ่งเด็กหูตึงเป็นเด็ก ที่สามารถได้ยินเสียงพูดบ้าง แต่ต้องใช้ เครื่องช่วยฟัง ช่วยขยายเสียงให้ชัดเจนขึ้น
4.
สาเหตุที่ทาให้หูพิการมาตั้งแต่เด็ก ขณะที่แม่ตั้งครรภ์อาจได้รับเชื้อไวรัสหัดเยอรมัน เยื้อหุ้ม สมองอักเสบ และซิฟิลิส ขณะที่แม่ตั้งครรภ์อาจได้รับสารหรือยาที่เป็นอันตราย กรรมพันธุ์ เด็กขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน
ในขณะทาคลอด เด็กที่ต้องคลอดก่อนกาหนด
5.
ประเภทของเด็กที่มีความบกพร่ องทางการได้ ยน
ิ เด็กหูหนวก หมายถึง เด็กที่สูญเสียการได้ยิน 90 เดซิเบล ขึ้นไป วัดด้วยเสียงบริสุทธิ์ ณ ความถี่ 500,1000 และ2,000 เฮิร์ท ในหูข้างที่ดีกว่า เด็กไม่สามารถใช้การได้ยินให้เป็นประโยชน์ได้ อย่างเต็มประสิทธิภาพ อาจเป็นผู้ทสูนเสียการได้ยินมาแต่กาเนิดหรือ ี่ สูญเสียการได้ยินภายหลังก็ตาม เด็กหูตึง หมายถึง เด็กที่สญเสียการได้ยินระหว่าง 26-89 ู เดซิเบล วัดด้วยเสียงบริสุทธิ์ ณ ความถี่ 500,1000 และ 2,000 เฮิร์ทเป็นเด็กที่สูญเสียการได้ยินเล็กน้อยไปจนถึงการ สูญเสียการได้ยินขั้นรุนแรง
6.
ระึϸบการได้ยิน
ระดับที่ 1 หูปกติ (ไม่เกิน 25 เดซิเบล)ได้ยิน เสียงพูดกระซิบเบา ๆ ระดับที่ 2 หูตึงเล็กน้อย (26-40 เดซิเบล)ไม่ได้ ยินเสียงพูดเบา ๆ แต่ได้ยินเสียงพูดปกติ อาจใช้ เครื่องช่วยฟังบางโอกาส เช่น เรียนหนังสือ ระดับที่ 3 หูตึงปานกลาง (41-55 เดซิเบล) ไม่ได้ยินเสียงปกติ ต้องพูดดังกว่าปกติจึงจะได้ยิน จาเป็นต้องใช้เครื่องช่วยฟังขณะพูดคุย
7.
ระดับที่ 4 หูตึงมาก
(56-70 เดซิเบล) พูดเสียงดังแล้วยัง ไม่ได้ยิน จาเป็นต้องใช้เครื่องช่วยฟังตลอดเวลา ระดับที่ 5 หูตึงรุนแรง (71-90 เดซิเบล) ต้องตะโกนหรือใช้ เครื่องขยายเสียงจึงจะได้ยิน แต่ได้ยินไม่ชัด ระดับที่ 6 หูหนวก (91 เดซิเบลขึ้นไป) ตะโกนหรือใช้เครื่อง ขยายเสียงแล้วยังไม่ได้ยิน และไม่เข้าใจความหมาย
8.
ทาอย่างไรถึงจะรู้ว่าึϹกมีความพิการทางหู
จากคาแนะนาของคุณหมอเด็ก จากโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงแห่ง หนึ่ง กล่าวว่า ถ้าอยากจะรู้ว่าเด็กคนนั้นมีความผิดปกติทางหูหรือไม่นน ั้ ต้องอาศัยการตรวจอย่างละเอียด อย่างสม่าเสมอ ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 1 ขวบ ซึงการตรวจเช็คนันจะมีปัจจัยหลายอย่างที่ทาให้คุณหมอทราบว่าเด็ก ่ ้ คนนันมีความพิการทางหูหรือไม่ แต่คุณแม่สามารถสังเกตจากพัฒนาการ ้ การได้ยินเสียงของลูกได้ คือ เด็กตั้งแต่แรกเกิด เมื่อได้ยนเสียงดัง เค้าจะ ิ ผวา อายุ 5 เดือน เค้าก็จะพยายามเปล่งเสียง อ้อ แอ้ เพื่อตอบสนองเวลา เราพูดด้วย และอายุ 9 เดือน ลูกจะพยายามหันมองตามเสียงที่เราเรียก ดังนั้น คุณแม่ควรเฝ้าดูและช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางการฟังของลูกน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรพาลูกไปรับวัคซีนและพบคุณหมออย่างสม่าเสมอ
9.
วิธีการทีจะช่วยเด็กที่มีความพิการทางหู มี 2
วิธี ่ การฝึกฟัง จะช่วยพัฒนาทักษะในการใช้ประสาทสัมผัส ในส่วนของการได้ ยินเสียงที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สด อุปกรณ์ที่มีวามสาคัญมากที่สุดในการ ุ ฝึกฟัง คือ เครืองช่วยฟัง ซึงจะทาหน้าที่ขยายเสียงให้ดงขึ้น โดยมีปุ่มสามารถปรับ ่ ่ ั เสียงดังค่อยได้ตามความต้องการ มีอยู่ 4 ประเภท แล้วแต่ความถนัดของผู้ใช้ คือ เครื่องช่วยฟังแบบใส่ในรูหู เครื่องช่วยฟังแบบทัดหู เครื่องช่วยฟังแบบติดกระเป๋าเสื้อ เครื่องช่วยฟังแบบแว่นตา การฝึกพูด เพื่อส่งเสริมให้เด็กเข้าใจในภาษาพูด และสามารถสื่อสารกับ ผู้อื่นได้
10.
กระบวนการแบบสองภาษา
กระบวนการแบบสองภาษา เป็นการจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งสาหรับเด็กหู หนวก ทาการสอนโดยครู 2 คน คือ ครูหูหนวก และครูที่มีการ ได้ยิน โดยครูหูหนวกจะเป็น แบบอย่างของการใช้ภาษามือ เป็นผู้ที่ถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์ วิถีชีวิตของคนหูหนวก ให้กับเด็กหูหนวก และครูที่มีการได้ยินจะเป็นแบบอย่างของการใช้ภาษาไทย ทั้งการเขียน การอ่าน และการพูด โดยเด็กหูหนวกจะต้องเรียนภาษามือที่สอนโดยครูหูหนวก เป็นภาษา แรกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ จนเด็กสามารถใช้ภาษามือได้อย่างดี และเรียนรู้ภาษาไทยเป็น ภาษาที่สองโดยครูที่มีการได้ยิน ซึ่งการสอนภาษาโดยใช้วิธีการสอนแบบภาษาที่สอง โดยใช้ ภาษามือไทยเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ภาษาไทย การสอนภาษาไทยจะสอนจากการเขียน การอ่าน หรือการพูด ขึ้นอยู่กับเด็กแต่ละคน สาหรับเด็กโต บางวิชาอาจจะสอนด้วยภาษามือ โดยครูหูหนวก เช่น วิชา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคม โดยใช้เทคนิค การสอนที่ ตอบสนองความต้องการและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนหูหนวก
11.
ปัจจุบันการจัดการศึกษาสาหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยินใน ประเทศไทย มี 2
แบบคือ 1. การจัดการศึกษาพิเศษ ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่ระดับชันเด็กเล็กประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ใช้หลักสูตรของ กระทรวงศึกษาธิการ โดยมีการปรับปรุงให้เหมาะสมเพียงเล็กน้อย 2. จัดการเรียนร่วมกับคนปกติ จัดให้เข้าเรียนในโรงเรียนเดียวกับเด็ก ปกติ โดยมีครูพิเศษช่วยเหลือในด้านภาษาและการสื่อสาร
13.
สมาชิกกลุ่ม 1.
นายคณิต คนคม รหัสนักศึกษา 53181400106 2. นางสาวปรางทิพย์ นามปวน รหัสนักศึกษา 53181400123 3. นางสาวสุพัตรา ปานาม รหัสนักศึกษา 53181400143 4. นางสาวสุมนทร์ตรา ิ แจ่มใส รหัสนักศึกษา 53181400144 สาขาวิชา คณิตศาสตร์ กลุ่ม 1
Download