ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
ชนิดของ
หิน
หิȨัคȨ
หินแกรนิต (Granite)
หิ
น
แ
ก
ร
นิ
ต
( granite)
เป็ น หิ น อั ค นี ซึ่ ง ส่ ว น ใ ห ญ่ ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย แ ร่ แ อ ล ค า ไ ล เฟ ล ด์ ส ป า ร์ แ ล ะ ค ว อ ต ซ์ แ ล ะ มี แ ร่ มั ส โ ค ไ ว ต์ ไ บ โ อ ไ ท ต์
และ/หรือฮอร์นเบลนด์ ไพรอกซีนประกอบอยู่ด้วยเป็นส่วนน้อย
หิ น แ ก ร นิ ต มี แ ร่ ป ร ะ ก อ บ หิ น ห ล า ย ช นิ ด ท า ใ ห้ มี สี ต่ า ง ๆ
แ ละป ระก อ บ กั บ มี ข น าด แ ละก ารเรี ย งตั วข อ งแ ร่ ต่ างๆกั น
ท า ใ ห้ เ กิ ด ล ว ด ล า ย ใ น หิ น
จึงนิยมนาหินแกรนิตมาใช้ทาประโยชน์ในการเป็นหินประดับอา
คารสถานที่ต่างๆ ตลอดจนในการทาหินสลักต่างๆด้วย

หินไรโอไลต์ (Rhyolite)
หิ น ไ ร โ อ ไ ล ต์ ( Rhyolite) เ ป็ น หิ น อั ค นี พุ
มี ส่ ว น ป ร ะ ก อ บ เ ห มื อ น หิ น แ ก ร นิ ต
โ ด ย ทั่ ว ไ ป มี แ ร่ ด อ ก อ ยู่ ใ น เ นื้ อ พื้ น
ซึ่ งแสดงลัก ษณะร่อ งรอยของการไหล แร่ดอกประกอบด้ว ย
ค ว อ ร ต ซ์
แ ล ะ เ ฟ ล ด์ ส ป า ร์
เนื้อพื้นเป็นเนื้อแก้วถึงเนื้อผลึกซ่อนรูป
หินบะซอลต์ (Basalt)

หิ น บะซอลต์ (Basalt) เป็ น หิ น อั ค นี พุ เนื้ อ ละเอี ย ดสี เ ข้ ม
ป ระก อ บ ด้ วย แ ร่ เ ฟ ลด์ ส ป าร์ ไพ รอ ก ซี น ฮ อ ร์ น เบ ลน ด์
และโอลิ วี น แต่ ผ ลึ ก ละเอี ย ดมาก มองด้ ว ยตาเปล่ า ไม่ เ ห็ น
เกิ ด จากการแข็ ง ตั ว ของลาวากลุ่ ม ที่ มี ซิ ลิ ก าต่ าบนผิ ว โลก
มั ก มี แ ก๊ ส ป น อ ยู่ ด้ ว ย บ า ง ส่ ว น จึ ง อ า จ มี รู พ รุ น
หินบะซอลต์หลายแห่งในประเทศไทยเป็นต้นกาเนิดของพลอ
ยแซปไฟร์ และทับทิม เช่น ที่ อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี
หินพัมมิซ (Pumice)
หิ น พั ม มิ ซ (Pumice) เ ป็ น หิ น อั ค นี พุ
มี ส่ ว น ป ร ะ ก อ บ เ ห มื อ น หิ น ไ ร โ อ ไ ล ต์
มี อ ยู่ ใ นเนื้ อ มากมายจนโพรกคล้ ายฟองน้ า จึ งมี น้ าหนั ก เบา
ล อ ย น้ า ไ ด้ ช า ว บ้ า น เรี ย น ว่ า หิ น ส้ ม ใ ช้ ขั ด ถู ภ า ช น ะ
ทาให้ผิววาว

หินแอนดีไซต์ (andesite)
หินแอนดีไซต์ (Andesite) เป็นหิȨัคȨพุ หรือหินภูเขาไฟ
เนื้อหินละเอียดแน่นทึบ มักมีผลึกละเอียดของแพลจิโอเคลส
เฟลด์สปาร์ กระจัดกระจาย สาหรับสีของหิน เป็นสีม่วง เขียว
เก่าแก่ และดา ชนิดแร่ที่สาคัญที่พบ
ในหินชนิดนี้ประกอบด้วย แร่ไบโอไทต์ แร่ฮอร์นแบลนด์
เป็นต้น
หินแกบโบร (Gabbro)

หินแกบโบร
(Gabbro) เป็นหิȨัคȨพุชนิดหนึงประกอบด้วยแร่สีเข้มอย่างเช่
่
น แร่โอลิวีนและออไจต์จะมีเนี้อหยาบ เนื่องจากผลึกขนาดใหญ่
ได้ก่อตัวขึ้นขณะที่แมกมาเย็นลง
หินไดโอไรต์ (Diorite)
หินไดโอไรต์ (Diorite) เป็นหิȨัคȨแทรกซ้อน
ที่มีลักษณะเนื้อหยาบ ประกอบด้วยผลึกของแร่ขนาดที่เท่า ๆ กัน
มีสีคล้า ตั้งแต่สีเทาจนถึงดา สาหรับแร่ที่พบในหินชนิดนี้ ได้แก่
เฟลด์สปาร์ ไบโอไทต์ ฮอร์นเบลนด์ หรือ ไพรอกซีน เป็นต้น
หินตะกอ
น

หินกรวดมน (Conglomerate)
หิ น กรวดมน (Conglomerate) เป็ น หิ น ตะกอนเนื้ อ หยาบ
ประกอบด้ ว ยเศษหิ น กรวดขนาดตั้ ง แต่ 2 มิ ล ลิ เ มตร ขึ้ น ไป
ฝั ง อ ยู่ ใ น เนื้ อ พื้ น ล ะ เอี ย ด ข น า ด ท ร า ย ห รื อ ท ร า ย แ ป้ ง
แ ล ะ มั ก มี วั ต ถุ ป ร ะ ส า น จ า พ ว ก แ ค ล เซี ย ม ค า ร์ บ อ เน ต
เห ล็ ก ออกไซ ต์ ซิ ลิ ก า ห รื อ ดิ น กรวด เห ล่ า นี้ มี ลั ก ษ ณ ะมน
ห รื อ ก ล ม เพ ร า ะ น้ า พั ด พ า ม า ไ ก ล จ า ก แ ห ล่ ง ก า เนิ ด เดิ ม
ใช้ทาหินประดับ หินก่อสร้าง

หินทราย (Sandstone)
หิ น ท ร า ย (Sandstone)เป็ น หิ น ต ะ ก อ น เนื้ อ ห ย า บ
จั บ ดู ร ะ ค า ย มื อ ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย เศ ษ หิ น ที่ มี ลั ก ษ ณ ะ ก ล ม
หรื อ เหลี่ ย มขนาดเม็ ด ทราย ประสมอยู่ ใ นเนื้ อ พื้ น (matrix)
เนื้ อ ละเอี ย ด อาจมี วั ต ถุ ป ระสาน เช่ น ซิ ลิ ก า เหล็ ก ออกไซต์
ห รื อ แ ค ล เซี ย ม ค า ร์ บ อ เน ต ป ร ะ ส า น เม็ ด เศ ษ หิ น ต่ า ง ๆ
ให้เกาะกันแน่นแข็งเม็ดทรายที่ประกอบเป็นหินทรายส่วนใหญ่
จะเป็นเม็ดควอรตซ์ ประมาณร้อยละ 85-90 หินทรายมีสีต่างๆ
กั น เ ช่ น แ ด ง เ ห ลื อ ง น้ า ต า ล เ ท า ข า ว
อ า จ เ กิ ด จ า ก ก า ร ต ก ต ะ ก อ น เ นื่ อ ง จ า ก น้ า ห รื อ ล ม
ก า ร แ บ่ ง ช นิ ด ข อ ง หิ น ท ร า ย ขึ้ น อ ยู่ กั บ ข น า ด เม็ ด ต ะก อ น
แ ร่ ที่ ป ร ะ ก อ บ อ ยู่ ใ น หิ น โ ค ร ง ส ร้ า ง ภ า ย ใ น
แ ล ะช นิ ด ข อ งวั ต ถุ ป ระส าน ป ระโย ช น์ ใช้ ท าหิ น ป ระดั บ
หินแกะสลัก หินลับมีด

หินดินดาน (Shale)

หิ

น

ดิ

น

ด

า

น

(Shale)เป็ น หิ น ตะกอนเนื้ อ ละเอี ย ดประกอบด้ ว ยแร่ ดิ น (clay
minerals)

เ ป็

น

ส่

ว

น

ใ

ห

ญ่

แร่ดินนี้เป็นสารผสมของอะลูมิเนียมซิลิเกตกับแมกนีเซียมซิลิเก
ต ใ น ส่ ว น ต่ า ง ๆ กั น แ ล ะ มี คุ ณ ส ม บั ติ คื อ ล ะ เอี ย ด ม า ก
บี้ กั บ น้ าแล้ ว เหนี ย วติ ด มื อ ประโยชน์ ใช้ ท าเครื่ อ งปั้ น ดิ น เผา
เซรามิก ให้เป็นส่วนประกอบในการทาปูนซิเมนต์

หินปูน (Limestone)
หิ น ปู น ( Limestone) เ ป็ น หิ น ต ะ ก อ น เ นื้ อ แ น่ น
ป ระก อ บ ด้ วยแ ค ลเซี ย ม ค าร์ บ อ เน ต มาก ก ว่ า ร้ อ ย ละ 50
โดยน้ าหนั ก ได้ แ ก่ แคลไซต์ หรื อ อาจจะมี โ ดโลไมต์ ด้ ว ย
ซึ่ ง ท า ป ฏิ กิ ริ ย า กั บ ก ร ด เ ก ลื อ
หินปูนเกิดจากการทับถมของซากเปลือกหอยหรือสิ่งมีชีวิตอื่น
ๆ ที่ อ าศั ย อยู่ ใ นทะเล หรื อ การตะกอนทางเคมี การตกผลึ ก
การเกิดผลึกใหม่ หินปูนที่พ บส่วนมากจะมีซากฟอสซิล เช่ น
ซากหอย ปะการัง ประโยชน์ ใช้ ท าหิ น ประดั บ หิ น แกะสลั ก
หินลับมีด

หินเชิร์ต Chert
หิ น เ ชิ ร์ ต ( Chert) หิ น ต ะ ก อ น เ นื้ อ แ น่ น แ ข็ ง
เ กิ

ด

จ า ก

ก

า ร ต

ก

ผ

ลึ ก

ใ ห

ม่

เนื่ อ ง จ าก น้ าพ าส ารล ะล าย ซิ ลิ ก าเข้ าไ ป แ ล้ ว ระเห ย อ อ ก
ท า ใ ห้ เ กิ ด ผ ลึ ก ซิ ลิ ก า แ ท น ที่ เ นื้ อ หิ น เ ดิ ม
หิ น เ ชิ ร์ ต มั ก เ กิ ด ขึ้ น ใ ต้ ท้ อ ง ท ะ เ ล
เ นื่ อ ง จ า ก แ พ ล ง ต อ น ที่ มี เ ป ลื อ ก เ ป็ น ซิ ลิ ก า ต า ย ล ง
เปลือกของมันจะจมลงทับถมกัน หินเชิร์ตจึงปะปะอยู่ในหินปูน
หิȨปร
หินไนส์ (Gneiss)
หิ น ไนส์ (Gneiss) เป็ น หิ น แปรเนื้ อ หยาบ ประกอบด้ ว ย
แร่ ค วอรตซ์ เฟ ลด์ ส ปาร์ และไมกา สลั บ กั น อยู่ เ ป็ น แถบ
เกิดจากหิȨัคȨถูกความร้อนและความดัน ทาให้แยกแร่สีเข้ม
แ
ล
ะ สี
อ่
อ
น
อ
อ
ก
ม
า
เรี ย ง ตั ว ข น า น เป็ น ริ้ ว ห รื อ แ ถ บ ล า ย ท า ง ห ยั ก ค ด โ ค้ ง
ห่ า งไม่ ส ม่ าเสมอ ประโยชน์ ใ ช้ ท าหิ น ประดั บ หิ น แกะสลั ก
และก่อสร้าง

หินควอร์ตไซต์ (Quartzite)
หิ น ควอร์ ต ไซ ต์ (Quartzite) เป็ น หิ น แปรเนื้ อละเอี ย ด
ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย แ ร่ ค ว อ ร ต ซ์ เป็ น ส่ ว น ใ ห ญ่ เนื้ อ ล ะ เอี ย ด
เ ป็ น ผ ลึ ก ค ล้ า ย น้ า ต า ล ท ร า ย แ ก ร่ ง แ ต่ เ ป ร า ะ
แ ป ร ส ภ า พ ม า จ า ก หิ น ท ร า ย
เ นื่ อ ง ม า จ า ก ไ ด้ รั บ ค ว า ม ร้ อ น แ ล ะ ค ว า ม ดั น สู ง
ประโยชน์ใช้ทาหินก่อสร้าง อุตสาหกรรมแก้ว และวัสดุทนไฟ
หินชนวน (Slate)
หิ น ช น ว น (Slate) เ ป็ น หิ น แ ป ร เ นื้ อ เ นี ย น
เ กิ ด จ า ก ก า ร แ ป ร ส ภ า พ หิ น ดิ น ด า น
เนื่องจากได้รับความร้อนและความกดดัน ทาให้มีเนื้อละเอียด
แข็ง แซะออกได้เป็นแผ่นๆ ผิวรอยแยกเรียบนวล มีสีต่างๆ กัน
เ ช่ น เ ท า ด า แ ด ง ม่ ว ง แ ล ะ เ ขี ย ว
ป ร ะ โ ย ช น์ ใ ช้ ท า ก ร ะ ด า น ช น ว น หิ น ป ร ะ ดั บ
และกระเบื้องมุงหลังคา

หินอ่อน (Marble)
หิ น อ่ อ น ( Marble) เ ป็ น หิ น แ ป ร เ นื้ อ ล ะ เ อี ย ด
ประกอบด้ ว ย แร่ แ คลไซต์ ต กผลึ ก ใหม่ มี ข นาดใหญ่ ขึ้ น
เนื้ อ หิ น จะแวววาวขึ้ น โดยมากมี สี ข าว แต่ ก็ พ บสี อื่ น เช่ น
ชมพู แดง เหลือง น้าตาล และดา ทาปฏิกิริยากับกรดเกลือ
ประโยชน์ใช้ทาหินประดับ หินแกะสลัก อุตสาหกรรมเคมี

หินชีตส์ (Schist)
หินชีสต์(Schist) เป็นหินที่แปรสภาพมาจากหินดินดานหิน
ภู

เ ข

า

ไ

ฟ

เ นื้

อ

ล

ะ

เ อี

ย

ด

ถู ก แ ป ร ส ภ า พ ด้ ว ย ค ว า ม ร้ อ น แ ล ะ ค ว า ม ก ด ดั น สู ง ม า ก
มีการเรียงตัวขนานกันของผลึกแร่ที่มีลักษณะแบนหรือเป็นแผ่น
บาง ๆ หรื อ เป็ น แท่ ง ยาว ท าให้ มี ลั ก ษณ ะเนื้ อ แบบชี ส ต์ เ ช่ น
ผลึกของแร่ไมกา แร่ฮอร์นเบลนด์
หินฟิลไลต์ (Phyllite)
หินฟิลไลต์(Phyllite) เป็นหิȨปรที่มีส่วนประกอบเช่นเดียว
กั บ หิ น ช น ว น แ ต่ ไ ด้ รั บ ค ว า ม ร้ อ น ค ว า ม ก ด ดั น สู ง ก ว่ า
ท า ใ ห้ มี เ นื้ อ ห ย า บ ก ว่ า หิ น ช น ว น
ผิ ว เนื้ อ หิ น ว า ว ก ว่ า หิ น ช น ว น เพ ร า ะ แ ร่ ไ ม ก า ใ ห ญ่ ขึ้ น
ก า ร ถู ก บี บ อั ด อ ย่ า ง แ ร ง ท า ใ ห้ เกิ ด เป็ น ริ้ ว ร อ ย ข น า น
คดโค้งเป็นลูกคลื่น ผุพังแตกสลายกลายเป็นดินได้ง่าย

More Related Content

หิน

  • 4. หิ น แ ก ร นิ ต ( granite) เป็ น หิ น อั ค นี ซึ่ ง ส่ ว น ใ ห ญ่ ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย แ ร่ แ อ ล ค า ไ ล เฟ ล ด์ ส ป า ร์ แ ล ะ ค ว อ ต ซ์ แ ล ะ มี แ ร่ มั ส โ ค ไ ว ต์ ไ บ โ อ ไ ท ต์ และ/หรือฮอร์นเบลนด์ ไพรอกซีนประกอบอยู่ด้วยเป็นส่วนน้อย หิ น แ ก ร นิ ต มี แ ร่ ป ร ะ ก อ บ หิ น ห ล า ย ช นิ ด ท า ใ ห้ มี สี ต่ า ง ๆ แ ละป ระก อ บ กั บ มี ข น าด แ ละก ารเรี ย งตั วข อ งแ ร่ ต่ างๆกั น ท า ใ ห้ เ กิ ด ล ว ด ล า ย ใ น หิ น จึงนิยมนาหินแกรนิตมาใช้ทาประโยชน์ในการเป็นหินประดับอา คารสถานที่ต่างๆ ตลอดจนในการทาหินสลักต่างๆด้วย หินไรโอไลต์ (Rhyolite)
  • 5. หิ น ไ ร โ อ ไ ล ต์ ( Rhyolite) เ ป็ น หิ น อั ค นี พุ มี ส่ ว น ป ร ะ ก อ บ เ ห มื อ น หิ น แ ก ร นิ ต โ ด ย ทั่ ว ไ ป มี แ ร่ ด อ ก อ ยู่ ใ น เ นื้ อ พื้ น ซึ่ งแสดงลัก ษณะร่อ งรอยของการไหล แร่ดอกประกอบด้ว ย ค ว อ ร ต ซ์ แ ล ะ เ ฟ ล ด์ ส ป า ร์ เนื้อพื้นเป็นเนื้อแก้วถึงเนื้อผลึกซ่อนรูป
  • 6. หินบะซอลต์ (Basalt) หิ น บะซอลต์ (Basalt) เป็ น หิ น อั ค นี พุ เนื้ อ ละเอี ย ดสี เ ข้ ม ป ระก อ บ ด้ วย แ ร่ เ ฟ ลด์ ส ป าร์ ไพ รอ ก ซี น ฮ อ ร์ น เบ ลน ด์ และโอลิ วี น แต่ ผ ลึ ก ละเอี ย ดมาก มองด้ ว ยตาเปล่ า ไม่ เ ห็ น เกิ ด จากการแข็ ง ตั ว ของลาวากลุ่ ม ที่ มี ซิ ลิ ก าต่ าบนผิ ว โลก มั ก มี แ ก๊ ส ป น อ ยู่ ด้ ว ย บ า ง ส่ ว น จึ ง อ า จ มี รู พ รุ น หินบะซอลต์หลายแห่งในประเทศไทยเป็นต้นกาเนิดของพลอ ยแซปไฟร์ และทับทิม เช่น ที่ อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี
  • 8. หิ น พั ม มิ ซ (Pumice) เ ป็ น หิ น อั ค นี พุ มี ส่ ว น ป ร ะ ก อ บ เ ห มื อ น หิ น ไ ร โ อ ไ ล ต์ มี อ ยู่ ใ นเนื้ อ มากมายจนโพรกคล้ ายฟองน้ า จึ งมี น้ าหนั ก เบา ล อ ย น้ า ไ ด้ ช า ว บ้ า น เรี ย น ว่ า หิ น ส้ ม ใ ช้ ขั ด ถู ภ า ช น ะ ทาให้ผิววาว หินแอนดีไซต์ (andesite)
  • 9. หินแอนดีไซต์ (Andesite) เป็นหิȨัคȨพุ หรือหินภูเขาไฟ เนื้อหินละเอียดแน่นทึบ มักมีผลึกละเอียดของแพลจิโอเคลส เฟลด์สปาร์ กระจัดกระจาย สาหรับสีของหิน เป็นสีม่วง เขียว เก่าแก่ และดา ชนิดแร่ที่สาคัญที่พบ ในหินชนิดนี้ประกอบด้วย แร่ไบโอไทต์ แร่ฮอร์นแบลนด์ เป็นต้น
  • 10. หินแกบโบร (Gabbro) หินแกบโบร (Gabbro) เป็นหิȨัคȨพุชนิดหนึงประกอบด้วยแร่สีเข้มอย่างเช่ ่ น แร่โอลิวีนและออไจต์จะมีเนี้อหยาบ เนื่องจากผลึกขนาดใหญ่ ได้ก่อตัวขึ้นขณะที่แมกมาเย็นลง
  • 12. หินไดโอไรต์ (Diorite) เป็นหิȨัคȨแทรกซ้อน ที่มีลักษณะเนื้อหยาบ ประกอบด้วยผลึกของแร่ขนาดที่เท่า ๆ กัน มีสีคล้า ตั้งแต่สีเทาจนถึงดา สาหรับแร่ที่พบในหินชนิดนี้ ได้แก่ เฟลด์สปาร์ ไบโอไทต์ ฮอร์นเบลนด์ หรือ ไพรอกซีน เป็นต้น
  • 14. หิ น กรวดมน (Conglomerate) เป็ น หิ น ตะกอนเนื้ อ หยาบ ประกอบด้ ว ยเศษหิ น กรวดขนาดตั้ ง แต่ 2 มิ ล ลิ เ มตร ขึ้ น ไป
  • 15. ฝั ง อ ยู่ ใ น เนื้ อ พื้ น ล ะ เอี ย ด ข น า ด ท ร า ย ห รื อ ท ร า ย แ ป้ ง แ ล ะ มั ก มี วั ต ถุ ป ร ะ ส า น จ า พ ว ก แ ค ล เซี ย ม ค า ร์ บ อ เน ต เห ล็ ก ออกไซ ต์ ซิ ลิ ก า ห รื อ ดิ น กรวด เห ล่ า นี้ มี ลั ก ษ ณ ะมน ห รื อ ก ล ม เพ ร า ะ น้ า พั ด พ า ม า ไ ก ล จ า ก แ ห ล่ ง ก า เนิ ด เดิ ม ใช้ทาหินประดับ หินก่อสร้าง หินทราย (Sandstone)
  • 16. หิ น ท ร า ย (Sandstone)เป็ น หิ น ต ะ ก อ น เนื้ อ ห ย า บ จั บ ดู ร ะ ค า ย มื อ ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย เศ ษ หิ น ที่ มี ลั ก ษ ณ ะ ก ล ม หรื อ เหลี่ ย มขนาดเม็ ด ทราย ประสมอยู่ ใ นเนื้ อ พื้ น (matrix) เนื้ อ ละเอี ย ด อาจมี วั ต ถุ ป ระสาน เช่ น ซิ ลิ ก า เหล็ ก ออกไซต์ ห รื อ แ ค ล เซี ย ม ค า ร์ บ อ เน ต ป ร ะ ส า น เม็ ด เศ ษ หิ น ต่ า ง ๆ ให้เกาะกันแน่นแข็งเม็ดทรายที่ประกอบเป็นหินทรายส่วนใหญ่ จะเป็นเม็ดควอรตซ์ ประมาณร้อยละ 85-90 หินทรายมีสีต่างๆ กั น เ ช่ น แ ด ง เ ห ลื อ ง น้ า ต า ล เ ท า ข า ว อ า จ เ กิ ด จ า ก ก า ร ต ก ต ะ ก อ น เ นื่ อ ง จ า ก น้ า ห รื อ ล ม ก า ร แ บ่ ง ช นิ ด ข อ ง หิ น ท ร า ย ขึ้ น อ ยู่ กั บ ข น า ด เม็ ด ต ะก อ น แ ร่ ที่ ป ร ะ ก อ บ อ ยู่ ใ น หิ น โ ค ร ง ส ร้ า ง ภ า ย ใ น
  • 17. แ ล ะช นิ ด ข อ งวั ต ถุ ป ระส าน ป ระโย ช น์ ใช้ ท าหิ น ป ระดั บ หินแกะสลัก หินลับมีด หินดินดาน (Shale) หิ น ดิ น ด า น (Shale)เป็ น หิ น ตะกอนเนื้ อ ละเอี ย ดประกอบด้ ว ยแร่ ดิ น (clay
  • 18. minerals) เ ป็ น ส่ ว น ใ ห ญ่ แร่ดินนี้เป็นสารผสมของอะลูมิเนียมซิลิเกตกับแมกนีเซียมซิลิเก ต ใ น ส่ ว น ต่ า ง ๆ กั น แ ล ะ มี คุ ณ ส ม บั ติ คื อ ล ะ เอี ย ด ม า ก บี้ กั บ น้ าแล้ ว เหนี ย วติ ด มื อ ประโยชน์ ใช้ ท าเครื่ อ งปั้ น ดิ น เผา เซรามิก ให้เป็นส่วนประกอบในการทาปูนซิเมนต์ หินปูน (Limestone)
  • 19. หิ น ปู น ( Limestone) เ ป็ น หิ น ต ะ ก อ น เ นื้ อ แ น่ น ป ระก อ บ ด้ วยแ ค ลเซี ย ม ค าร์ บ อ เน ต มาก ก ว่ า ร้ อ ย ละ 50 โดยน้ าหนั ก ได้ แ ก่ แคลไซต์ หรื อ อาจจะมี โ ดโลไมต์ ด้ ว ย ซึ่ ง ท า ป ฏิ กิ ริ ย า กั บ ก ร ด เ ก ลื อ หินปูนเกิดจากการทับถมของซากเปลือกหอยหรือสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่ อ าศั ย อยู่ ใ นทะเล หรื อ การตะกอนทางเคมี การตกผลึ ก การเกิดผลึกใหม่ หินปูนที่พ บส่วนมากจะมีซากฟอสซิล เช่ น ซากหอย ปะการัง ประโยชน์ ใช้ ท าหิ น ประดั บ หิ น แกะสลั ก หินลับมีด หินเชิร์ต Chert
  • 20. หิ น เ ชิ ร์ ต ( Chert) หิ น ต ะ ก อ น เ นื้ อ แ น่ น แ ข็ ง เ กิ ด จ า ก ก า ร ต ก ผ ลึ ก ใ ห ม่ เนื่ อ ง จ าก น้ าพ าส ารล ะล าย ซิ ลิ ก าเข้ าไ ป แ ล้ ว ระเห ย อ อ ก ท า ใ ห้ เ กิ ด ผ ลึ ก ซิ ลิ ก า แ ท น ที่ เ นื้ อ หิ น เ ดิ ม หิ น เ ชิ ร์ ต มั ก เ กิ ด ขึ้ น ใ ต้ ท้ อ ง ท ะ เ ล เ นื่ อ ง จ า ก แ พ ล ง ต อ น ที่ มี เ ป ลื อ ก เ ป็ น ซิ ลิ ก า ต า ย ล ง เปลือกของมันจะจมลงทับถมกัน หินเชิร์ตจึงปะปะอยู่ในหินปูน
  • 23. หิ น ไนส์ (Gneiss) เป็ น หิ น แปรเนื้ อ หยาบ ประกอบด้ ว ย แร่ ค วอรตซ์ เฟ ลด์ ส ปาร์ และไมกา สลั บ กั น อยู่ เ ป็ น แถบ เกิดจากหิȨัคȨถูกความร้อนและความดัน ทาให้แยกแร่สีเข้ม แ ล ะ สี อ่ อ น อ อ ก ม า เรี ย ง ตั ว ข น า น เป็ น ริ้ ว ห รื อ แ ถ บ ล า ย ท า ง ห ยั ก ค ด โ ค้ ง ห่ า งไม่ ส ม่ าเสมอ ประโยชน์ ใ ช้ ท าหิ น ประดั บ หิ น แกะสลั ก และก่อสร้าง หินควอร์ตไซต์ (Quartzite)
  • 24. หิ น ควอร์ ต ไซ ต์ (Quartzite) เป็ น หิ น แปรเนื้ อละเอี ย ด ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย แ ร่ ค ว อ ร ต ซ์ เป็ น ส่ ว น ใ ห ญ่ เนื้ อ ล ะ เอี ย ด เ ป็ น ผ ลึ ก ค ล้ า ย น้ า ต า ล ท ร า ย แ ก ร่ ง แ ต่ เ ป ร า ะ แ ป ร ส ภ า พ ม า จ า ก หิ น ท ร า ย เ นื่ อ ง ม า จ า ก ไ ด้ รั บ ค ว า ม ร้ อ น แ ล ะ ค ว า ม ดั น สู ง ประโยชน์ใช้ทาหินก่อสร้าง อุตสาหกรรมแก้ว และวัสดุทนไฟ
  • 26. หิ น ช น ว น (Slate) เ ป็ น หิ น แ ป ร เ นื้ อ เ นี ย น เ กิ ด จ า ก ก า ร แ ป ร ส ภ า พ หิ น ดิ น ด า น เนื่องจากได้รับความร้อนและความกดดัน ทาให้มีเนื้อละเอียด แข็ง แซะออกได้เป็นแผ่นๆ ผิวรอยแยกเรียบนวล มีสีต่างๆ กัน เ ช่ น เ ท า ด า แ ด ง ม่ ว ง แ ล ะ เ ขี ย ว ป ร ะ โ ย ช น์ ใ ช้ ท า ก ร ะ ด า น ช น ว น หิ น ป ร ะ ดั บ และกระเบื้องมุงหลังคา หินอ่อน (Marble)
  • 27. หิ น อ่ อ น ( Marble) เ ป็ น หิ น แ ป ร เ นื้ อ ล ะ เ อี ย ด ประกอบด้ ว ย แร่ แ คลไซต์ ต กผลึ ก ใหม่ มี ข นาดใหญ่ ขึ้ น เนื้ อ หิ น จะแวววาวขึ้ น โดยมากมี สี ข าว แต่ ก็ พ บสี อื่ น เช่ น ชมพู แดง เหลือง น้าตาล และดา ทาปฏิกิริยากับกรดเกลือ ประโยชน์ใช้ทาหินประดับ หินแกะสลัก อุตสาหกรรมเคมี หินชีตส์ (Schist)
  • 28. หินชีสต์(Schist) เป็นหินที่แปรสภาพมาจากหินดินดานหิน ภู เ ข า ไ ฟ เ นื้ อ ล ะ เ อี ย ด ถู ก แ ป ร ส ภ า พ ด้ ว ย ค ว า ม ร้ อ น แ ล ะ ค ว า ม ก ด ดั น สู ง ม า ก มีการเรียงตัวขนานกันของผลึกแร่ที่มีลักษณะแบนหรือเป็นแผ่น บาง ๆ หรื อ เป็ น แท่ ง ยาว ท าให้ มี ลั ก ษณ ะเนื้ อ แบบชี ส ต์ เ ช่ น ผลึกของแร่ไมกา แร่ฮอร์นเบลนด์
  • 30. หินฟิลไลต์(Phyllite) เป็นหิȨปรที่มีส่วนประกอบเช่นเดียว กั บ หิ น ช น ว น แ ต่ ไ ด้ รั บ ค ว า ม ร้ อ น ค ว า ม ก ด ดั น สู ง ก ว่ า ท า ใ ห้ มี เ นื้ อ ห ย า บ ก ว่ า หิ น ช น ว น ผิ ว เนื้ อ หิ น ว า ว ก ว่ า หิ น ช น ว น เพ ร า ะ แ ร่ ไ ม ก า ใ ห ญ่ ขึ้ น ก า ร ถู ก บี บ อั ด อ ย่ า ง แ ร ง ท า ใ ห้ เกิ ด เป็ น ริ้ ว ร อ ย ข น า น คดโค้งเป็นลูกคลื่น ผุพังแตกสลายกลายเป็นดินได้ง่าย