ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
พื้นฐาȨาษาจาวา
เสนอ
คุณครูทรงศักดิ์ โพธิ์เอี่ยม
ภาษาจาวา
JAVA ภาษาในปัจจุบน ไม่มีภาษาไหนที่เทียบได้รับภาษาจาวา
ั
ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นโดยบริษัทซัน ไมโครซิสเตมส์ ในปี 1991 โดยมี
เป้าหมายที่จะสร้างผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สาหรับผู้บริโภคที่ง่ายต่อ
การใช้ง่าย มีค่าใช้จ่ายต่า ไม่มีข้อผิดพลาด และสามารถใช้กับเครื่องใด
ก็ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ได้กลายเป็นข้อดีของจาวาที่เหนือกว่าภาษาอื่น ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่โปรแกรมซึ่งเขียนขึ้นด้วยจาวาสามารถนาไป
ใช้กับเครื่องต่าง ๆ
ภาษาจาวา
โดยไม่ต้องทาการคอมไพล์โปรแกรมใหม่ ทาให้ไม่จากัดอยู่
กับเครื่องหรือโอเอสตัวใดตัวหนึ่ง แม้ว่าการใช้งานจาวาในช่วงแรกจะ
จากัดอยู่กับ World Wide Web (WWW) และ Internet แต่ในปัจจุบันได้
มีการนาจาวาไปประยุกต์ใช้กับงานด้านซอฟต์แวร์ต่าง ๆ อย่างมากมาย
ตั้งแต่ซอฟต์แวร์อรรถประโยชน์ (Utility) ไปจนกระทั่งซอฟต์แวร์ขนาด
ใหญ่ เช่น โปรแกรมชุดจากบริษัท Corel ซึ่งประกอบด้วยโปรแกรม
หลักๆ คือ
ภาษาจาวา
โปรแกรมเวิร์ดโปรเซสซิ่ง สเปรดซีต พรีเซนเตชั่น ที่เขียนขึ้น
ด้วยจาวาทั้งหมด จาวายังสามารถนาไปใช้เป็นภาษาสาหรับอุปกรณ์
แบบฝังต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์ และอุปกรณ์ขนาดมือถือแบบต่าง ๆ
เป็นต้น รวมทั้งยังได้รับความนิยมนาไปใช้กับอุปกรณ์ที่ใช้สาหรับ
เข้าสู่อินเตอร์เน็ต โดยไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์
ภาษาจาวา
นอกจากนี้แล้ว จาวายังเป็นภาษา ที่ถูกใช้งานในคอมพิวเตอร์
แบบเอ็นซี (NC) ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์แบบใหม่ล่าสุด ที่เน้นการทางาน
เป็นเครือข่ายว่า แอพเพลต (applet) ที่ต้องการใช้งานขณะนั้นมาจากเครื่อง
แม่ ทาให้การติดต่อสื่อสารสารผ่านเครือข่ายใช้ชองทางการสื่อสารน้อย
่
กว่าการดึง มาทั้งโปรแกรมเป็นอย่างมาก
โครงสร้างโปรแกรมภาษาจาวา
public class ชื่อคลาส

{
public static void main(String[] agrs)
{
ประโยคคาสั่งต่างๆ ของโปรแกรม;
..................................................;
}
}
ชนิดของข้อมูล (Data Type)
1 ชนิดข้อมูลแบบพื้นฐาน (primitive data type) หมายถึง
ชนิดข้อมูลที่สามารถเก็บข้อมูลที่เป็นข้อมูลทั่วไปหรือข้อมูลพื้นฐาน
มีทั้งหมด 8 ตัว ได้แก่ boolean, char, byte, short, int, long, float,double
ชนิดของข้อมูล (Data Type)
2.ชนิดข้อมูลแบบอ้างอิง (reference data type) มีความแตกต่าง
กับชนิดข้อมูลพื้นฐาน ที่ว่าชนิดข้อมูลชนิดนี้อยู่ในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งการ
เข้าถึง(ใช้งาน)ข้อมูลเป็นการอ้างถึง มากกว่าการเข้าถึงข้อมูลโดยตรง
เก็บข้อมูลไว้ 2 ส่วน คือ
- Execution Stack เก็บค่าอ้างอิงที่ชี้ไปยัง Heap memory
- Heap Memory เก็บข้อมูลที่เรียกว่าออปเจ็ค ที่สร้างขึ้นมาจากคลาส
ตัวดาเนินการ (Operator)
ในการเขียนโปรแกรมภาษาจาวาประกอบด้วย
- ตัวดาเนินการทางคณิตศาสตร์ (Arithmetic Operator)
- ตัวดาเนินการกาหนดค่า (Assignment Operator)
- ตัวดาเนินการเปรียบเทียบ (Equality and Relational Operator)
- ตัวดาเนินการทางตรรกะ (Logical Operator)
ตัวดาเนินการ (Operator)
1.ตัวดาเนินการทางคณิตศาสตร์ (Arithmetic Operator)เป็นตัว
ดาเนินการที่จาลองมาจากสมการทางคณิตศาสตร์ โดยในภาษาจาวาจะ
ใช้เครื่องหมายต่างๆ แทนตัวดาเนินการทางคณิตศาสตร์ต่างๆ ดังนี้
ตัวดาเนินการ (Operator)
กฎในการเรียงลาดับ ดังนี้
1.คานวณสมการที่อยู่ภายในวงเล็บก่อนเป็นอันดับแรก โดยเริ่ม
จากวงเล็บในสุด
2.ถ้าสมการที่เหลือไม่มีวงเล็บแล้ว จะเรียงลาดับดังนี้
2.1 คูณ, หาร และ mod จะถูกคานวณก่อน โดยมีความสาคัญ
อยู่ในระดับเดียวกัน ถ้ามีหลายตัว จะเริ่มคานวณจากซ้ายไปขวา
2.2 บวก และ ลบ จะถูกคานวณเป็นลาดับถัดมา โดยมี
ความสาคัญอยู่ในระดับเดียวกัน ถ้ามีหลายตัว จะเริ่มคานวณจากซ้ายไป
ขวา
ตัวดาเนินการ (Operator)
Ex. 1 y = 2 * 5 * 6 + 3 * 4 + 7
ลาดับการทางานคือ
1. 2 คูณ 5 ( y = 2 * 5 * 6 + 3 * 4 + 7 )
2. 10 คูณ 6 ( y = 10 * 6 + 3 * 4 + 7 )
3. 3 คูณ 4 ( y = 60 + 3 * 4 + 7 )
4. 60 บวก 12 ( y = 60 + 12 + 7 )
5. y = 72 + 7สุดท้าย ผลลัพธ์เท่ากับ 79
ตัวดาเนินการ (Operator)
2.ตัวดาเนินการกาหนดค่า (Assignment Operator) คือตัว
ดาเนินการที่ใช้สาหรับกาหนดค่าให้กับตัวแปร ทิศทางการทางาน
จะเป็นจากขวาไปซ้าย คือกาหนดค่าทางขวาให้กบตัวแปรทางซ้าย
ั
สัญลักษณ์ที่ใช้คือ เครื่องหมายเท่ากับ ( = ) เช่น int number1 = 5; //
ตัวดาเนินการ (Operator)
กาหนดให้ตัวแปร number1 มีค่าเป็น 5เครื่องหมายเท่ากับ
สามารถใช้กาหนดค่าได้โดยสมบูรณ์อยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริง
ภาษาจาวามีตัวแปรที่ใช้สนธิกันระหว่างตัวดาเนินการทางคณิตศาสตร์
และตัวดาเนินการกาหนดค่าในครั้งเดียว เพื่อความสะดวกในการเขียน
โปรแกรม เช่นy = y + 10สามารถเขียนแทนได้ด้วยy += 10
ตัวดาเนินการ (Operator)
ตัวอย่าง
// IncrementOperator.java
public class IncrementOperator { public static void main(String[] args)
{
int prefix = 0;
int postfix = 0;
System.out.println("On the fly Prefix = "+ ++prefix);
System.out.println("after addition Prefix = "+ prefix);
System.out.println("On the fly Postfix = "+ postfix++);
System.out.println("after addition Postfix = "+ postfix); }}
ตัวดาเนินการ (Operator)
โปรแกรมจะแสดงผลออกมาดังนี้
ตัวดาเนินการ (Operator)
3. ตัวดาเนินการเปรียบเทียบ (Equality and Relational
Operator) ใช้สาหรับเปรียบเทียบค่า 2 ค่า และจะ return ค่าออกมาเป็น
boolean (true/false) ถ้าหากนิพจน์เป็นจริง ก็จะให้ค่า true ถ้านิพจน์เป็น
เท็จ ก็จะให้ค่า false ข้อควรจา
- เครื่องหมายที่มี 2 ตัว จะต้องเขียนติดกันเสมอ
- เครื่องหมาย >= (มากกว่าหรือเท่ากับ) และ <=
(น้อยกว่าหรือเท่ากับ) จะต้องเขียนเครื่องหมายเท่ากับไว้ด้านขวาเสมอ
ตัวดาเนินการ (Operator)
4. ตัวดาเนินการทางตรรกกะ (Logical Operator) เมื่อต้องการ
ตรวจสอบตัวดาเนินการเชิงเปรียบเทียบหลายๆ อัน จะใช้ตัวดาเนินการ
ทางตรรกะในการตรวจสอบ
การเปลี่ยนแปลงชนิดของข้อมูล (casting)
ใช้แปลงชนิดข้อมูล จากชนิดหนึ่งเป็นอีกชนิดได้ โดยไม่สนใจ
ขนาด แต่ถ้า cast ข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ไปสู่ข้อมูลที่มี ขนาดเล็ก จะทาให้
สูญเสียค่าความเป็นจริงของข้อมูลนั้นได้ ดังนั้นการประกาศค่าตัวแปร
และcast ต้องทาด้วยความระมัดระวัง
การเปลี่ยนแปลงชนิดของข้อมูล (casting)
รูปแบบ
(target_type) varvalue

ตัวอย่าง
float price = 15.254f;
int numint
numint = (int)price;
การเปลี่ยนแปลงชนิดของข้อมูล (casting)
การแปลงค่าระหว่าง int และ String

รูปแบบ
ตัวแปรแบบInt=Integer.parseInt(ตัวแปรแบบString)

ตัวอย่าง
int num1;
String x=“10”;
num1=Integer.parseInt(x) // num1มีค่าเท่ากับ 10
การเปลี่ยนแปลงชนิดของข้อมูล (casting)
การแปลงค่าระหว่าง String และ int
รูปแบบ
ตัวแปรแบบ String =Integer.toString(ตัวแปรแบบint)
ตัวอย่าง
int num1=33;
String x;
x=Integer.toString(num1) // x มีค่าเท่ากับ “33”
การเปลี่ยนแปลงชนิดของข้อมูล (casting)
การแปลงค่าระหว่าง double และ String
รูปแบบ
ตัวแปรแบบdouble=Double.parseDouble(ตัวแปรแบบString)
ตัวอย่าง
double num1;
String x=“10.4”;
num1=Double.parseDouble(x) // num1มีค่าเท่ากับ 10.4
การสร้าง String
String เป็น Class หนึ่งใน Package ของภาษาจาวาชื่อ java.lang
ทาหน้าที่ใน การเก็บข้อมูลที่เป็น “ชุดของตัวอักษร” ซึ่งปกติชนิดของ
ข้อมูลของภาษาจาวาก็มี ชนิดเป็น character แต่เก็บข้อมูลได้เพียง 1
ตัวอักษรเท่านั้น ดังนั้นจึงลาบากในการ นามาใช้กับข้อมูลที่มากกว่า 1
ตัวอักษร หรือที่เรียกว่า “String” ดังนั้น ภาษาจาวา จึงได้สร้าง Class
สาเร็จรูปมาให้สามารถเรียกใช้ได้ทันที เรียกว่า “String” ทั้งหมดคือ
ที่มาของคาว่า String Class
เมธอดรับข้อมูลพืนฐาน
้
การรับข้อมูลทางคีย์บอร์ดในภาษาจาวาจะต้องสร้างออบเจ็กต์
ของคลาส Scanner ขึ้นมาโดยจะต้องประกาศตัวแปรออบเจ็กต์ก่อน เช่น
Scanner keyboard;ประกาศตัวแปรออบเจ็กต์ชื่อ keyboard อยู่ใน
คลาส Scanner จากนั้นต้องสร้างออบเจ็กต์มาโดยใช้คีย์เวิร์ด new มี
รูปแบบดังนี้
ตัวแปรออบเจ็กต์ = new ชื่อคลาส(อาร์กิวเมนต์);
เมธอดรับข้อมูลพืนฐาน
้
ดังนั้นถ้าจะให้ตัวแปร keyboard รับค่าทางแป้นพิมพ์จะต้อง
สร้างออบเจ็กต์ขึ้นมาโดยให้มีอาร์กิวเมนต์เป็น System.in ดังนี้
keyboard = new Scanner(System.in); ในคลาส Scanner นั้นมีเมธอด
สาหรับอ่านข้อมูลประเภทต่างๆหลายประเภทดังนี้
เมธอดรับข้อมูลพืนฐาน
้
เมธอด

การทางาน

nextByte() รับข้อมูลเลขจานวนเต็มชนิด Byte ทางแป้นพิมพ์
nextDouble() รับข้อมูลเลขทศนิยมชนิด Double ทางแป้นพิมพ์

nextFloat() รับข้อมูลเลขทศนิยมชนิด Float ทางแป้นพิมพ์
nextInt()

รับข้อมูลเลขจานวนเต็มชนิด Int ทางแป้นพิมพ์

nextLine() รับข้อมูลแบบสตริงทางแป้นพิมพ์
nextLong() รับข้อมูลตัวเลขชนิด Long ทางแป้นพิมพ์
nextShort() รับข้อมูลตัวเลขชนิด Short ทางแป้นพิมพ์
เมธอดรับข้อมูลพืนฐาน
้
ตัวอย่าง
int number;
Scanner keyboard = new Scanner(System.in);
System.out.print(“Enter an integer value: “);
number = keyboard.nextInt();
เมธอดรับข้อมูลพืนฐาน
้
การใช้ import
ในภาษาจาวาคลาสต่างๆจะถูกรวมไว้เป็นแพ็กเกจซึ่งสามารถ
เรียกใช้ด้วยคาสั่ง importเพื่อบอกให้คอมไพเลอร์รู้ว่าจะนาคลาสมาจาก
ที่ใด โดยเขียนคาสั่ง import ไว้ที่ส่วนหัวของโปรแกรม เช่นการ
ใช้งานคลาส Scanner จะต้องเขียนดังนี้
import java.util.Scanner
เป็นการเรียกใช้คลาส Scanner ที่เก็บอยู่ใน util โดย util นี้เก็บอยู่ใน
แพ็กเกจหลักชื่อ java
แหล่งอ้างอิง
http://java.pongkorn.net/ch1_4.htm
http://java.pongkorn.net/ch2_2.htm
http://giffykids.blogspot.com/2007/06/homework1_28.html
http://java.pongkorn.net/ch2_5.htm
http://java.pongkorn.net/ch4_5.htm
เรื่อง พื้นฐาȨาษาจาวา
วิชา การเขียนโปรแกรมประยุกต์ (ง30213)
เสนอ
คุณครูทรงศักดิ์ โพธิ์เอี่ยม
จัดทาโดย
1.นายปฐมพร ฉัตรทันท์
เลขที่ 8
2.นาย พงศ์ระพี ศิริเหลืองทอง เลขที่ 9
3.นางสาวตันหยง สุคนธา เลขที่ 26
4.นางสาวทัมรินทร์ ผูกสี
เลขที่ 27
5.นางสาวรัตติกาล ขาคม
เลขที่ 28
6.นางสาวสโรชา มากระนิตย์ เลขที่ 33
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2

โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ กาญจนบุรี

More Related Content

พื้นฐาȨาษาจาวา