ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
โครงงาȨอมพิวเตอร์
เรือง อาหารไทยภาคต่างๆ
่
จัดทาโดย
นายพัสกร ก้อนแก้ว ม.6/2 เลขที่ 12
นายสิทธิชย สิทธิกุล ม.6/2 เลขที่ 41
ั
นายฐิตกร ลิมสกุล ม.6/2 เลขที่ 31
ิ ้
เสนอ
ครู เขือนทอง มูลวรรณ์
่
รายงานฉบับนีเ้ ป็ นส่วนประกอบ ของโครงงาȨอมพิวเตอร์
ชันมัธยมศึกษาปี ท ี่ 6
้
บทที่ 1 ทีมาและความสาคัญ
่


อาหารไทย เป็ นอาหารทีประกอบด้วยรสเข้มข้นมีเครืองปรุงหลายอย่างรสชาติอาหารแต่ละ
่
่
อย่างมีรสเฉพาะตัวการใช้เครืองปรุงรสต่างๆก็ไม่เหมือนกันผู ประกอบอาหารไทยต้อง
่
้
ศึกษาจากตาราอาหารไทยและผู เ้ ชียวชาญการทาอาหารไทยให้อร่อยต้องใช้ความชานาญ
่
และประสบการณ์ตลอดจนกรรมวิธใี นการประกอบอาหารไทยผู ทาจะต้องพิถพถน ประณีต
้
ี ิั
มีขนตอนเพือให้อาหารน่ารับประทาน อาหารไทยขึนชือได้ว่ามีประวัตมาช้านาน ผู คนส่วน
ั้
่
้ ่
ิ
้
ใหญ่ทงในและต่างประเทศต่างนิยมชมชอบในอาหารไทยกันมากมาย โดยเฉพาะชือเสียงใน
ั้
่
ด้านความเข้มข้นและจัดจ้านของรสอาหารทีตดปากติดใจผู คนมานับศตวรรษ
่ ิ
้
โครงงานอาหารไทยทีตงใจจัดทาขึนชินนี้ จึงอยากจะให้ผูทไี่ ด้รบชมได้ความรู้
่ ั้
้ ้
้ ั
เกียวกับอาหารไทย ได้เผยแพร่ให้คนรุ่นใหม่รู้จกขนมไทยและได้เผยแพร่ให้คนรุ่นใหม่รู้จก
่
ั
ั
อาหารไทยทีเ่ ป็ นมรดกของชาวไทยมาแต่ชานาน เพือสืบสานกระบวนการ และวิธการทาให้
้
่
ี
ไปสู่ลูกหลานต่อไป
วัตถุประสงค์
1.ได้ความรู้เกียวกับอาหารไทย
่
2.ได้เผยแพร่ให้คนรุ่นใหม่รู้จกอาหารไทย
ั
3.เพือให้คนทีสนใจได้เข้ามาศึกษา
่
่
4.เพือให้ได้รบความรู้เกียวกับการทาให้มากขึน
่
ั
่
้
5.ได้คงไว้ซ้งความเป็ นเอกลักษณ์ไทย
ึ
ขอบเขตโครงงาน


สร้างสือเพือเผยแพร่ความรู้เกียวกับอาหารไทย โดยใช้โปรแกรม power point
่ ่
่
แผนการดาเนินงาน
1.คิดหัวข้อโครงงานเพือนาเสนออาจารย์ทปรึกษา
่
ี่
 2. ศึกษาค้นคว้ารวบรวมข้อมูล ทีเ่ กียวข้องกับโครงงานในการสร้างสือ วีดทศน์
่
่ ีั
 3. จัดทาโครงร่ างโครงงานเสนออาจารย์ทปรึกษา
ี่
 4. ศึกษาโปรแกรมต่างๆ ในการสร้างวีดทศน์
ีั
 5. ออกแบบสร้างสือ วีดทศน์ ตกแต่งใส่เสียง
่ ีั
 6. จัดทาโครงงานสร้าง สือวีดทศน์ เรือง อาหารไทย
่ ีั ่
 7. เผยแพร่ ผลงานสือ วีดทศน์ผานระบบเครือข่ายอินเทอร์ เน็ต
่ ีั ่
 8. สรุปรายงานโครงงาน จัดทารูปเล่ม

ผลทีคาดว่าจะได้รบ
่
ั
1. ผู สนใจมีความเข้าใจเกียวกับอาหารไทย
้
่
 2. ได้รบความรู้เกียวกับการสร้างสือวีดทศน์
ั
่
่ ีั
 3. ได้นาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ได้อย่างมีคุณค่าและทาให้เกิดประโยชน์

บทที่ 2 เอกสารทีเ่ กียวข้อง
่
ในการจัดทาโครงงาȨอมพิวเตอร์ เรือง อาหารไทย คณะผู จดทาได้ศกษาข้อมูล
่
้ั
ึ
เอกสารทีเ่ กียวข้อง ดังนี้
่
1.จุดกาเนิด
2.อาหารไทยภาคต่างๆ
1.จุดกาเนิด
อาหารไทยมีจุดกาเนิดพร้อมกับการตังชนชาติไทย และมีการพัฒนาอย่างต่อเนืองมาตังแต่สมัย
้
่
้
สุโขทัยจนถึงปัจจุบน จากการศึกษาของ อาจารย์กอบแก้ว พินจ เรืองความเป็ นมาของอาหาร
ั
ิ ่
ไทยยุคต่างๆ สรุปได้ดงนี้
ั
สมัยสุโขทัย
 อาหารไทยในสมัยสุโขทัยได้อาศัยหลักฐานจากศิลาจารึก และวรรณคดี สาคัญคือ ไตรภูมพระ
ิ
ร่ วงของพญาลิไท ทีไ่ ด้กล่าวถึงอาหารไทยในสมัยนีว่า มีขาวเป็ นอาหารหลัก โดยกินร่ วมกับกับ
้ ้
เนือสัตว์ ทีส่วนใหญ่ได้มาจากปลา มีเนือสัตว์อนบ้าง การปรุงอาหารได้ปรากฏคาว่า “แกง” ใน
้
่
้
ื่
ไตรภูมพระร่ วงทีเ่ ป็ นทีมาของคาว่า ข้าวหม้อแกงหม้อ ผักทีกล่าวถึงในศิลาจารึก คือ แฟง แตง
ิ
่
่
และน้าเต้า ส่วนอาหารหวานก็ใช้วตถุดบพืนบ้าน เช่น ข้าวตอกและน้าผึง ส่วนหนึงนิยมกินผลไม้
ั ิ ้
้
่
แทนอาหารหวาน

อาหารไทยในสมัยสุโขทัยได้อาศัยหลักฐานจากศิลาจารึก และวรรณคดี สาคัญคือ ไตรภูม ิ
พระร่วงของพญาลิไท ทีไ่ ด้กล่าวถึงอาหารไทยในสมัยนีว่า มีขาวเป็ นอาหารหลัก โดยกิน
้ ้
ร่วมกับกับเนือสัตว์ ทีส่วนใหญ่ได้มาจากปลา มีเนือสัตว์อนบ้าง การปรุงอาหารได้ปรากฏ
้
่
้
ื่
คาว่า “แกง” ใน ไตรภูมพระร่วงทีเ่ ป็ นทีมาของคาว่า ข้าวหม้อแกงหม้อ ผักทีกล่าวถึงใน
ิ
่
่
ศิลาจารึก คือ แฟง แตงและน้าเต้า ส่วนอาหารหวานก็ใช้วตถุดบพืนบ้าน เช่น ข้าวตอก
ั ิ ้
และน้าผึง ส่วนหนึงนิยมกินผลไม้แทนอาหารหวาน
้
่
โครงงาȨอมพิวเตอร์
สมัยอยุธยา
 สมัยนีถอว่าเป็ นยุคทองของไทย ได้มการติดต่อกับชาวต่างประเทศมากขึ้นทังชาวตะวันตก
้ื
ี
้
และตะวันออก จากบันทึกเอกสารของชาวต่างประเทศ พบว่าคนไทยกินอาหารแบบเรียบ
ง่าย ยังคงมีปลาเป็ นหลัก มีต้ม แกง และคาดว่ามีการใช้น้ามันในการประกอบอาหารแต่เป็ น
น้ามันจากมะพร้าวและกะทิมากกว่าไขมันหรือน้ามันจากสัตว์มาอาหารอยุธยามีเช่น หนอน
กะทิ วิธทาคือ ตัดต้นมะพร้าว แล้วเอาหนอนทีอยู่ในต้นนันมาให้กนกะทิแล้วก็นามาทอดก็
ี
่
้
ิ
กลายเป็ นอาหารชาววังขึน คนไทยสมัยนีมการถนอมอาหาร เช่นการนาไปตากแห้ง หรือทา
้
้ี
เป็ นปลาเค็ม มีอาหารประเภทเครืองจิม เช่นน้าพริกกะปิ นิยมบริโภคสัตว์น้ามากกว่าสัตว์
่ ้
บก โดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ ไม่นยมนามาฆ่าเพือใช้เป็ นอาหาร
ิ
่
โครงงาȨอมพิวเตอร์
สมัยธนบุรี
 จากหลักฐานทีปรากฏในหนังสือแม่ครัวหัวป่ าก์ ซึงเป็ นตาราการทากับข้าวเล่มที่ 2 ของ
่
่
ไทย ของท่านผู หญิงเปลียน ภาสกรวงษ์ พบความต่อเนืองของวัฒนธรรมอาหารไทยจาก
้
่
่
กรุงสุโขทัยมาถึงสมัยอยุธยา และสมัยกรุงธนบุรี และยังเชือว่าเส้นทางอาหารไทยคงจะเชือม
่
่
จากกรุงธนบุรไี ปยังสมัยรัตนโกสินทร์ โดยผ่านทางหน้าทีราชการและสังคมเครือญาติ และ
่
อาหารไทยสมัยกรุงธนบุรนาจะคล้ายคลึงกับสมัยอยุธยา แต่ทพเิ ศษเพิมเติมคือมีอาหาร
ี่
ี่
่
ประจาชาติจน
ี
สมัยรัตนโกสินทร์
 การศึกษาความเป็ นมาของอาหารไทยในยุครัตนโกสินทร์ นไ้ ี ด้จาแนกตามยุคสมัยทีนก
่ั
ประวัตศาสตร์ได้กาหนดไว้ คือ ยุคที่ 1 ตังแต่สมัยรัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาลที่ 3 และยุค
ิ
้
ที่ 2 ตังแต่สมัยรัชกาลที่ 4 จนถึงรัชกาลปัจจุบน ดังนี้
้
ั
พ.ศ. 2325–2394
 อาหารไทยในยุคนีเ้ ป็ นลักษณะเดียวกันกับสมัยธนบุร ี แต่มอาหารไทยเพิมขึนอีก 1 ประเภท
ี
่ ้
คือ นอกจากมีอาหารคาว อาหารหวานแล้วยังมีอาหารว่างเพิมขึน ในช่วงนีอาหารไทย
่ ้
้
ได้รบอิทธิพลจากวัฒนธรรมอาหารของประเทศจีนมากขึน และมีการปรับเปลียนเป็ นอาหาร
ั
้
่
ไทย
ในทีสุด จากจดหมายความทรงจาของกรมหลวงนรินทรเทวี ทีกล่าวถึงเครืองตัง
่
่
่ ้
สารับคาวหวานของพระสงฆ์ ในงานสมโภชน์ พระพุ ทธมณีรตนมหาปฏิมากร (พระแก้ว
ั
มรกต) ได้แสดงให้เห็นว่ารายการอาหารนอกจากจะมีอาหารไทย เช่น ผัก น้าพริก ปลา
แห้ง หน่อไม้ผด แล้วยังมีอาหารทีปรุงด้วยเครืองเทศแบบอิสลาม และมีอาหารจีนโดย
ั
่
่
สังเกตจากการใช้หมูเป็ นส่วนประกอบ เนืองจากหมูเป็ นอาหารทีคนไทยไม่นยม แต่คนจีน
่
่
ิ
นิยม บทพระราชนิพนธ์กาพย์เห่เรือชมเครืองคาวหวาน ได้ทรงกล่าวถึงอาหารคาวและ
่
อาหารหวานหลายชนิด ซึงแสดงให้เห็นลักษณะของอาหารไทยในราชสานักทีมการปรุงกลิน
่
่ี
่
และรสอย่างประณีต และให้ความสาคัญของรสชาติอาหารมากเป็ นพิเศษ และถือว่าเป็ นยุค
สมัยทีมศลปะการประกอบอาหารทีค่อนข้างสมบูรณ์ทสุด ทังรส กลิน สี และการตกแต่งให้
่ีิ
่
ี่ ้
่
สวยงามรวมทังมีการพัฒนาอาหารนานาชาติให้เป็ นอาหารไทย
้
โครงงาȨอมพิวเตอร์
จากบทพระราชนิพนธ์ทาให้ได้รายละเอียดทีเ่ กียวกับการแบ่งประเภทของอาหารคาว
่
หรือกับข้าวและอาหารว่าง ส่วนทีเป็ นอาหารคาวได้แก่ แกงชนิดต่างๆ เครืองจิม ยาต่างๆ
่ ้
สาหรับอาหารว่างส่วนใหญ่เป็ นอาหารว่างคาว ได้แก่ หมูแนม ล่าเตียง หรุ่ม รังนก ส่วน
อาหารหวานส่วนใหญ่เป็ นอาหารทีทาด้วยแป้ งและไข่เป็ นส่วนใหญ่ มีขนมทีมลกษณะอบกรอบ
่
่ีั
เช่น ขนมผิง ขนมลาเจียก และมีขนมทีมน้าหวานและกะทิเจืออยู่ด้วย ได้แก่ ซ่าหริม บัว
่ี
่
ลอย เป็ นต้น
นอกจากนี้ วรรณคดีไทย เรืองขุนช้างขุนแผน ซึงถือว่าเป็ นวรรณคดีทสะท้อนวิถ ี
่
่
ี่
ชีวตของคนในยุคนันอย่างมากรวมทังเรืองอาหารการกินของชาวบ้าน พบว่ามีความนิยม
ิ
้
้ ่
ขนมจีนน้ายา และมีการกินข้าวเป็ นอาหารหลัก ร่วมกับกับข้าวประเภทต่างๆ ได้แก่ แกง ต้ม
ยา และคัว อาหารมี ความหลากหลายมากขึนทังชนิดของอาหารคาว และอาหารหวาน
่
้ ้
พ.ศ. 2394–ปจจุบัน
ั
 ตังแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างมาก และมีการตังโรงพิมพ์แห่งแรก
้
้
ในประเทศไทย ดังนัน ตารับอาหารการกินของไทยเริมมีการบันทึกมากขึน โดยเฉพาะในสมัย
้
่
้
รัชกาลที่ 5 เช่นในบทพระราชนิพนธ์เรืองไกลบ้าน จดหมายเหตุ เสด็จประพาสต้น เป็ นต้น
่
และยังมีบนทึกต่างๆ โดยผ่านการบอกเล่าสืบทอดทางเครือญาติ และบันทึกทีเ่ ป็ นทางการ
ั
อืน ๆ ซึงข้อมูลเหล่านีไ้ ด้สะท้อนให้เห็นลักษณะของอาหารไทย ทีมความหลากหลายทังทีเ่ ป็ น
่
่
่ี
้
กับข้าวอาหารจานเดียว อาหารว่าง อาหารหวาน และอาหารนานาชาติ ทังทีเ่ ป็ นวิธปรุง
้
ี
ของราชสานัก และวิธปรุงแบบชาวบ้านทีสบทอดมาจนถึงปัจจุบน แต่เป็ นทีนาสังเกตว่า
ี
่ื
ั
่่
อาหารไทยบางชนิดในปัจจุบนได้มวธการปรุงหรือส่วนประกอบของอาหารผิดเพียนไปจาก
ั ีิี
้
ของดังเดิม จึงทาให้รสชาติของอาหารไม่ใช่ตารับดังเดิม และขาดความประณีตทีนาจะถือว่า
้
้
่่
เป็ นเอกลักษณ์ทสาคัญของอาหาร ไทย
ี่
โครงงาȨอมพิวเตอร์
โครงงาȨอมพิวเตอร์
2. อาหารไทยภาคต่าง ๆ
อาหารพื้นบ้านภาคเหนือ
 ภาคเหนือรวม 17 จังหวัดประกอบด้วยภูมนเิ วศน์ทหลากหลายพร้อมด้วยชาติพนธุ์ ต่าง
ิ
ี่
ั
ๆ ทีตงถินฐานในพืนทีราบลุม ทีดอน และทีภูเขาสูงในการดารงชีพ การตังถินฐานของชาว
่ ั้ ่
้ ่ ่ ่
่
้ ่
ไทยพืนราบซึงเป็ นชาติพนธุ์ส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ทพนทีลุมบริเวณแม่น้าสายใหญ่ เช่น
้
่
ั
ี่ ้ ื ่ ่
ปิ ง วัง ยม น่าน ของลุมน้าเจ้าพระยาตอนบน และ อิง ลาว ของลุมน้าโขง มีวถชวต
่
่
ิีีิ
ผู กพันกับวัฒนธรรมการปลูกข้าวโดยชาวไทยพืนราบภาคเหนือตอนบน 9 จังหวัด
้
(เชียงใหม่ เชียงราย ลาปาง ลาพู น แม่ฮ่องสอน พะเยา อุ ตรดิตถ์ แพร่ น่าน) มี
วัฒนธรรมการผลิตและการบริโภคข้าวเหนียวเป็ นหลัก
โครงงาȨอมพิวเตอร์
อาหารภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
 ประชากรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีวถชวตทีผูกติดกับทรัพยากรธรรมชาติทแตกต่าง
ิีีิ ่
ี่
หลากหลาย ทังในเขตทีราบ ในแอ่งโคราชและแอ่งสกลนคร อาศัยลาน้าสาคัญ เช่น ชี มูล
้
่
สงคราม โขง เป็ นต้น และชุมชนทีอาศัยในเขตภูเขา โดยเฉพาะอย่างยิงเทือกเขาภูพานและ
่
่
เทือกเขาเพชรบูรณ์ ซึงความแตกต่างของทรัพยากรธรรมชาติ ทาให้ระบบอาหารและ
่
รูปแบบการจัดการอาหารของชุมชนแตกต่างกันไปด้วย
แต่เดิมในช่วงทีทรัพยากรธรรมชาติยงอุ ดมสมบูรณ์ อาหารจากธรรมชาติมความ
่
ั
ี
หลากหลายและอุ ดมสมบูรณ์มาก ชาวบ้านจะหาอาหารจากแหล่งอาหารธรรมชาติเท่าที่
จาเป็ นทีจะบริโภคในแต่ละวันเท่านัน เช่น การหาปลาจากแม่น้า ไม่จาเป็ นต้องจับปลามาขัง
่
้
ทรมานไว้ และหากวันใดจับปลาได้มากก็แปรรูปเป็ นปลาร้าหรือปลาแห้งไว้บริโภคได้นาน
ส่งผลให้ชาวบ้านพึงพาอาหารจากตลาดน้อยมาก ชาวบ้านจะ “ปลูกทุกอย่างทีกน กินทุก
่
่ิ
อย่างทีปลูก” สวนหลังบ้านมีบทบาทสาคัญในฐานะเป็ นแหล่งอาหารประจาครัวเรือน
่
ชาวบ้านมีฐานคิดสาคัญเกียวกับการผลิตอาหาร คือ ผลิตให้เพียงพอต่อการบริโภค มี
่
เหลือแบ่งปันให้ญาติพนอง เพือนบ้านและทาบุญ
ี่ ้
่
 อาหารอีสานจะเน้นไปทางรสชาติทรสจัด เช่น ส้มตาปูปลาร้า
ี่
โครงงาȨอมพิวเตอร์
โครงงาȨอมพิวเตอร์
อาหารภาคกลาง
ลักษณะอาหารพืนบ้านภาคกลางมีทมาต่างกันดังนี้
้
ี่
 ได้รบอิทธิพลจากต่างประเทศ เช่น เครืองแกง แกงกะทิ จะมาจากชาวฮินดู การผัดโดยใช้
ั
่
กระทะและน้ามันมาจากประเทศจีนหรือขนมเบืองไทย ดัดแปลงมาจาก ขนมเบืองญวน ขนม
้
้
หวานประเภททองหยิบ ทองหยอดรับอิทธิพลจากประเทศทางตะวันตก เป็ นต้น
 เป็ นอาหารทีมกมีการประดิษฐ์ โดยเฉพาะอาหารจากในวังทีมการคิดสร้างสรรค์อาหารให้
่ั
่ี
เลิศรส วิจตรบรรจง เช่น ขนมช่อม่วง จ่ามงกุฎ หรุ่ม ลูกชุบ กระเช้าสีดา ทองหยิบ หรือ
ิ
อาหารประเภทข้าวแช่ผก ผลไม้แกะสลัก
ั
เป็ นอาหารทีมกจะมีเครืองเคียง ของแนม เช่น น้าพริกลงเรือ ต้องแนมด้วยหมูหวานแกง
่ั
่
กะทิ แนมด้วยปลาเค็ม สะเดาน้าปลาหวานก็ต้องคู่ กับกุ้งนึงหรือปลาดุกย่าง ปลาสลิด
่
ทอดรับประทานกับน้าพริกมะม่วง หรือไข่เค็มทีมกจะรับประทานกับน้าพริกลงเรือ น้าพริก
่ั
มะขามสดหรือน้าพริกมะม่วง นอกจากนียงมีของแหนมอีกหลายชนิด เช่น ผักดอง ขิง
้ ั
ดอง หอมแดงดอง เป็ นต้น
 เป็ นภาคทีมอาหารว่าง และขนมหวานมากมาย เช่น ข้าวเกรียบปากหม้อ กระทง
่ี
ทอง ค้างคาวเผือก ปันขลิบนึง ไส้กรอกปลาแนม ข้าวตังหน้าตัง
้
่
้

โครงงาȨอมพิวเตอร์
อาหารภาคใต้
ภาคใต้มภูมประเทศเป็ นทะเล ชาวใต้นยมใช้กะปิ ในการประกอบอาหาร อาหารทีปรุงใน
ี ิ
ิ
่
ครัวเรือนก็เหมือนๆกับอาหารไทยทัวไป แต่รสชาติจะจัดจ้านกว่า อาหารใต้ไม่ได้มเี พียงแค่
่
ความเผ็ดจากพริกแต่ยงใช้พริกไทยเพิมความเผ็ดร้อนอีกด้วย และเนืองจากภาคใต้มชาว
ั
่
่
ี
มุสลิมเป็ นจานวนมาก ตามจังหวัดชายแดนใต้กไ็ ด้มอาหารทีแตกต่างกันไป ตัวอย่าง
ี
่
อาหารใต้ทขนชือได้แก่
ี่ ้ ึ ่
 แกงไตปลา (ไตปลา ทาจากเครืองในปลาผ่านกรมวิธการหมักดอง) การทาแกงไตปลานัน
่
ี
้
จะใส่ไตปลาและเครืองแกงพริก ใส่สมุนไพรลงไป เนือปลาแห้ง หน่อไม้สด บางสู ตรใส่
่
้
ฟั กทอง ถัวพลู หัวมัน ฯลฯ
่
คัวกลิง เป็ นผัดเผ็ดทีใ่ ช้เครืองแกงพริกและสมุนไพรปรุง รสชาติเผ็ดร้ อน มักจะใส่เนือหมูสบ
่ ้
่
้ ั
หรือ ไก่สบ
ั
 แกงพริก แกงเผ็ดทีใ่ ช้เครืองแกงพริกเป็ นส่วนผสม เนือสัตว์ทใี่ ช้ปรุงคือ เนือหมู กระดูกหมู
่
้
้
หรือไก่
 แกงป่ า แกงเผ็ดทีมลกษณะทีคล้ายแกงพริกแต่น้าจะใสกว่า เนือสัตว์ทใี่ ช้ปรุงคือ เนือปลา หรือ
่ีั
่
้
้
เนือไก่
้
 แกงส้ม หรือแกงเหลืองในภาษากลาง แกงส้มของภาคใต้จะไม่ใส่หวกระชาย รสชาติจะจัดจ้านกว่า
ั
แกงส้มของภาคกลาง และทีสาคัญจะต้องใส่กะปิ ด้วย
่
 หมูผดเคยเค็มสะตอ เคยเค็มคือการเอากุ งเคยมาหมัก ไม่ใช่กะปิ
ั
้
 ปลาต้มส้ม ไม่ใช่แกงเผ็ดแต่เป็ นแกงสีเหลืองจากขมิน น้าแกงมีรสชาติเปรี้ยวจากส้มควายและ
้
มะขามเปี ยก

โครงงาȨอมพิวเตอร์
อาหารขึนชือของชาวมุสลิม
้ ่
 ข้าวยาน้าบูดู เป็ นอาหารพืนเมืองของชาวมุสลิม ประกอบด้วยข้าวสวยใส่ผกนานาชนิด
้
ั
อย่างเช่น ถัวฝั กยาวซอย ดอกดาหลาซอย ถัวงอก แตงกวาซอย ใบพลูซอย ใบมะกรูด
่
่
อ่อนซอย กุ้งแห้งป่น ราดด้วยน้าบูดู อาจจะโรยพริกป่นตามความต้องการ
 กือโป๊ ะ เป็ นข้าวเกรียบปลาทีมถนกาเนิดมาจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ (ได้รบอิทธิพลมา
่ ี ิ่
ั
จากประเทศมาเลเซีย) มีแบบกรอบซึงจะหันเป็ นแผ่นบางๆแบบข้าวเกรียบทัวไป แบบนิมจะมี
่ ่
่
่
ลักษณะเป็ นแท่ง เวลารับประทานจะเหนียวๆ รับประทานกับน้าจิม
้
ไก่ย่าง ไก่ย่างของชาวมุสลิมในภาคใต้นน จะมีลกษณะพิเศษคือราดน้าสีแดงลงไป น้าสีแดง
ั้
ั
จะมีรสชาติเผ็ดนิดๆ หวาน เค็ม และกลมกล่อม สามารถหาได้ตามแผงอาหารทัวไป ตาม
่
ตลาดนัด หรือตลาดเปิ ดท้ายทัวไป
่
 ไก่ทอดหาดใหญ่ จริงๆแล้วไก่ทอดหาดใหญ่เป็ นไก่ทอดทัวไป แต่ไก่ทอดหาดใหญ่เป็ นไก่ทอด
่
ทีขนชือในภาคใต้
่ ้ึ ่

อาหารชาววัง
 อาหารชาววัง หรือ กับข้าวเจ้านาย คืออาหารทีประดิษฐ์คดค้นโดยผู คนในรัววัง มีอต
่
ิ
้
้
ั
ลักษณ์ทสาคัญคือ ความอุ ดมสมบูรณ์และความสดใหม่ของวัตถุดบในการประกอบอาหาร
ี่
ิ
มีกรรมวิธใี นการทาซับซ้อน ประณีต ต้องใช้เวลาและกาลังผู คนในการทาจานวนมาก มี
้
ลักษณะความแปลกแตกต่าง ความวิจตรบรรจง รวมถึงมีรสชาติทนุมนวลไม่เผ็ดมาก มี
ิ
ี่ ่
ความกลมกล่อมเป็ นหลัก องค์ประกอบของอาหารชาววัง ในแต่ละมือจะประกอบด้วย
้
อาหารทีมความหลากหลาย ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีประเภทอาหารอย่างน้อยทีสุด 7
่ี
่
ประเภท คือ ข้าวเสวย เครืองคาว เครืองเคียงแกง เครืองเคียงแขก เครืองเคียงจิม
่
่
่
่
้
เครืองเคียงเกาเหลา เครืองหวาน อาหารมีครบรส คือ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด
่
่
อาหารชาววังแตกต่างจากอาหารชาวบ้านคือ การจัดอาหารเป็ นชุด หรือ สารับอาหาร
โครงงาȨอมพิวเตอร์
บทที่ 3 อุปกรณ์และวิธีการดาเนินการ
การจัดทาโครงงาȨอมพิวเตอร์ อาหารไทย คณะผู จดทาโครงงานมีวธการดาเนินงาน
้ั
ิี
โครงงาน ตามขันตอน ดังต่อไปนี้
้
ขั้นตอนการดาเนินการ
 1. คิดหัวข้อโครงงานเพือนาเสนออาจารย์ทปรึกษา
่
ี่
 2. ศึกษาค้นคว้ารวบรวมข้อมูล ทีเ่ กียวข้องกับโครงงานในการสร้างสือวีดทศน์
่
่ ีั
 3. จัดทาโครงร่ างโครงงานเสนออาจารย์ทปรึกษา
ี่
 4. จัดทาโครงงานสร้าง สือวีดทศน์ เรือง อาหารไทย
่ ีั ่
 5. เผยแพร่ ผลงานโดยการนาเสนอผ่านสือวีดทศน์
่ ีั
 6. ทาเอกสารสรุปรายงานโครงงาน
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
 1. ศึกษา เรือง อาหารไทย
่
 2. ศึกษา เรือง การทางานของตัวโปรแกรมต่างๆ ได้แก่
่
วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาโครงงาน
 1. เครืองคอมพิวเตอร์ พร้อมเชือมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์ เน็ต
่
่
บทที่ 4 ผลการดาเนินงาน
การจัดทาโครงงาȨอมพิวเตอร์พฒนาสือเพือการศึกษา เรือง อาหารไทย มี
ั ่ ่
่
วัตถุประสงค์เพือเผยแพร่ความรู้เกียวกับอาหารไทย มีผลการดาเนินงานโครงงาน ดังนี้
่
่
ผลการพัฒนาโครงงาน
 การพัฒนาโครงงานเพือเผยแพร่ ความรู้เกียวกับอาหารไทย คณะผู จดทาได้ดาเนินงาน
่
่
้ั
ตามขันตอนการดาเนินงานทีไ่ ด้วางแผนไว้ และได้นาเสนอเผยแพร่ผลงานผ่านทาง
้
เครือข่ายระบบอินเทอร์เน็ต ทีสามารถเข้าถึงได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ เป็ นแหล่งเรียนรู้ในโลก
่
ออนไลน์และรวดเร็วในการรับข้อมูล
บทที่ 5สรุปผลการดาเนินงาน / ข้อเสนอแนะ
การจัดทาโครงงาȨอมพิวเตอร์ อาหารไทย สามารถสรุปผลการดาเนินงานโครงงานและ
ข้อเสนอแนะ ดังนี้
การดาเนินงานจัดทาโครงงาน
วัตถุประสงค์ของโครงงาน
 .เพือให้ความรู้แก่ผูทสนใจเกียวกับประชาคมอาเซียน
่
้ ี่
่
วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาโครงงาน
 1. เครืองคอมพิวเตอร์ พร้อมเชือมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์ เน็ต
่
่
 2. ซอฟต์แวร์
สรุปผลการดาเนินงานโครงงาน
 การดาเนินงานโครงงานนีบรรลุวตถุประสงค์ทไี่ ด้กาหนดไว้ คือ เพือเป็ นสือให้ความรู้แก่ผู ้
้
ั
่ ่
ทีสนใจเกียวกับอาหารไทยเป็ นสือวีดทศน์นาเสนอผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทีมทง
่
่
่ ีั
่ ี ั้
ภาพสร้างความสนใจช่วยพัฒนาให้ความรู้ของผู ชม มีความเข้าใจ เห็นความสาคัญของ
้
ประชาคมอาเซียนทีจะเข้ามามีบทบาทในประเทศไทย สือวีดทศน์เพือการศึกษาอาเซียน จึง
่
่ ีั ่
เป็ นสือทีมประโยชน์ เป็ นการนาซอฟต์แวร์มาพัฒนาประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและ
่ ่ี
เกิดประโยชน์
บรรณานุกรม


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0
%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%
A3%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2



http://www.knorr.co.th/recipes?gclid=CJrDluCx
37wCFawB4godX34A5Q

More Related Content

Viewers also liked (18)

โครงงานเรื่อง อาหารไทย
โครงงานเรื่อง อาหารไทยโครงงานเรื่อง อาหารไทย
โครงงานเรื่อง อาหารไทย
Eakkamol Dechudom
โครงงาȨล้วยแྺก
โครงงาȨล้วยแྺก โครงงาȨล้วยแྺก
โครงงาȨล้วยแྺก
Rut' Np
อาหารคลีน
อาหารคลีนอาหารคลีน
อาหารคลีน
Sirada Thipdararat
โครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพโครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
Cheeses 'Zee
โครงงาน น้ำตะไคร้
โครงงาน น้ำตะไคร้โครงงาน น้ำตะไคร้
โครงงาน น้ำตะไคร้
krunoony
โครงงาȨาผักสมุนไพรพื้Ȩ้าน
โครงงาȨาผักสมุนไพรพื้Ȩ้านโครงงาȨาผักสมุนไพรพื้Ȩ้าน
โครงงาȨาผักสมุนไพรพื้Ȩ้าน
Chok Ke
โครงงาȨอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงงาȨอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพโครงงาȨอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงงาȨอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
ศิริวรรณ นามสวัสดิ์
โครงงาน น้ำตะไคร้เพื่อสุขภาพ
โครงงาน น้ำตะไคร้เพื่อสุขภาพโครงงาน น้ำตะไคร้เพื่อสุขภาพ
โครงงาน น้ำตะไคร้เพื่อสุขภาพ
กก กอล์ฟ
โครงงาȨ้ำผักเพื่อสุขภาพ
โครงงาȨ้ำผักเพื่อสุขภาพโครงงาȨ้ำผักเพื่อสุขภาพ
โครงงาȨ้ำผักเพื่อสุขภาพ
Onnicha Khattirat
เรื่อง มหัศจรรย์เรื่องกล้วยๆ
เรื่อง มหัศจรรย์เรื่องกล้วยๆเรื่อง มหัศจรรย์เรื่องกล้วยๆ
เรื่อง มหัศจรรย์เรื่องกล้วยๆ
Rujira Meechin
โครงงาน อาหารประจำชาตฺอาเซียน
โครงงาน อาหารประจำชาตฺอาเซียนโครงงาน อาหารประจำชาตฺอาเซียน
โครงงาน อาหารประจำชาตฺอาเซียน
Suwanan Thipphimwong
โครงงานเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง
โครงงานเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงโครงงานเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง
โครงงานเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง
Preeyaporn Wannamanee
โครงงานเรื่อง กล้วยฉาบ
โครงงานเรื่อง กล้วยฉาบโครงงานเรื่อง กล้วยฉาบ
โครงงานเรื่อง กล้วยฉาบ
Lorpiyanon Krittaya
โครงงานเรื่อง กล้วย (กล้วยแขก)
โครงงานเรื่อง กล้วย (กล้วยแขก) โครงงานเรื่อง กล้วย (กล้วยแขก)
โครงงานเรื่อง กล้วย (กล้วยแขก)
Np Vnk
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้าโครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
จริงใจ รักจริง
โครงงาȨารทำขนมเค้ก
โครงงาȨารทำขนมเค้กโครงงาȨารทำขนมเค้ก
โครงงาȨารทำขนมเค้ก
Ploy Siriwanna
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวกโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
พัน พัน
โครงงานเรื่อง อาหารไทย
โครงงานเรื่อง อาหารไทยโครงงานเรื่อง อาหารไทย
โครงงานเรื่อง อาหารไทย
Eakkamol Dechudom
โครงงาȨล้วยแྺก
โครงงาȨล้วยแྺก โครงงาȨล้วยแྺก
โครงงาȨล้วยแྺก
Rut' Np
โครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพโครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
Cheeses 'Zee
โครงงาน น้ำตะไคร้
โครงงาน น้ำตะไคร้โครงงาน น้ำตะไคร้
โครงงาน น้ำตะไคร้
krunoony
โครงงาȨาผักสมุนไพรพื้Ȩ้าน
โครงงาȨาผักสมุนไพรพื้Ȩ้านโครงงาȨาผักสมุนไพรพื้Ȩ้าน
โครงงาȨาผักสมุนไพรพื้Ȩ้าน
Chok Ke
โครงงาȨอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงงาȨอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพโครงงาȨอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงงาȨอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
ศิริวรรณ นามสวัสดิ์
โครงงาน น้ำตะไคร้เพื่อสุขภาพ
โครงงาน น้ำตะไคร้เพื่อสุขภาพโครงงาน น้ำตะไคร้เพื่อสุขภาพ
โครงงาน น้ำตะไคร้เพื่อสุขภาพ
กก กอล์ฟ
โครงงาȨ้ำผักเพื่อสุขภาพ
โครงงาȨ้ำผักเพื่อสุขภาพโครงงาȨ้ำผักเพื่อสุขภาพ
โครงงาȨ้ำผักเพื่อสุขภาพ
Onnicha Khattirat
เรื่อง มหัศจรรย์เรื่องกล้วยๆ
เรื่อง มหัศจรรย์เรื่องกล้วยๆเรื่อง มหัศจรรย์เรื่องกล้วยๆ
เรื่อง มหัศจรรย์เรื่องกล้วยๆ
Rujira Meechin
โครงงาน อาหารประจำชาตฺอาเซียน
โครงงาน อาหารประจำชาตฺอาเซียนโครงงาน อาหารประจำชาตฺอาเซียน
โครงงาน อาหารประจำชาตฺอาเซียน
Suwanan Thipphimwong
โครงงานเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง
โครงงานเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงโครงงานเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง
โครงงานเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง
Preeyaporn Wannamanee
โครงงานเรื่อง กล้วยฉาบ
โครงงานเรื่อง กล้วยฉาบโครงงานเรื่อง กล้วยฉาบ
โครงงานเรื่อง กล้วยฉาบ
Lorpiyanon Krittaya
โครงงานเรื่อง กล้วย (กล้วยแขก)
โครงงานเรื่อง กล้วย (กล้วยแขก) โครงงานเรื่อง กล้วย (กล้วยแขก)
โครงงานเรื่อง กล้วย (กล้วยแขก)
Np Vnk
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้าโครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
จริงใจ รักจริง
โครงงาȨารทำขนมเค้ก
โครงงาȨารทำขนมเค้กโครงงาȨารทำขนมเค้ก
โครงงาȨารทำขนมเค้ก
Ploy Siriwanna
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวกโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
พัน พัน

Similar to โครงงาȨอมพิวเตอร์ (19)

อาหารไทย 6.1 30
อาหารไทย 6.1 30อาหารไทย 6.1 30
อาหารไทย 6.1 30
rattanaae
งาȨอมโครงงาน เรื่อง น้ำตกหมู
งาȨอมโครงงาน เรื่อง น้ำตกหมูงาȨอมโครงงาน เรื่อง น้ำตกหมู
งาȨอมโครงงาน เรื่อง น้ำตกหมู
Cookie Bomber
Project
ProjectProject
Project
Natchanok Laphanuphat
งาȨอม๶สร็จแล้ว
งาȨอม๶สร็จแล้วงาȨอม๶สร็จแล้ว
งาȨอม๶สร็จแล้ว
Matthew Tewin
งาȨอม
งาȨอมงาȨอม
งาȨอม
Matthew Tewin
ของงฝากราชบุรี ของดีดีเมืองโอ่งมังกร.pdf
ของงฝากราชบุรี ของดีดีเมืองโอ่งมังกร.pdfของงฝากราชบุรี ของดีดีเมืองโอ่งมังกร.pdf
ของงฝากราชบุรี ของดีดีเมืองโอ่งมังกร.pdf
nongjoy2522
ของฝากราชบุรี ของดีเมืองโอ่งมังกรบิน.pdf
ของฝากราชบุรี ของดีเมืองโอ่งมังกรบิน.pdfของฝากราชบุรี ของดีเมืองโอ่งมังกรบิน.pdf
ของฝากราชบุรี ของดีเมืองโอ่งมังกรบิน.pdf
nongjoy2522
ทำอย่างไรให้อร่อย
ทำอย่างไรให้อร่อยทำอย่างไรให้อร่อย
ทำอย่างไรให้อร่อย
MSGameming
งาȨอม
งาȨอมงาȨอม
งาȨอม
Silver Bullet
ข้าวผัึϸะเพรา
ข้าวผัึϸะเพราข้าวผัึϸะเพรา
ข้าวผัึϸะเพรา
Silver Bullet
งาȨำเสนอ1
งาȨำเสนอ1งาȨำเสนอ1
งาȨำเสนอ1
suttinee23
ของฝากราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง มอ1ทับ7.pdf
ของฝากราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง มอ1ทับ7.pdfของฝากราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง มอ1ทับ7.pdf
ของฝากราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง มอ1ทับ7.pdf
nongjoy2522
ของฝากจังหวัดราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง1.pdf
ของฝากจังหวัดราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง1.pdfของฝากจังหวัดราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง1.pdf
ของฝากจังหวัดราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง1.pdf
nongjoy2522
9789740330387
97897403303879789740330387
9789740330387
CUPress
วัฒนธรรมอาหารไทย - ภาคใต้ (2556).pdf
วัฒนธรรมอาหารไทย - ภาคใต้ (2556).pdfวัฒนธรรมอาหารไทย - ภาคใต้ (2556).pdf
วัฒนธรรมอาหารไทย - ภาคใต้ (2556).pdf
Vorawut Wongumpornpinit
งาȨำเสนอ1
งาȨำเสนอ1งาȨำเสนอ1
งาȨำเสนอ1
narueporn
งาȨำเสนอ1
งาȨำเสนอ1งาȨำเสนอ1
งาȨำเสนอ1
narueporn
อาหารไทย 6.1 30
อาหารไทย 6.1 30อาหารไทย 6.1 30
อาหารไทย 6.1 30
rattanaae
งาȨอมโครงงาน เรื่อง น้ำตกหมู
งาȨอมโครงงาน เรื่อง น้ำตกหมูงาȨอมโครงงาน เรื่อง น้ำตกหมู
งาȨอมโครงงาน เรื่อง น้ำตกหมู
Cookie Bomber
งาȨอม๶สร็จแล้ว
งาȨอม๶สร็จแล้วงาȨอม๶สร็จแล้ว
งาȨอม๶สร็จแล้ว
Matthew Tewin
ของงฝากราชบุรี ของดีดีเมืองโอ่งมังกร.pdf
ของงฝากราชบุรี ของดีดีเมืองโอ่งมังกร.pdfของงฝากราชบุรี ของดีดีเมืองโอ่งมังกร.pdf
ของงฝากราชบุรี ของดีดีเมืองโอ่งมังกร.pdf
nongjoy2522
ของฝากราชบุรี ของดีเมืองโอ่งมังกรบิน.pdf
ของฝากราชบุรี ของดีเมืองโอ่งมังกรบิน.pdfของฝากราชบุรี ของดีเมืองโอ่งมังกรบิน.pdf
ของฝากราชบุรี ของดีเมืองโอ่งมังกรบิน.pdf
nongjoy2522
ทำอย่างไรให้อร่อย
ทำอย่างไรให้อร่อยทำอย่างไรให้อร่อย
ทำอย่างไรให้อร่อย
MSGameming
ข้าวผัึϸะเพรา
ข้าวผัึϸะเพราข้าวผัึϸะเพรา
ข้าวผัึϸะเพรา
Silver Bullet
งาȨำเสนอ1
งาȨำเสนอ1งาȨำเสนอ1
งาȨำเสนอ1
suttinee23
ของฝากราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง มอ1ทับ7.pdf
ของฝากราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง มอ1ทับ7.pdfของฝากราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง มอ1ทับ7.pdf
ของฝากราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง มอ1ทับ7.pdf
nongjoy2522
ของฝากจังหวัดราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง1.pdf
ของฝากจังหวัดราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง1.pdfของฝากจังหวัดราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง1.pdf
ของฝากจังหวัดราชบุรี ของดีเมืองโอ่ง1.pdf
nongjoy2522
วัฒนธรรมอาหารไทย - ภาคใต้ (2556).pdf
วัฒนธรรมอาหารไทย - ภาคใต้ (2556).pdfวัฒนธรรมอาหารไทย - ภาคใต้ (2556).pdf
วัฒนธรรมอาหารไทย - ภาคใต้ (2556).pdf
Vorawut Wongumpornpinit
งาȨำเสนอ1
งาȨำเสนอ1งาȨำเสนอ1
งาȨำเสนอ1
narueporn
งาȨำเสนอ1
งาȨำเสนอ1งาȨำเสนอ1
งาȨำเสนอ1
narueporn

โครงงาȨอมพิวเตอร์

  • 1. โครงงาȨอมพิวเตอร์ เรือง อาหารไทยภาคต่างๆ ่ จัดทาโดย นายพัสกร ก้อนแก้ว ม.6/2 เลขที่ 12 นายสิทธิชย สิทธิกุล ม.6/2 เลขที่ 41 ั นายฐิตกร ลิมสกุล ม.6/2 เลขที่ 31 ิ ้ เสนอ ครู เขือนทอง มูลวรรณ์ ่ รายงานฉบับนีเ้ ป็ นส่วนประกอบ ของโครงงาȨอมพิวเตอร์ ชันมัธยมศึกษาปี ท ี่ 6 ้
  • 2. บทที่ 1 ทีมาและความสาคัญ ่  อาหารไทย เป็ นอาหารทีประกอบด้วยรสเข้มข้นมีเครืองปรุงหลายอย่างรสชาติอาหารแต่ละ ่ ่ อย่างมีรสเฉพาะตัวการใช้เครืองปรุงรสต่างๆก็ไม่เหมือนกันผู ประกอบอาหารไทยต้อง ่ ้ ศึกษาจากตาราอาหารไทยและผู เ้ ชียวชาญการทาอาหารไทยให้อร่อยต้องใช้ความชานาญ ่ และประสบการณ์ตลอดจนกรรมวิธใี นการประกอบอาหารไทยผู ทาจะต้องพิถพถน ประณีต ้ ี ิั มีขนตอนเพือให้อาหารน่ารับประทาน อาหารไทยขึนชือได้ว่ามีประวัตมาช้านาน ผู คนส่วน ั้ ่ ้ ่ ิ ้ ใหญ่ทงในและต่างประเทศต่างนิยมชมชอบในอาหารไทยกันมากมาย โดยเฉพาะชือเสียงใน ั้ ่ ด้านความเข้มข้นและจัดจ้านของรสอาหารทีตดปากติดใจผู คนมานับศตวรรษ ่ ิ ้
  • 3. โครงงานอาหารไทยทีตงใจจัดทาขึนชินนี้ จึงอยากจะให้ผูทไี่ ด้รบชมได้ความรู้ ่ ั้ ้ ้ ้ ั เกียวกับอาหารไทย ได้เผยแพร่ให้คนรุ่นใหม่รู้จกขนมไทยและได้เผยแพร่ให้คนรุ่นใหม่รู้จก ่ ั ั อาหารไทยทีเ่ ป็ นมรดกของชาวไทยมาแต่ชานาน เพือสืบสานกระบวนการ และวิธการทาให้ ้ ่ ี ไปสู่ลูกหลานต่อไป
  • 6. แผนการดาเนินงาน 1.คิดหัวข้อโครงงานเพือนาเสนออาจารย์ทปรึกษา ่ ี่  2. ศึกษาค้นคว้ารวบรวมข้อมูล ทีเ่ กียวข้องกับโครงงานในการสร้างสือ วีดทศน์ ่ ่ ีั  3. จัดทาโครงร่ างโครงงานเสนออาจารย์ทปรึกษา ี่  4. ศึกษาโปรแกรมต่างๆ ในการสร้างวีดทศน์ ีั  5. ออกแบบสร้างสือ วีดทศน์ ตกแต่งใส่เสียง ่ ีั  6. จัดทาโครงงานสร้าง สือวีดทศน์ เรือง อาหารไทย ่ ีั ่  7. เผยแพร่ ผลงานสือ วีดทศน์ผานระบบเครือข่ายอินเทอร์ เน็ต ่ ีั ่  8. สรุปรายงานโครงงาน จัดทารูปเล่ม 
  • 7. ผลทีคาดว่าจะได้รบ ่ ั 1. ผู สนใจมีความเข้าใจเกียวกับอาหารไทย ้ ่  2. ได้รบความรู้เกียวกับการสร้างสือวีดทศน์ ั ่ ่ ีั  3. ได้นาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ได้อย่างมีคุณค่าและทาให้เกิดประโยชน์ 
  • 8. บทที่ 2 เอกสารทีเ่ กียวข้อง ่ ในการจัดทาโครงงาȨอมพิวเตอร์ เรือง อาหารไทย คณะผู จดทาได้ศกษาข้อมูล ่ ้ั ึ เอกสารทีเ่ กียวข้อง ดังนี้ ่ 1.จุดกาเนิด 2.อาหารไทยภาคต่างๆ
  • 9. 1.จุดกาเนิด อาหารไทยมีจุดกาเนิดพร้อมกับการตังชนชาติไทย และมีการพัฒนาอย่างต่อเนืองมาตังแต่สมัย ้ ่ ้ สุโขทัยจนถึงปัจจุบน จากการศึกษาของ อาจารย์กอบแก้ว พินจ เรืองความเป็ นมาของอาหาร ั ิ ่ ไทยยุคต่างๆ สรุปได้ดงนี้ ั สมัยสุโขทัย  อาหารไทยในสมัยสุโขทัยได้อาศัยหลักฐานจากศิลาจารึก และวรรณคดี สาคัญคือ ไตรภูมพระ ิ ร่ วงของพญาลิไท ทีไ่ ด้กล่าวถึงอาหารไทยในสมัยนีว่า มีขาวเป็ นอาหารหลัก โดยกินร่ วมกับกับ ้ ้ เนือสัตว์ ทีส่วนใหญ่ได้มาจากปลา มีเนือสัตว์อนบ้าง การปรุงอาหารได้ปรากฏคาว่า “แกง” ใน ้ ่ ้ ื่ ไตรภูมพระร่ วงทีเ่ ป็ นทีมาของคาว่า ข้าวหม้อแกงหม้อ ผักทีกล่าวถึงในศิลาจารึก คือ แฟง แตง ิ ่ ่ และน้าเต้า ส่วนอาหารหวานก็ใช้วตถุดบพืนบ้าน เช่น ข้าวตอกและน้าผึง ส่วนหนึงนิยมกินผลไม้ ั ิ ้ ้ ่ แทนอาหารหวาน 
  • 10. อาหารไทยในสมัยสุโขทัยได้อาศัยหลักฐานจากศิลาจารึก และวรรณคดี สาคัญคือ ไตรภูม ิ พระร่วงของพญาลิไท ทีไ่ ด้กล่าวถึงอาหารไทยในสมัยนีว่า มีขาวเป็ นอาหารหลัก โดยกิน ้ ้ ร่วมกับกับเนือสัตว์ ทีส่วนใหญ่ได้มาจากปลา มีเนือสัตว์อนบ้าง การปรุงอาหารได้ปรากฏ ้ ่ ้ ื่ คาว่า “แกง” ใน ไตรภูมพระร่วงทีเ่ ป็ นทีมาของคาว่า ข้าวหม้อแกงหม้อ ผักทีกล่าวถึงใน ิ ่ ่ ศิลาจารึก คือ แฟง แตงและน้าเต้า ส่วนอาหารหวานก็ใช้วตถุดบพืนบ้าน เช่น ข้าวตอก ั ิ ้ และน้าผึง ส่วนหนึงนิยมกินผลไม้แทนอาหารหวาน ้ ่
  • 12. สมัยอยุธยา  สมัยนีถอว่าเป็ นยุคทองของไทย ได้มการติดต่อกับชาวต่างประเทศมากขึ้นทังชาวตะวันตก ้ื ี ้ และตะวันออก จากบันทึกเอกสารของชาวต่างประเทศ พบว่าคนไทยกินอาหารแบบเรียบ ง่าย ยังคงมีปลาเป็ นหลัก มีต้ม แกง และคาดว่ามีการใช้น้ามันในการประกอบอาหารแต่เป็ น น้ามันจากมะพร้าวและกะทิมากกว่าไขมันหรือน้ามันจากสัตว์มาอาหารอยุธยามีเช่น หนอน กะทิ วิธทาคือ ตัดต้นมะพร้าว แล้วเอาหนอนทีอยู่ในต้นนันมาให้กนกะทิแล้วก็นามาทอดก็ ี ่ ้ ิ กลายเป็ นอาหารชาววังขึน คนไทยสมัยนีมการถนอมอาหาร เช่นการนาไปตากแห้ง หรือทา ้ ้ี เป็ นปลาเค็ม มีอาหารประเภทเครืองจิม เช่นน้าพริกกะปิ นิยมบริโภคสัตว์น้ามากกว่าสัตว์ ่ ้ บก โดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ ไม่นยมนามาฆ่าเพือใช้เป็ นอาหาร ิ ่
  • 14. สมัยธนบุรี  จากหลักฐานทีปรากฏในหนังสือแม่ครัวหัวป่ าก์ ซึงเป็ นตาราการทากับข้าวเล่มที่ 2 ของ ่ ่ ไทย ของท่านผู หญิงเปลียน ภาสกรวงษ์ พบความต่อเนืองของวัฒนธรรมอาหารไทยจาก ้ ่ ่ กรุงสุโขทัยมาถึงสมัยอยุธยา และสมัยกรุงธนบุรี และยังเชือว่าเส้นทางอาหารไทยคงจะเชือม ่ ่ จากกรุงธนบุรไี ปยังสมัยรัตนโกสินทร์ โดยผ่านทางหน้าทีราชการและสังคมเครือญาติ และ ่ อาหารไทยสมัยกรุงธนบุรนาจะคล้ายคลึงกับสมัยอยุธยา แต่ทพเิ ศษเพิมเติมคือมีอาหาร ี่ ี่ ่ ประจาชาติจน ี
  • 15. สมัยรัตนโกสินทร์  การศึกษาความเป็ นมาของอาหารไทยในยุครัตนโกสินทร์ นไ้ ี ด้จาแนกตามยุคสมัยทีนก ่ั ประวัตศาสตร์ได้กาหนดไว้ คือ ยุคที่ 1 ตังแต่สมัยรัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาลที่ 3 และยุค ิ ้ ที่ 2 ตังแต่สมัยรัชกาลที่ 4 จนถึงรัชกาลปัจจุบน ดังนี้ ้ ั พ.ศ. 2325–2394  อาหารไทยในยุคนีเ้ ป็ นลักษณะเดียวกันกับสมัยธนบุร ี แต่มอาหารไทยเพิมขึนอีก 1 ประเภท ี ่ ้ คือ นอกจากมีอาหารคาว อาหารหวานแล้วยังมีอาหารว่างเพิมขึน ในช่วงนีอาหารไทย ่ ้ ้ ได้รบอิทธิพลจากวัฒนธรรมอาหารของประเทศจีนมากขึน และมีการปรับเปลียนเป็ นอาหาร ั ้ ่ ไทย
  • 16. ในทีสุด จากจดหมายความทรงจาของกรมหลวงนรินทรเทวี ทีกล่าวถึงเครืองตัง ่ ่ ่ ้ สารับคาวหวานของพระสงฆ์ ในงานสมโภชน์ พระพุ ทธมณีรตนมหาปฏิมากร (พระแก้ว ั มรกต) ได้แสดงให้เห็นว่ารายการอาหารนอกจากจะมีอาหารไทย เช่น ผัก น้าพริก ปลา แห้ง หน่อไม้ผด แล้วยังมีอาหารทีปรุงด้วยเครืองเทศแบบอิสลาม และมีอาหารจีนโดย ั ่ ่ สังเกตจากการใช้หมูเป็ นส่วนประกอบ เนืองจากหมูเป็ นอาหารทีคนไทยไม่นยม แต่คนจีน ่ ่ ิ นิยม บทพระราชนิพนธ์กาพย์เห่เรือชมเครืองคาวหวาน ได้ทรงกล่าวถึงอาหารคาวและ ่ อาหารหวานหลายชนิด ซึงแสดงให้เห็นลักษณะของอาหารไทยในราชสานักทีมการปรุงกลิน ่ ่ี ่ และรสอย่างประณีต และให้ความสาคัญของรสชาติอาหารมากเป็ นพิเศษ และถือว่าเป็ นยุค สมัยทีมศลปะการประกอบอาหารทีค่อนข้างสมบูรณ์ทสุด ทังรส กลิน สี และการตกแต่งให้ ่ีิ ่ ี่ ้ ่ สวยงามรวมทังมีการพัฒนาอาหารนานาชาติให้เป็ นอาหารไทย ้
  • 18. จากบทพระราชนิพนธ์ทาให้ได้รายละเอียดทีเ่ กียวกับการแบ่งประเภทของอาหารคาว ่ หรือกับข้าวและอาหารว่าง ส่วนทีเป็ นอาหารคาวได้แก่ แกงชนิดต่างๆ เครืองจิม ยาต่างๆ ่ ้ สาหรับอาหารว่างส่วนใหญ่เป็ นอาหารว่างคาว ได้แก่ หมูแนม ล่าเตียง หรุ่ม รังนก ส่วน อาหารหวานส่วนใหญ่เป็ นอาหารทีทาด้วยแป้ งและไข่เป็ นส่วนใหญ่ มีขนมทีมลกษณะอบกรอบ ่ ่ีั เช่น ขนมผิง ขนมลาเจียก และมีขนมทีมน้าหวานและกะทิเจืออยู่ด้วย ได้แก่ ซ่าหริม บัว ่ี ่ ลอย เป็ นต้น นอกจากนี้ วรรณคดีไทย เรืองขุนช้างขุนแผน ซึงถือว่าเป็ นวรรณคดีทสะท้อนวิถ ี ่ ่ ี่ ชีวตของคนในยุคนันอย่างมากรวมทังเรืองอาหารการกินของชาวบ้าน พบว่ามีความนิยม ิ ้ ้ ่ ขนมจีนน้ายา และมีการกินข้าวเป็ นอาหารหลัก ร่วมกับกับข้าวประเภทต่างๆ ได้แก่ แกง ต้ม ยา และคัว อาหารมี ความหลากหลายมากขึนทังชนิดของอาหารคาว และอาหารหวาน ่ ้ ้
  • 19. พ.ศ. 2394–ปจจุบัน ั  ตังแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างมาก และมีการตังโรงพิมพ์แห่งแรก ้ ้ ในประเทศไทย ดังนัน ตารับอาหารการกินของไทยเริมมีการบันทึกมากขึน โดยเฉพาะในสมัย ้ ่ ้ รัชกาลที่ 5 เช่นในบทพระราชนิพนธ์เรืองไกลบ้าน จดหมายเหตุ เสด็จประพาสต้น เป็ นต้น ่ และยังมีบนทึกต่างๆ โดยผ่านการบอกเล่าสืบทอดทางเครือญาติ และบันทึกทีเ่ ป็ นทางการ ั อืน ๆ ซึงข้อมูลเหล่านีไ้ ด้สะท้อนให้เห็นลักษณะของอาหารไทย ทีมความหลากหลายทังทีเ่ ป็ น ่ ่ ่ี ้ กับข้าวอาหารจานเดียว อาหารว่าง อาหารหวาน และอาหารนานาชาติ ทังทีเ่ ป็ นวิธปรุง ้ ี ของราชสานัก และวิธปรุงแบบชาวบ้านทีสบทอดมาจนถึงปัจจุบน แต่เป็ นทีนาสังเกตว่า ี ่ื ั ่่ อาหารไทยบางชนิดในปัจจุบนได้มวธการปรุงหรือส่วนประกอบของอาหารผิดเพียนไปจาก ั ีิี ้ ของดังเดิม จึงทาให้รสชาติของอาหารไม่ใช่ตารับดังเดิม และขาดความประณีตทีนาจะถือว่า ้ ้ ่่ เป็ นเอกลักษณ์ทสาคัญของอาหาร ไทย ี่
  • 22. 2. อาหารไทยภาคต่าง ๆ อาหารพื้นบ้านภาคเหนือ  ภาคเหนือรวม 17 จังหวัดประกอบด้วยภูมนเิ วศน์ทหลากหลายพร้อมด้วยชาติพนธุ์ ต่าง ิ ี่ ั ๆ ทีตงถินฐานในพืนทีราบลุม ทีดอน และทีภูเขาสูงในการดารงชีพ การตังถินฐานของชาว ่ ั้ ่ ้ ่ ่ ่ ่ ้ ่ ไทยพืนราบซึงเป็ นชาติพนธุ์ส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ทพนทีลุมบริเวณแม่น้าสายใหญ่ เช่น ้ ่ ั ี่ ้ ื ่ ่ ปิ ง วัง ยม น่าน ของลุมน้าเจ้าพระยาตอนบน และ อิง ลาว ของลุมน้าโขง มีวถชวต ่ ่ ิีีิ ผู กพันกับวัฒนธรรมการปลูกข้าวโดยชาวไทยพืนราบภาคเหนือตอนบน 9 จังหวัด ้ (เชียงใหม่ เชียงราย ลาปาง ลาพู น แม่ฮ่องสอน พะเยา อุ ตรดิตถ์ แพร่ น่าน) มี วัฒนธรรมการผลิตและการบริโภคข้าวเหนียวเป็ นหลัก
  • 24. อาหารภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ประชากรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีวถชวตทีผูกติดกับทรัพยากรธรรมชาติทแตกต่าง ิีีิ ่ ี่ หลากหลาย ทังในเขตทีราบ ในแอ่งโคราชและแอ่งสกลนคร อาศัยลาน้าสาคัญ เช่น ชี มูล ้ ่ สงคราม โขง เป็ นต้น และชุมชนทีอาศัยในเขตภูเขา โดยเฉพาะอย่างยิงเทือกเขาภูพานและ ่ ่ เทือกเขาเพชรบูรณ์ ซึงความแตกต่างของทรัพยากรธรรมชาติ ทาให้ระบบอาหารและ ่ รูปแบบการจัดการอาหารของชุมชนแตกต่างกันไปด้วย
  • 25. แต่เดิมในช่วงทีทรัพยากรธรรมชาติยงอุ ดมสมบูรณ์ อาหารจากธรรมชาติมความ ่ ั ี หลากหลายและอุ ดมสมบูรณ์มาก ชาวบ้านจะหาอาหารจากแหล่งอาหารธรรมชาติเท่าที่ จาเป็ นทีจะบริโภคในแต่ละวันเท่านัน เช่น การหาปลาจากแม่น้า ไม่จาเป็ นต้องจับปลามาขัง ่ ้ ทรมานไว้ และหากวันใดจับปลาได้มากก็แปรรูปเป็ นปลาร้าหรือปลาแห้งไว้บริโภคได้นาน ส่งผลให้ชาวบ้านพึงพาอาหารจากตลาดน้อยมาก ชาวบ้านจะ “ปลูกทุกอย่างทีกน กินทุก ่ ่ิ อย่างทีปลูก” สวนหลังบ้านมีบทบาทสาคัญในฐานะเป็ นแหล่งอาหารประจาครัวเรือน ่ ชาวบ้านมีฐานคิดสาคัญเกียวกับการผลิตอาหาร คือ ผลิตให้เพียงพอต่อการบริโภค มี ่ เหลือแบ่งปันให้ญาติพนอง เพือนบ้านและทาบุญ ี่ ้ ่  อาหารอีสานจะเน้นไปทางรสชาติทรสจัด เช่น ส้มตาปูปลาร้า ี่
  • 28. อาหารภาคกลาง ลักษณะอาหารพืนบ้านภาคกลางมีทมาต่างกันดังนี้ ้ ี่  ได้รบอิทธิพลจากต่างประเทศ เช่น เครืองแกง แกงกะทิ จะมาจากชาวฮินดู การผัดโดยใช้ ั ่ กระทะและน้ามันมาจากประเทศจีนหรือขนมเบืองไทย ดัดแปลงมาจาก ขนมเบืองญวน ขนม ้ ้ หวานประเภททองหยิบ ทองหยอดรับอิทธิพลจากประเทศทางตะวันตก เป็ นต้น  เป็ นอาหารทีมกมีการประดิษฐ์ โดยเฉพาะอาหารจากในวังทีมการคิดสร้างสรรค์อาหารให้ ่ั ่ี เลิศรส วิจตรบรรจง เช่น ขนมช่อม่วง จ่ามงกุฎ หรุ่ม ลูกชุบ กระเช้าสีดา ทองหยิบ หรือ ิ อาหารประเภทข้าวแช่ผก ผลไม้แกะสลัก ั
  • 29. เป็ นอาหารทีมกจะมีเครืองเคียง ของแนม เช่น น้าพริกลงเรือ ต้องแนมด้วยหมูหวานแกง ่ั ่ กะทิ แนมด้วยปลาเค็ม สะเดาน้าปลาหวานก็ต้องคู่ กับกุ้งนึงหรือปลาดุกย่าง ปลาสลิด ่ ทอดรับประทานกับน้าพริกมะม่วง หรือไข่เค็มทีมกจะรับประทานกับน้าพริกลงเรือ น้าพริก ่ั มะขามสดหรือน้าพริกมะม่วง นอกจากนียงมีของแหนมอีกหลายชนิด เช่น ผักดอง ขิง ้ ั ดอง หอมแดงดอง เป็ นต้น  เป็ นภาคทีมอาหารว่าง และขนมหวานมากมาย เช่น ข้าวเกรียบปากหม้อ กระทง ่ี ทอง ค้างคาวเผือก ปันขลิบนึง ไส้กรอกปลาแนม ข้าวตังหน้าตัง ้ ่ ้ 
  • 31. อาหารภาคใต้ ภาคใต้มภูมประเทศเป็ นทะเล ชาวใต้นยมใช้กะปิ ในการประกอบอาหาร อาหารทีปรุงใน ี ิ ิ ่ ครัวเรือนก็เหมือนๆกับอาหารไทยทัวไป แต่รสชาติจะจัดจ้านกว่า อาหารใต้ไม่ได้มเี พียงแค่ ่ ความเผ็ดจากพริกแต่ยงใช้พริกไทยเพิมความเผ็ดร้อนอีกด้วย และเนืองจากภาคใต้มชาว ั ่ ่ ี มุสลิมเป็ นจานวนมาก ตามจังหวัดชายแดนใต้กไ็ ด้มอาหารทีแตกต่างกันไป ตัวอย่าง ี ่ อาหารใต้ทขนชือได้แก่ ี่ ้ ึ ่  แกงไตปลา (ไตปลา ทาจากเครืองในปลาผ่านกรมวิธการหมักดอง) การทาแกงไตปลานัน ่ ี ้ จะใส่ไตปลาและเครืองแกงพริก ใส่สมุนไพรลงไป เนือปลาแห้ง หน่อไม้สด บางสู ตรใส่ ่ ้ ฟั กทอง ถัวพลู หัวมัน ฯลฯ ่
  • 32. คัวกลิง เป็ นผัดเผ็ดทีใ่ ช้เครืองแกงพริกและสมุนไพรปรุง รสชาติเผ็ดร้ อน มักจะใส่เนือหมูสบ ่ ้ ่ ้ ั หรือ ไก่สบ ั  แกงพริก แกงเผ็ดทีใ่ ช้เครืองแกงพริกเป็ นส่วนผสม เนือสัตว์ทใี่ ช้ปรุงคือ เนือหมู กระดูกหมู ่ ้ ้ หรือไก่  แกงป่ า แกงเผ็ดทีมลกษณะทีคล้ายแกงพริกแต่น้าจะใสกว่า เนือสัตว์ทใี่ ช้ปรุงคือ เนือปลา หรือ ่ีั ่ ้ ้ เนือไก่ ้  แกงส้ม หรือแกงเหลืองในภาษากลาง แกงส้มของภาคใต้จะไม่ใส่หวกระชาย รสชาติจะจัดจ้านกว่า ั แกงส้มของภาคกลาง และทีสาคัญจะต้องใส่กะปิ ด้วย ่  หมูผดเคยเค็มสะตอ เคยเค็มคือการเอากุ งเคยมาหมัก ไม่ใช่กะปิ ั ้  ปลาต้มส้ม ไม่ใช่แกงเผ็ดแต่เป็ นแกงสีเหลืองจากขมิน น้าแกงมีรสชาติเปรี้ยวจากส้มควายและ ้ มะขามเปี ยก 
  • 34. อาหารขึนชือของชาวมุสลิม ้ ่  ข้าวยาน้าบูดู เป็ นอาหารพืนเมืองของชาวมุสลิม ประกอบด้วยข้าวสวยใส่ผกนานาชนิด ้ ั อย่างเช่น ถัวฝั กยาวซอย ดอกดาหลาซอย ถัวงอก แตงกวาซอย ใบพลูซอย ใบมะกรูด ่ ่ อ่อนซอย กุ้งแห้งป่น ราดด้วยน้าบูดู อาจจะโรยพริกป่นตามความต้องการ  กือโป๊ ะ เป็ นข้าวเกรียบปลาทีมถนกาเนิดมาจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ (ได้รบอิทธิพลมา ่ ี ิ่ ั จากประเทศมาเลเซีย) มีแบบกรอบซึงจะหันเป็ นแผ่นบางๆแบบข้าวเกรียบทัวไป แบบนิมจะมี ่ ่ ่ ่ ลักษณะเป็ นแท่ง เวลารับประทานจะเหนียวๆ รับประทานกับน้าจิม ้
  • 35. ไก่ย่าง ไก่ย่างของชาวมุสลิมในภาคใต้นน จะมีลกษณะพิเศษคือราดน้าสีแดงลงไป น้าสีแดง ั้ ั จะมีรสชาติเผ็ดนิดๆ หวาน เค็ม และกลมกล่อม สามารถหาได้ตามแผงอาหารทัวไป ตาม ่ ตลาดนัด หรือตลาดเปิ ดท้ายทัวไป ่  ไก่ทอดหาดใหญ่ จริงๆแล้วไก่ทอดหาดใหญ่เป็ นไก่ทอดทัวไป แต่ไก่ทอดหาดใหญ่เป็ นไก่ทอด ่ ทีขนชือในภาคใต้ ่ ้ึ ่ 
  • 36. อาหารชาววัง  อาหารชาววัง หรือ กับข้าวเจ้านาย คืออาหารทีประดิษฐ์คดค้นโดยผู คนในรัววัง มีอต ่ ิ ้ ้ ั ลักษณ์ทสาคัญคือ ความอุ ดมสมบูรณ์และความสดใหม่ของวัตถุดบในการประกอบอาหาร ี่ ิ มีกรรมวิธใี นการทาซับซ้อน ประณีต ต้องใช้เวลาและกาลังผู คนในการทาจานวนมาก มี ้ ลักษณะความแปลกแตกต่าง ความวิจตรบรรจง รวมถึงมีรสชาติทนุมนวลไม่เผ็ดมาก มี ิ ี่ ่ ความกลมกล่อมเป็ นหลัก องค์ประกอบของอาหารชาววัง ในแต่ละมือจะประกอบด้วย ้ อาหารทีมความหลากหลาย ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีประเภทอาหารอย่างน้อยทีสุด 7 ่ี ่ ประเภท คือ ข้าวเสวย เครืองคาว เครืองเคียงแกง เครืองเคียงแขก เครืองเคียงจิม ่ ่ ่ ่ ้ เครืองเคียงเกาเหลา เครืองหวาน อาหารมีครบรส คือ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด ่ ่ อาหารชาววังแตกต่างจากอาหารชาวบ้านคือ การจัดอาหารเป็ นชุด หรือ สารับอาหาร
  • 38. บทที่ 3 อุปกรณ์และวิธีการดาเนินการ การจัดทาโครงงาȨอมพิวเตอร์ อาหารไทย คณะผู จดทาโครงงานมีวธการดาเนินงาน ้ั ิี โครงงาน ตามขันตอน ดังต่อไปนี้ ้ ขั้นตอนการดาเนินการ  1. คิดหัวข้อโครงงานเพือนาเสนออาจารย์ทปรึกษา ่ ี่  2. ศึกษาค้นคว้ารวบรวมข้อมูล ทีเ่ กียวข้องกับโครงงานในการสร้างสือวีดทศน์ ่ ่ ีั  3. จัดทาโครงร่ างโครงงานเสนออาจารย์ทปรึกษา ี่  4. จัดทาโครงงานสร้าง สือวีดทศน์ เรือง อาหารไทย ่ ีั ่  5. เผยแพร่ ผลงานโดยการนาเสนอผ่านสือวีดทศน์ ่ ีั  6. ทาเอกสารสรุปรายงานโครงงาน
  • 39. วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล  1. ศึกษา เรือง อาหารไทย ่  2. ศึกษา เรือง การทางานของตัวโปรแกรมต่างๆ ได้แก่ ่ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาโครงงาน  1. เครืองคอมพิวเตอร์ พร้อมเชือมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์ เน็ต ่ ่
  • 40. บทที่ 4 ผลการดาเนินงาน การจัดทาโครงงาȨอมพิวเตอร์พฒนาสือเพือการศึกษา เรือง อาหารไทย มี ั ่ ่ ่ วัตถุประสงค์เพือเผยแพร่ความรู้เกียวกับอาหารไทย มีผลการดาเนินงานโครงงาน ดังนี้ ่ ่ ผลการพัฒนาโครงงาน  การพัฒนาโครงงานเพือเผยแพร่ ความรู้เกียวกับอาหารไทย คณะผู จดทาได้ดาเนินงาน ่ ่ ้ั ตามขันตอนการดาเนินงานทีไ่ ด้วางแผนไว้ และได้นาเสนอเผยแพร่ผลงานผ่านทาง ้ เครือข่ายระบบอินเทอร์เน็ต ทีสามารถเข้าถึงได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ เป็ นแหล่งเรียนรู้ในโลก ่ ออนไลน์และรวดเร็วในการรับข้อมูล
  • 41. บทที่ 5สรุปผลการดาเนินงาน / ข้อเสนอแนะ การจัดทาโครงงาȨอมพิวเตอร์ อาหารไทย สามารถสรุปผลการดาเนินงานโครงงานและ ข้อเสนอแนะ ดังนี้ การดาเนินงานจัดทาโครงงาน วัตถุประสงค์ของโครงงาน  .เพือให้ความรู้แก่ผูทสนใจเกียวกับประชาคมอาเซียน ่ ้ ี่ ่ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาโครงงาน  1. เครืองคอมพิวเตอร์ พร้อมเชือมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์ เน็ต ่ ่  2. ซอฟต์แวร์
  • 42. สรุปผลการดาเนินงานโครงงาน  การดาเนินงานโครงงานนีบรรลุวตถุประสงค์ทไี่ ด้กาหนดไว้ คือ เพือเป็ นสือให้ความรู้แก่ผู ้ ้ ั ่ ่ ทีสนใจเกียวกับอาหารไทยเป็ นสือวีดทศน์นาเสนอผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทีมทง ่ ่ ่ ีั ่ ี ั้ ภาพสร้างความสนใจช่วยพัฒนาให้ความรู้ของผู ชม มีความเข้าใจ เห็นความสาคัญของ ้ ประชาคมอาเซียนทีจะเข้ามามีบทบาทในประเทศไทย สือวีดทศน์เพือการศึกษาอาเซียน จึง ่ ่ ีั ่ เป็ นสือทีมประโยชน์ เป็ นการนาซอฟต์แวร์มาพัฒนาประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและ ่ ่ี เกิดประโยชน์