ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
ภาษาซี มีข้อดี ดังนี้
- เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่มีการพัฒนาขึ้นใช้งาน
เพื่อเป็นภาษามาตรฐานที่ไม่ขึ้น กับโปรแกรมจัด
ระบบงานและไม่ขึ้นกับฮาร์ดแวร์ - เป็น
ภาษาคอมพิวเตอร์ที่อาศัยหลักการที่เรียกว่า
"โปรแกรมโครงสร้าง" จึงเป็นภาษาที่เหมาะกับการ
พัฒนาโปรแกรมระบบ
- เป็นคอมไพเลอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง ให้รหัส
ออบเจ็กต์สั้น ทางานได้รวดเร็ว เหมาะกับงานที่
ต้องการ ความรวดเร็วเป็นสาคัญ - มีความคล่องตัว
คล้ายภาษาแอสแซมบลี ภาษาซีสามารถเขียนแทน
ภาษาแอสแซมบลีได้ดี ค้นหาที่ผิดหรือ แก้
โปรแกรมได้ง่าย ภาษาซีจึงเป็นภาษาระดับสูงที่
ทางานเหมือนภาษาระดับต่า - มีความคล่องตัวที่จะ
ประยุกต์เข้ากับงานต่างๆ ได้เป็นอย่างดี การพัฒนา
โปรแกรม เช่น เวิร์ดโพรเซสซิ่ง สเปรดชีต
ดาตาเบส ฯลฯ มักใช้ภาษาซีเป็นภาษาสาหรับการ
พัฒนา
- เป็นภาษาที่มีอยู่บนเกือบทุกโปรแกรมจัด
ระบบงาน มีในเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 8
บิต ไปจนถึง 32 บิต เครื่องมินิคอมพิวเตอร์ และ
เมนเฟรม - เป็นภาษาที่รวมข้อดีเด่นในเรื่องการ
พัฒนา จนทาให้ป็นภาษาที่มีผู้สนใจมากมายที่จะ
เรียนรู้หลักการของภาษา และวิธีการเขียน
โปรแกรม
ข้อเสีย - เป็นภาษาที่เรียนรู้ยาก - การตรวจสอบ
โปรแกรมทาได้ยาก - ไม่เหมาะกับการเขียน
โปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับการออกรายงานที่มีรูปแบบ
ซับซ้อน มากๆ
ประวัติภาษาซี
จัดทาโดย
1. นาย ธราเทพ ชุ่มชื่น ม.5/1 เลขที่ 6
2. น.ส. วรรณสวรรค์ อ่อนรู้ที่ ม.5/1 เลขที่ 26
เสนอ
คุณครู จุฑารัตน์ ใจบุญ
โรงเรียนรัษฎานุประดิษฐ์อนุสรณ์
ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษาที่2557
ภาษาซี (C) เป็นภาษาโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์
ที่มีวัตถุประสงค์ทั่วไป พัฒนาขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2515
(ค.ศ. 1972) โดย เดนนิส ริตชี ที่เบลล์เทเลโฟน
แลบอลาทอรีส์ (Bell Telephone
Laboratories) เกิดขึ้นเพื่อสร้าง
ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ในขณะนั้น นอกจากภาษาซี
ออกแบบ ขึ้นมาเพื่อสร้างซอฟต์แวร์ระบบแล้ว
ภาษาซียังสามารถใช้อย่างแพร่หลายเพื่อพัฒนา
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่เคลื่อนย้าย (portable)
ไปบนระบบอื่นได้อีกด้วย ภาษาซีเป็นภาษา
โปรแกรมหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตลอด
กาล มีสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์เพียงส่วนน้อย
เท่านั้นที่ไม่มีตัวแปลโปรแกรมของ ภาษาซี ภาษาซี
มีอิทธิพลอย่างมากต่อภาษาโปรแกรมที่นิยมอื่น ๆ
ที่เด่นชัดที่สุดก็คือภาษาซีพลัส
พลัส ซึ่งเดิมเป็นส่วนขยายของภาษาซี โครงสร้าง
ของโปรแกรมภาษาซี โปรแกรมในภาษาซีทุก
โปรแกรมจะประกอบด้วยฟังก์ชันอย่างน้อย หนึ่ง
ฟังก์ชัน คือ ฟังก์ชัน main โดยโปรแกรมภาษาซี
จะเริ่มทางานที่ฟังก์ชัน main ก่อน ในแต่ละ
ฟังก์ชันจะประกอบด้วย
1. Function heading ประกอบด้วยชื่อ
ฟังก์ชัน และอาจมีรายการของ argument อยู่
ในวงเล็บ
2. Variable Declaration ส่วนประกาศ
ตัวแปร สาหรับภาษาซี ตัวแปรหรือค่าคงที่ทุกตัว ที่
ใช้ในโปรแกรมจะต้องมีการประกาศก่อนว่าจะใช้
งานอย่างไร จะเก็บค่าในรูปแบบใดเช่น integer
หรือ real number
3. Compound Statements ส่วนของ
ประโยคคาสั่งต่างๆ ซึ่งแบ่งเป็นประโยคเชิงซ้อน
(compound statement) กับ ประโยค
นิพจน์ (expression statement) โดย
ประโยคเชิงซ้อนจะอยู่ภายในวงเล็บปีกกาคู่หนึ่ง
{และ} โดยในหนึ่งประโยคเชิงซ้อน จะมีประโยค
นิพจน์ที่แยกจากกันด้วยเครื่องหมาย
semicolon (;) หลายๆ ประโยครวมกัน และ
อาจมีวงเล็บปีกกาใส่ประโยคเชิงซ้อนย่อยเข้าไปอีก
ได้
รูปแบบของการเขียนโปรแกรม ชนิดของ
ข้อมูล ประกอบไปด้วย 1. Character
(char) ใช้ 1 byte บน Dos มีค่า -128 ถึง
127 นิยมใช้เก็บตัวอักษร 1 ตัวอักษร 2.
Integer (int) ใช้ 2 byte มีค่า -32768
ถึง 32767 และยังมี long ซึ่งคล้าย integer
แต่เก็บด้วย ช่วงตัวเลขที่ยาวกว่าจึงกินเนื้อที่ ถึง 4
byte 3. Float ใช้ 2 byte ใช้เก็บตัวเลข
ทศนิยม และยังมี double ซึ่งคล้าย float แต่
เก็บด้วยช่วงตัวเลขที่ยาวกว่าจึงกินเนื้อที่ถึง 4
byte 4. ในภาษา C จะไม่มีชนิดข้อมูลเป็น
string แต่จะใช้สายของอักษร หรือ Array
ของ Char แทนความจริงแล้ว ชนิดของข้อมูลยัง
สามารถจาแนกไปได้อีกมาก

More Related Content

ประวัติภาษาซี

  • 1. ภาษาซี มีข้อดี ดังนี้ - เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่มีการพัฒนาขึ้นใช้งาน เพื่อเป็นภาษามาตรฐานที่ไม่ขึ้น กับโปรแกรมจัด ระบบงานและไม่ขึ้นกับฮาร์ดแวร์ - เป็น ภาษาคอมพิวเตอร์ที่อาศัยหลักการที่เรียกว่า "โปรแกรมโครงสร้าง" จึงเป็นภาษาที่เหมาะกับการ พัฒนาโปรแกรมระบบ - เป็นคอมไพเลอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง ให้รหัส ออบเจ็กต์สั้น ทางานได้รวดเร็ว เหมาะกับงานที่ ต้องการ ความรวดเร็วเป็นสาคัญ - มีความคล่องตัว คล้ายภาษาแอสแซมบลี ภาษาซีสามารถเขียนแทน ภาษาแอสแซมบลีได้ดี ค้นหาที่ผิดหรือ แก้ โปรแกรมได้ง่าย ภาษาซีจึงเป็นภาษาระดับสูงที่ ทางานเหมือนภาษาระดับต่า - มีความคล่องตัวที่จะ ประยุกต์เข้ากับงานต่างๆ ได้เป็นอย่างดี การพัฒนา โปรแกรม เช่น เวิร์ดโพรเซสซิ่ง สเปรดชีต ดาตาเบส ฯลฯ มักใช้ภาษาซีเป็นภาษาสาหรับการ พัฒนา - เป็นภาษาที่มีอยู่บนเกือบทุกโปรแกรมจัด ระบบงาน มีในเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 8 บิต ไปจนถึง 32 บิต เครื่องมินิคอมพิวเตอร์ และ เมนเฟรม - เป็นภาษาที่รวมข้อดีเด่นในเรื่องการ พัฒนา จนทาให้ป็นภาษาที่มีผู้สนใจมากมายที่จะ เรียนรู้หลักการของภาษา และวิธีการเขียน โปรแกรม ข้อเสีย - เป็นภาษาที่เรียนรู้ยาก - การตรวจสอบ โปรแกรมทาได้ยาก - ไม่เหมาะกับการเขียน โปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับการออกรายงานที่มีรูปแบบ ซับซ้อน มากๆ ประวัติภาษาซี จัดทาโดย 1. นาย ธราเทพ ชุ่มชื่น ม.5/1 เลขที่ 6 2. น.ส. วรรณสวรรค์ อ่อนรู้ที่ ม.5/1 เลขที่ 26 เสนอ คุณครู จุฑารัตน์ ใจบุญ โรงเรียนรัษฎานุประดิษฐ์อนุสรณ์ ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษาที่2557
  • 2. ภาษาซี (C) เป็นภาษาโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ ที่มีวัตถุประสงค์ทั่วไป พัฒนาขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) โดย เดนนิส ริตชี ที่เบลล์เทเลโฟน แลบอลาทอรีส์ (Bell Telephone Laboratories) เกิดขึ้นเพื่อสร้าง ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ในขณะนั้น นอกจากภาษาซี ออกแบบ ขึ้นมาเพื่อสร้างซอฟต์แวร์ระบบแล้ว ภาษาซียังสามารถใช้อย่างแพร่หลายเพื่อพัฒนา ซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่เคลื่อนย้าย (portable) ไปบนระบบอื่นได้อีกด้วย ภาษาซีเป็นภาษา โปรแกรมหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตลอด กาล มีสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์เพียงส่วนน้อย เท่านั้นที่ไม่มีตัวแปลโปรแกรมของ ภาษาซี ภาษาซี มีอิทธิพลอย่างมากต่อภาษาโปรแกรมที่นิยมอื่น ๆ ที่เด่นชัดที่สุดก็คือภาษาซีพลัส พลัส ซึ่งเดิมเป็นส่วนขยายของภาษาซี โครงสร้าง ของโปรแกรมภาษาซี โปรแกรมในภาษาซีทุก โปรแกรมจะประกอบด้วยฟังก์ชันอย่างน้อย หนึ่ง ฟังก์ชัน คือ ฟังก์ชัน main โดยโปรแกรมภาษาซี จะเริ่มทางานที่ฟังก์ชัน main ก่อน ในแต่ละ ฟังก์ชันจะประกอบด้วย 1. Function heading ประกอบด้วยชื่อ ฟังก์ชัน และอาจมีรายการของ argument อยู่ ในวงเล็บ 2. Variable Declaration ส่วนประกาศ ตัวแปร สาหรับภาษาซี ตัวแปรหรือค่าคงที่ทุกตัว ที่ ใช้ในโปรแกรมจะต้องมีการประกาศก่อนว่าจะใช้ งานอย่างไร จะเก็บค่าในรูปแบบใดเช่น integer หรือ real number 3. Compound Statements ส่วนของ ประโยคคาสั่งต่างๆ ซึ่งแบ่งเป็นประโยคเชิงซ้อน (compound statement) กับ ประโยค นิพจน์ (expression statement) โดย ประโยคเชิงซ้อนจะอยู่ภายในวงเล็บปีกกาคู่หนึ่ง {และ} โดยในหนึ่งประโยคเชิงซ้อน จะมีประโยค นิพจน์ที่แยกจากกันด้วยเครื่องหมาย semicolon (;) หลายๆ ประโยครวมกัน และ อาจมีวงเล็บปีกกาใส่ประโยคเชิงซ้อนย่อยเข้าไปอีก ได้ รูปแบบของการเขียนโปรแกรม ชนิดของ ข้อมูล ประกอบไปด้วย 1. Character (char) ใช้ 1 byte บน Dos มีค่า -128 ถึง 127 นิยมใช้เก็บตัวอักษร 1 ตัวอักษร 2. Integer (int) ใช้ 2 byte มีค่า -32768 ถึง 32767 และยังมี long ซึ่งคล้าย integer แต่เก็บด้วย ช่วงตัวเลขที่ยาวกว่าจึงกินเนื้อที่ ถึง 4 byte 3. Float ใช้ 2 byte ใช้เก็บตัวเลข ทศนิยม และยังมี double ซึ่งคล้าย float แต่ เก็บด้วยช่วงตัวเลขที่ยาวกว่าจึงกินเนื้อที่ถึง 4 byte 4. ในภาษา C จะไม่มีชนิดข้อมูลเป็น string แต่จะใช้สายของอักษร หรือ Array ของ Char แทนความจริงแล้ว ชนิดของข้อมูลยัง สามารถจาแนกไปได้อีกมาก