ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
อารยธรรมอียิปต์
ที่ตั้งและสภาพภูมิปัจจัย 
• ที่ตั้งในอดีต 
 
บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้้าไนล์ ประเทศอียิปต์ 
อยู่บนสองฟากฝั่งแม่น้้าไนล์ มีพรมแดนธรรมชาติ 
 
ทิศเหนือคือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 
 
ทิศตะวันออกคือทะเลแดง 
 
ทิศใต้คือประเทศนูเบียหรือซูดานในปัจจุบัน 
 
ทิศตะวันตกคือทะเลทรายซะฮาราอียิปต์โบราณประกอบด้วยบริเวณ 
สองแห่งคืออียิปต์บน (Upper Egypt) และอียิปต์ล่าง (Lower Egypt)
• อียิปต์บน(Upper Egypt) อยู่ทางทิศใต้บริเวณที่แม่น้้าไหลผ่านภูเขา หุบเขา 
เนินเขาที่แห้งแล้งมีเนินทรายสีแดงและสีเหลืองเป็นตอนๆ 
• อียิปต์ล่าง (Lower Egypt) อยู่บริเวณที่แม่น้้าแตกสาขาเป็นรูปพัด ไหล 
ลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน บริเวณนี้ชาวกรีกโบราณเรียกว่า เดลต้า
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดอารยธรรมลุ่มน้าไนล์ 
 
2.1 ที่ตั้ง 
2.1.1 เนื่องจากหิมะละลายในเขตที่ราบสูงเอธิโอเปีย ท้าให้ 
บริเวณแม่น้้าไนล์มีดินตะกอนมาทับถมจึงเป็นพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ 
2.1.2 มีความได้เปรียบทางธรรมชาติ เนื่องจากประเทศอียิปต์ 
เป็นดินแดนที่ล้อมรอบด้วยทะเลทรายท้าให้มีปราการธรรมชาติในการ 
ป้องกันศัตรูภายนอก
 
2.2 ทรัพยากรธรรมชาติ 
แม้อียิปต์จะแห้งแล้ง แต่สองฝั่งแม่น้้าไนล์ก็ประกอบด้วย 
หินแกรนิตและหินทราย ใช้ก่อสร้างและพัฒนาความเจริญรุ่งเรือง 
ด้านสถาปัตยกรรม วัสดุเหล่านี้มีความแข็งแรงคงทนแข็งแรงและ 
ช่วยรักษามรดกทางด้านอารยธรรมของอียิปต์ให้ปรากฏแก่ชาวโลกมา 
จนกระทั่งปัจจุบัน
 
2.3 ระบบการปกครอง 
 
เคารพนับถือกษัตริย์ฟาโรห์ดุจเทพเจ้าองค์หนึ่ง จึงมีอ้านาจในการ 
ปกครองและบริหารอย่างเต็มที่ทั้งด้านการเมืองและศาสนา 
 
ขุนนางเป็นผู้ช่วยในการปกครอง 
 
พระเป็นผู้ช่วยด้านศาสนา 
 
ซึ่งการที่พาโรห์มีอ้านาจเด็ดขาดท้าให้อียิปต์สามารถพัฒนาอารย 
ธรรมของตนได้อย่างเต็มที่
 
2.4 ภูมิปัญญาของชาวอียิปต์ 
ชาวอียิปต์สามารถคิดค้นเทคโนโลยีและวิทยาการความเจริญด้าน 
ต่างๆเพื่อตอบสนองการด้าเนินชีวิต ความเชื่อทางศาสนาและการสร้าง 
ความเจริญรุ่งเรืองให้แก่อียิปต์ได้ส่งเสริมความเจริญในด้านการก่อสร้าง 
และสถาปัตยกรรม เป็นต้น เช่น 
 
ความร้ทู างคณิตศาสตร์ 
 
เรขาคณิต 
 
ฟิสิกส์
อียิปต์บทปฐมกาล 
( จุดเริ่มต้นของอารยธรรมอียิปต์ )
สมัยก่อนราชวงศ์ 
เผ่าชนที่มาอาศัย รวมกันตามริมฝั่งแม่น้้าไนล์ แบ่งเป็นกลุ่มต่างๆ เรียกว่า 
โนมส์ ในแต่ละโนมส์จะปกครองโดยกลุ่มนักบวชซึ่งพัฒนามาจากหมอผีในสมัย 
หินใหม่ 
ต่อมาความจ้าเป็นในการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ท้าให้ต้องมีการจัดระบบ 
ชลประทานขึ้น หัวหน้ากรรมกรผู้ควบคุมการ ชลประทานเหล่านี้ได้ถูกยกย่องให้ 
เป็นหัวหน้านักรบของโนมส์ เมื่อขนาดของชุมชนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆก็มีการพัฒนาเป็น 
นครรัฐขนาดเล็กกระจัดกระจายตาม ริมฝั่งแม่น้้าดินแดนของแม่น้้าไนล์ถูกแบ่ง 
ตามสภาพภูมิศาสตร์เป็น อียิปต์บนและอียิปต์ล่าง 
ในราวสี่พันปีก่อนคริสตกาลชาวอียิปต์เริ่มพัฒนารูปแบบอักษรจากรูปภาพ 
และกลายเป็นอักษรเฮียโรกลิฟฟิคในเวลาต่อมา
กำเนิดแห่งอำณำจักร 
• ในราว 3200ปีก่อนคริสตกาล ราชาแมงป่อง (Scorpion king) ผู้ครอง 
นครธีส (This) ได้เข้ายึดครองนครรัฐต่างๆในอียิปต์บนและตั้งตนเป็นฟาโรห์ 
แห่งอาณาจักรบน ปรารถนาจะรวมอียิปต์เข้าด้วยกันแต่พระองค์สิ้นพระชนม์ 
เสียก่อน 
• สมัยของ ฟาโรห์เมเนส(Menese)พระองค์สามารถผนวกทั้งสองอาณาจักรเข้า 
ด้วยกันได้ส้าเร็จและสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นฟาโรห์พระองค์แรกของอียิปต์ 
โดยตั้งเมืองหลวงที่ เมมฟิส (Memphis) ซึ่งอยู่ตอนกลางของลุ่มน้้าไนล์ 
ฟาโรห์เมเนสเป็นฟาโรห์องค์แรกแห่งราชวงศ์ที่หนึ่งของอียิปต์โบราณ
สมัยราชวงศ์ต้น (Early Dynasty or Archaic Period) 
ราชวงศ์ที่ 1-2 (3100-2686 B.C.) 
 
เมเนส ประมุขแห่งอียิปต์บนได้รวมดินแดนทั้งสองเข้าด้วยกัน และ 
สถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์ที่ 1 และตั้งเมืองหลวงอยู่ที่ 
เมืองเมมฟิส(Memphis) 
 
ได้มีการจัดตั้งระบบชลประทาน 
 
อียิปต์ได้พัฒนาระบบตัวเขียนที่ เรียกว่า อักษรฮีโรกลิฟิก 
(Hieroglypjic) หรือสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีลักษณะเป็นอักษรภาพที่จารึก 
บนแผ่นศิลาหรือฝาผนังขนาดใหญ่ ต่อมาได้พัฒนาให้เขียนง่ายขึ้นแต่ก็ยังคง 
เป็นอักษรภาพอยู่ เรียกว่า อักษรเฮียราติก (hieratic) โดยเขียนลงบน 
กระดาษปาปิรุส (papyrus )
สมัยราชอาณาจักรเก่า (The Old Kingdom) 
ราชวงศ์ที่ 3-6 (2686-2155 B.C.) 
 
สมัยนี้บางครั้งก็ถูกเรียกว่า สมัยพีระมิด (The Pyramid Age) ความ 
เชื่อว่าฟาโรห์คือเทวะหรือพระเจ้า จึงท้าให้เกิดวัฒนธรรมการเชิดชูฟาโรห์และ 
พระราชวงศ์ โดยการสร้างพีระมิด เพื่อเก็บพระศพ หรือ มัมมี่ และเกิดการ 
สร้างพีระมิดขึ้นเป็นครั้งแรก 
 
พีระมิดแห่งแรกสร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์โจเซอร์แห่งราชวงศ์ที่ 3 
 
มีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ศิลปกรรม และสถาปัตยกรรม ใน 
ราชวงศ์ที่ 4 ประจวบกับกษัตริย์มีอ้านาจในการปกครองเป็นผลให้เกิดพีระมิด 
ใหญ่ที่สุดขึ้น พีระมิดนี้เป็นของพีระมิดกษัตริย์คูฟุ (Khufu) หรือ คีออปส์ 
(Cheops) อยู่ที่เมือง กีซา (Giza)
สมัยอาณาจักรกลาง 
(The Middle Kingdom 2052-1786 B.C.) 
 
หลังจากอาณาจักรเก่าสิ้นสุดลงเกิดความระส่้าระสาย 
 
กษัตริย์ราชวงศ์ที่ 12 รวมอียิปต์เป็นปึกแผ่นย้ายราชธานีมาอยู่ที่เมือง 
ธิบส์ ทางอียิปต์บน 
 
ในสมัยราชวงศ์ที่ 12 อียิปต์เริ่มกลายเป็นชาติมหาอ้านาจ และสามารถตี 
อาณาจักรนูเบียได้ 
 
มีความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมและท้าค้าขายกับเมืองอาบิ 
ดอส (Abydos) เกาะครีต (Crete) นูเบีย (Nubia) อาระเบีย (Arabia) และ 
บาบิโลเนีย(Babylonia) วรรณคดีและศิลปกรรมก็เจริญขึ้นมาก 
 
มีการท้าเหมืองแร่และอู่ต่อเรือ นอกจากนี้มีการสร้างพีระมิดขนาดใหญ่ 
ขึ้นหลายแห่งการเพาะปลูกอุดมสมบูรณ์ อ้านาจของฟาโรห์กลับมายิ่งใหญ่และ 
มั่งคั่งอีกครั้งหนึ่ง
สมัยอาณาจักรใหม่หรือสมัยจักรวรรดิ 
(The New Kingdom or the Empire Age 
1554-1090 B.C.) 
 
ยุคนี้เป็นยุคที่อียิปต์รุ่งเรืองที่สุด 
 
ยุคของฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 1 (Thutmosis) แห่งราชวงศ์ที่ 18 ในยุคนี้ 
เมืองหลวงของอียิปต์คือนครธีบส์(Thebes) และฝั่งตรงข้ามของเมือง 
หลวงคือ หุบเขาแห่งกษัตริย์อันเป็นสถานที่ฝังพระศพฟาโรห์ 
 
ชาวอียิปต์ได้ยกเลิกประเพณีการสร้างพีระมิดไปตั้งแต่ตอนปลาย ของ 
อาณาจักรเก่าเนื่องจากสิ้น เปลืองวัตถุดิบและหันมาใช้วิธีเจาะหน้าผาเป็น 
สุสานแทน
 
ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของรามซีสที่ 2 แห่งราชวงศ์ที่ 21 ปรากฎว่า 
จักรวรรดิโบราณก็เริ่มเสื่อมลงเป็นล้าดับเพราะกษัตริย์ไร้ความสามารถในการ 
ปกครองและการรบ ขุนนางก่อความวุ่นวายแย่งชิงอ้านาจกันพระขึ้นปกครอง 
อียิปต์
สมัยเสื่อมอานาจ 
(The Decline) 
 
จักรวรรดิอียิปต์เสื่อมอ้านาจตั้งแต่ประมาณปี 1100 ก่อนคริสต์ศักราช 
ในสมัยนี้ชาวต่างชาติ 
 
พวกแอลซีเรียน เปอร์เซียจากเอเชียรวมทั้งชนชาติในแอฟริกาได้เข้า 
รุกรานอียิปต์และปกครองบางส่วนของอียิปต์ 
 
ฟาโรห์ของอียิปต์ก็ยังคงปกครองดินแดนของตนต่อมาจนถึงประมาณปี 
300 ก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อาณาจักรอียิปต์เสื่อมสลายและถูก 
ชาวต่างชาติยึดครอง 
 
กลางคริสต์ศตวรรษที่ 7 อียิปต์หันไปนับถือ ศาสนาอิสลาม
ผลงาȨี่สาคัญྺองการสร้างสรรค์อารยธรรม
ด้านอักษรศาสตร์ 
• อักษรภำพเฮียโรกลิฟฟิค (Hieroglyphic)
ด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ 
• การทาปฏิทิน
• คณิตศาสตร์ 
ค้นพบ ¶ ( Pie) มีค่ำเท่ำกับ 3.14 
กระดาษปาปิรุส
ด้านวรรณกรรม 
• 1. วรรณกรรมเกี่ยวเนื่องกับศาสนา ได้แก่คัมภีร์ผู้ตาย คมัภีร์นีมุ้่ง 
แสดงต่อเทพเจ้ำโอซิริส เพื่อกำรเข้ำสู่โลกหน้ำที่อุดมสมบูรณ์และสุข 
สบำยเช่นอียิปต์โบรำณ นอกจำกนียั้งมีบทสรรเสริญของพระเจ้ำอเนโฮ 
เต็ปที่ 4 ต่อเทพเจ้ำอะตัน เป็นต้น
• 2. วรรณกรรมไม่เกี่ยวเนื่องกับศาสนา ได้แก่งำนสลักบันทึก 
เหตุกำรณ์ตำมเสำหินหรือผนังปิรำมิด เป็นต้น
ด้านศิลปกรรม 
Step Pyramid of Djoser พีระมิดโจเซอร์ (Djoser's Pyramid) หรือ พีระมิด 
แห่งซักการา (The Pyramid of Saqqara) * พีระมิดขั้นบันได
The Red Pyramid พีระมิดแดง (Red Pyramid) สร้างโดยฟาโรห์สนอฟรู
The Bent Pyramid พีระมิดหักงอ (Bent Pyramid) หรือบำงครัง้เรียกกัน 
สัน้ๆ ว่ำ พีระมิดเบีย้ว สร้ำงขึน้โดย ฟำโรห์สนอฟรู (Snofru)
The Pyramids of Giza
สฟิงส์( Sphinx) or ( The Great sphinx of Giza )
ด้านความเชื่อ และศาสนา 
• คัมภีร์มรณะ (Book of the Dead) หรือ The Chapters of Coming - 
Forth - By - Day
• ควำมเชื่อในเรื่องเทพเจ้ำ
อารยธรรมอียิปต์
ด้านการแพทย์ 
• มัมมี่
ขั้นตอนการทา มัมมี่ 
• ขัน้ตอนที่1 
ขัน้ตอนที่ 2
• ขัน้ตอนที่ 3 
• ขัน้ตอนที่ 4
• ขัน้ตอนที่ 5 
• ขัน้ตอนที่ 6
• ขัน้ตอนที่7 
• ขัน้ตอนที่ 8
• ขัน้ตอนที่ 9 ขัน้ตอนที่ 10
• ขัน้ตอนที่ 11 ขัน้ตอนที่ 12 ขัน้ตอนที่ 13

More Related Content

What's hot (20)

๶มโสโปเตเมีย
๶มโสโปเตเมีย๶มโสโปเตเมีย
๶มโสโปเตเมีย
bew lertwassana
อารยธรรมกรีก-โรมัน
อารยธรรมกรีก-โรมันอารยธรรมกรีก-โรมัน
อารยธรรมกรีก-โรมัน
Jungko
ศาสนาชินโต
ศาสนาชินโตศาสนาชินโต
ศาสนาชินโต
Padvee Academy
อารยธรรม๶มโสโปเตเมีย
อารยธรรม๶มโสโปเตเมียอารยธรรม๶มโสโปเตเมีย
อารยธรรม๶มโสโปเตเมีย
Kran Sirikran
อารยธรรม๶มโสโปเตเมียและอียิปต์
อารยธรรม๶มโสโปเตเมียและอียิปต์อารยธรรม๶มโสโปเตเมียและอียิปต์
อารยธรรม๶มโสโปเตเมียและอียิปต์
6091429
อารยธรรมอิȨึϸย
อารยธรรมอิȨึϸยอารยธรรมอิȨึϸย
อารยธรรมอิȨึϸย
Hercule Poirot
อารยธรรมกรีก-โรมัน
อารยธรรมกรีก-โรมันอารยธรรมกรีก-โรมัน
อารยธรรมกรีก-โรมัน
Jungko
อารยธรรมโรมัน
อารยธรรมโรมันอารยธรรมโรมัน
อารยธรรมโรมัน
Pannaray Kaewmarueang
ทวีปอเมริกาเหนือ
ทวีปอเมริกาเหนือทวีปอเมริกาเหนือ
ทวีปอเมริกาเหนือ
พัน พัน
อารยธรรมจีน
อารยธรรมจีนอารยธรรมจีน
อารยธรรมจีน
Infinity FonFn
๶อเชียไมเȨร์และกรีก 6.7 21-22
๶อเชียไมเȨร์และกรีก 6.7 21-22๶อเชียไมเȨร์และกรีก 6.7 21-22
๶อเชียไมเȨร์และกรีก 6.7 21-22
pnmn2122
บทที่ ๓ ศาสนาอียิปต์โบราณ
บทที่ ๓ ศาสนาอียิปต์โบราณบทที่ ๓ ศาสนาอียิปต์โบราณ
บทที่ ๓ ศาสนาอียิปต์โบราณ
Padvee Academy
ศาสนาซิกข์
ศาสนาซิกข์ศาสนาซิกข์
ศาสนาซิกข์
Padvee Academy
วัȨำคัญทางพระพุทธศาสนา
วัȨำคัญทางพระพุทธศาสนาวัȨำคัญทางพระพุทธศาสนา
วัȨำคัญทางพระพุทธศาสนา
Thongsawan Seeha
อารยธรรมกรีก โรมัน
อารยธรรมกรีก โรมันอารยธรรมกรีก โรมัน
อารยธรรมกรีก โรมัน
Jungko
บทที่ 2 อารยธรรมของโลกตะวันตกในยุคโบราณ
บทที่ 2 อารยธรรมของโลกตะวันตกในยุคโบราณบทที่ 2 อารยธรรมของโลกตะวันตกในยุคโบราณ
บทที่ 2 อารยธรรมของโลกตะวันตกในยุคโบราณ
Supicha Ploy
อารยธรรมอิȨึϸย
อารยธรรมอิȨึϸยอารยธรรมอิȨึϸย
อารยธรรมอิȨึϸย
Toey Songwatcharachai
๶มโสโปเตเมีย
๶มโสโปเตเมีย๶มโสโปเตเมีย
๶มโสโปเตเมีย
bew lertwassana
อารยธรรมกรีก-โรมัน
อารยธรรมกรีก-โรมันอารยธรรมกรีก-โรมัน
อารยธรรมกรีก-โรมัน
Jungko
ศาสนาชินโต
ศาสนาชินโตศาสนาชินโต
ศาสนาชินโต
Padvee Academy
อารยธรรม๶มโสโปเตเมีย
อารยธรรม๶มโสโปเตเมียอารยธรรม๶มโสโปเตเมีย
อารยธรรม๶มโสโปเตเมีย
Kran Sirikran
อารยธรรม๶มโสโปเตเมียและอียิปต์
อารยธรรม๶มโสโปเตเมียและอียิปต์อารยธรรม๶มโสโปเตเมียและอียิปต์
อารยธรรม๶มโสโปเตเมียและอียิปต์
6091429
อารยธรรมอิȨึϸย
อารยธรรมอิȨึϸยอารยธรรมอิȨึϸย
อารยธรรมอิȨึϸย
Hercule Poirot
อารยธรรมกรีก-โรมัน
อารยธรรมกรีก-โรมันอารยธรรมกรีก-โรมัน
อารยธรรมกรีก-โรมัน
Jungko
ทวีปอเมริกาเหนือ
ทวีปอเมริกาเหนือทวีปอเมริกาเหนือ
ทวีปอเมริกาเหนือ
พัน พัน
อารยธรรมจีน
อารยธรรมจีนอารยธรรมจีน
อารยธรรมจีน
Infinity FonFn
๶อเชียไมเȨร์และกรีก 6.7 21-22
๶อเชียไมเȨร์และกรีก 6.7 21-22๶อเชียไมเȨร์และกรีก 6.7 21-22
๶อเชียไมเȨร์และกรีก 6.7 21-22
pnmn2122
บทที่ ๓ ศาสนาอียิปต์โบราณ
บทที่ ๓ ศาสนาอียิปต์โบราณบทที่ ๓ ศาสนาอียิปต์โบราณ
บทที่ ๓ ศาสนาอียิปต์โบราณ
Padvee Academy
ศาสนาซิกข์
ศาสนาซิกข์ศาสนาซิกข์
ศาสนาซิกข์
Padvee Academy
วัȨำคัญทางพระพุทธศาสนา
วัȨำคัญทางพระพุทธศาสนาวัȨำคัญทางพระพุทธศาสนา
วัȨำคัญทางพระพุทธศาสนา
Thongsawan Seeha
อารยธรรมกรีก โรมัน
อารยธรรมกรีก โรมันอารยธรรมกรีก โรมัน
อารยธรรมกรีก โรมัน
Jungko
บทที่ 2 อารยธรรมของโลกตะวันตกในยุคโบราณ
บทที่ 2 อารยธรรมของโลกตะวันตกในยุคโบราณบทที่ 2 อารยธรรมของโลกตะวันตกในยุคโบราณ
บทที่ 2 อารยธรรมของโลกตะวันตกในยุคโบราณ
Supicha Ploy

อารยธรรมอียิปต์

  • 2. ที่ตั้งและสภาพภูมิปัจจัย • ที่ตั้งในอดีต  บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้้าไนล์ ประเทศอียิปต์ อยู่บนสองฟากฝั่งแม่น้้าไนล์ มีพรมแดนธรรมชาติ  ทิศเหนือคือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน  ทิศตะวันออกคือทะเลแดง  ทิศใต้คือประเทศนูเบียหรือซูดานในปัจจุบัน  ทิศตะวันตกคือทะเลทรายซะฮาราอียิปต์โบราณประกอบด้วยบริเวณ สองแห่งคืออียิปต์บน (Upper Egypt) และอียิปต์ล่าง (Lower Egypt)
  • 3. • อียิปต์บน(Upper Egypt) อยู่ทางทิศใต้บริเวณที่แม่น้้าไหลผ่านภูเขา หุบเขา เนินเขาที่แห้งแล้งมีเนินทรายสีแดงและสีเหลืองเป็นตอนๆ • อียิปต์ล่าง (Lower Egypt) อยู่บริเวณที่แม่น้้าแตกสาขาเป็นรูปพัด ไหล ลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน บริเวณนี้ชาวกรีกโบราณเรียกว่า เดลต้า
  • 4. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดอารยธรรมลุ่มน้าไนล์  2.1 ที่ตั้ง 2.1.1 เนื่องจากหิมะละลายในเขตที่ราบสูงเอธิโอเปีย ท้าให้ บริเวณแม่น้้าไนล์มีดินตะกอนมาทับถมจึงเป็นพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ 2.1.2 มีความได้เปรียบทางธรรมชาติ เนื่องจากประเทศอียิปต์ เป็นดินแดนที่ล้อมรอบด้วยทะเลทรายท้าให้มีปราการธรรมชาติในการ ป้องกันศัตรูภายนอก
  • 5.  2.2 ทรัพยากรธรรมชาติ แม้อียิปต์จะแห้งแล้ง แต่สองฝั่งแม่น้้าไนล์ก็ประกอบด้วย หินแกรนิตและหินทราย ใช้ก่อสร้างและพัฒนาความเจริญรุ่งเรือง ด้านสถาปัตยกรรม วัสดุเหล่านี้มีความแข็งแรงคงทนแข็งแรงและ ช่วยรักษามรดกทางด้านอารยธรรมของอียิปต์ให้ปรากฏแก่ชาวโลกมา จนกระทั่งปัจจุบัน
  • 6.  2.3 ระบบการปกครอง  เคารพนับถือกษัตริย์ฟาโรห์ดุจเทพเจ้าองค์หนึ่ง จึงมีอ้านาจในการ ปกครองและบริหารอย่างเต็มที่ทั้งด้านการเมืองและศาสนา  ขุนนางเป็นผู้ช่วยในการปกครอง  พระเป็นผู้ช่วยด้านศาสนา  ซึ่งการที่พาโรห์มีอ้านาจเด็ดขาดท้าให้อียิปต์สามารถพัฒนาอารย ธรรมของตนได้อย่างเต็มที่
  • 7.  2.4 ภูมิปัญญาของชาวอียิปต์ ชาวอียิปต์สามารถคิดค้นเทคโนโลยีและวิทยาการความเจริญด้าน ต่างๆเพื่อตอบสนองการด้าเนินชีวิต ความเชื่อทางศาสนาและการสร้าง ความเจริญรุ่งเรืองให้แก่อียิปต์ได้ส่งเสริมความเจริญในด้านการก่อสร้าง และสถาปัตยกรรม เป็นต้น เช่น  ความร้ทู างคณิตศาสตร์  เรขาคณิต  ฟิสิกส์
  • 9. สมัยก่อนราชวงศ์ เผ่าชนที่มาอาศัย รวมกันตามริมฝั่งแม่น้้าไนล์ แบ่งเป็นกลุ่มต่างๆ เรียกว่า โนมส์ ในแต่ละโนมส์จะปกครองโดยกลุ่มนักบวชซึ่งพัฒนามาจากหมอผีในสมัย หินใหม่ ต่อมาความจ้าเป็นในการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ท้าให้ต้องมีการจัดระบบ ชลประทานขึ้น หัวหน้ากรรมกรผู้ควบคุมการ ชลประทานเหล่านี้ได้ถูกยกย่องให้ เป็นหัวหน้านักรบของโนมส์ เมื่อขนาดของชุมชนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆก็มีการพัฒนาเป็น นครรัฐขนาดเล็กกระจัดกระจายตาม ริมฝั่งแม่น้้าดินแดนของแม่น้้าไนล์ถูกแบ่ง ตามสภาพภูมิศาสตร์เป็น อียิปต์บนและอียิปต์ล่าง ในราวสี่พันปีก่อนคริสตกาลชาวอียิปต์เริ่มพัฒนารูปแบบอักษรจากรูปภาพ และกลายเป็นอักษรเฮียโรกลิฟฟิคในเวลาต่อมา
  • 10. กำเนิดแห่งอำณำจักร • ในราว 3200ปีก่อนคริสตกาล ราชาแมงป่อง (Scorpion king) ผู้ครอง นครธีส (This) ได้เข้ายึดครองนครรัฐต่างๆในอียิปต์บนและตั้งตนเป็นฟาโรห์ แห่งอาณาจักรบน ปรารถนาจะรวมอียิปต์เข้าด้วยกันแต่พระองค์สิ้นพระชนม์ เสียก่อน • สมัยของ ฟาโรห์เมเนส(Menese)พระองค์สามารถผนวกทั้งสองอาณาจักรเข้า ด้วยกันได้ส้าเร็จและสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นฟาโรห์พระองค์แรกของอียิปต์ โดยตั้งเมืองหลวงที่ เมมฟิส (Memphis) ซึ่งอยู่ตอนกลางของลุ่มน้้าไนล์ ฟาโรห์เมเนสเป็นฟาโรห์องค์แรกแห่งราชวงศ์ที่หนึ่งของอียิปต์โบราณ
  • 11. สมัยราชวงศ์ต้น (Early Dynasty or Archaic Period) ราชวงศ์ที่ 1-2 (3100-2686 B.C.)  เมเนส ประมุขแห่งอียิปต์บนได้รวมดินแดนทั้งสองเข้าด้วยกัน และ สถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์ที่ 1 และตั้งเมืองหลวงอยู่ที่ เมืองเมมฟิส(Memphis)  ได้มีการจัดตั้งระบบชลประทาน  อียิปต์ได้พัฒนาระบบตัวเขียนที่ เรียกว่า อักษรฮีโรกลิฟิก (Hieroglypjic) หรือสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีลักษณะเป็นอักษรภาพที่จารึก บนแผ่นศิลาหรือฝาผนังขนาดใหญ่ ต่อมาได้พัฒนาให้เขียนง่ายขึ้นแต่ก็ยังคง เป็นอักษรภาพอยู่ เรียกว่า อักษรเฮียราติก (hieratic) โดยเขียนลงบน กระดาษปาปิรุส (papyrus )
  • 12. สมัยราชอาณาจักรเก่า (The Old Kingdom) ราชวงศ์ที่ 3-6 (2686-2155 B.C.)  สมัยนี้บางครั้งก็ถูกเรียกว่า สมัยพีระมิด (The Pyramid Age) ความ เชื่อว่าฟาโรห์คือเทวะหรือพระเจ้า จึงท้าให้เกิดวัฒนธรรมการเชิดชูฟาโรห์และ พระราชวงศ์ โดยการสร้างพีระมิด เพื่อเก็บพระศพ หรือ มัมมี่ และเกิดการ สร้างพีระมิดขึ้นเป็นครั้งแรก  พีระมิดแห่งแรกสร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์โจเซอร์แห่งราชวงศ์ที่ 3  มีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ศิลปกรรม และสถาปัตยกรรม ใน ราชวงศ์ที่ 4 ประจวบกับกษัตริย์มีอ้านาจในการปกครองเป็นผลให้เกิดพีระมิด ใหญ่ที่สุดขึ้น พีระมิดนี้เป็นของพีระมิดกษัตริย์คูฟุ (Khufu) หรือ คีออปส์ (Cheops) อยู่ที่เมือง กีซา (Giza)
  • 13. สมัยอาณาจักรกลาง (The Middle Kingdom 2052-1786 B.C.)  หลังจากอาณาจักรเก่าสิ้นสุดลงเกิดความระส่้าระสาย  กษัตริย์ราชวงศ์ที่ 12 รวมอียิปต์เป็นปึกแผ่นย้ายราชธานีมาอยู่ที่เมือง ธิบส์ ทางอียิปต์บน  ในสมัยราชวงศ์ที่ 12 อียิปต์เริ่มกลายเป็นชาติมหาอ้านาจ และสามารถตี อาณาจักรนูเบียได้  มีความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมและท้าค้าขายกับเมืองอาบิ ดอส (Abydos) เกาะครีต (Crete) นูเบีย (Nubia) อาระเบีย (Arabia) และ บาบิโลเนีย(Babylonia) วรรณคดีและศิลปกรรมก็เจริญขึ้นมาก  มีการท้าเหมืองแร่และอู่ต่อเรือ นอกจากนี้มีการสร้างพีระมิดขนาดใหญ่ ขึ้นหลายแห่งการเพาะปลูกอุดมสมบูรณ์ อ้านาจของฟาโรห์กลับมายิ่งใหญ่และ มั่งคั่งอีกครั้งหนึ่ง
  • 14. สมัยอาณาจักรใหม่หรือสมัยจักรวรรดิ (The New Kingdom or the Empire Age 1554-1090 B.C.)  ยุคนี้เป็นยุคที่อียิปต์รุ่งเรืองที่สุด  ยุคของฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 1 (Thutmosis) แห่งราชวงศ์ที่ 18 ในยุคนี้ เมืองหลวงของอียิปต์คือนครธีบส์(Thebes) และฝั่งตรงข้ามของเมือง หลวงคือ หุบเขาแห่งกษัตริย์อันเป็นสถานที่ฝังพระศพฟาโรห์  ชาวอียิปต์ได้ยกเลิกประเพณีการสร้างพีระมิดไปตั้งแต่ตอนปลาย ของ อาณาจักรเก่าเนื่องจากสิ้น เปลืองวัตถุดิบและหันมาใช้วิธีเจาะหน้าผาเป็น สุสานแทน
  • 15.  ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของรามซีสที่ 2 แห่งราชวงศ์ที่ 21 ปรากฎว่า จักรวรรดิโบราณก็เริ่มเสื่อมลงเป็นล้าดับเพราะกษัตริย์ไร้ความสามารถในการ ปกครองและการรบ ขุนนางก่อความวุ่นวายแย่งชิงอ้านาจกันพระขึ้นปกครอง อียิปต์
  • 16. สมัยเสื่อมอานาจ (The Decline)  จักรวรรดิอียิปต์เสื่อมอ้านาจตั้งแต่ประมาณปี 1100 ก่อนคริสต์ศักราช ในสมัยนี้ชาวต่างชาติ  พวกแอลซีเรียน เปอร์เซียจากเอเชียรวมทั้งชนชาติในแอฟริกาได้เข้า รุกรานอียิปต์และปกครองบางส่วนของอียิปต์  ฟาโรห์ของอียิปต์ก็ยังคงปกครองดินแดนของตนต่อมาจนถึงประมาณปี 300 ก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อาณาจักรอียิปต์เสื่อมสลายและถูก ชาวต่างชาติยึดครอง  กลางคริสต์ศตวรรษที่ 7 อียิปต์หันไปนับถือ ศาสนาอิสลาม
  • 20. • คณิตศาสตร์ ค้นพบ ¶ ( Pie) มีค่ำเท่ำกับ 3.14 กระดาษปาปิรุส
  • 21. ด้านวรรณกรรม • 1. วรรณกรรมเกี่ยวเนื่องกับศาสนา ได้แก่คัมภีร์ผู้ตาย คมัภีร์นีมุ้่ง แสดงต่อเทพเจ้ำโอซิริส เพื่อกำรเข้ำสู่โลกหน้ำที่อุดมสมบูรณ์และสุข สบำยเช่นอียิปต์โบรำณ นอกจำกนียั้งมีบทสรรเสริญของพระเจ้ำอเนโฮ เต็ปที่ 4 ต่อเทพเจ้ำอะตัน เป็นต้น
  • 22. • 2. วรรณกรรมไม่เกี่ยวเนื่องกับศาสนา ได้แก่งำนสลักบันทึก เหตุกำรณ์ตำมเสำหินหรือผนังปิรำมิด เป็นต้น
  • 23. ด้านศิลปกรรม Step Pyramid of Djoser พีระมิดโจเซอร์ (Djoser's Pyramid) หรือ พีระมิด แห่งซักการา (The Pyramid of Saqqara) * พีระมิดขั้นบันได
  • 24. The Red Pyramid พีระมิดแดง (Red Pyramid) สร้างโดยฟาโรห์สนอฟรู
  • 25. The Bent Pyramid พีระมิดหักงอ (Bent Pyramid) หรือบำงครัง้เรียกกัน สัน้ๆ ว่ำ พีระมิดเบีย้ว สร้ำงขึน้โดย ฟำโรห์สนอฟรู (Snofru)
  • 27. สฟิงส์( Sphinx) or ( The Great sphinx of Giza )
  • 28. ด้านความเชื่อ และศาสนา • คัมภีร์มรณะ (Book of the Dead) หรือ The Chapters of Coming - Forth - By - Day
  • 32. ขั้นตอนการทา มัมมี่ • ขัน้ตอนที่1 ขัน้ตอนที่ 2
  • 33. • ขัน้ตอนที่ 3 • ขัน้ตอนที่ 4
  • 34. • ขัน้ตอนที่ 5 • ขัน้ตอนที่ 6
  • 35. • ขัน้ตอนที่7 • ขัน้ตอนที่ 8
  • 36. • ขัน้ตอนที่ 9 ขัน้ตอนที่ 10
  • 37. • ขัน้ตอนที่ 11 ขัน้ตอนที่ 12 ขัน้ตอนที่ 13