ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
ตัวแปรและสมมติฐาȨารวิจัย
ตัวแปรและสมมติฐาȨารวิจัย
ตัวแปรและสมมติฐาȨารวิจัย
ตารางที่ 1 การเปรียบเทียบลักษณะของลักษณะของตัวแปรต้น/อิสระ และตัวแปรตาม/ผล 
ลักษณะ ตัวแปรต้น/อิสระ ตัวแปรตาม/ผล 
1.ความเป็นเหตุเป็นผล 
2.การจัดกระทา 
3.การพยากรณ์ 
4.การกระตุ้น 
5.การเกิดก่อน-หลัง 
6.ความคงทน 
เป็นเหตุ 
จัดกระทาได้ 
ตัวพยากรณ์ 
ตัวกระตุ้น 
เกิดก่อน 
คงทนกว่า 
เป็นผล 
เกิดขึ้นเอง จัดกระทาไม่ได้ 
ตัวถูกพยากรณ์ 
ตัวตอบสนอง 
เกิดหลัง 
เปลี่ยนแปลงง่ายกว่า
3. ความสาคัญของตัวแปร 
แนวคิดและ 
ทฤษฎี 
ตัวแปร 
สถิติสมมุติฐาน 
ผู้วิจัยจะต้องรู้ว่าตัวแปร คืออะไร ธรรมชาติของตัวแปรแต่ถ้า 
ผู้วิจัยไม่สามารถระบุตัวแปรได้อย่างชัดเจน หรือครอบคลุม ทา ให้ 
ผลการวิจัยอาจเป็น “ข้อความรู้ที่ไม่น่าเชื่อถือ”
4. ประเภทของตัวแปร 
• เป็นตัวแปรที่ผู้วิจัยต้องการจะศึกษา 
• กา หนดขึ้นตามหลักการของเหตุผลที่ได้ศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ 
• เป็นตัวแปรที่ผู้วิจัยต้องการจะศึกษาผลที่เกิดขึ้น 
• ค่าแปรเปลี่ยนไปตามตัวแปรอิสระ/ตัวแปรต้น 
• เป็นคา ตอบหรือผลลัพธ์ของปัญหา 
• เป็นตัวแปรที่ผู้วิจัยไม่ต้องการที่จะศึกษา 
• มักจะเกิดขึ้นในระหว่างการวิจัยและส่งผลให้เกิดความคลาดเคลื่อน 
ในการวิจัยเสมอ ๆ 
ตัวแปร 
สอดแทรก 
• เป็นตัวแปรที่ผู้วิจัยไม่ต้องการที่จะศึกษา 
• มักจะเกิดขึ้นในระหว่างการวิจัยและส่งผลให้เกิดความคลาดเคลื่อนใน 
การวิจัยเสมอ ๆ
สรุปความสัมพันธ์ของตัวแปร 
ที่จาแนกตามสภาพการณ์เกิดขึ้น/ความสัมพันธ์ 
ดยสรุปความสัมพันธ์ของตัวแปรที่จา แนกตามส าพการณ์เกิดขึ้น/ความสัมพันธ์ ดังแสดงในภาพที่4 
ตัวแปรต้น 
ตัวแปรแทรก้อน 
ตัวแปรสอดแทรก 
ตัวแปรที่ต้องการศึกษา 
ตัวแปรตาม 
ตัวแปรไม่ต้องการศึกษา 
แต่ควบคุมได้ 
ตัวแปรที่ไม่ต้องการศึกษา 
และควบคุมไม่ได้
4. ประเภทของตัวแปร (ต่อ) 
2. จาแนกตามลักษณะของข้อมูล 
ตัวแปรเชิงปริมาณ ตัวแปรเชิงลักษณะ 
3. จาแนกตามความต่อเนื่องของข้อมูล 
ตัวแปรต่อเนื่อง ตัวแปรไม่ต่อเนื่อง 
4. จาแนกตามประเภทของความรู้ 
ตัวแปรความคิดรวบยอด ตัวแปรสมมุติฐาน
4. ประเภทของตัวแปร (ต่อ) 
5. จาแนกตามจานวนตัวแปร 
ตัวแปรทวิ าค ตัวแปรพหุ าค 
6. จาแนกตามความเป็นไปได้ในการกาหนด 
ตัวแปรที่กา หนดได้ ตัวแปรที่ไม่สามารถกา หนดได้
5. กฎเกณฑ์ของการสรุปความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่าง 
ตัวแปร 2 ตัว
6.1 ประเภทของความสัมพันธ์ จาแนกได้3 ประเภท ดังนี้ 
6.1.2 ความสัมพันธ์แบบอสมมาตร (Asymmetical Relationship) เป็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ 
เป็นแบบทางเดียวในลักษณะของตัวแปรหนึ่งเป็นเหตุและอีกตัวแปรหนึ่งจะเป็นผล กล่าวคือ ตัวแปรหนึ่งจะ 
เป็นตัวแปรต้นที่ส่งผลให้เกิดตัวแปรตามอีกตัวหนึ่ง 
6.1.3 ความสัมพันธ์แบบส่งผลต่อกันและกัน (Reciprocal Relationship) เป็นความสัมพันธ์ 
ระหว่างตัวแปรที่เป็นแบบสองทาง ในลักษณะของการเป็นเหตุและผลึ่งกันและกัน ดยที่ไม่ทราบอย่าง 
ชัดเจนว่าตัวแปรใดเป็นตัวแปรต้นหรือตัวแปรใดเป็นตัวแปรตาม 
ดยที่ความสัมพันธ์ของตัวแปรทั้ง 3 ประเ ท แสดงได้ดังภาพที่5 (สุชาติ ประสิทธิ รัฐสินธุ์ , 2546 : 67-68) 
A B 
A 
B 
A 
B 
ความสัมพันธ์ 
แบบสมมาตร 
ความสัมพันธ์ 
แบบอสมมาตร 
ความสัมพันธ์ 
แบบส่งผลต่อกันและกัน
ตัวแปรและสมมติฐาȨารวิจัย
6.3 ลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร
7. การกาหȨความหมายของตัวแปร 
7.1 การกาหȨความหมายของตัวแปร
การนิยามตัวแปร๶ชิงโครงสร้าง๶ป็Ȩิยาม๶ชิงปฏิบัติการ
2. ประเภทของการกาหȨความหมายของตัวแปร 
2.1 การกาหนดความหมายเชิง 
โครงสร้าง 
2.2 การกาหนดความหมายเชิง 
ปฏิบัติการ 
เป็นการกาหนดความหมายโดยใช้ 
ภาษาเชิงวิชาการตามพจนานุกรม ที่ 
แสดงองค์ประกอบหรือโครงสร้างที่ 
มีความเป็นนามธรรม 
เป็นการกาหนดความหมายที่ 
เฉพาะเจาะจงในลักษณะรูปธรรมที่ 
ชัดเจนที่สามารถดาเนินการ/ปฏิบัติ 
ได้ และสามารถวัดและสังเกตค่าได้
ตัวแปรและสมมติฐาȨารวิจัย
3. หลักการของการกาหนดค่านิยามเชิงปฏิบัติการ 
7.3 หลักการของการกา หนดค่านิยามเชิงปิบัติการ 
ปาริชาต สถานปิตานนท์ (2546 : 107-108) และบุญใจ ศรีสถิตย์นรากูล( 2547 : 61) ได้นาเสนอ 
หลักการของการกา หนดคา นิยามเชิงปิบัติการ ดังนี้ 
7.3.1. การกา หนดคา นิยามเชิงปิบัติการ (Operational Definition) ต้องกา หนดขึ้นบนพื้นฐาน 
ของคา นิยามเชิงม นทัศน์ของตัวแปรนั้น ๆ ดังนั้นเมื่อจะกา หนดคา นิยามเชิงปิบัติการควรศึกษาแนวคิด 
หรือทฤษีเกี่ยวกับตัวแปรนั้น ๆให้ชัดเจน เพราะถ้าคา นิยามเชิงปิบัติการมีความสอดคล้องกับคา นิยามเชิง 
ม นทัศน์แล้วจะทา ให้เกิดความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ที่สามารถแสดงความสัมพันธ์ระหว่างคา นิยามเชิงม น 
ทัศน์ คา นิยามเชิงปิบัติการ และเครื่องมือที่ใช้ใน การวิจัย ดังแสดงใน ภาพที่ 14 (บุญใจ ศรีสถิตย์นรากูล 
(2547 : 61)
8. วิธีการกาหนดตัวแปร
9. ประเด็นที่ควรพิจารณาในการวัดตัวแปร 
2.1 มีตัวแปรที่ชัดเจนจานวนหนึ่ง 
เช่น เพศ ระดับการศึกษา ระดับ 
รายได้ เป็นต้น 
2.2 มีตัวแปรที่มีความซับซ้อน มี 
มุมมองหลายคุณลักษณะไม่ 
สามารถวัดค่าตัวแปรได้โดยตรง 
จะต้องใช้การวัดทางอ้อม 
เนื่องจากระดับการวัดของ 
ข้อมูลจะช่วยให้สามารถ 
เลือกใช้สถิติที่เหมาะสมในการ 
วิเคราะห์ข้อมูล
10. การควบคุมตัวแปร 
วิธีควบคุมจากปัจจัยภายใน วิธีควบคุมจากผู้ทดลอง 
1.1 การจัดกระทา แบบสุ่ม 2.1 มีการจัดเตรียม/ชี้แจงทีมงาน 
1.2 การนาตัวแปรควบคุม 
มาเป็นตัวแปรอิสระ 
1.3 ทา ให้ตัวแปรควบคุมคงที่ 
1.4 การปรับค่าทางสถิติเป็น 
การใช้สถิติในการควบคุม 
1.5 การตัดทิ้ง 
ผู้วิจัยให้มีความเข้าใจในเทคนิค 
การเก็บรวบรวมข้อมูล 
2.2 ไม่ให้กลุ่มตัวอย่างรับทราบว่า 
เป็นกลุ่มทดลองหรือกลุ่มควบคุม 
2.3 ไม่ให้กลุ่มตัวอย่างได้ 
รับทราบเกี่ยวกับตัวแปรที่ 
ต้องการศึกษา
ตัวแปรและสมมติฐาȨารวิจัย
ตัวแปรและสมมติฐาȨารวิจัย
ตัวแปรและสมมติฐาȨารวิจัย
3. หลักการกาหนดสมมุติฐาน
4. ความสาคัญของสมมุติฐาน
5. กระบวนการกาหนดสมมุติฐาน 
(เปรื่องกุมุทและนิคมทาแดง,2537 :5 อ้างอิงมาจากGraziano, 1989 :155)
ตัวแปรและสมมติฐาȨารวิจัย
6.4 การกา หนดสมมุติฐานการวิจัยจะต้องระบุความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาตั้งแต่ 2 
ตัวขึ้นไป ที่จา แนกได้ดังนี้ 
6.4.1 การกา หนดสมมุติฐานอย่างง่าย (Simple Hypothesis) เป็นการกา หนดสมมุติฐาน 
ที่ระบุความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ตัว (ตัวแปรต้นและตัวแปรตาม )ในลักษณะส่งผล ดยตรง ดังแสดงใน 
ภาพที่ 22 
ตัวแปร X ตัวแปร Y 
6.4.2 การกา หนดสมมุติฐานแบบับ้อน (Complex Hypothesis) เป็นการมมุติฐานที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไปที่ส่งผลึ่งกันและกันดังแสดง 
ภาพที่ 23
ตัวแปรและสมมติฐาȨารวิจัย
8. สิ่งที่พึงระวังในการกาหนดสมมุติฐาน
9. เกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกสมมุติฐาน
การทดสอบสมมุติฐาน 
1. ความหมาย
2. ประเภทของการทดสอบสมมุติฐาน
ตัวแปรและสมมติฐาȨารวิจัย
2. กระบวนการทดสอบสมมุติฐาน 
1. พิจารณาผลที่จะ 
เกิดขึ้น 
2. เลือกวิธีการที่ใช้ 
ทดสอบ 
3. การยืนยัน 
สมมุติฐาน
3. ความคลาดเคลื่อน
4. ปัจจัยที่มีผลต่อความคลาดเคลื่อนในการทดสอบสมมุติฐาน 
1.ระดับนัยสาคัญ/ขอบเขตวิกฤต (Level of Significance :α) 
2.ขนาดของกลุ่มตัวอย่าง (Sample Size) 
3.การสุ่มตัวอย่าง (Sampling) 
4.ความคล้ายคลึงของกลุ่มตัวอย่าง (Homogeneity of Sample) 
5.ความแปรปรวนของข้อมูล (Data Variability) 
6.ขนาดความแตกต่างของคะแนนตัวแปร 
7.เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย (Instrument) 
8.ระดับมาตรวัดของตัวแปร (Level of Measurement) 
9.การควบคุมตัวแปรแทรก้อน ดยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม
5. ค่าความน่าจะเป็นในการทดสอบสมมุติฐานทางสถิติ 
1.ค่าแอลฟา หรือระดับนัยสาคัญทางสถิติ (Level of Significance :훼) เป็น 
การกา หนดล่วงหน้าในขอบเขตความคลาดเคลื่อน (แบบที่ 1) ที่ผู้วิจัยยอมให้เกิดขึ้นใน 
การทดสอบสมมุติฐานในแต่ละครั้ง หรือแสดงพื้นที่วิกฤต (Critical Region) หรือเขต 
ปิเสธ (Reject Region) 
2.ค่าเบต้าและอา นาจของการทดสอบ (훽) เป็นค่าความน่าจะเป็นที่มาค่าที่ 
ผกผันกับค่าแอลฟา 5.3ค่าพี (P-value) เป็นค่าความน่าจะเป็นที่เป็นตัวแปรเชิงสุ่ม ที่ 
แสดงระดับความสอดคล้องของข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างกับสมมุติฐานหลัก ายหลังการ 
ทดสอบสมมุติฐาน
6. ขั้นตอนในการทดสอบสมมุติฐาน 
1.ขั้นตอนที่ 1 กา หนดสมมุติฐานหลัก (H0) และสมมติฐานทางเลือก (H1) 
2.ขั้นตอนที่ 2 กา หนดระดับนัยสา คัญ (Level of Significance : α) เป็นการ 
กา หนดความน่าจะเป็นของการปิเสธสมมุติฐานหลักที่เป็นจริง 
3.ขั้นตอนที่ 3 เลือกใช้สถิติที่เหมาะสมสาหรับการทดสอบสมมุติฐานที่ 
จะต้องคา นึงถึงข้อตกลงเบื้องต้นของการใช้สถิติแต่ละประเ ทที่มีความเหมาะสมกับ 
ข้อมูลที่ต้องการทดสอบ
การทดสอบสมมุติฐาน (ต่อ)
7. ขั้นตอน/วิธีการทหี่ลากหลาย
8. การดาเนินการในการดาเนินการในกรณีที่ผลการทดสอบ 
สมมติฐานพบว่าไม่มีนัยสาคัญ
ตัวแปรและสมมติฐาȨารวิจัย
ตัวแปรและสมมติฐาȨารวิจัย
9. ปัจจัยที่มีผลทาให้การทดสอบสมมุติฐานมีนัยสาคัญ
ขอบคุณค่ะ

More Related Content

ตัวแปรและสมมติฐาȨารวิจัย