ݺߣ
Submit Search
ประวัติความเป็Ȩาและพัոาการของอินทอร์Ȩต
•
Download as PPTX, PDF
•
0 likes
•
549 views
วีรวัฒน์ สว่างแสง
Follow
ประวัติความเป็Ȩาและพัոาการของอินทอร์Ȩต
Read less
Read more
1 of 11
Download now
Download to read offline
More Related Content
ประวัติความเป็Ȩาและพัոาการของอินทอร์Ȩต
1.
ประวัติความเป็ นมาและพัฒนาการของ อินเทอร์เน็ต
2.
อินเทอร์เน็ต (internet) มาจากคาว่า
inter connection network หมายถึง เครือข่ายของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ เชื่อมโยงเครื่อง คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องทั่วโลกให้สามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้ โดยใช้มาตรฐาน เดียวกันในการรับส่งข้อมูล (สุวิช ถิระโคตร, 2554, หน้า 9) ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ละเครื่องสามารถรับส่งข้อมูลในรูปแบบต่างๆ เช่น ตัวอักษร ภาพและเสียงได้ สามารถค้นหาข้อมูลจากที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เพราะอินเทอร์เน็ตมี มาตรฐานในการรับส่งข้อมูลที่ชัดเจนเป็นหนึ่งเดียวจึงทาให้การเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์ต่างชนิดกันสามารถทาได้อย่างสะดวก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อกันเข้าเป็นเครือข่ายหลักของอินเทอร์เน็ต มักจะเป็นระบบเครือข่ายของ มินิคอมพิวเตอร์หรือระบบเครือข่ายท้องถิ่นและเครือข่ายของ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ จึงอาจกล่าวได้ว่าอินเทอร์เน็ตเป็น เครือข่ายของเครือข่าย (network of network) ส่วนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลนั้นมักจะไม่เชื่อมต่อกับ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตตลอดเวลาเพียงแต่เชื่อมต่อเข้าไปตามความต้องการในการ ใช้งานเท่านั้น
3.
ประวัติความเป็ นมาของอินเทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ตมีจุดเริ่มต้นมาจากโครงการเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทางการทหารของ กระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกาที่มีชื่อโครงการว่าอาร์พาเน็ต
(ARPANET: advanced research project agency) เมื่อ พ.ศ. 2512 โดยมีรูปเเบบของการทางาน ทางานที่เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถส่งข้อมูลไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ได้ในหลายๆ เส้นทาง ถึงแม้ว่าจะมีคอมพิวเตอร์บางเครื่องใน เครื่องในเครือข่ายถูกทาลายหรือขัดข้อง แต่คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ก็ยังสามารถ ติดต่อสื่อสารกันได้โดยผ่านเส้นทางอื่นที่ยังใช้งานได้ดี นอกจากนี้ยังใช้ในการทดลอง ทดลองสาหรับพัฒนาวิธีควบคุมการส่งผ่านตามมาตรฐาน
4.
อินเทอร์เน็ต (tranmission contocol
protocol/internet protocol : TCP/IP) เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องสามารถติอต่อกันได้โดยใช้มาตรฐานเดียวกัน ซึ่งถือ ว่าเป็นสิ่ง สาคัญที่อาร์พาเน็ตได้วางรากฐานไว้ให้กับอินเทอร์เน็ตเพราะจาก มาตรฐานการรับส่งข้อมูลแบบ TCP/IP ทาให้ครื่องคอมพิวเตอร์ต่างชนิดกัน สามารถติดต่อสื่อสารและรับส่งข้อมูลไปมาระหว่างกันได้
5.
พัฒนาการของอินเทอร์เน็ต ในยุคที่เครือข่ายสังคมปัจจุบันมีการติดต่อและแลกเปลี่ยนข่าวสารผ่าน เครือข่ายออนไลน์หรืออินเทอร์เน็ต ระบบอินเทอร์เน็ตจึงได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีเว็บ เทคโนโลยีเว็บอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองต่อความต้องการและความสะดวกในการ การติดต่อสื่อสาร จากอดีตที่เป็นเว็บ
1.0 มาเป็นเว็บ 2.0 และเข้าสู่เว็บ 3.0 โดยเว็บ เว็บเชิงความหมายเป็นเทคโนโลยีหนึ่งของเว็บ 3.0 ที่ทาให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลของ ของเว็บผู้พัฒนาและเว็บของแหล่งข้อมูลอื่นที่สัมพันธ์กัน ทาให้เกิดระบบสืบค้นที่มี มีประสิทธิภาพ สามารถสืบค้นข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและตรงประเด็นภายใต้ ความสัมพันธ์ของคาที่มีความหมายต่อกัน และสามารถเชื่อมโยงไปยังข้อมูลที่ต้องการ ต้องการอย่างแท้จริงด้วยรูปแบบการติดต่อสื่อสารข้อมูลจากเทคโนโลยี XML (extensive markup language), RDF (resource description framework) และ
6.
อินเทอร์เน็ต (tranmission contocol
protocol/internet protocol : TCP/IP) เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องสามารถติอต่อกันได้โดยใช้มาตรฐานเดียวกัน ซึ่งถือ ว่าเป็นสิ่ง สาคัญที่อาร์พาเน็ตได้วางรากฐานไว้ให้กับอินเทอร์เน็ตเพราะจาก มาตรฐานการรับส่งข้อมูลแบบ TCP/IP ทาให้ครื่องคอมพิวเตอร์ต่างชนิดกัน สามารถติดต่อสื่อสารและรับส่งข้อมูลไปมาระหว่างกันได้
7.
เทคโนโลยีที่ใช้ในการสร้างเว็บ 3.0 ประกอบด้วย 1.
artificial intelligence (AI) เป็นการนาปัญญาประดิษฐ์มาใช้วิเคราะห์ พฤติกรรมและความต้องการของผู้ใช้ เพื่อให้เกิดการทางานอย่างอัตโนมัติ 2. automated reasoning เป็นการสร้างระบบให้มีการประมวลผลอย่างสม เหตุผลแบบอัตโนมัติ โดยใช้หลักการทางคณิตศาสตร์มาช่วยในการวิเคราะห์และ ประมวลผล 3. cognitive architecture เป็นการนาเสนอระบบประมวลผลที่มีการทางาน เหมือนกันด้วยการสร้างเครื่องมือในโลกเสมือนมาใช้ในการทางานจริง
8.
4. composite applications
เป็นระบบประยุกต์ที่สร้างจากการรวมหลายระบบ เข้าด้วยกัน เพื่อทาให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้งานมากขึ้น 5. distributed computing เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่อง ที่สามารถ สื่อสารถึงกันได้บนเครือข่ายในการประมวลผล โดยใช้ส่วนที่แตกต่างกันของ โปรแกรมเข้ามาช่วยประมวลผลในการทางาน 6. human-based genetic algorithms เป็นกระบวนการที่อนุญาตให้มนุษย์ สามารถสร้างนวัตกรรมที่ทาให้สามารถเปลี่ยนแปลง เกี่ยวพันและเชื่อมโยงกันได้ หลายรูปแบบแล้วแต่ความต้องการ
9.
7. knowledge representation
เป็นวิธีการที่ระบบใช้ในการเข้ารหัสและเก็บ ความรู้ในฐานความรู้ 8. web ontology language (OWL) เป็นภาษาที่ใช้อธิบายข้อมูลในเว็บไซต์จาก ความสัมพันธ์ โดยพิจารณาจากความหมายของสิ่งต่างๆ ทาให้เกิดประสิทธิภาพ ในการค้นหาข้อมูล 9. scalable vector graphics (SVG) เป็นรูปแบบของ XML ที่นิยามวัตถุใน ภาพวาดด้วย point path และ shape
10.
10. semantic web
เป็นเว็บเชิงความหมายที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลที่สัมพันธ์ กันเข้าด้วยกันทั้งจากแหล่งข้อมูลเดียวกันและต่างแหล่งกัน ทาให้เกิดการ เชื่อมโยงฐานข้อมูลเข้าด้วยกัน 11. semantic wiki เป็นการอธิบายข้อมูลซอนข้อมูล และให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง กับคาที่ต้องการได้อย่างถูกต้องและแม่นยาขึ้น 12. software agent เป็นโปรแกรมที่สามารถเป็นตัวแทนในการทางานตามที่ กาหนดแบบอัตโนมัติ องค์กรเว็บไซต์สากล (world wide web consortium : W3C) ได้กาหนดคา สาคัญที่เป็นมาตรฐานสาหรับเว็บ 3.0 คือ ต้องเป็นเว็บที่มีคุณลักษณะเว็บเชิง
11.
ความหมายที่สามารถประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลที่เชื่อมโยงกันจากความ ต้องการของผู้ใช้ อาจกล่าวได้ว่า เว็บเชิงความหมาย
เป็นเทคโนโลยีหนึ่งของเว็บ 3.0 ที่เน้นการจัดการกับเนื้อหาที่มีการจัดเก็บใน metadata ที่มีการแบ่งข้อมูล ออกเป็นส่วนย่อยหรือฐานข้อมูลความรู้ ontology เพื่อนิยามความหมายของ ข้อมูลและอาศัยหลักการเชื่อมโยงชุดข้อมูลที่สัมพันธ์กัน โดยใช้เทคโนโลยีต่างๆ เช่น RDF, OWL ทาให้ระบบสืบค้นของเว็บเชิงความหมายนาไปประมวลผลและ แสดงผลได้อย่างมีประสิทธิภาพในประเด็นที่ตรงกับความต้องการ โดยผู้ใช้ สามารถเชื่อมต่อการใช้งานแอพพลิเคชันบนอุปกรณ์ใดก็ได้ ทั้งคอมพิวเตอร์และ โทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมทั้งสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยง่ายผ่านการเชื่อมโยง ฐานข้อมูลความรู้
Download