ݺߣ
Submit Search
โครงงานสารสกัดสมุนไพรรักษาแผลหน้ายาง พาวเวอร์พอย
•
Download as PPTX, PDF
•
0 likes
•
1,660 views
S
Sunattha Phinit
Follow
โครงงาน เรื่อง สารสกัดสมุนไพรรักษาแผลหน้ายาง
Read less
Read more
1 of 17
Download now
Download to read offline
More Related Content
โครงงานสารสกัดสมุนไพรรักษาแผลหน้ายาง พาวเวอร์พอย
1.
โครงงานสารสกัดสมุนไพรรักษา แผลหน้ายาง
2.
บทคัดย่อ ภาคใต้มีสวนยางพารามีการกรีดยางเยอะเกือบทั่วทั้งภาคยางพาราเป็นพืชที่จะหวังผลในระยะ ยาวถ้าต้องมามีผลผลิตน้อยเพราะเรื่องที่น้ายางออกมาน้อยได้กาไรน้อยอาจจะขาดทุนไม่มีผลผลิตอย่าง ต่อเนื่องต้องหยุดตัดยางเพื่อที่จะต้องรักษาหน้ายางให้ฟื้นฟูสภาพหน้ายางให้หน้ายางหายจากการเป็น แผลจึงจะตัดได้อีกครั้งต้องใช้เวลาในการรักษาเป็นเวลานาน ต่างจะมีปัญหาคือ น้ายางที่ได้จากผลผลิต ออกมาในปริมาณน้อยเพราะเนื่องจากแผลที่หน้ายางจึงทาให้ผลผลิตน้ายางออกมาค่อนข้างน้อยหรือ น้อยมากและผลที่ทาให้หน้ายางเป็นแผลอาจเนื่องจากการบาดของมีดตัดยางที่ตัดลึกจนเกินไปหรือการ ใช้สารเคมีในการทาหน้ายางเพื่อเร่งผลผลิตมีปริมาณมากที่สะสมอยู่ในต้นยางทาให้หน้ายางตายจนตัด ไม่ได้ต้นยางตายเร็ว ดังนั้นทางกลุ่มจึงคิดหาวิธีที่จะทาให้หน้ายางไม่มีแผลผลผลิตน้ายางออกในปริมาณที่เยอะขึ้น โดยไม่ใช้สารเคมี
การกรีดยางที่ถูกต้องต้องกรีดให้ได้น้ายางให้ได้มากที่สุดส่วนให้ได้เปลือกน้อยที่สุดน้า ยางจะเยอะขึ้นและมีดจะได้ไม่ไปบาดลึกหน้ายางอีกด้วย จากโครงงานทางกลุ่มจึงได้คิดหาสมุนไพรท้องถิ่นที่มีคุณสมบัติหรือสรรพคุณในการช่วยรักษา หรือสมานแผลหน้ายางได้และไม่เป็นผลเสียต่อต้นยาง ช่วยบารุงแผลและป้ องกันหน้ายางช่วยเพิ่ม ผลผลิตน้ายางให้มีปริมาณเพิ่มขึ้น
3.
บทนา ในภาคใต้ส่วนใหญ่จะทาเกษตรกรรมมีการปลูกสวนยางและกรีดยางกันทั่วทั้งภาคเป็นพืชผลที่ ได้ผลผลิตในระยาว แต่อาจมีผลผลิตน้ายางออกมาน้อยเนื่องจากมีแผลที่หน้ายางมาจากการกรีดหน้า ยางที่ลึกบาดหน้ายางเกิดเป็นแผลหรือจากสารเคมีที่เร่งน้ายางให้ออกเร็วและมีปริมาณมากขึ้นหน้ายาง เกิดเป็นแผลหน้ายางเฉาตาย ในการฟื้นฟูต้องใช้เวลานานพอสมควรในการที่จะให้ให้น้ายางกลับมามาก ได้ผลผลิตเหมือนเดิม
การกรีดยางกับมีดกรีดยางก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทาให้หน้ายางเกิดแผลอาจกดลึกเกิน จนทาให้หน้ายางเป็นแผลน้ายางออกมาน้อย จากการตัดยางพาราที่ผิดเวลาตัดในช่วงมีแสงแดดน้ายาง เลยไม่ออกต้องตัดยางพาราในช่วง06:00-08:00น.และหลีกเลี่ยงการตัดช่วงมีแสงแดดจ้า ในช่วง เวลาที่ฝนตกชุกติดต่อกันเป็นเวลานานนั้นก็เกิดเชื้อราได้ในหน้ายางและเปลือกนอก ทางกลุ่มจึงคิดหา วิธีการรักษาแผลหน้ายางทาให้น้ายางออกมามากโดยคิดหาสมุนไพรที่ไม่ใช้สารเคมีสมุนไพรที่มี คุณสมบัติหรือสรรพคุณช่วยสมานและรักษาแผลหน้ายางได้โดยไม่มีผลเสียต่อหน้ายางและไม่ทาให้ต้น ยางหยุดการย้อยของต้นยางต้นยางตายเร็ว
4.
วัตถุประสงค์ • เพื่อเพิ่มผลผลิตน้ายาง • เพื่อยืดอายุยางไม่ให้ตายเร็วจากสารเคมี •
พื่อรักษาสมาȨผลหน้ายาง
5.
ความเป็นมา เนื่องจากภาคใต้มีการปลูกยางเป็นส่วนใหญ่ซึ่งเป็นพืชผลทางการเกษตรของภาคใต้เป็นพืชผล ระยะยาวจึงประสบปัญหาเกี่ยวกับผลผลิตจึงได้สังเกตว่าต้นยางที่หน้ายางเป็นแผลจากการกรีดที่ ลึกเกินไปหรือจากสารเคมีซึ่งดูดแต่น้ายางออกมาไม่ได้มีสารอาหารไปเลี้ยงต้นยางพาราจึงทาให้ น้ายางออกมาน้อยต้นยางนั้นไม่มีความอุดมสมบูรณ์ขาดสารอาหารไปเลี้ยงต้นทาให้หน้ายางแข็ง กรีดยากจะมีปริมาณน้ายางออกน้อยซึ่งทาให้ผลผลิตลดลงไปด้วย ต้นยางอาจหยุดการย้อยของน้า ยางแล้วตายในที่สุด การไม่ค่อยได้บารุงรักษาต้นยางตัดแล้วเร่งน้ายางออกมาอย่างเดียวต้นยาง เลยขาดสารอาหารที่ไปเลี้ยงต้นยาง
จึงคิดหาวิธีที่ป้ องกันไม่ให้หน้ายางเป็นแผลและรักษาป้ องกัน หน้ายางไม่ให้เกิดเป็นแผลเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ต้นยางพาราได้ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นมาบ้างและช่วย บารุงต้นยางพาราโดยไม่ต้องไปใช่ต้นทุนที่มากจนขาดทุนและบางครั้งก็ไม่ได้ผลทาให้เสียเวลา ยางพาราต้นอาจจะตายเร็วขึ้นเกิดปัญหาตามมามากมาย โดยหาจากสมุนไพรที่สามารถช่วยรักษา แผลหน้ายางให้ดีขึ้นซึ่งจะช่วยให้ผลผลิตน้ายางเพิ่มขึ้นและไม่ทาให้ต้นยางตายเร็ว ได้ศึกษาจาก สรรพคุณของหว่านหางจระเข้ที่ช่วยสมานแผลได้จึงได้นามาทดลองกับหน้ายางพาราในการช่วย รักษาหน้ายางพาราจากแผลได้อาจไม่ได้ผลในทันทีแต่มีส่วนช่วยสมานแผลหน้ายางพาราได้ สามารถหาได้ในท้องถิ่นไม่ต้องไปลงทุนใช้เงินมากมายไม่ต้องกังวลว่าขาดทุนจากการซื้อสารเคมี และฤทธิ์ของของสารเคมีที่ทาให้ต้นยางพารานั้นตายเร็วขึ้น เพราะหว่านหางจระเข้เป็นสมุนไพรไม่มี สารเคมีทาลายยางพารา
6.
ยางพารา ยางพารา เป็นไม้ยืนต้น มีถิ่นกาเนิดบริเวณลุ่มน้าแอมะซอน
ประเทศบราซิลและเปรู ทวีปอเมริกาใต้ โดยชาว พื้นเมืองเรียกว่า "เกาชู" แปลว่าต้นไม้ร้องไห้ จนถึงปี พ.ศ. 2313 (1770) โจเซฟ พรีสต์ลีย์ พบว่ายาง สามารถนามาลบรอยดาของดินสอได้ จึงเรียกว่ายางลบหรือตัวลบ (rubber) ซึ่งเป็นศัพท์ใช้ในอังกฤษ และเนเธอร์แลนด์เท่านั้นศูนย์กลางของการเพาะปลูกและซื้อขายยางในอเมริกาใต้แต่ดั้งเดิมอยู่ที่รัฐปา รา ของบราซิล ยางชนิดนี้จึงมีชื่อเรียกว่า ยางพารา เวลากรีดยาง : ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการกรีดยางมากที่สุดคือ ช่วง 6.00-8.00 น. เนื่องจาก เป็นช่วงเวลาที่สามารถมองเห็นต้นยางได้อย่างชัดเจนและได้ปริมาณน้ายางใกล้เคียงกับการกรีดยางใน ตอนเช้ามืด แต่การกรีดยางในช่วงเวลา 1.00-4.00 น. จะให้ปริมาณยางมากกว่าการกรีดยางในตอน เช้าอยู่ร้อยละ 4-5 ซึ่งเป็นช่วงที่ได้ปริมาณน้ายางมากที่สุดด้วย แต่การกรีดยางในตอนเช้ามืดมีข้อเสีย คือ ง่ายต่อการกรีดบาดเยื่อเจริญส่งผลให้เกิดโรคหน้ายางทั้งยังเป็นการสิ้นเปลืองและไม่มีความ ปลอดภัยจากสัตว์ร้ายหรือโจรผู้ร้าย การหยุดพักกรีด : ในฤดูแล้ง ใบไม้ผลัดใบหรือฤดูที่มีการผลิใบใหม่ จะหยุดพักการกรีดยาง เนื่องจากมีผลต่อการเจริญเติบโตของใบและต้นยาง การกรีดยางในขณะที่ต้นยางเปียก จะทาให้เกิดโรค เส้นดาหรือเปลือกเน่าได้
7.
เวลากรีดยาง : ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการกรีดยางมากที่สุดคือ
ช่วง 6.00-8.00 น. เนื่องจากเป็น ช่วงเวลาที่สามารถมองเห็นต้นยางได้อย่างชัดเจนและได้ปริมาณน้ายางใกล้เคียงกับการกรีดยางในตอน เช้ามืด แต่การกรีดยางในช่วงเวลา 1.00-4.00 น. จะให้ปริมาณยางมากกว่าการกรีดยางในตอนเช้า อยู่ร้อยละ 4-5 ซึ่งเป็นช่วงที่ได้ปริมาณน้ายางมากที่สุดด้วย แต่การกรีดยางในตอนเช้ามืดมีข้อเสีย คือ ง่ายต่อการกรีดบาดเยื่อเจริญส่งผลให้เกิดโรคหน้ายางทั้งยังเป็นการสิ้นเปลืองและไม่มีความปลอดภัย จากสัตว์ร้ายหรือโจรผู้ร้าย การหยุดพักกรีด : ในฤดูแล้ง ใบไม้ผลัดใบหรือฤดูที่มีการผลิใบใหม่ จะหยุดพักการกรีดยาง เนื่องจากมีผลต่อการเจริญเติบโตของใบและต้นยาง การกรีดยางในขณะที่ต้นยางเปียก จะทาให้เกิดโรค เส้นดาหรือเปลือกเน่าได้ การเพิ่มจานวนกรีด : สามารถเพิ่มจานวนวันกรีดได้โดย การเพิ่มวันกรีด : สามารถกรีดในช่วงผลัดใบแต่จะได้น้ายางในปริมาณน้อย ไม่ควรเร่งน้ายางโดยใช้ สารเคมีควรกรีดเท่าที่จาเป็นและในช่วงฤดูผลิใบต้องไม่มีการกรีดอีก
8.
การกรีดยางชดเชย : วันกรีดที่เสียไปในฤดูฝนสามารถกรีดทดแทนได้แต่ไม่ควรเกินกว่า
2 วันในรอยกรีด แปลงเดิม และสามารถกรีดสายในช่วงเวลา 6.00-8.00 น. หากเกิดฝนตกทั้งคืน การกรีดสาย : เมื่อต้นยางเปียกหรือเกิดฝนตกสามารถกรีดหลังเวลาปกติโดยการกรีดสายซึ่งจะกรีด ในช่วงเช้าหรือเย็นแต่ในช่วงอากาศร้อนจัดไม่ควรทาการกรีด
9.
ว่านหางจระเข้ • ว่านหางจระเข้ เป็นต้นพืชที่มีเนื้ออิ่มอวบ
จัดอยู่ในตระกูลลิเลี่ยมแหล่งกาเนิดดั้งเดิมอยู่ในชายฝั่งทะเล เมดิเตอร์เรเนียนและบริเวณตอนใต้ของทวีปแอฟริกา พันธุ์ของว่านหางจระเข้มีมากมายกว่า 300 ชนิด ซึ่งมีทั้งพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่มากจนไปถึงพันธุ์ที่มีขนาดเล็กกว่า 10 เซนติเมตร ลักษณะพิเศษของว่านหาง จระเข้ก็คือ มีใบแหลมคล้ายกับเข็ม เนื้อหนา และเนื้อในมีน้าเมือกเหนียว ว่านหางจระเข้ผลิดอกในช่วง ฤดูหนาว ดอกจะมีสีต่างๆกัน เช่น เหลือง ขาว และแดง เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของมัน คาว่า "อะโล" (Aloe) เป็นภาษากรีซโบราณ หมายถึงว่านหางจระเข้ ซึ่งแผลงมาจากคาว่า "Allal" มีความหมายว่า ฝาดหรือขม ในภาษายิว ฉะนั้นเมื่อผู้คนได้ยินชื่อนี้ก็จะทาให้นึกถึงว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้เดิมเป็น พืชที่ขึ้นในเขตร้อนต่อมาได้ถูกนาไปแพร่พันธุ์ในยุโรปและเอเชีย และทุกวันนี้ทั่วโลกกาลังเกิดกระแสนิยม ว่านหางจระเข้กันเป็นการใหญ่
10.
โรคยางพารา โรคยางพารา เกิดจากเชื้อต่างๆ ที่เป็นสาเหตุ แบ่งตามลักษณะอาการของโรค
ซึ่งทาให้ต้นยางมีอาการผิดปกติ ตามที่ ต่างๆ ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของ ต้นยาง ได้แก่ โรคใบ และฝัก เช่น
11.
โรคราแป้ ง สาเหตุของโรคราแป้ ง เกิดจากเชื้อรา
Oidium heveae Steinm. อาการของโรคราแป้ ง เชื้อราจะเข้าทาลายใบอ่อนที่เพิ่งแตกยอดออกมา ทาให้ใบอ่อนเน่าดา มีรูปร่างบิดงอและร่วงหล่น เหลือ เฉพาะก้าน(ซึ่งจะเหี่ยวแล้วร่วงหล่นทีหลัง) หากเข้าไปสังเกตุในสวนยางขณะลมกระโชก จะเห็นใบอ่อน ร่วงเต็มกระจายทั่วแปลง การป้ องกันกาจัดโรคราแป้ ง 1.ในช่วงปลายฤดูฝน ให้ใส่ปุ๋ ยบารุงต้นยางที่มีธาตุไนโตรเจนสูงกว่าปกติ เพื่อเร่งให้ใบยางที่ผลิใหม่หลัง ฤดูผลัดใบเพสลาดหรือแก่เร็วขึ้น 2.สาหรับต้นยางที่มีอายุไม่เกิน 2 ปีและเริ่มพบเชื้อระบาด ควรพ่นสารอินทรีย์หรือสารเคมี บริเวณใบที่ กาลังผลิยอดอ่อน
12.
วิธีการดาเนินการ อุปกรณ์ 1.ต้นยาง 2.หว่านหางจระเข้
13.
วิธีการทดลอง 1.ศึกษาค้นคว้าสมุนไพรที่มีคุณสมบัติสรรพคุณที่ช่วยในการสมานแผล 2.หาต้นยางที่ไม่อ่อนเกินไปไม่แก่เกินไปที่มีแผลหน้ายางที่จะนาสมุนไพรไปทดลอง3-4ต้น 3.นาหว่านหางจระเข้ได้จากการสกัดไปทดลองกับต้นยางที่เตรียมไว้ 4.สังเกตและรอผล 5.บันทึกผลการทดลองครั้งที่1 6.ทดลองกับต้นยางครั้งที่2และ3 7.เปรียบเทียบผลการทดลอง 8.สรุปผลการทดลองที่เป็นไปได้มากที่สุด
14.
ผลการศึกษาค้นคว้า แต่ใช้หว่านหางจระเข้ในการรักษาหน้ายางนั้นได้ผลอยู่แต่อาจจะช้าบ้างแต่หว่านหางจระเข้ช่วย ในการสมานแผลหน้ายางได้จริงแต่ระยะเวลาในการรักษานั้นยังช้าต้องใช้เวลานานกว่าจะออกฤทธิ์กว่า จะรอให้หน้ายางแห้งเพื่อตัดต่อจึงค้นคว้าสมุนไพรที่มีคุณสมบัติและสรรพคุณที่สมานแผลหน้ายางต่อไป และเนื่องจากฝนตกบ่อย
15.
ข้อเสนอแนะ สมุนไพรที่ช่วยสมานแผลหน้ายางทาให้ปริมาณน้ายางเพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วยนั้นสามารถนาไปใช้กับ ต้นยางทั่วๆไปทาให้รักษาสมานแผลของหน้ายางโดยไม่ต้องใช้สารเคมีอาจจะเห็นผลช้ากว่าสารเคมีแต่ก็ ทาให้ต้นยางนั้นไม่ตายเร็วมีอายุมากกว่าที่ใช้สารเคมีและต้องศึกษาสมุนไพรที่มีสรรพคุณที่ช่วยในเรื่อง การรักษาแผลหน้ายาง ช่วยให้คนภาคใต้มีผลผลิตน้ายางที่เพิ่มมากขึ้น
16.
จัดทาโดย นางสาวศิรินทรา ทรายแก้ว เลขที่
34 นางสาวสุนัฐฐา พินิจ เลขที่ 37 มัธยมศึกษาปีที่4/8 ชิ้นงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาโครงงานIS ปีการศึกษา2557 ภาคเรียนที่2 โรงเรียนเมืองสุราษฎร์ธานี
17.
เสนอ อาจารย์ดวงสมร คาเงิน จัดทาโดย นางสาวศิรินทรา ทรายแก้ว
เลขที่ 34 นางสาวสุนัฐฐา พินิจ เลขที่ 37 มัธยมศึกษาปีที่4/8
Download