More Related Content More from Pawit Chamruang (6) แบบประเมิน ความพึงพอใจ2. หัวข้อโครงงาน เรื่อง ที่คั่นหนังสือสื่อรัก (หนังสือเล่มเล็ก)
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
ชื่อครูที่ปรึกษาโครงงาน อาจารย์ศิริรัตน์ นาไทย
โรงเรียนตราดสรรเสริญวิทยาคม
ปีการศึกษา 2557
บทคัดย่อ
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง ที่คั่นหนังสือสื่อรัก (หนังสือเล่มเล็ก)
เป็นโครงงานที่ร่วมกันศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับผู้ที่ศึกษาจาเป็นต้องมีความสนใจเป็นพิเศษโดยแท้จ
ริงต้องการค้นคว้าศึกษาหาความรู้ในด้านการประดิษฐ์ที่คั่นให้มากที่สุดซึ่งจะทาให้น่าสนใจ
เพราะคนจะไม่ค่อยสนใจ แต่หาสามารถนาไปทาเป็นวิชาชีพแล้ว
หากทาแล้วมีฝีมือออกแบบได้น่าสนใจ
พวกเราจาจัดทาโครงงานเล่นนี้ขึ้นเพื่อศึกษาค้นคว้าขั้นตอนและเทคนิคในการที่คั่นหนังสือสื่อรั
กให้น่าสนใจ โดยยกตัวอย่างการทาเป็นรูปสัตว์และเขียนข้อความเช่นกลอน
รวบรวมไว้ในเล่นนี้ เพื่อให้บุคคลที่สนใจได้ศึกษาและเป็นแนวทางต่อไป
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง ที่คั่นหนังสือสื่อรัก
เราได้พัฒนาออกมาเป็นวิธีการสอนในการทาที่คั่นหนังสือในรูปแบบหนังสือเล่มเล็กแล้ว
เราได้นาไปเผยแร่ทาง ݺߣ share แล้วอัปลงเฟสบุ๊ค
และนาผลงานกับแบบประเมินคุณภาพไปให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
4. สารบัญ
เรื่อง หน้า
กิตติกรรมประกาศ
บทที่ 1 บทนา
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
วัตถุประสงค์
สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า
ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง
ขอบเขตการศึกษาค้นคว้า
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 3 อุปกรณ์และวิธีการศึกษา
วิธีการศึกษา
บทที่ 4 ผลการศึกษาและอภิปรายผลการศึกษา
บทที่ 5 สรุปผลการศึกษา
5. ปัญหาที่พบจากการนาผลงานไปเผยแพร่
ข้อเสนอแนะ
ภาคผȨก
บรรณานุกรม
บทที่ 1
บทนา
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
ภาคเรียนที่ 1 สาระวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยีชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
เรียนวิชาคอมพิวเตอร์ ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
การเรียนและในการอ่านหนังสือเรียนและ นวนิยายหรือหนังสือต่างๆ เมื่อเราอ่านหรือมีภารกิจ
หรือไปทาอะไรต่างๆ เราก็จะพับมุมหนังสือหรือคั่นหน้าไว้และตรงที่เราพับมุมนั้น
จะทาให้หนังสือดูไม่น่าอ่าน เราจึงจัดทาที่คั่นหนังสือสื่อรักนี้มาในรูปทรงต่างๆและมีข้อความ
เช่น กลอนให้ที่คั่นหนังสือหน้ามองยิ่งขึ้น
ดังนั้นกลุ่มของข้าพเจ้าจึงจัดทาโครงงานที่คั่นหนังสือสื่อรัก
ขึ้นมาโดยศึกษาเนื้อหาเรื่องเกี่ยวกับวิธีการทา
เพื่ออธิบายวิธีการทาและประโยชน์ในการใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร
วัตถุประสงค์ของโครงงาน
1. เพื่อต้องการหาจุดบกพร่องหรือข้อบกพร่องของผลงาน
2. เพื่อเผยแพร่ผลงานในด้านต่างๆ
6. 3. เพื่อทราบถึงความคุณภาพความพึงพอใจของผลงานและผู้อ่าน
ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
ประเมินความพึงพอใจนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ โรงเรียนตราดสรรเสริญวิทยาคม
บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
การประเมินหมายถึง กระบวนการใช้ดุลยพินิจ และหรือค่านิยมและข้อจากัดต่างๆ
ในการพิจารณาตัดสินคุณค่าของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
โดยการเปรียบเทียบผลที่วัดได้กับเกณฑ์ที่กาหนดไว้และการประเมินหมายถึง
กระบวนการที่ก่อให้เกิดสารสนเทศ(เชิงคุณค่า)เพื่อช่วยให้ผู้มีอานาจตัดสินใจได้ตัดสินใจเลือก
ทางเลือกอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดไทเลอร์(Tyler. 1950) กล่าวว่าการประเมิน
เป็นการเปรียบเทียบระหว่างสิ่งที่เป็นจริง(Whatis)กับสิ่งที่ควรจะเป็น(Whatshould
be) และการใช้ข้อมูลความไม่สอดคล้องเป็นหลักในการตัดสินใจสรุปผลการดาเนินงานครอนบ
าค(Cronbach.1963, 1982) กล่าวว่าการประเมินคือการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างได้มาตรฐาน
เพื่อนาไปสู่การตัดสินใจเกี่ยวก็โครงการโพรวัส(Provus.1971) กล่าวว่า
การประเมินเป็นการเปรียบเทียบความสอดคล้องระหว่างการปฏิบัติตามที่วางแผนกับการปฏิบัติ
ตามที่เป็นจริงและผลลัพธ์ที่คาดหวังตามแผนกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง ความสอดคล้อง
ไม่สอดคล้องที่เกิดขึ้นแสดงถึงข้อดีข้อเสียของโครงการอัลคิน(Alkin.
1969) ได้ให้ความหมายของการประเมินว่าคือ
กระบวนการที่ได้มาซึ่งสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจการเลือกเฟ้นข่าวสารที่เหมาะสม
7. การรวบรวมและวิเคราะห์ข่าวสารเพื่อรายงานข้อสรุป
เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ทาการตัดสินใจในการเลือกหนทางต่างๆที่เป็นไปได้สคริฟเว่น (Scriven.
1973) กล่าวว่าการประเมินเป็นกระบวนการตัดสินคุณค่าที่แท้จริงทั้งหมดของสิ่งที่มุ่งประเมิน
ทั้งคุณค่าของผลที่คาดหวังและมิได้คาดหวังสเต้ก (Stake.
1975) ได้ให้ความหมายของการประเมินว่า
เป็นการบรรยายและตัดสินคุณค่าโปรแกรมการศึกษา
ซึ่งเน้นเรื่องการบรรยายสิ่งที่จะถูกประเมินโดยอาศัยผู้ทรงคุณวุฒิ
หรือผู้เชี่ยวชาญในการตัดสินคุณค่าสตัฟเฟลบีม (Stufflebeam.
1971) ได้ให้ความหมายของการประเมินว่าเป็นกระบวนการกาหนดปัญหาเก็บรวบรวมข้อมูล
วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด
ไพศาล หวังพานิช(อ้างอิงจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.2543? :2) กล่าวว่าการประเมิน
หมายถึง
กระบวนการในการตรวจสอบหรือการพิจารณาตัดสินคุณลักษณะของสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรือของกิจ
กรรมใด ๆ เพื่อกาหนดคุณค่าคุณภาพความถูกต้องเหมาะสมโดยอาศัยเกณฑ์เป็นหลัก
สรุปได้ว่า การประเมินคือการพิจารณาหรือกาหนดคุณค่าสิ่งต่างๆตามเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่ง
ศิริชัย กาญจนวาสี(2537 :
19) กล่าวว่าความหมายของการประเมินได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
เริ่มต้นจากความเข้าใจที่ว่าการประเมินเป็นสิ่งเดียวกับการวัดผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
(Measurement-oriented) การประเมินเป็นกระบวนการศึกษาสิ่งต่างๆ
โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัย(Research-
oriented) การประเมินเป็นการตรวจสอบการบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่กาหนดไว้(Objectives-
oriented) การประเมินเป็นการช่วยเสนอสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ (Decisionoriented)การปร
ะเมินเป็นการสนองสารสนเทศแก่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายด้วยการบรรยายอย่างลุ่มลึก(Description-
oriented) และการประเมินเป็นการตัดสินคุณค่าของสิ่งที่มุ่งประเมิน(Judgmentoriented) สมคิด
พรมจุ้ย (2542 :27-28) กล่าวว่าการประเมินเป็นกระบวนการที่ก่อให้เกิดสารสนเทศ
9. คุณภาพ(Quality) หมายถึง ความเหมาะสมกับการใช้งาน(Juran,
1964) การเป็นไปตามความต้องการหรือสอดคล้องกับข้อกาหนด(Crosby,
1979) คุณภาพของการออกแบบและความสอดคล้องในการดาเนินงาน
ที่จะนามาซึ่งความภาคภูมิใจแก่เจ้าของผลงาน(Deming,1940) การประหยัดที่สุด
มีประโยชน์ในการใช้งานสูงสุด และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าอย่างสม่าเสมอ(Ishikawa,
1985) สิ่งที่ดีที่สุดสาหรับเงื่อนไขด้านการใช้งานและราคาของลูกค้า(Feigenbaum,
1961) หรือมาตรฐาน ผลงาน ประสิทธิภาพ และความพอใจ(ทิพวรรณ,2547)
จากการศึกษาความหมายของคุณภาพที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวมาจะเห็นว่า
คุณภาพเป็นคาที่มีความหมายเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่เสมออย่างไรก็ดี
สามารถสรุปความสอดคล้องของความหมายได้ 3ด้าน
คือ การเป็นไปตามมาตรฐานหรือข้อกาหนด การสร้างความพอใจให้ลูกค้า
และด้านต้นทุนการดาเนินงานที่เหมาะสม
ดังนั้นอาจจะกล่าวได้ว่าคุณภาพหมายถึง
การดาเนินงานที่มีประสิทธิภาพเป็นไปตามข้อกาหนดที่ต้องการ
โดยสินค้าหรือบริการนั้นสร้างความพอใจให้กับลูกค้า
และมีต้นทุนการดาเนินงานที่เหมาะสมได้เปรียบคู่แข่งขันลูกค้ามีความพึงพอใจ
และยอมจ่ายตามราคาเพื่อซื้อความพอใจนั้นซึ่งมิใช่เรื่องที่ประเมินจากสิ่งของที่จับต้องได้
หรือเป็นรูปธรรมเพียงด้านเดียว แต่จะต้องนาปัจจัยอื่นๆที่เป็นนามธรรมมาประกอบการ
การออกแบบ หมายถึงการถ่ายทอดรูปแบบจากความคิดออกมาเป็นผลงาน
ที่ผู้อื่นสามารถมองเห็น รับรู้ หรือสัมผัสได้ เพื่อให้มีความเข้าใจในผลงานร่วมกัน
แบบที่คิดออกมาอาจเป็นสิ่งที่เป็นไปได้จริงหรือแบบที่เป็นลักษณะเพ้อฝัน
เป็นเพียงนามธรรมก็ได้
หลักทั่วไปก่อนการออกแบบจะต้องพิจารณาหรือคานึงถึงสิ่งต่อไปนี้
10. ขนาดและสัดส่วน
ขนาด(Dimensions) หมายถึง ลักษณะของวัตถุ ที่จะเขียนคือมีลักษณะใหญ่เล็ก
กว้างยาวตามที่เรารับรู้ได้ตามหลักการมองเห็นภาพด้วยสายตาของเราคือวัตถุชนิดเดียวกัน
ขนาดเท่ากันอยู่ใกล้กว่าจะมีขนาด ใหญ่กว่าวัตถุที่อยู่ไกลออกไปและยิ่งอยู่ไกลมากเท่าไร
ก็ยิ่งเล็กลงไปจนมองไม่เห็น
สัดส่วน (Proportion) หมายถึงการจัดภาพหรือ
การเขียนภาพให้ได้ขนาดและที่สว่างจนเกิดความสมส่วน ซึ่งกันและกัน
ซึ่งเกิดความสัมพันธ์กันด้วยดี ในการปฏิบัติงานศิลปะ
สัดส่วนมีความสาคัญมากจะต้องมีความสัมพันธ์กับขนาดเป็นอย่างดีด้วย
ขนาดและสัดส่วนมีความสัมพันธ์กับรูปร่าง รูปทรงเมื่อเรานารูปร่างรูปทรง
มาจัดองค์ประกอบเข้าด้วยกันจะทาให้เกิดความรู้สึกดังนี้
- ขนาดใกล้เคียงกันให้ความรู้สึกกลมกลืน
- ขนาดต่างกันให้ความรู้สึกขัดแย้ง
สีสันและความสวยงาม
(colour) การออกแบบต้องมีเรื่องการใช้สีเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเพราะสีนั้นมีประโยชน์ด้านความรู้
สึก
สีแสด ให้ความรู้สึก ตื่นเต้น
สีน้าเงิน ให้ความรู้สึก เคร่งขรึม
สีชมพู ให้ความรู้สึก อ่อนหวาน
ประโยชน์ใช้สอย
(Use) การออกแบบนั้นจะต้องคานึงถึงความเหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอย
11. ผลิตผลงานเมื่อออกมาแล้วสามารถใช้ประโยชน์ได้จริงและมีความสอดคล้องกับการใช้งานเช่น
ออกแบบแจกันสาหรับใส่ดอกไม้ ออกแบบโอ่งสาหรับใส่น้า เป็นต้น
ความประหยัด(Economize) ความประหยัดเป็นสิ่งจาเป็นอย่างมาก
การออกแบบต้งอคานึงถึงทุนที่ใช้ต้องน้อยที่สุด
ต้องประหยัดไม่ใช้งบประมาณให้สิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์
มีคุณค่า(Worthy) การออกแบบต้องเน้นที่การเพิ่มคุณค่า
โดยการออกแบบที่มีรายละเอียดเพิ่มผลงานมีความประณีตเรียบร้อย
ความมีคุณค่ามิใช่ที่การตีราคาแต่จะเป็นการประเมินโดยรวมว่ามีคุณค่าการเลือกใช้วัสดุ
อุปกรณ์ (Material) ต้องให้มีความเหมาะสมกับงาน
ควรเป็นวัสดุพื้นบ้านและหาได้ง่ายตามท้องตลาดมีมากพอหาได้ง่ายราคาถูก
และเป็นวัสดุที่แข็งแรงทนทาน
กลอนแปด เป็น คาประพันธ์อีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมกันทั่วไป
เพราะเป็นร้อยกรองชนิดที่มีความเรียบเรียงง่ายต่อการสื่อความหมาย
และสามารถสื่อได้อย่างไพเราะ ซึ่งกลอนแปดมีการกาหนดพยางค์และสัมผัส
มีหลายชนิดแต่ที่นิยมคือกลอนสุภาพ
12. ลักษณะคาประพันธ์
๑. บทบทหนึ่งมี ๔ วรรค
วรรคที่หนึ่งเรียกวรรคสดับ วรรคที่สองเรียกวรรครับ
วรรคที่สามเรียกวรรครอง วรรคที่สี่เรียกวรรคส่ง
แต่ละวรรคมีแปดคาจึงเรียกว่ากลอนแปด
๒. เสียงคากลอนทุกประเภทจะกาหนดเสียงคาท้ายวรรคเป็นสาคัญกาหนดได้ดังนี้
คาท้ายวรรคสดับ กาหนดให้ใช้ได้ทุกเสียง
คาท้ายวรรครับ กาหนดห้ามใช้เสียงสามัญกับตรี
คาท้ายวรรครองกาหนดให้ใช้เฉพาะเสียงสามัญกับตรี
คาท้ายวรรคส่ง กาหนดให้ใช้เฉพาะเสียงสามัญกับตรี
๓. สัมผัส
ก.สัมผัสนอก หรือสัมผัสระหว่างวรรค อันเป็นสัมผัสบังคับ มีดังนี้
คาสุดท้ายของวรรคที่หนึ่ง(วรรคสดับ)สัมผัสกับคาที่สามหรือที่ห้า ของวรรคที่สอง (วรรครับ)
คาสุดท้ายของวรรคที่สอง(วรรครับ) สัมผัสกับคาสุดท้ายของวรรคที่สาม (วรรครอง)
และคาที่สามหรือที่ห้าของวรรคที่สี่(วรรคส่ง)
สัมผัสระหว่างบท ของกลอนแปดคือ
คาสุดท้ายของวรรคที่สี่(วรรคส่ง)
เป็นคาที่ส่งสัมผัสบังคับให้บทต่อไปต้องรับสัมผัสที่คาสุดท้ายของวรรคที่สอง (วรรครับ)
ข. สัมผัสใน ในแต่ละวรรคของกลอนแปดแบ่งช่วงจังหวะออกเป็นสามช่วงดังนี้
13. หนึ่งสองสาม – หนึ่งสอง – หนึ่งสองสาม
ฉะนั้นสัมผัสในจึงกาหนดได้ตามช่วงจังหวะในแต่ละวรรคนั่นเองดังตัวอย่าง
อันกลอนแปด – แปด คา– ประจาวรรค
วางเป็นหลัก –อัก ษร –สุนทรศรี
บทที่ 3
อุปกรณ์และวิธีการศึกษา
อุปกรณ์และวัสดุที่ใช้ในการศึกษา
1. ริบบิ้น
2. ผ้าสักหลาด
3. กรรไกร
4. กระดุม
5. ของตกแต่ง
6. เข็มกับด้าย
7. กระดาษสี
วิธีการศึกษา
1. เลือกหัวข้อโครงงานที่น่าสนใจ
2. วางแผนการทาโครงงาน
3. แจกจ่ายงาน
14. 4. สืบค้นข้อมูล
5. ลงมือปฏิบัติ
6. ตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อย
7. เผยแพร่
8. นาเสนอและสรุปผล
บทที่ 4
ผลการศึกษา
ผลการสรุปแบบประเมินโครงงานประเภทหนังสือเล่มเล็ก
จากภาพแผนภูมิแท่ง เป็นการประเมินแบบความพึงพอใจของนักเรียน
โรงเรียนตราดสรรเสริญวิทยาคม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2
ความรู้ที่ได้รับจากโครงงาน
0
1
2
3
4
5
6
7
8
9
ดีมาก
มาก
ปานกลาง
พอใช้
ปรับปรุง
15. ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 80
มาก คิดเป็นร้อยละ 20
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0
พอใช้ คิดเป็นร้อยละ 0
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0
รูปแบบของรูปเล่ม
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 70.00
มาก คิดเป็นร้อยละ 30.00
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0
พอใช้ คิดเป็นร้อยละ 0
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0
อักขระที่ใช้ในหนังสือเล่มเล็ก
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 50.00
มาก คิดเป็นร้อยละ 50.00
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0
พอใช้ คิดเป็นร้อยละ 0
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0
เนื้อหามีความเหมาะสมกับผู้อ่าน
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 40.00
มาก คิดเป็นร้อยละ 60.00
16. ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0
พอใช้ คิดเป็นร้อยละ 0
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0
มีความสอดคล้องกับเรื่องการใช้งาน
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 60.00
มาก คิดเป็นร้อยละ 40.00
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0
พอใช้ คิดเป็นร้อยละ 0
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0
ทาให้เข้าใจเนื้อหาชัดเจนขึ้น
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 70
มาก คิดเป็นร้อยละ 30
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0
พอใช้ คิดเป็นร้อยละ 0
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0
มีข้อคิดสอดแทรกไว้อย่างเหมาะสม
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 50.00
มาก คิดเป็นร้อยละ 50.00
17. ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0
พอใช้ คิดเป็นร้อยละ 0
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0
จากการคิดเป็นร้อยละของแต่ละวิธีนาเสนอจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก เป็นส่วนใหญ่มาก พอใช้
ปานกลาง และ ปรับปรุง ตามลาดับ
บทที่ 5
สรุปผลและข้อเสนอแนะ
ปัญหาที่พบจากการนาผลงานไปเผยแพร่
1. มีเวลาในการเผยแพร่ผลงานน้อย
2. เด็กบางกลุ่มไม่ให้ความร่วมมือในกาทาแบบประเมินความพึงพอใจ
3. การใช้อินเทอร์เน็ตมีปัญหาในการเข้าโปรแกรม
4. งบประมาณในการซื้อวัสดุอุปกรณ์ในการทาชิ้นงาน
ข้อเสนอแนะ
ควรมีเวลาในการทาผลงานมากกว่านี้ เด็กบางคนยังขาดความมีระเบียบวินัย
และหลักในการเป็นผู้ฟังที่ดี เราควรหาจุดจูงใจเพื่อให้เด็กทุกคนสนใจและตั้งใจฟัง
ส่วนอินเทอร์เน็ตเราไม่สามารถไปแก้ไขมันได้มันขึ้นอยู่ว่าจะมีสัญญาณปล่อยมามากน้อยเพียงใ
ด จะหลุดเมื่อไหร่เราก็ไม่รู้หรืออินเทอร์เน็ตอาจจะใช้ได้แต่โปรแกรมที่ใช้ไม่สมบูรณ์
เราควรตรวจสอบทั้งอินเทอร์เน็ตและโปรแกรมที่ใช้ก่อนที่จะลงมือปฏิบัติงาน
และควรใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพแต่ราคาถูกพอเหมาะกับชิ้นงานที่จะทา
20. แบบประเมินโครงงานประเภทหนังสือเล่มเล็ก
เพศ(ใส่เครื่องหมาย ) ชาย หญิง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ..........
คาชี้แจงให้ทาเครื่องหมาย ถูกลงในช่องที่ตรงกับความคิดเห็นของคุณ
วิธีการนาเสนอ ระดับความพึงพอใจ หมายเห
ตุดีมา
ก
มา
ก
ปานกลาง พอ
ใช้
ปรับปรุ
ง
1.ความรู้ที่ได้รับจากโครง
2.รูปเเบบของรูปเล่ม
3.อักขระวิธีในการใช้ภาษาในหนังสือเล่
มเล็ก
4.เนื้อหามีความยากง่ายเหมาะสมกับผู้อ่า
น
5.มีความสอดคล้องกับเรื่องการใช้งาน
6.ทาให้เข้าใจเนื้อหาชัดเจนขึ้น
7.มีข้อคิดสอดแทรกข้อคิดไว้อย่างเหมาะ
สม
ข้อเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………