More Related Content
What's hot (8)
พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐National Science and Technology Development Agency (NSTDA) - Thailandเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิด
เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มีบทบัญญัติบางประการที่ไม่เหมาะสมต่อการป้องกันและปราบปราม
การกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ซึ่งมีรูปแบบการกระทําความผิดที่มีความซับซ้อนมากขึ้น
ตามพัฒนาการทางเทคโนโลยีซึ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและโดยที่มีการจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ
และสังคมซึ่งมีภารกิจในการกําหนดมาตรฐานและมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ รวมทั้ง
การเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศ
สมควรปรับปรุงบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับผู้รักษาการตามกฎหมาย กําหนดฐานความผิดขึ้นใหม่ และแก้ไข
เพิ่มเติมฐานความผิดเดิม รวมทั้งบทกําหนดโทษของความผิดดังกล่าว การปรับปรุงกระบวนการและหลักเกณฑ์
ในการระงับการทําให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตลอดจนกําหนดให้มีคณะกรรมการเปรียบเทียบ
ซึ่งมีอํานาจเปรียบเทียบความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐
และแก้ไขเพิ่มเติมอํานาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ Similar to พรบ.คอมพิวตอร์ (20)
พรบ.คอมพิวตอร์
- 2. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมาย ว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
-มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐”
-มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกาหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
-มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้ “ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความว่า
อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมการทางานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกาหนดคาสั่ง ชุดคาสั่ง
หรือสิ่งอื่นใด และแนวทางปฏิบัติงานให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทาหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ
“ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายความว่าข้อมูล ข้อความคาสั่ง
ชุดคาสั่งหรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์
ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้
และให้หมายความรวมถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
“ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์” หมายความว่าข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งแสดงถึง
แหล่งกาเนิดต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลาวันที่ ปริมาณ ระยะเวลาชนิดของบริการ หรืออื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์นั้นออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้“ผู้ให้บริการ” หมายความว่า
(๑) ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต
หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่นโดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้
ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามของตนเอง หรือในนามหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
(๒)ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
“ผู้ใช้บริการ” หมายความว่าผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการไม่ว่าต้องเสียค่าใช้บริการหรือไม่ก็ตาม
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่าผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
“รัฐมนตรี” หมายความว่ารัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
-มาตรา ๔
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้และให้มีอานาจออ
- 3. -มาตรา ๕
ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้ องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรก
ารนั้น
มิได้มีไว้สาหรับตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
หรือทั้งจาทั้งปรับ
-มาตรา ๖
ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้ องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทาขึ้นเป็นการเฉพาะถ้านามา
ตรการดังกล่าว
ไปเปิ ดเผยโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
-มาตรา ๗
ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้ องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรก
ารนั้น
มิได้มีไว้สาหรับตน
ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจาทั้งปรับ
-มาตรา ๘
ผู้ใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิว
เตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์
และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ไ
ด้ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
- 4. -มาตรา ๙ ผู้ใดทาให้เสียหาย ทาลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
หรือทั้งจาทั้งปรับ
-มาตรา ๑๐ผู้ใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทางานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ
ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทางานตามปกติได้ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี
หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
-มาตรา ๑๑
ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มา
ของการส่งข้อมูลดังกล่าวอันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
-มาตรา ๑๒ถ้าการกระทาความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐
(๑)ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน
ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือในภายหลัง และไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่
ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
(๒)
เป็นการกระทาโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับก
ารรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ
ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ
หรือการบริการสาธารณะหรือเป็นการกระทาต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยช
น์สาธารณะ ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
ถ้าการกระทาความผิดตาม (๒)เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
-มาตรา ๑๓
ผู้ใดจาหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคาสั่งที่จัดทาขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนาไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทาความผิดตาม
มาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐หรือมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี
หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
- 5. -มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทาความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี
หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
(๑) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(๒)นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชา
ชน
(๓) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ
อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎ
หมายอาญา
(๔) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ
ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ *(๕)
เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑)(๒)(๓) หรือ (๔)
-มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทาความผิดตามมาตรา ๑๔
ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทาความผิดตามมาตรา
๑๔
-มาตรา ๑๖ ผู้ใดนาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏ
เป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อเติม
หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้
โดยประการที่น่าจะทาให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย
ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
ถ้าการกระทาตามวรรคหนึ่ง เป็นการนาเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทาไม่มีความผิด
ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้
ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือ
บุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
-มาตรา ๑๗ ผู้ใดกระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักรและ
(๑)ผู้กระทาความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรือผู้เสียหาย
- 6. -มาตรา ๑๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๙
เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวนในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติ
นี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอานาจอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
เฉพาะที่จาเป็นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทาความผิดและหาตัวผู้กระทาความผิด
(๑)มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้มาเพื่อให้ถ้อยคา
ส่งคาชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่งเอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐานอื่นใดที่อยู่ในรูปแบบที่สามารถเข้าใจได้
(๒)
เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรือจากบุคคลอื่
นที่เกี่ยวข้อง
(๓) สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่ต้องเก็บตามมาตรา ๒๖
หรือที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมของผู้ให้บริการให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๔) ทาสาเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์
ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทาความผิดตามพระราชบัญ
ญัตินี้ ในกรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์นั้นยังมิได้อยู่ในความครอบครองของพนักงานเจ้าหน้าที่
(๕)สั่งให้บุคคลซึ่งครอบครองหรือควบคุมข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์
ส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๖) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์
ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด
อันเป็นหลักฐานหรืออาจใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทาความผิด
หรือเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทาความผิดและสั่งให้บุคคลนั้น|ส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์
ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จาเป็นให้ด้วยก็ได้
(๗)ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด
หรือสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ทาการถอดรหัสลับ
- 7. -มาตรา ๑๙การใช้อานาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗)และ (๘)
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคาร้องต่อศาลที่มีเขตอานาจเพื่อมีคาสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดาเนินการตามคา
ร้อง ทั้งนี้
คาร้องต้องระบุเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลใดกระทาหรือกาลังจะกระทาการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นความผิดตา
มพระราชบัญญัตินี้ เหตุที่ต้องใช้อานาจ ลักษณะของการกระทาความผิด
รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทาความผิดและผู้กระทาความผิด เท่าที่สามารถจะระบุได้
ประกอบคาร้องด้วยในการพิจารณาคาร้องให้ศาลพิจารณาคาร้องดังกล่าวโดยเร็วเมื่อศาลมีคาสั่งอนุญาตแล้ว
ก่อนดาเนินการตามคาสั่งของศาล
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสาเนาบันทึกเหตุอันควรเชื่อที่ทาให้ต้องใช้อานาจตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ
(๘) มอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐาน
แต่ถ้าไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ ณ ที่นั้น
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งมอบสาเนาบันทึกนั้นให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองดังกล่าวในทันทีที่กระทาได้ให้พนัก
งานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าในการดาเนินการตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗)และ (๘)
ส่งสาเนาบันทึกรายละเอียดการดาเนินการและเหตุผลแห่งการดาเนินการให้ศาลที่มีเขตอานาจภายในสี่สิบแปดชั่
วโมงนับแต่เวลาลงมือดาเนินการเพื่อเป็นหลักฐานการทาสาเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา ๑๘ (๔)
ให้กระทาได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
และต้องไม่เป็นอุปสรรคในการดาเนินกิจการของเจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเกินความจาเป็
น การยึดหรืออายัดตามมาตรา ๑๘ (๘)
นอกจากจะต้องส่งมอบสาเนาหนังสือแสดงการยึดหรืออายัดมอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอ
ร์นั้นไว้เป็นหลักฐานแล้วพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งยึดหรืออายัด ไว้เกินสามสิบวันมิได้
ในกรณีจาเป็นที่ต้องยึดหรืออายัดไว้นานกว่านั้น
ให้ยื่นคาร้องต่อศาลที่มีเขตอานาจเพื่อขอขยายเวลายึดหรืออายัดได้
แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งรวมกันได้อีกไม่เกินหกสิบวัน
เมื่อหมดความจาเป็นที่จะยึดหรืออายัดหรือครบกาหนดเวลาดังกล่าวแล้ว
พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องส่งคืนระบบคอมพิวเตอร์ที่ยึดหรือถอนการอายัดโดยพลัน
หนังสือแสดงการยึดหรืออายัดตามวรรคห้าให้เป็นไปตามที่กาหนดในกฎกระทรวง
- 8. -มาตรา ๒๑ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดมีชุดคาสั่งไม่พึงประสงค์รวมอยู่ด้วย
พนักงานเจ้าหน้าที่อาจยื่นคาร้องต่อศาลที่มีเขตอานาจเพื่อขอให้มีคาสั่งห้ามจาหน่ายหรือเผยแพร่
หรือสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นระงับการใช้
ทาลายหรือแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ หรือจะกาหนดเงื่อนไขในการใช้ มีไว้ในครอบครอง
หรือเผยแพร่ชุดคาสั่งไม่พึงประสงค์ดังกล่าวก็ได้ชุดคาสั่งไม่พึงประสงค์ตามวรรคหนึ่งหมายถึงชุดคาสั่งที่มีผ
ลทาให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์หรือชุดคาสั่งอื่นเกิดความเสียหาย ถูกทาลาย
ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมขัดข้อง หรือปฏิบัติงานไม่ตรงตามคาสั่งที่กาหนดไว้
หรือโดยประการอื่นตามที่กาหนดในกฎกระทรวงทั้งนี้
เว้นแต่เป็นชุดคาสั่งที่มุ่งหมายในการป้ องกันหรือแก้ไขชุดคาสั่งดังกล่าวข้างต้น
ตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
-มาตรา ๒๒ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผยหรือส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์
ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘
ให้แก่บุคคลใดความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการกระทาเพื่อประโยชน์ในการดาเนินคดีกับผู้กระทาความ
ผิดตามพระราชบัญญัตินี้
หรือเพื่อประโยชน์ในการดาเนินคดีกับพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการใช้อานาจหน้าที่โดยมิชอบ
หรือเป็นการกระทาตามคาสั่งหรือที่ได้รับอนุญาตจากศาลพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหนึ่งต้องระวางโ
ทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
-มาตรา ๒๓
พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทาโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเ
ตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี
หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
-มาตรา ๒๔ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ
ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ และเปิดเผยข้อมูลนั้นต่อผู้หนึ่งผู้ใด
ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
- 9. -มาตรา ๒๕ ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์
หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามพระราชบัญญัตินี้
ให้อ้างและรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่นอัน
ว่าด้วยการสืบพยานได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจมีคามั่นสัญญา ขู่เข็ญหลอกลวง
หรือโดยมิชอบประการอื่น
-มาตรา ๒๖
ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิ
วเตอร์
แต่ในกรณีจาเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการผู้ใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวัน
แต่ไม่เกินหนึ่งปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้
ผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จาเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการ
นับตั้งแต่เริ่มใช้บริการและต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง
ความในวรรคหนึ่งจะใช้กับผู้ให้บริการประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด
ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษาผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท
-มาตรา ๒๗ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๒๐
หรือไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของศาลตามมาตรา ๒๑
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทและปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
-มาตรา ๒๘ การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้
ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้และความชานาญเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ และมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีกาหนด
-มาตรา ๒๙ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามี
อานาจรับคาร้องทุกข์หรือรับคากล่าวโทษ และมีอานาจในการสืบสวนสอบสวนเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
ในการจับ ควบคุมค้น การทาสานวนสอบสวนและดาเนินคดีผู้กระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
บรรดาที่เป็นอานาจของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจชั้นผู้ใหญ่
หรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงานกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพื่อดาเนินการตามอานาจหน้าที่ต่อไป
ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กากับดูแลสานักงานตารวจแห่งชาติ และรัฐมนตรีมีอานาจ
ร่วมกันกาหนดระเบียบเกี่ยวกับแนวทางและวิธีปฏิบัติในการดาเนินการตามวรรคสอง