ݺߣ
Submit Search
โครงงาȨอมพิวเตอร์
•
0 likes
•
182 views
Phapawee Suksuwan
Follow
-
Read less
Read more
1 of 13
Download now
Download to read offline
More Related Content
โครงงาȨอมพิวเตอร์
1.
โครงงาน คอมพิวเตอร์
2.
จัดทาโดย 1.นางสาวปภาวี สุขสุวรรณ ม.5/1
เลขที่ 21 2.นางสาวชลลดา ธรรมสุรักษ์ ม.5/1 เลขที่ 30
3.
ความหมายของโครงงาน โครงงาน หมายถึง กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้าและลงมือปฏิบัติด้วยตนเองตามความสามารถ
ความถนัด และ ความสนใจ โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หรือกระบวนการ อื่นใดไปใช้ในการศึกษาหาคาตอบในเรื่องนั้นๆ โดยมีครูผู้สอนคอย กระตุ้นแนะนาและให้คาปรึกษาแก่ผู้เรียนอย่างใกล้ชิด
4.
โครงงาȨอมพิวเตอร์ หมายถึง กิจกรรมการเรียนที่นักเรียนมีอิสระในการเลือกศึกษา ปัญหาที่ตนเองสนใจ โดยจะต้องวางแผนการดาเนินงาน
ศึกษา พัฒนาโปรแกรม โดยใช้ความรู้ทางกระบวนการวิศวกรรม ซอฟต์แวร์ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน ทักษะพื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน เรื่องที่นักเรียนสนใจและคิด จะทาโครงงาน ซึ่งอาจมีผู้ศึกษามาก่อน หรือเป็นเรื่องที่นักพัฒนา โปรแกรมได้เคยค้นคว้าและพัฒนาแล้ว
5.
นักเรียนสามารถทาโครงงานเรื่องดังกล่าวได้ แต่ต้องคิด ดัดแปลงแนวทางในการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล
การ พัฒนาโปรแกรม หรือศึกษาเพิ่มเติมจากผลงานเดิมที่มี ผู้รายงานไว้ จุดมุ่งหมายสาคัญของการทาโครงงานเป็น การเปิดโอกาสให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงในการ ใช้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้น หรือ ค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ
6.
โดยใช้คอมพิวเตอร์ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้เพื่อ การศึกษา ประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์
หรืออุปกรณ์ใช้ สอยต่างๆ พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ตลอดจนการ พัฒนาเกมคอมพิวเตอร์ เพื่อฝึกให้นักเรียนเป็นบุคคลที่ใฝ่ เรียนใฝ่รู้ การพัฒนาความคิดใหม่ๆ ความมีคุณธรรม จริยธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้กับเพื่อนมนุษย์ และอยู่ใน สังคมอย่างมีความสุข
7.
ขั้นตอนการทาโครงงาȨอมพิวเตอร์ 1. คัดเลือกหัวข้อที่สนใจ ในการตัดสินใจ เลือกหัวข้อที่จะนามาพัฒนาโครงงาȨอมพิวเตอร์
ควร พิจารณาองค์ประกอบสาคัญ ดังนี้ - จะต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา - สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องได้ - มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคาปรึกษา - มีเวลาเพียงพอ - มีงบประมาณเพียงพอ - มีความปลอดภัย
8.
2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล การศึกษาค้นคว้าเอกสารจะช่วยทาให้ผู้เรียนสามารถกาหนดขอบเขต และ ทราบเป้าหมายของโครงงานได้มากขึ้น
เช่น จะต้องทาอะไรบ้าง, มีขั้นตอนหรือ วิธีการอย่างไร, ทาไมต้องทา, ใช้ทรัพยากรหรือเครื่องมืออะไร,ต้องการให้ เกิดผลลัพธ์อะไร และจะนาเสนอผลงานอย่างไร เป็นต้น ในการศึกษาค้นคว้า เอกสารนั้นผู้เรียนสามารถค้นคว้าได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็น อินเทอร์เน็ต ห้องสมุด ปรึกษาอาจารย์หรือผู้ทรงคุณวุฒิ โดยผู้เรียนจะต้องจดบันทึกสรุป สาระสาคัญไว้ด้วย
9.
3. จัดทาเค้าโครงของโครงงาน - ชื่อโครงงาน -
ชื่อผู้ทาโครงงาน - ชื่อที่ปรึกษาโครงงาน - ที่มาและความสาคัญของโครงงาน - วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า - สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า (ถ้ามี) - วิธีดาเนินงาน - แผนปฏิบัติงาน - ผลที่คาดว่าจะได้รับ - เอกสารอ้างอิง
10.
4. การลงมือทาโครงงาน 4.1) การเตรียมการ การเตรียมการ
ต้องเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอื่นๆ ที่จะใช้ ในการพัฒนาให้พร้อมด้วย และควรเตรียมสมุดบันทึกหรือบันทึกเป็นแฟ้มข้อความไว้ ในระบบคอมพิวเตอร์ สาหรับบันทึกการทากิจกรรมต่างๆ ระหว่างทาโครงงาน ได้แก่ ได้ปฏิบัติอย่างไร ได้ผลอย่างไร มีปัญหาและแก้ไขได้หรือไม่อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกต ต่างๆ ที่พบ 4.2) การลงมือพัฒนา - ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในเค้าโครง - จัดระบบการทางานโดยทาส่วนที่เป็นหลักสาคัญๆ ให้แล้วเสร็จก่อน จึงค่่อยทา ส่วนที่เป็นส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมีความสมบูรณ์มากขึ้น - พัฒนาระบบงานด้วยความละเอียดรอบคอบ และบันทึกข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบ
11.
4.3) การทดสอบผลงานและแก้ไข การตรวจสอบความถูกต้องของผลงาน เป็นความจาเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่ พัฒนาขึ้นทางานได้ถูกต้องตรงกับความต้องการ
ที่ระบุไว้ในเป้าหมาย 4.4) การอภิปรายและข้อเสนอแนะ เมื่อพัฒนาผลงานเรียบร้อยแล้ว ให้จัดทาสรุปด้วยข้อความที่สั้นกะทัดรัดอย่าง ครอบคลุม และทาการอภิปรายผลด้วย เพื่อพิจารณาข้อมูลและผลที่ได้ พร้อมกับนาไป หาความสัมพันธ์กับหลักการ ทฤษฎี หรือผลงานที่ผู้อื่นได้ศึกษาไว้ หรือผลงานของผู้อื่น มาใช้ประกอบการอภิปรายผลที่ได้ด้วย 4.5) แนวทางการพัฒนาโครงงานในอนาคตและข้อเสนอแนะ เมื่อทาโครงงานเสร็จสิ้นลงแล้ว นักเรียนอาจพบข้อสังเกต ประเด็นที่สาคัญ หรือ ปัญหา ซึ่งสามารถเขียนเป็นข้อเสนอแนะและสิ่งที่ควรจะศึกษาและหรือใช้ประโยชน์ต่อไป ได้
12.
5. การเขียนรายงาน 1. ส่วนหน้า
ประกอบด้วย หน้าปก ใบรองปกหน้า (กระดาษ เปล่า) หน้าปกใน หน้าคานา หน้าสารบัญ 2. ส่วนกลาง ประกอบด้วย เนื้อเรื่อง เชิงอรรถ 3. ส่วนท้าย ประกอบด้วย บรรณานุกรม ภาคผนวก ใบรองปก หลัง (กระดาษเปล่า) ปกหลัง
13.
6. การนาเสนอและแสดงโครงงาน การนาเสนอผลงานโครงงานวิทยาศาสตร์ อาจทาได้ในแบบต่างๆกัน
เช่น การ แสดงในรูปนิทรรศการ ซึ่งมีทั้งการจัดแสดงและการอธิบายด้วยคาพูด หรือใน รูปแบบของการรายงานปากเปล่าไม่ว่าการนาเสนอผลงานจะอยู่ในรูปแบบใด ควร ครอบคลุมประเด็นสาคัญ คือ มีความชัดเจน เข้าใจง่ายและมีความถูกต้องใน เนื้อหา การแสดงผลงานจัดได้ว่าเป็นขั้นตอนสาคัญอีกประการหนึ่งของการทา โครงงาน เรียกได้ว่าเป็นงานขั้นสุดท้ายของการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ เป็นการ แสดงผลิตผลของงาน ความคิด และความพยายามทั้งหมดที่ผู้ทาโครงงานได้ทุ่มเทลง ไป และเป็นวิธีการที่จะทาให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานนั้นๆ
Download