ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
โครงงาน
คอมพิวเต
อร์
จัดทาโดย
1.นางสาวปภาวี สุขสุวรรณ ม.5/1เลขที่ 21
2.นางสาวชลลดา ธรรมสุรักษ์ ม.5/1เลขที่ 30
ความหมายของโครงงาน
โครงงาน หมายถึง กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษา
ค้นคว้าและลงมือปฏิบัติด้วยตนเองตามความสามารถ ความถนัด
และความสนใจ โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หรือ
กระบวนการอื่นใดไปใช้ในการศึกษาหาคาตอบในเรื่องนั้นๆ โดยมี
ครูผู้สอนคอยกระตุ้นแนะนาและให้คาปรึกษาแก่ผู้เรียนอย่าง
ใกล้ชิด
โครงงาȨอมพิวเตอร์
หมายถึง กิจกรรมการเรียนที่นักเรียนมีอิสระในการเลือก
ศึกษาปัญหาที่ตนเองสนใจ โดยจะต้องวางแผนการดาเนินงาน
ศึกษา พัฒนาโปรแกรม โดยใช้ความรู้ทางกระบวนการ
วิศวกรรมซอฟต์แวร์ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน เรื่องที่นักเรียน
สนใจและคิดจะทาโครงงาน ซึ่งอาจมีผู้ศึกษามาก่อน หรือเป็น
เรื่องที่นักพัฒนาโปรแกรมได้เคยค้นคว้าและพัฒนาแล้ว
นักเรียนสามารถทาโครงงานเรื่องดังกล่าวได้ แต่ต้อง
คิดดัดแปลงแนวทางในการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล
การพัฒนาโปรแกรม หรือศึกษาเพิ่มเติมจากผลงาน
เดิมที่มีผู้รายงานไว้ จุดมุ่งหมายสาคัญของการทา
โครงงานเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้รับ
ประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์
แก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้น หรือค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ
โดยใช้คอมพิวเตอร์ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้เพื่อ
การศึกษา ประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์
ใช้สอยต่างๆ พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ตลอดจน
การพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์ เพื่อฝึกให้นักเรียนเป็น
บุคคลที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้ การพัฒนาความคิดใหม่ๆ ความมี
คุณธรรมจริยธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้กับเพื่อนมนุษย์
และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
ขั้นตอนการทาโครงงาȨอมพิวเตอร์
1. คัดเลือกหัวข้อที่สนใจ
ในการตัดสินใจ เลือกหัวข้อที่จะนามาพัฒนาโครงงาȨอมพิวเตอร์ ควร
พิจารณาองค์ประกอบสาคัญ ดังนี้
- จะต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา
- สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องได้
- มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคาปรึกษา
- มีเวลาเพียงพอ
- มีงบประมาณเพียงพอ
- มีความปลอดภัย
2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมล
การศึกษาค้นคว้าเอกสารจะช่วยทาให้ผู้เรียนสามารถกาหนดขอบเขต
และทราบเป้ าหมายของโครงงานได้มากขึ้น เช่น จะต้องทาอะไรบ้าง,มี
ขั้นตอนหรือวิธีการอย่างไร,ทาไมต้องทา, ใช้ทรัพยากรหรือเครื่องมืออะไร,
ต้องการให้เกิดผลลัพธ์อะไร และจะนาเสนอผลงานอย่างไร เป็นต้น ใน
การศึกษาค้นคว้าเอกสารนั้นผู้เรียนสามารถค้นคว้าได้หลายทาง ไม่ว่าจะ
เป็น อินเทอร์เน็ต ห้องสมุด ปรึกษาอาจารย์หรือผู้ทรงคุณวุฒิ โดยผู้เรียน
จะต้องจดบันทึกสรุปสาระสาคัญไว้ด้วย
3. จัดทาเค้าโครงของโครงงาน
- ชื่อโครงงาน
- ชื่อผู้ทาโครงงาน
- ชื่อที่ปรึกษาโครงงาน
- ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
- วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า
- สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า (ถ้ามี)
- วิธีดาเนินงาน
- แผนปฏิบัติงาน
- ผลที่คาดว่าจะได้รับ
- เอกสารอ้างอิง
4.การลงมือทาโครงงาน
4.1) การเตรียมการ
การเตรียมการ ต้องเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอื่นๆ ที่จะ
ใช้ในการพัฒนาให้พร้อมด้วย และควรเตรียมสมุดบันทึกหรือบันทึกเป็นแฟ้ ม
ข้อความไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ สาหรับบันทึกการทากิจกรรมต่างๆ ระหว่างทา
โครงงาน ได้แก่ ได้ปฏิบัติอย่างไร ได้ผลอย่างไร มีปัญหาและแก้ไขได้หรือไม่
อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกตต่างๆ ที่พบ
4.2) การลงมือพัฒนา
- ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในเค้าโครง
- จัดระบบการทางานโดยทาส่วนที่เป็นหลักสาคัญๆ ให้แล้วเสร็จก่อน จึงค่่อยทา
ส่วนที่เป็นส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมีความสมบูรณ์มากขึ้น
- พัฒนาระบบงานด้วยความละเอียดรอบคอบ และบันทึกข้อมูลไว้อย่างเป็น
ระบบ
4.3) การทดสอบผลงานและแก้ไข
การตรวจสอบความถูกต้องของผลงาน เป็นความจาเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่
พัฒนาขึ้นทางานได้ถูกต้องตรงกับความต้องการ ที่ระบุไว้ในเป้ าหมาย
4.4) การอภิปรายและข้อเสนอแนะ
เมื่อพัฒนาผลงานเรียบร้อยแล้ว ให้จัดทาสรุปด้วยข้อความที่สั้นกะทัดรัดอย่าง
ครอบคลุม และทาการอภิปรายผลด้วย เพื่อพิจารณาข้อมูลและผลที่ได้ พร้อมกับ
นาไปหาความสัมพันธ์กับหลักการ ทฤษฎี หรือผลงานที่ผู้อื่นได้ศึกษาไว้ หรือผลงาน
ของผู้อื่นมาใช้ประกอบการอภิปรายผลที่ได้ด้วย
4.5) แนวทางการพัฒนาโครงงานในอนาคตและข้อเสนอแนะ
เมื่อทาโครงงานเสร็จสิ้นลงแล้ว นักเรียนอาจพบข้อสังเกต ประเด็นที่สาคัญ หรือ
ปัญหา ซึ่งสามารถเขียนเป็นข้อเสนอแนะและสิ่งที่ควรจะศึกษาและหรือใช้ประโยชน์
ต่อไปได้
5. การเขียนรายงาน
1. ส่วนหน้า ประกอบด้วย หน้าปก ใบรองปกหน้า (กระดาษ
เปล่า) หน้าปกใน หน้าคานา หน้าสารบัญ
2. ส่วนกลาง ประกอบด้วย เนื้อเรื่อง เชิงอรรถ
3. ส่วนท้าย ประกอบด้วย บรรณานุกรม ภาคผนวก ใบรองปกหลัง
(กระดาษเปล่า) ปกหลัง
6. การนาเสนอและแสดงโครงงาน
การนาเสนอผลงานโครงงานวิทยาศาสตร์ อาจทาได้ในแบบต่างๆกัน เช่น การ
แสดงในรูปนิทรรศการ ซึ่งมีทั้งการจัดแสดงและการอธิบายด้วยคาพูด หรือใน
รูปแบบของการรายงานปากเปล่าไม่ว่าการนาเสนอผลงานจะอยู่ในรูปแบบใด
ควรครอบคลุมประเด็นสาคัญ คือ มีความชัดเจน เข้าใจง่ายและมีความถูกต้องใน
เนื้อหา การแสดงผลงานจัดได้ว่าเป็นขั้นตอนสาคัญอีกประการหนึ่งของการทา
โครงงาน เรียกได้ว่าเป็นงานขั้นสุดท้ายของการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ เป็นการ
แสดงผลิตผลของงาน ความคิดและความพยายามทั้งหมดที่ผู้ทาโครงงานได้
ทุ่มเทลงไป และเป็นวิธีการที่จะทาให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานนั้นๆ

More Related Content

โครงงาȨอมพิวเตอร์