ݺߣ
Submit Search
ทฤษฎีการรียนรู้
•
Download as PPTX, PDF
•
0 likes
•
1,538 views
R
Ratchada Rattanapitak
Follow
จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในรายวิชา นวัตกรรมและสื่อการเรียนการสอนภาษาไทย
Read less
Read more
1 of 22
Download now
Download to read offline
More Related Content
ทฤษฎีการรียนรู้
1.
ทฤษฎีการรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม (Behaviorism learning theory)
2.
• ทฤษฎีการรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยมเชื่อว่าการเรียนรู้ของมนุษย์จะได้รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้า (Stimulus) และตอบสนอง
(Response) ต่อสิ่งเร้านั้น ทาให้ผู้เรียนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและ เมื่อมีแรงขับ (Drive) หรือความต้องการของผู้เรียนที่มีต่อบางสิ่งบางอย่างที่จูงใจ (Motivate) ให้ หาหนทางตอบสนองพร้อมได้รับการเสริมแรง (Reinforcement) คือ รางวัล คาชม ก็ยิ่งทาให้ ผู้เรียนดาเนินกิจกรรมการเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปเรื่อยๆ จนบรรลุวัตถุประสงค์ที่ กาหนดไว้
3.
อิวาน เพโทรวิช พาฟลอฟ (
Ivan Petrovich Pavlov ) เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียง ซึ่งมี ชีวิตอยู่ระหว่าง ปี ค.ศ. 1849 – 1936 และถึง แก่กรรมเมื่ออายุประมาณ 87 ปี ได้ขื่อว่าเป็นผู้ตั้ง ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิค
4.
เอ็ดเวิร์ด ลี ธอร์นไดค์ (Edward
Lee Thorndike) เป็นนักจิตวิทยาชาวอเมริกัน เกิดวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1814 ที่เมืองวิลเลี่ยมเบอรี่ (Williambury) รัฐแมซซาชู เสท (Massachusetts) และสิ้นชีวิตวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1949 ผู้ริเริ่มทฤษฎีความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างสิ่ง เร้ากับการตอบสนอง
5.
เป็นนักจิตวิทยาชาวอเมริกัน มีช่วงชีวิตอยู่ระหว่างปี ค.ศ.
1878 – 1958 รวมอายุได้ 90 ปี วัตสันได้นาเอาทฤษฎีของพาฟลอฟมาเป็น หลักสาคัญในการอธิบายเรื่องการเรียน ผลงานของวัตสันได้รับความนิยม แพร่หลายจนได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาของจิตวิทยาพฤติกรรมนิยม” คลาร์ก เลโอนาร์ด ฮัลล์ (Clark Leonard Hull) มีความเชื่อว่าถ้าร่างกายเมื่อยล้า การเรียนรู้จะลดลง การตอบสนองต่อการ เรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดีที่สุดเมื่อได้รับแรงเสริมในเวลาใกล้บรรลุเป้ าหมาย หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จึงมักคานึงถึงความพร้อม ความสามารถและเวลาทีผู้เรียนจะเรียนได้ดีที่สุด การจัดการเรียนการสอน ควรให้ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อตอบสนองระดับความสามารถของ ผู้เรียน
6.
เอ็ดวิน อาร์ กัทธรี (Edwin
R. Guthrie) มีช่วงชีวิตอยู่ในระหว่างปี ค.ศ. 1886 – 1959 รวมอายุได้ 73 ปี เป็นศาสตราจารย์ทางจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เป็นบุคคลสาคัญบุคคลหนึ่งที่ทาให้วงการทฤษฎี การเรียนรู้ก้าวหน้าไปได้ไกล จุดเริ่มต้นของทฤษฎีการรียนรู้ของ เขามีรากฐานมาจาก “ทฤษฎีการรียนรู้ของวัตสัน” เบอร์รัส เฟรเดอริก สกินเนอร์ (Burrhus Frederic Skinner) ผู้นาของทฤษฎีกลุ่มพฤติกรรมนิยม ได้ศึกษาทดลอง กับสัตว์เกี่ยวกับพฤติกรรมที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้า (Stimulus-response: S-R theory)
7.
• 1.การสอนแบบบรรยาย หรือการสาธิต/แสดงให้ดูเป็นตัวอย่าง •
2.การให้ทาแบบฝึกหัด การฝึกปฏิบัติ หรือการทาซ้าๆ • 3.การเล่นเกมต่างๆ
8.
• ข้อเด่น • 1.ผู้เรียนสามารถระลึกถึงจดจาความรู้
ข้อเท็จจริงต่างๆ หรือตอบสนองได้อย่างอัตโนมัติ • 2.ผู้เรียนได้รับความรู้จากการเสริมแรงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดพฤติกรรมที่ต้องการ • 3.เกิดผลสาเร็จและความรวดเร็วในการเรียนรู้ภายในช่วงเวลาอันสั้น • ข้อจากัด • ทฤษฎีการรียนรู้นี้ไม่มุ่งเน้นศึกษากลไกการคิดในจิตใจและปัญญาเพราะถือว่าเป็นสิ่งที่สังเกตเห้นไม่ได้
9.
• จากทฤษฎีการรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยมกับการเรียนการสอน สามารถนามาปรับใช้ในการสอนภาษาไทย ในเนื้อหาของบทกลอนการนาเสนอหน้าชั้นเรียน
เช่น ครูอ่านบทกลอนหรือเปิดเทปบันทึกเสียงให้นักเรียนฟัง จากนั้นให้นักเรียนวิเคราะห์เนื้อหาบทกลอนแล้วตีความออกมาให้ครูและเพื่อนฟัง จากนั้นครูก็จะ ประเมินผลโดยการให้คะแนน
10.
ทฤษฎีการรียนรู้ กลุ่มพุทธินิยม
11.
• ขั้นที่1 Enactive
representation(แรกเกิด – 2 ขวบ ) ในวัยนี้ เด็กจะมีการพัฒนาการทางสติปัญญา โดยใช้การกระทาเป็น การเรียนรู้ หรือเรียกว่า Enactive mode เด็กจะใช้การสัมผัส เช่น จับต้องด้วยมือ ผลัก ดึง สิ่งที่สาคัญเด็กจะต้องลงมือ กระโดดด้วยตนเอง เช่น การเลียนแบบ หรือการลงมือกระทากับวัตถุสิ่งของ ต่างกับผู้ใหญ่ ที่จะใช้ทักษะที่ซับซ้อน เช่น ขี่จักรยาน ว่ายน้า เป็นต้น • ขั้นที่2 Iconic representation ในพัฒนาทางขั้นนี้ จะเป็นการใช้ความคิด เด็กสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ ที่เกิดจาก การมองเห็น การสัมผัส โดยการนึกมโนภาพ การสร้างจินตนาการ พัฒนาการนี้จะเพิ่มขึ้นตามอายุของเด็ก ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่ง สร้างจินตนาการได้มากขึ้น การเรียนรู้ในขั้นนี้เรียกว่าIconic mode เด็กจะสามารถเรียนรู้โดยการใช้ภาพแทนการสัมผัส ของจริง บรูเนอร์ได้เสนอแนะ ให้นาโสตทัศนวัสดุมาใช้ในการสอน เช่น บัตรคา ภาพนิ่ง เพื่อที่จะช่วยเสริมสร้าง จินตนาการให้กับเด็ก • ขั้นที่3 Symbolic representation ในพัฒนาการทางขั้นนี้ บรูเนอร์ถือว่าเป็นการพัฒนาการขั้นสูงสุดของความรู้ความเข้าใจ เช่น การคิดเชิงเหตุผล หรือการแก้ปัญหา วิธีการเรียนรู้ขั้นนี้เรียกว่า Symbolic mode ซึ่งผู้เรียนจะใช้ในการเรียนได้เมื่อมี ความเข้าใจในสิ่งที่เป็นนามธรรม
12.
เจอร์โรม เซเมอร์ บรูเนอร์ (
Jerome Seymour Bruner )
13.
• 1. การโต้วาที
การอภิปรายและการให้เหตุผล • 2. การคิดแก้ปัญหาและการเรียนโดยการใช้โครงงานเป็นหลัก • 3. การเปรียบเทียบ (อุปมา) ถ้อยคา หรือสานวนอุปมาอุปไมย • 4. การจาแนกแยกแยะ หรือการคิดวิเคราะห์ – สังเคราะห์ • 5. การให้เขียนสานวนหรือคาประพันธ์สั้นๆ
14.
• ข้อเด่น 1.ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ในการค้นคว้าทดลองแก้ปัญหา และตัดสินใจจากสถานการณ์และ สภาพแวดล้อมที่จัดให้ 2.ผู้สอนจัดสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นความสนใจให้ผู้เรียน
เป็นแรงจูงใจให้อยากสารวจจัดกิจกรรมที่ท้าทาย ให้อยากทดลองจากง่ายไปยาก 3.แหล่งการเรียนรู้จะช่วยให้ผู้เรียนเชื่อมโยงความรู้เดิมกับเนื้อหาสาระ • ข้อจากัด - ผู้เรียนมีโอกาสน้อยที่จะได้ฝึกปฏิบัติการวิเคราะห์และการสรุปผลเป็นความรู้ด้วยตนเอง
15.
• เน้นกระบวนการทางด้านการคิด ยกตัวอย่างเช่น
โครงงานวิชาการ ภาษาไทย ผู้สอนนั้นจะ กาหนดเรื่องมาให้ แล้วให้ผู้เรียนนั้นไปศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง แต่การศึกษาค้นคว้านั้นต้อง อยู่ในขอบเขตของผู้สอนอีกด้วย
16.
ทฤษฎีการรียนรู้กลุ่มสร้างสรรค์นิยม (Constructivist Learning Theory)
17.
• เป็นปรัชญาการศึกษาที่ตั้งอยู่บนฐานความเชื่อที่ว่าผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ได้ด้วยตนเอง ซึ่งความรู้นี้จะฝังติดอยู่กับคนสร้าง ดังนั้นความรู้ของแต่ละคนเป็นความรู้เฉพาะตัวเป็นสิ่งที่ ตนสร้างขึ้นเองเท่านั้น
โดยนักเรียนจะเป็นผู้กาหนดหรือมีส่วนร่วมในการกาหนดสิ่งที่จะ เรียนและวิธีการเรียนของตนเอง และเป็นผู้ตัดสินว่าตนเองจะได้เรียนรู้อะไร เรียนรู้อย่างไร และพัฒนาการเรียนรู้ของตนเองอย่างไร สามารถนาสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในบริบทอื่นได้อย่าง เหมาะสม เรียนรู้จากการปฏิบัติมีอิสระและเรียนรู้บรรยากาศการเรียนที่มีการช่วยเหลือซึ่งกัน และกัน ภายใต้การอานวยความสะดวกของครู
18.
เลฟ เซมยอนโนวิช วิก๊อตสกี (
Lev Semyonovich Vygotsky ) จอห์น ดิวอี้ ( John Dewey ) ฌอง เพียเจต์ ( Jean Piaget )
19.
• 1.กรณีศึกษา (Case
studies) หรือการแก้ปัญหาเพื่อการเรียนรู้ • 2.การนาเสนอผลงาน/ชิ้นงานให้ปรากฏแก่สายตาหลายด้านหลายมิติ หรือการจัดทาสื่อแนะ แนวทางให้คาแนะนา • 3.การกากับดูแลหรือการฝึกงาน • 4.การเรียนรู้ร่วมกัน (Collaborative learning) • 5.การเรียนรู้ด้วยการสืบค้น(Discovery learning) • 6.การเรียนรู้เชิงสถานการณ์ (Situated learning)
20.
• ข้อเด่น 1.การเรียนการสอนเกิดขึ้นในกระบวนการที่ได้มีการปฏิสัมพันธ์ต่อกันระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียน 2.ผู้เรียนเลือกเรียนรู้ด้วยวิธีการและความถนัดของตน 3.ผุ้สอนให้คาปรึกษา ช่วยเหลือ
เสนอแนะทางเลือกที่หลากหลายให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์ และตัดสินใจจาก ข้อมูลที่แสวงหามาได้ 4.มีเวลาเพียงพอที่จะสามารถสร้างผลงาน/ชิ้นงาน/การปฏิบัติการ สาหรับการสืบค้นและประมวลผลองค์ ความรู้ • ข้อจากัด - ทฤษฎีนี้อาจเกิดความขัดแย้งทางปัญญาของผู้เรียนหรือเกิดภาวะไม่สมดุล
21.
• เน้นการสอนจริง เน้นการลงมือปฏิบัติ
และในการสอนนี้ผู้สอนต้องมีประสบการณ์ขั้นสูง ยกตัวอย่างเช่น นาฎศิลป์ การราไทยมาให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติตามหลักการสอนที่ผู้สอนกาหนดขึ้น เหมือนให้ผู้เรียนได้รับ ประสบการณ์โดยตรง
22.
รายชื่อสมาชิกกลุ่ม • นายพิทยา พูลทวี
56115200037 • นางสาววรีย์ลักษณ์ วีระพัสดุ 56115200054 • นางสาววรรณวิภา ยิ้มเจริญ 56115200061 • นางสาวนาถยา สุดครุฑ 56115200062
Download