ݺߣ
Search
Submit Search
อรณี มารดาวงค์
•
0 likes
•
189 views
orathai
1 of 4
Download now
Download to read offline
More Related Content
อรณี มารดาวงค์
1.
ระบบสารสนเทศ (Information system)
ระบบสารสนเทศ (Information system) หมายถึง ระบบที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ได้แก่ ระบบ คอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ ระบบเครือข่าย ฐานข้อมูล ผู้พัฒนาระบบ ผู้ใช้ระบบ พนักงานที่เกี่ยวข้อง และ ผู้เชี่ยวชาญในสาขา ทุกองค์ประกอบนี้ทางานร่วมกันเพื่อกาหนด รวบรวม จัดเก็บข้อมูล ประมวลผลข้อมูล เพื่อสร้างสารสนเทศ และส่งผลลัพธ์หรือสารสนเทศที่ได้ให้ผู้ใช้เพื่อช่วยสนับสนุนการทางาน การตัดสินใจ การ วางแผน การบริหาร การควบคุม การวิเคราะห์และติดตามผลการดาเนินงานขององค์กร (สุชาดา กีระนันทน์, 2541) ระบบสารสนเทศ หมายถึง ชุดขององค์ประกอบที่ทาหน้าที่รวบรวม ประมวลผล จัดเก็บ และแจกจ่าย สารสนเทศ เพื่อช่วยการตัดสินใจ และการควบคุมในองค์กร ในการทางานของระบบสารสนเทศประกอบไปด้วย กิจกรรม 3 อย่าง คือ การนาข้อมูลเข้าสู่ระบบ (Input) การประมวลผล (Processing) และ การนาเสนอผลลัพธ์ (Output) ระบบสารสนเทศอาจจะมีการสะท้อนกลับ (Feedback) เพื่อการประเมินและปรับปรุงข้อมูลนาเข้า ระบบ สารสนเทศอาจจะเป็นระบบที่ประมวลด้วยมือ(Manual) หรือระบบที่ใช้คอมพิวเตอร์ก็ได้ (Computer-based information system –CBIS) (Laudon & Laudon, 2001) แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันเมื่อกล่าวถึงระบบสารสนเทศ มักจะหมายถึงระบบที่ต้องอาศัยคอมพิวเตอร์และระบบ โทรคมนาคม ระบบสารสนเทศ หมายถึง ระบบคอมพิวเตอร์ที่จัดเก็บข้อมูล และประมวลผลเป็นสารสนเทศ และระบบ สารสนเทศเป็นระบบที่ต้องอาศัยฐานข้อมูล (CIS 105 -- Survey of Computer Information Systems, n.d.) ระบบสารสนเทศ หมายถึง ชุดของกระบวนการ บุคคล และเครื่องมือ ที่จะเปลี่ยนข้อมูลให้เป็น สารสนเทศ (FAO Corporate Document Repository, 1998) ระบบสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็นระบบมือหรือระบบ อัตโนมัติ หมายถึง ระบบที่ประกอบด้วย คน เครื่องจักรกล(machine) และวิธีการในการเก็บข้อมูล ประมวลผล ข้อมูล และเผยแพร่ข้อมูล ให้อยู่ในลักษณะของสารสนเทศของผู้ใช้ (Information system, 2005) สรุป ได้ว่า ระบบสารสนเทศ ก็คือ ระบบของการจัดเก็บ ประมวลผลข้อมูล โดยอาศัยบุคคลและเทคโนโลยี สารสนเทศในการดาเนินการ เพื่อให้ได้สารสนเทศที่เหมาะสมกับงานหรือภารกิจแต่ละอย่าง Laudon & Laudon (2001) ยังอธิบายว่าในมิติทางธุรกิจ ระบบสารสนเทศเป็นระบบที่ช่วยแก้ปัญหาการ จัดการขององค์กร ซึ่งถูกท้าทายจากสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการใช้ระบบสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ จาเป็นที่ จะต้องเข้าใจองค์กร(Organzations) การจัดการ (management) และเทคโนโลยี (Technology) ประเภทของระบบสารสนเทศ
2.
ปัจจุบันจะเห็นความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร กับระบบสารสนเทศ และเทคโนโลยีสารสนเทศชัดเจนมาก ขึ้น
และเนื่องจากการบริหารงานในองค์กรมีหลายระดับ กิจกรรมขององค์กรแต่ละประเภทอาจจะแตกต่าง กัน ดังนั้นระบบสารสนเทศของแต่ละองค์กรอาจแบ่งประเภทแตกต่างกันออกไป (สุชาดา กีระนันทน์, 2541) ถ้าพิจารณาจาแนกระบบสารสนเทศตามการสนับสนุนระดับการทางานในองค์กร จะแบ่งระบบสารสนเทศ ได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้ (Laudon & Laudon, 2001) 1. ระบบสารสนเทศสาหรับระดับผู้ปฏิบัติงาน (Operational – level systems) ช่วยสนับสนุนการ ทางานของผู้ปฏิบัติงานในส่วนปฏิบัติงานพื้นฐานและงานทารายการต่างๆขององค์กร เช่น ใบเสร็จรับเงิน รายการขาย การควบคุมวัสดุของหน่วยงาน เป็นต้น วัตถุประสงค์หลักของระบบนี้ก็ เพื่อช่วยการดาเนินงานประจาแต่ละวัน และควบคุมรายการข้อมูลที่เกิดขึ้น 2. ระบบสารสนเทศสาหรับผู้ชานาญการ (Knowledge-level systems) ระบบนี้สนับสนุนผู้ทางานที่มี ความรู้เกี่ยวข้องกับข้อมูล วัตถุประสงค์หลักของระบบนี้ก็เพื่อช่วยให้มีการนาความรู้ใหม่มาใช้ และ ช่วยควบคุมการไหลเวียนของงานเอกสารขององค์กร 3. ระบบสารสนเทศสาหรับผู้บริหาร (Management - level systems) เป็นระบบสารสนเทศที่ช่วยใน การตรวจสอบ การควบคุม การตัดสินใจ และการบริหารงานของผู้บริหารระดับกลางขององค์กร 4. ระบบสารสนเทศระดับกลยุทธ์ (Strategic-level system) เป็นระบบสารสนเทศที่ช่วยการบริหาร ระดับสูง ช่วยในการสนับสนุนการวางแผนระยะยาว หลักการของระบบคือต้องจัดความสัมพันธ์ ระหว่างสภาพแวดล้อมภายนอกกับความสามารถภายในที่องค์กรมี เช่นในอีก 5 ปีข้างหน้า องค์กรจะผลิตสินค้าใด สุชาดา กีระนันทน์ (2541)และ Laudon & Laudon (2001) ได้แบ่งประเภทของระบบสารสนเทศที่ สนับสนุนการทางานของผู้ปฏิบัติงาน/ผู้บริหารระดับต่างๆไว้ ดังนี้ ประเภทของระบบสารสนเทศ ประเภทของระบบสารสนเทศ (สุชาดา กีระนันทน์, 2541) (Laudon & Laudon, 2001) 1. ระบบประมวลผลรายการ 1. Transaction Processing System - TPS (Transaction Processing Systems) 2. ระบบสานักงานอัตโนมัติ 2. Knowledge Work -KWS and office
3.
(Office Automation Systems)
Systems 3. ระบบงานสร้างความรู้ (Knowledge Work Systems) 4. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ 3. Management Information Systems - MIS (Management Information Systems) 5. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ 4. Decision Support Systems - DSS (Decision Support Systems) 6. ระบบสารสนเทศสาหรับผู้บริหารระดับสูง 5. Executive Support System - ESS (Executive Information Systems) 1. ระบบประมวลผลรายการ (Transaction Processing Systems - TPS) เป็นระบบที่ทาหน้าที่ใน การปฏิบัติงานประจา ทาการบันทึกจัดเก็บ ประมวลผลรายการที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน โดยใช้ระบบ คอมพิวเตอร์ทางานแทนการทางานด้วยมือ ทั้งนี้เพื่อที่จะทาการสรุปข้อมูลเพื่อสร้างเป็น สารสนเทศ ระบบประมวลผลรายการนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นระบบที่เชื่อมโยงกิจการกับลูกค้า ตัวอย่าง เช่น ระบบการจองบัตรโดยสารเครื่องบิน ระบบการฝากถอนเงินอัตโนมัติ เป็นต้น ในระบบต้องสร้าง ฐานข้อมูลที่จาเป็น ระบบนี้มักจัดทาเพื่อสนองความต้องการของผู้บริหารระดับต้นเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานประจาได้ ผลลัพธ์ของระบบนี้ มักจะอยู่ในรูปของ รายงานที่มี รายละเอียด รายงานผลเบื้องต้น 2. ระบบสานักงานอัตโนมัติ (Office Automation Systems- OAS) เป็นระบบที่สนับสนุนงานใน สานักงาน หรืองานธุรการของหน่วยงาน ระบบจะประสานการทางานของบุคลากรรวมทั้งกับ บุคคลภายนอก หรือหน่วยงานอื่น ระบบนี้จะเกี่ยวข้องกับการจัดการเอกสาร โดยการใช้ซอฟท์แวร์ ด้านการพิมพ์ การติดต่อผ่านระบบไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้นผลลัพธ์ของระบบนี้ มักอยู่ในรูป ของเอกสาร กาหนดการ สิ่งพิมพ์ 3. ระบบงานสร้างความรู้ (Knowledge Work Systems - KWS) เป็นระบบที่ช่วยสนับสนุน บุคลากรที่ทางานด้านการสร้างความรู้เพื่อพัฒนาการคิดค้น สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ บริการใหม่ ความรู้ ใหม่เพื่อนาไปใช้ประโยชน์ในหน่วยงาน หน่วยงานต้องนาเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาสนับสนุนให้ การพัฒนาเกิดขึ้นได้โดยสะดวก สามารถแข่งขันได้ทั้งในด้านเวลา คุณภาพ และราคา ระบบต้อง อาศัยแบบจาลองที่สร้างขึ้น ตลอดจนการทดลองการผลิตหรือดาเนินการ ก่อนที่จะนาเข้ามา ดาเนินการจริงในธุรกิจ ผลลัพธ์ของระบบนี้ มักอยู่ในรูปของ สิ่งประดิษฐ์ ตัวแบบ รูปแบบ เป็นต้น 4. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management Information Systems- MIS) เป็นระบบ สารสนเทศสาหรับผู้ปฏิบัติงานระดับกลาง ใช้ในการวางแผน การบริหารจัดการ และการ ควบคุม ระบบจะเชื่อมโยงข้อมูลที่มีอยู่ในระบบประมวลผลรายการเข้าด้ วยกัน เพื่อประมวลและสร้าง สารสนเทศที่เหมาะสมและจาเป็นต่อการบริหารงาน ตัวอย่าง เช่น ระบบบริหารงานบุคลากร ผลลัพธ์ ของระบบนี้ มักอยู่ในรูปของรายงานสรุป รายงานของสิ่งผิดปกติ
4.
5. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision
Support Systems – DSS) เป็นระบบที่ช่วยผู้บริหารใน การตัดสินใจสาหรับปัญหา หรือที่มีโครงสร้างหรือขั้นตอนในการหาคาตอบที่แน่นอนเพียง บางส่วน ข้อมูลที่ใช้ต้องอาศัยทั้งข้อมูลภายในกิจการและภายนอกกิจการประกอบกัน ระบบยังต้อง สามารถเสนอทางเลือกให้ผู้บริหารพิจารณา เพื่อเลือกทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสาหรับสถานการณ์ นั้น หลัก การของระบบ สร้างขึ้นจากแนวคิดของการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยการตัดสินใจ โดยให้ผู้ใช้ โต้ตอบโดยตรงกับระบบ ทาให้สามารถวิเคราะห์ ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขและกระบวนการพิจารณาได้ โดยอาศัยประสบการณ์ และ ความสามารถของผู้บริหารเอง ผู้บริหารอาจกาหนด เงื่อนไขและทาการ เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขต่างๆ ไปจนกระทั่งพบสถานการณ์ที่เหมาะสมที่สุด แล้วใช้เป็นสารสนเทศที่ช่วย ตัดสินใจ รูปแบบของผลลัพธ์ อาจจะอยู่ในรูปของ รายงานเฉพาะกิจ รายงานการวิเคราะห์เพื่อ ตัดสินใจ การทานาย หรือ พยากรณ์เหตุการณ์ 6. ระบบสารสนเทศสาหรับผู้บริหารระดับสูง (Executive Information System - EIS) เป็นระบบที่ สร้างสารสนเทศเชิงกลยุทธ์สาหรับผู้บริหารระดับสูง ซึ่งทาหน้าที่กาหนดแผนระยะยาวและเป้าหมาย ของกิจการ สารสนเทศสาหรับผู้บริหารระดับสูงนี้จาเป็นต้องอาศัยข้อมูลภายนอกกิจกรรมเป็น อย่าง มาก ยิ่งในยุคปัจจุบันที่เป็นยุค Globalization ข้อมูลระดับโลก แนวโน้มระดับสากลเป็นข้อมูลที่ จาเป็นสาหรับการแข่งขันของธุรกิจ ผลลัพธ์ของระบบนี้ มักอยู่ในรูปของการพยากรณ์/การ คาดการณ์ ถึงแม้ว่าระบบสารสนเทศจะมีหลายประเภท แต่องค์ประกอบที่จาเป็นของระบบสารสนเทศทุกประเภท ก็คือต้องประกอบด้วยกิจกรรม 3 อย่างตามที่ Laudon & Laudon (2001)ได้กล่าวไว้ คือ ระบบต้องมี การนาเข้าข้อมูล การประมวลผลข้อมูล และการแสดงผลลัพธ์ของข้อมูล สรุปไว้ว่า การพัฒนาระบบสารสนเทศในองค์กรนั้ นเป็นสิ่งท้าทายผู้บริหารเป็นอย่างมาก การที่จะ พัฒนาระบบสารสนเทศขึ้นในหน่วยงานเป็นสิ่งที่ผู้บริหารและผู้รับผิดชอบการพัฒนาระบบ ต้องร่วมกันตัดสินใจ อย่างรอบคอบ เพราะการนาระบบสารสนเทศมาใช้อาจจะกระทบต่อกระบวนการดาเนินงานและการบริหารที่ เป็นอยู่ หรืออาจจะมีผลก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในองค์กร เอกสารอ้างอิง ขอบคุณแหล่งที่มา : http://cola.kku.ac.th/main/article/725/725_005.doc
Download