ݺߣ
Submit Search
งานคอม (อาหารเช้า)
•
0 likes
•
1,724 views
R
Rujyada Auntrakul
Follow
โครงงาȨอม
Read less
Read more
1 of 5
Download now
Download to read offline
More Related Content
งานคอม (อาหารเช้า)
1.
1 แบบเสนอโครงร่างโครงงาȨอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6 ปีการศึกษา 2558 ชื่อโครงงาน อาหารเช้า ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวรุจญาดา อุ่นตระกูล ชั้น ม.6/7 เลขที่ 28 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2.
2 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงาȨอมพิวเตอร์ สมาชิกในกลุ่ม 1 นางสาวรุจญาดา อุ่นตระกูล
เลขที่ 28 คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) อาหารเช้า ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) Breakfast ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวรุจญาดา อุ่นตระกูล ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ชื่อที่ปรึกษาร่วม - ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 2 ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน) เนื่องจากปัจจุบันคนเราส่วนใหญ่ ใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบ จึงทาให้คนส่วนใหญ่มักจะลืมหรือไม่ทานอาหารเช้า และไม่ทราบว่าอาหารเช้านั้นมีประโยชน์เป็นอย่างมากต่อร่างกายเรา ดังนั้นทางผู้จัดทาจึงเลือกที่จะทาโครงงานเรื่อง อาหารเช้าขึ้น ซึ่งโครงงานนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกเพศ ทุกวัย ที่มองข้ามความสาคัญของอาหารเช้าไป วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ) 1.เพื่อให้ทราบถึงความสาคัญของอาหารเช้า 2.เพื่อให้ทราบถึงประโยชน์ของอาหารเช้า 3.เพื่อให้ทราบการทานอาหารเช้าที่ถูกต้อง และเป็นประโยชน์กับตัวเรามากที่สุด ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน) เป็นโครงงานเพื่อการเรียนรู้ และให้ความรู้แก่ทุกเพศ ทุกวัย เพื่อนาไปปรับใช้ในชีวิตประจาวัน อย่างเป็นประ โชยน์
3.
3 หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ
หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน) ความสาาคัญของอาหารเช้า เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการรับประทานอาหารมื้อเช้าคือ 7.00 – 9.00 น เพราะเป็นช่วงเวลา ที่กระเพาะอาหารเริ่มทางาน ผลเสียของการไม่รับประทานอาหารช้า - ร่างกายขาดสารอาหารที่จาเป็นในการเสริมสร้างพลังงานและซ่อมแซมสิ่งที่สึกหรอ ทาให้อวัยวะ ต่างๆไม่แข็งแรง - สมองไม่ได้รับสารอาหารเพียงพอ ทาให้ไอคิวต่า เฉื่อยชา ขาดความว่องไว ความจาไม่ดี ขาดความ กระตือรือร้น - ถ้าไม่ได้รับประทานอาหารเช้าเป็นเวลานาน กระเพาะจะไม่แข็งแรง การขับถ่ายไม่ดี กล้ามเนื้อเหลว ผิวเหี่ยวและคล้าแก่เร็ว ภูมิต้านทานลด ปวดหัว ปวดเข่า ความจาเสื่อม เป็นอัลไซเมอร์ อาหารเช้าลดโรค การ กินอาหารเช้าช่วยป้องกันโรคหัวใจ และน้าตาลในเลือดสูง ซึ่งเป็นอาการ เตือนของโรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการอ่อนเพลียได้อีกด้วยวงเวลา ที่กระเพาะอาหารเริ่มทางาน ประโยชน์ของอาหารเช้า 1.อาหารเช้าช่วยควบคุมโรคอ้วน และน้าหนักได้เป็นอย่างดี นั่นเพราะจากมื้อดึกจนถึงเช้าวันใหม่ เราอด อาหารมานานเกือบ 12 ชั่วโมง และหากเรายิ่งไม่ทานอาหารเช้าเข้าไปอีก จะทาให้ระดับน้าตาลในเลือดต่าลง จนไป เพิ่มแนวโน้มการรับประทานอาหารที่มีพลังงานและไขมันสูงในมื้อเที่ยงมากขึ้น และนี่ก็เป็นสาเหตุให้มีน้าหนักเกินและ โรคอ้วนได้อย่างไม่รู้ตัว 2.ผลการวิจัยจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจในอเมริกาเมื่อปี 2003 พบว่า การรับประทานอาหารเช้าอย่าง สม่าเสมอ อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดสมองและโรคหัวใจได้ด้วย เพราะในตอนเช้าเลือดของเรามี ความเข้มข้นสูง และทาให้เส้นเลือดที่ส่งไปเลี้ยงสมอง หรือหัวใจอุดตันได้ แต่ถ้ารับประทานอาหารเช้าเข้าไป จะช่วย ให้ระดับความเข้มข้นในเลือดเจือจางลง 3.มีการวิจัยพบว่า การรับประทานอาหารเช้ามีส่วนเพิ่มประสิทธิภาพการเรียน การทางาน ทาให้ระบบ ความจา ทักษะการเรียนรู้ และอารมณ์ดีขึ้น แต่หากใครไม่ทานอาหารเช้า จะมีสมาธิน้อยลง และสมองก็ทางานได้ไม่ เต็มที่ 4.ช่วยลดโอกาสเกิดโรคนิ่ว การไม่รับประทานอาหารนานกว่า 14 ชั่วโมงจะทาให้คอเลสเตอรอลในถุงน้าดีจับ ตัวกันนาน หากนาน ๆ ไปสิ่งที่จับตัวกันนั้นจะกลายเป็นก้อนนิ่ว แต่หากเราทานอาหารเช้าเข้าไปล่ะก็ มันจะไปกระตุ้น ให้ตับปล่อยน้าดีออกมาละลายคอเลสเตอรอลที่จับตัวกันอยู่ได้ 5. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานได้ โดยคนที่รับประทานอาหารเช้าจะมีภาวะผิดปกติของ ฮอร์โมนอินซูลิน หรือที่เรียกว่าภาวะดื้อต่ออินซูลินซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานนั้นลดลงถึง 35-50% เลยทีเดียว
4.
4 6.สาหรับเด็ก ๆ การอดอาหารเช้าเป็นประจา
อาจทาให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกาย ไม่แข็งแรง การเจริญเติบโตไม่เป็นไปตามเกณฑ์ และยังส่งผลต่อสติปัญญา ทาให้ขาดสมาธิ ส่งผลเสียในระยะยาวอีก ด้วย 6 วิธีการทานอาหารเช้าให้มีสุขภาพดี 1.เริ่มต้นมื้อเช้ากับ "อาหารเบา ๆ ปริมาณน้อย ๆ" ฝึกรับประทานอาหารมื้อเช้าด้วยเมนูอาหารที่ย่อยง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร และไม่ควรบริโภคใน ปริมาณที่มากเกินไป สาหรับการเริ่มต้น เช่น ลองรับประทานเครื่องดื่มโปรตีนเชคกับผลไม้ หรือไข่ต้มสักลูก ตบท้าย ด้วยผลไม้ซัก 2-3 ชิ้น แค่นี้ก็เป็นการเริ่มต้นในการรับประทานอาหารเช้าที่ดีและมีคุณค่าแล้ว 2."โปรตีน" สารอาหารสาคัญสาหรับมื้อแรก ! จากการศึกษากลุ่มตัวอย่างพบว่า ผู้ที่รับประทานอาหารเช้าโดยบริโภคโปรตีนในปริมาณสูง มีแนวโน้มที่จะ ลดแคลอรี่จากการบริโภคอาหารมื้อเย็นได้ต่ากว่าผู้ที่รับประทานอาหารมื้อเช้าแบบปกติถึง 200 กิโลแคลอรี่ เนื่องจาก "โปรตีน" เป็นสารอาหารที่สาคัญสาหรับมื้อเช้า เพราะนอกจากจะทาให้ร่างกายรู้สึก "อิ่ม" ได้นานแล้ว ยังช่วยกระตุ้น ให้ร่างกายและจิตใจตื่นตัวไปตลอดทั้งวันอีกด้วย...ว้าว... 3.เปลี่ยน "อาหารมื้อหนัก" เป็น "ของว่าง" ที่กินได้เรื่อย ๆ สาหรับการฝึก "รับประทานอาหารเช้า" ให้เป็นนิสัยนั้น จริง ๆ แล้วคุณไม่จาเป็นต้องรับประทานอาหารทั้งมื้อ ให้หมดภายในครั้งเดียว แต่สามารถใช้เวลาไปกับอาหารมื้อนั้น ๆ ด้วยการละเลียดอาหารแต่ละอย่าง หรือเว้นช่วงการ รับประทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างอาหารคาว - อาหารหวาน เป็นต้น 4.ตื่นก่อนเวลาปกติ 15 นาที "15 นาที" ที่เพิ่มขึ้นจากการที่คุณตื่นก่อนเวลาปกติอย่างที่เคย นอกจากคุณจะได้ปฏิบัติกิจวัตรประจาวันใน ยามเช้าแบบไม่ต้องเร่งรีบแล้ว ยังเป็นการช่วยกระตุ้นระบบต่างๆ ภายในในร่างกาย ให้ค่อยๆ ตื่นตัวจากการนอนหลับ และพร้อมที่จะผจญภัยกับภารกิจหนักต่างๆ ในช่วงวันอีกด้วย 5.เมนูไหน ๆ ก็เป็นอาหารเช้าได้เสมอ ไม่เคยมีกฎตายตัวหรือข้อบังคับว่า เมนูอาหารชนิดใดบ้างที่ควรหรือไม่ควรเป็น "อาหารมื้อเช้า" เพราะเราเน้น ที่คุณค่าของสารอาหารที่บริโภคเป็นหลัก ดังนั้น ไม่ว่าอาหารมื้อเช้าของคุณจะเป็นอาหารเหลือจากมื้อเย็นที่ รับประทานไม่หมดของเมื่อวาน หรืออาหารปรุงสาเร็จที่เราซื้อไว้นานแสนนานอยู่ในช่องแข็ง ทุกเมนูอาหารสามารถ เป็น "อาหารมื้อเช้า" ได้เสมอ 6. มั่นใจแค่ไหน..กับ "กาแฟและมัฟฟิน" มื้ออาหารเช้า มีอีกหลายคนที่ไม่ยอมรับประทานอาหารเช้า เพราะเชื่อว่า "แค่ดื่มกาแฟคู่กับมัฟฟิน" หรือเบเกอรี่อื่น ๆ สัก ชิ้นสองชิ้นก็อิ่มท้อง เทียบเท่ากับอาหารมื้อเช้าที่มีคุณค่าได้แล้ว แต่ในความเป็นจริง "แค่กาแฟกับมัฟฟิน" กลับให้ พลังงานที่สูงกว่า 700 กิโลแคลอรี่ รวมทั้งมีไขมันไม่ดีที่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของคุณถึง 6 ช้อนชา
5.
5 วิธีดาเนินงาน แนวทางการดาเนินงาน จัดทาและนาเสนอในรูปแบบ Power Point เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ 1.คอมพิวเตอร์
ใช้เพื่อศึกษาหาข้อมูล 2.หนังสือที่เกี่ยวข้องกับการทานอาหาร งบประมาณ - ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดับ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 1 0 1 1 12 1 3 1 4 1 5 16 17 1 คิดหัวข้อโครงงาน รุจญาดา 2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล รุจญาดา 3 จัดทาโครงร่างงาน รุจญาดา 4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน รุจญาดา 5 ปรับปรุงทดสอบ รุจญาดา 6 การทาเอกสารรายงาน รุจญาดา 7 ประเมินผลงาน รุจญาดา 8 นาเสนอโครงงาน รุจญาดา ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน) 1.รู้ถึงประโยชน์และความสาคัญของอาหารเช้า 2.สามารถเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ต้องการศึกษา 3.สามารถนาไปปรับใช้กับการรับประทานอาหารเช้าของแต่ละคนได้ สถานที่ดาเนินการ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย อาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง สุขศึกษา แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน) 1.http://health.kapook.com/view2102.html 2.http://www.healthandcuisine 3.http://men.sanook.com/536/
Download