ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2558
ชื่อโครงงานการออกกาลังกายเพื่อสุขภาพ
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาวพิชภัค เชื้อสะอาด เลขที่ 34 ชั้น 6 ห้อง14
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2558
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
นางสาวพิชภัค เชื้อสะอาด เลขที่34
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน : ออกกาลังกายเพื่อสุขภาพ
ชื่อโครงงาน : Fit for Health
ประเภทโครงงาน เพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวพิชภัค เชื้อสะอาด
ชื่อที่ปรึกษา เขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน 1 เดือน
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
การออกกาลังกายเพื่อสุขภาพเป็นสิ่งที่ดีสาหรับร่างกายของคุณ ซึ่งควรจะออกกาลังกายเป็นประจาอย่างน้อย
3 – 5 วันต่อสัปดาห์นะคะ ถ้าคุณสามารถทาได้ การออกกาลังกายเป็นประจาจะช่วยทาให้หัวใจของคุณแข็งแรง ทา
ให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆน้อยลง เพิ่มความแข็งแรง และยังสามารถช่วยลดความอ้วนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว จะ
เห็นได้ว่าการออกกาลังกายนั้นสามารถช่วยทาให้สุขภาพของคุณดีมากขึ้น ที่ยกตัวอย่างเป็นเพียงข้อดีบางส่วน ซึ่ง
จริงๆแล้วการออกกาลังกายให้ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายของคุณมากกว่านี้อีก คุณสามารถที่จะออกกาลังกายแบบใด
ก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของคุณเอง เพราะไม่ว่าคุณจะออกกาลังกายแบบไหนก็ดีต่อสุขภาพของคุณทั้งนั้น การออก
กาลังกายของคุณจะช่วยลดอาการบาดเจ็บและปัญหาอื่นๆในการออกกาลังกายของคุณได้เป็นอย่างดี เพื่อสุขภาพที่ดี
ของตัวคุณ ไม่ใช่ฝืนออกกาลังกายไปแล้วทาให้ร่างกายแย่ลง หากท่านใดมีโรคประจาตัวควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะ
เริ่มออกกาลังกายการมีสุขภาพดีนับว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่ทุกคนปรารถนา คาว่าสุขภาพดีในที่นี้หมายถึงการที่เรา
ดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ตั้งแต่เรื่องการออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน
การพักผ่อนที่เพียงพอ การป้องกันโรค การลดหรือเลิกสิ่งที่บันทอนสุขภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายมีความสดชื่น
กระฉับกระเฉง พร้อมที่จะดาเนินชีวิตประจาวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันคนไทยได้หันมาให้ความสนใจ และ
เอาใจใส่ต่อสุขภาพกันมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และถูกหลักโภชนาการ หรือ
การรวมกลุ่มกันเล่นกีฬาและออกกาลังกายเพื่อสุขภาพ ซึ่งกาลังเป็นที่นิยมมากในขณะนี้ การออกกาลังกายให้
ได้ผลดีนั้นจะต้องค่อย ๆ ทา ต้องใช้เวลา และควรทาอย่างสม่าเสมอด้วยวิธีการที่เหมาะสม จะทาให้ร่างกายเกิด
พัฒนาการอย่างมีคุณภาพและมีสุขภาพแข็งแรงในระยะยาว สาหรับการออกกาลังกายที่ดีและถูกต้องนั้นต้อง
ประกอบด้วย ในการออกกาลังกายนั้นไม่ว่าท่านจะมีอายุอยู่ในช่วงวัยใด และไม่ว่าจะออกกาลังกายนานแค่ไหน หรือ
บางท่านยังไม่เคยออกกาลังกายมาก่อนเลย ท่านก็สามารถที่จะออกกาลังกายได้โดยเริ่มต้นจากวิธีง่าย ๆ คือ การออก
กาลังกายจากกิจวัตรประจาวัน เช่น การเดินหรือขี่จักรยาน เมื่อไปยังสถานที่ที่ไม่ไกล หรือหยุดการใช้รถ แต่ใช้การ
เดินไปทางานสาหรับผู้ที่มีบ้านและที่ทางานไม่ไกลจากกัน หรือใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟต์หรือบันไดเลื่อน เป็นต้น ให้
3
ท่านทากิจวัตรเหล่านี้ทุกวันเป็นเวลา 1-2 เดือน จากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มการออกกาลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
ขึ้น เช่น เดินให้เร็วขึ้น ขี้จักรยานให้นานขึ้น ขึ้นบันไดหลายชั้นขึ้น ว่ายน้า เป็นต้น และในช่วงแรก ๆ ของออก
กาลังกายไม่ควรหยุด ให้ออกกาลังอย่างสม่าเสมอจนเป็นนิสัย หากเป็นไปได้ควรจะมีกลุ่มเพื่อน เพื่อช่วยกัน
ประคับประคอง หรือท่านอาจจะให้คนในครอบครัวมามีส่วนร่วมด้วยก็จะดี
ท่านที่เริ่มต้นออกกาลังกาย ควรใช้วิธีเดินไม่ควรวิ่ง เนื่องจากการเดินจะทาให้ท่านไม่เหนื่อยมาก และยัง
สามารถลดน้าหนักได้ด้วย นอกจากนี้อาการปวดข้อจะมีไม่มาก เหมาะสาหรับคนอ้วน หรือผู้ที่เริ่มออกกาลัง
กาย ส่วนการวิ่งจะเป็นการออกกาลังกายสาหรับผู้ที่เตรียมร่างกายไว้พร้อมแล้ว เพราะการวิ่งจะทาให้หัวใจเต้นเร็ว
ทาให้เหนื่อย เหมาะสาหรับท่านที่ต้องการเพิ่มความฟิตของร่างกายให้มากขึ้น หลังจากที่ท่านเตรียมความพร้อม
และได้ออกกาลังกายจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจาวันแล้ว หากท่านต้องการเพิ่มความฟิตร่างกายก็สามารถกระทา
ได้ ทั้งนี้ท่านควรเลือกการออกกาลังกายที่ชอบและสะดวกที่สุด แต่สาหรับท่านที่มีอายุมากกว่า 45 ปี หรือมีโรค
ประจาตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง หรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ ควร
ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มการเลือกวิธีการออกกาลังกาย นอกจากนี้ในการออกกาลังกายไม่ควรหักโหมมากในครั้งแรก ๆ
การออกกาลังกายที่ดี ควรเป็นการออกกาลังกายอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ทาเป็นครั้งคราวแต่หักโหม และไม่ควรกลั้น
หายใจหรือสูดลมหายใจอย่างแรง ควรหายใจเข้าและออกยาว ๆ เพื่อช่วยระบบการหายใจของร่างกาย และขณะ
ออกกาลังกายท่านสามารถสังเกตอาการขณะออกกาลังกายว่าทามากไปหรือไม่
ก่อนออกกาลังกายทุกครั้ง ท่านต้องทาการอบอุ่นร่างกายก่อน อาจใช้วิธีเดินภายในบ้าน รอบบ้าน หรือ
เดือนบนสายพาน ฯลฯ โดยปกติแล้วควรใช้เวลาในการอบอุ่นร่างกายประมาณ 5-10 นาที ซึ่งในกาทาความอบอุ่น
ร่างกายนี้จะทาให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ได้มากขึ้น และหลอดเลือดมีการเตรียมความพร้อมมากขึ้น เป็นการ
ป้องกันการบาดเจ็บจากการออกกาลังกาย
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้ผู้ที่ศึกษาโครงงานนี้ได้นาปรับใช้ในชีวิตประจาวันเช่น การออกกาลังกายอย่างถูกต้องและไม่ทา
ร้ายร่างกายให้บาดเจ็บจนเกินไป
2. เพื่อฝึกการเป็นผู้นาและผู้ตามที่ดีฝึกทักษะกระบวนการทางานด้วยตนเองหรือร่วมกัน
3. คือเพื่อศึกษาค้นคว้าและแก้ปัญหาจากการทางานมีบทบาทและส่วนร่วมในการเรียนรู้
4. เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้โดยศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเองครูมีหน้าที่ให้คาปรึกษาเท่านั้น
5. เพื่อให้ผู้ที่ศึกษาสามารถนาความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่อย่างถูกต้อง
ขอบเขตโครงงาน
1. ทาการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องการออกกาลังกายเพื่อสุขภาพจากหนังสือเรียนและอินเตอร์เน็ต
2. ศึกษาและใช้โปรแกรม Microsoft Word
3. ระยะเวลาในการศึกษาใช้เวลารวม 1 เดือน
4
หลักการและทฤษฎี
ทุกคนต้องการความแข็งแรงของร่างกายทุกส่วน ทุกอวัยวะ ควรออกกาลังกายอย่างสม่าเสมออย่างน้อยวันละ
20-30 นาที สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ก็เพียงพอที่จะเสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพดี ผ่อนคลายความตึง
เครียด ทาให้อารมณ์ดี และยังช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้อีกด้วย
วิธีดาเนินงาน
1. กาหนดหัวข้อเรื่อง
2. ไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อที่จะศึกษาเรื่องที่จะทา
3. วางแผนในการปฏิบัติ
4. แหล่งสืบค้นข้อมูล
4.1 ไปศึกษาในห้องสมุด
4.2 ไปศึกษาในอินเทอร์เน็ต
5. รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่ศึกษามาสรุปและวิเคราะห์
6. นาข้อมูลที่ได้มาทาในรูปแบบ Power Point
7. นาไฟล์งานไปแปลงในสไลด์แชร์
8. นาไปโพสต์ลงในบล็อกของตัวเอง
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1. คอมพิวเตอร์
2. อินเทอร์เน็ต
งบประมาณ
0 บาท
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
5
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
การเขียนผลที่คาดว่าจะได้รับ เป็นการเขียนผลของการคาดคะเนว่าถ้าหากโครงงานนี้สาเร็จ
เรียบร้อยแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคต เช่น เกิดความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ ในด้านงานอาชีพ
การมีผลผลิตที่เกิดขึ้นจากการทางาน หรือทรัพย์สินที่เกิดขึ้นเพิ่มเติม เช่น อาจซื้อวัสดุอุปกรณ์
ในการทางานเพิ่ม รายได้หรือกาไรที่คาดว่าจะได้รับเมื่อสิ้นสุดโครงงาน เจตคติหรือคุณลักษณะที่ดี
ที่มีต่อการทางาน การเขียนผลที่คาดว่าจะได้รับ นิยมเขียนเป็นข้อ ๆ เช่นเดียวกับวัตถุประสงค์
และควรเขียนให้สอดคล้องกัน
สถานที่ดาเนินการ
1. ห้องคอมพิวเตอร์
2. บ้าน
3. ห้องสมุด
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
สุขศึกษาและพลศึกษา
แหล่งอ้างอิง
http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=398

More Related Content

แบบโครงร่างโครงงานȨำเหม่ง

  • 1. 1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6 ปีการศึกษา 2558 ชื่อโครงงานการออกกาลังกายเพื่อสุขภาพ ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวพิชภัค เชื้อสะอาด เลขที่ 34 ชั้น 6 ห้อง14 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
  • 2. 2 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ สมาชิกในกลุ่ม นางสาวพิชภัค เชื้อสะอาด เลขที่34 คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน : ออกกาลังกายเพื่อสุขภาพ ชื่อโครงงาน : Fit for Health ประเภทโครงงาน เพื่อการศึกษา ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวพิชภัค เชื้อสะอาด ชื่อที่ปรึกษา เขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน 1 เดือน ที่มาและความสาคัญของโครงงาน การออกกาลังกายเพื่อสุขภาพเป็นสิ่งที่ดีสาหรับร่างกายของคุณ ซึ่งควรจะออกกาลังกายเป็นประจาอย่างน้อย 3 – 5 วันต่อสัปดาห์นะคะ ถ้าคุณสามารถทาได้ การออกกาลังกายเป็นประจาจะช่วยทาให้หัวใจของคุณแข็งแรง ทา ให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆน้อยลง เพิ่มความแข็งแรง และยังสามารถช่วยลดความอ้วนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว จะ เห็นได้ว่าการออกกาลังกายนั้นสามารถช่วยทาให้สุขภาพของคุณดีมากขึ้น ที่ยกตัวอย่างเป็นเพียงข้อดีบางส่วน ซึ่ง จริงๆแล้วการออกกาลังกายให้ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายของคุณมากกว่านี้อีก คุณสามารถที่จะออกกาลังกายแบบใด ก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของคุณเอง เพราะไม่ว่าคุณจะออกกาลังกายแบบไหนก็ดีต่อสุขภาพของคุณทั้งนั้น การออก กาลังกายของคุณจะช่วยลดอาการบาดเจ็บและปัญหาอื่นๆในการออกกาลังกายของคุณได้เป็นอย่างดี เพื่อสุขภาพที่ดี ของตัวคุณ ไม่ใช่ฝืนออกกาลังกายไปแล้วทาให้ร่างกายแย่ลง หากท่านใดมีโรคประจาตัวควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะ เริ่มออกกาลังกายการมีสุขภาพดีนับว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่ทุกคนปรารถนา คาว่าสุขภาพดีในที่นี้หมายถึงการที่เรา ดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ตั้งแต่เรื่องการออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน การพักผ่อนที่เพียงพอ การป้องกันโรค การลดหรือเลิกสิ่งที่บันทอนสุขภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายมีความสดชื่น กระฉับกระเฉง พร้อมที่จะดาเนินชีวิตประจาวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันคนไทยได้หันมาให้ความสนใจ และ เอาใจใส่ต่อสุขภาพกันมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และถูกหลักโภชนาการ หรือ การรวมกลุ่มกันเล่นกีฬาและออกกาลังกายเพื่อสุขภาพ ซึ่งกาลังเป็นที่นิยมมากในขณะนี้ การออกกาลังกายให้ ได้ผลดีนั้นจะต้องค่อย ๆ ทา ต้องใช้เวลา และควรทาอย่างสม่าเสมอด้วยวิธีการที่เหมาะสม จะทาให้ร่างกายเกิด พัฒนาการอย่างมีคุณภาพและมีสุขภาพแข็งแรงในระยะยาว สาหรับการออกกาลังกายที่ดีและถูกต้องนั้นต้อง ประกอบด้วย ในการออกกาลังกายนั้นไม่ว่าท่านจะมีอายุอยู่ในช่วงวัยใด และไม่ว่าจะออกกาลังกายนานแค่ไหน หรือ บางท่านยังไม่เคยออกกาลังกายมาก่อนเลย ท่านก็สามารถที่จะออกกาลังกายได้โดยเริ่มต้นจากวิธีง่าย ๆ คือ การออก กาลังกายจากกิจวัตรประจาวัน เช่น การเดินหรือขี่จักรยาน เมื่อไปยังสถานที่ที่ไม่ไกล หรือหยุดการใช้รถ แต่ใช้การ เดินไปทางานสาหรับผู้ที่มีบ้านและที่ทางานไม่ไกลจากกัน หรือใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟต์หรือบันไดเลื่อน เป็นต้น ให้
  • 3. 3 ท่านทากิจวัตรเหล่านี้ทุกวันเป็นเวลา 1-2 เดือน จากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มการออกกาลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ขึ้น เช่น เดินให้เร็วขึ้น ขี้จักรยานให้นานขึ้น ขึ้นบันไดหลายชั้นขึ้น ว่ายน้า เป็นต้น และในช่วงแรก ๆ ของออก กาลังกายไม่ควรหยุด ให้ออกกาลังอย่างสม่าเสมอจนเป็นนิสัย หากเป็นไปได้ควรจะมีกลุ่มเพื่อน เพื่อช่วยกัน ประคับประคอง หรือท่านอาจจะให้คนในครอบครัวมามีส่วนร่วมด้วยก็จะดี ท่านที่เริ่มต้นออกกาลังกาย ควรใช้วิธีเดินไม่ควรวิ่ง เนื่องจากการเดินจะทาให้ท่านไม่เหนื่อยมาก และยัง สามารถลดน้าหนักได้ด้วย นอกจากนี้อาการปวดข้อจะมีไม่มาก เหมาะสาหรับคนอ้วน หรือผู้ที่เริ่มออกกาลัง กาย ส่วนการวิ่งจะเป็นการออกกาลังกายสาหรับผู้ที่เตรียมร่างกายไว้พร้อมแล้ว เพราะการวิ่งจะทาให้หัวใจเต้นเร็ว ทาให้เหนื่อย เหมาะสาหรับท่านที่ต้องการเพิ่มความฟิตของร่างกายให้มากขึ้น หลังจากที่ท่านเตรียมความพร้อม และได้ออกกาลังกายจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจาวันแล้ว หากท่านต้องการเพิ่มความฟิตร่างกายก็สามารถกระทา ได้ ทั้งนี้ท่านควรเลือกการออกกาลังกายที่ชอบและสะดวกที่สุด แต่สาหรับท่านที่มีอายุมากกว่า 45 ปี หรือมีโรค ประจาตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง หรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ ควร ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มการเลือกวิธีการออกกาลังกาย นอกจากนี้ในการออกกาลังกายไม่ควรหักโหมมากในครั้งแรก ๆ การออกกาลังกายที่ดี ควรเป็นการออกกาลังกายอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ทาเป็นครั้งคราวแต่หักโหม และไม่ควรกลั้น หายใจหรือสูดลมหายใจอย่างแรง ควรหายใจเข้าและออกยาว ๆ เพื่อช่วยระบบการหายใจของร่างกาย และขณะ ออกกาลังกายท่านสามารถสังเกตอาการขณะออกกาลังกายว่าทามากไปหรือไม่ ก่อนออกกาลังกายทุกครั้ง ท่านต้องทาการอบอุ่นร่างกายก่อน อาจใช้วิธีเดินภายในบ้าน รอบบ้าน หรือ เดือนบนสายพาน ฯลฯ โดยปกติแล้วควรใช้เวลาในการอบอุ่นร่างกายประมาณ 5-10 นาที ซึ่งในกาทาความอบอุ่น ร่างกายนี้จะทาให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ได้มากขึ้น และหลอดเลือดมีการเตรียมความพร้อมมากขึ้น เป็นการ ป้องกันการบาดเจ็บจากการออกกาลังกาย วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้ที่ศึกษาโครงงานนี้ได้นาปรับใช้ในชีวิตประจาวันเช่น การออกกาลังกายอย่างถูกต้องและไม่ทา ร้ายร่างกายให้บาดเจ็บจนเกินไป 2. เพื่อฝึกการเป็นผู้นาและผู้ตามที่ดีฝึกทักษะกระบวนการทางานด้วยตนเองหรือร่วมกัน 3. คือเพื่อศึกษาค้นคว้าและแก้ปัญหาจากการทางานมีบทบาทและส่วนร่วมในการเรียนรู้ 4. เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้โดยศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเองครูมีหน้าที่ให้คาปรึกษาเท่านั้น 5. เพื่อให้ผู้ที่ศึกษาสามารถนาความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่อย่างถูกต้อง ขอบเขตโครงงาน 1. ทาการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องการออกกาลังกายเพื่อสุขภาพจากหนังสือเรียนและอินเตอร์เน็ต 2. ศึกษาและใช้โปรแกรม Microsoft Word 3. ระยะเวลาในการศึกษาใช้เวลารวม 1 เดือน
  • 4. 4 หลักการและทฤษฎี ทุกคนต้องการความแข็งแรงของร่างกายทุกส่วน ทุกอวัยวะ ควรออกกาลังกายอย่างสม่าเสมออย่างน้อยวันละ 20-30 นาที สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ก็เพียงพอที่จะเสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพดี ผ่อนคลายความตึง เครียด ทาให้อารมณ์ดี และยังช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้อีกด้วย วิธีดาเนินงาน 1. กาหนดหัวข้อเรื่อง 2. ไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อที่จะศึกษาเรื่องที่จะทา 3. วางแผนในการปฏิบัติ 4. แหล่งสืบค้นข้อมูล 4.1 ไปศึกษาในห้องสมุด 4.2 ไปศึกษาในอินเทอร์เน็ต 5. รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่ศึกษามาสรุปและวิเคราะห์ 6. นาข้อมูลที่ได้มาทาในรูปแบบ Power Point 7. นาไฟล์งานไปแปลงในสไลด์แชร์ 8. นาไปโพสต์ลงในบล็อกของตัวเอง เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ 1. คอมพิวเตอร์ 2. อินเทอร์เน็ต งบประมาณ 0 บาท ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดับ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 1 0 1 1 12 1 3 1 4 1 5 16 17 1 คิดหัวข้อโครงงาน 2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล 3 จัดทาโครงร่างงาน 4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน 5 ปรับปรุงทดสอบ 6 การทาเอกสารรายงาน 7 ประเมินผลงาน 8 นาเสนอโครงงาน
  • 5. 5 ผลที่คาดว่าจะได้รับ การเขียนผลที่คาดว่าจะได้รับ เป็นการเขียนผลของการคาดคะเนว่าถ้าหากโครงงานนี้สาเร็จ เรียบร้อยแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคต เช่น เกิดความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ ในด้านงานอาชีพ การมีผลผลิตที่เกิดขึ้นจากการทางาน หรือทรัพย์สินที่เกิดขึ้นเพิ่มเติม เช่น อาจซื้อวัสดุอุปกรณ์ ในการทางานเพิ่ม รายได้หรือกาไรที่คาดว่าจะได้รับเมื่อสิ้นสุดโครงงาน เจตคติหรือคุณลักษณะที่ดี ที่มีต่อการทางาน การเขียนผลที่คาดว่าจะได้รับ นิยมเขียนเป็นข้อ ๆ เช่นเดียวกับวัตถุประสงค์ และควรเขียนให้สอดคล้องกัน สถานที่ดาเนินการ 1. ห้องคอมพิวเตอร์ 2. บ้าน 3. ห้องสมุด กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง สุขศึกษาและพลศึกษา แหล่งอ้างอิง http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=398