ݺߣ
Submit Search
ขั้นตอȨารทำโครงงาȨอมพิวเตอร์
•
0 likes
•
214 views
K
Kornkaruna Lawanyakul
Follow
ขั้นตอȨารทำโครงงาȨอมพิวเตอร์
Read less
Read more
1 of 8
Download now
Download to read offline
More Related Content
ขั้นตอȨารทำโครงงาȨอมพิวเตอร์
1.
ขั้นตอนการทาโครงงานคอมพิวเตอร์ 1.คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ 2.ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล 3.จัดทาเค้าโครงของโครงงาน 4.การลงมือทาโครงงาน 5.การเขียนรายงาน 6.การนาเสนอและแสดงโครงงาน Credit: https://sites.google.com/site/wasanacom551/to-dos
2.
1.คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ โดยทั่วไปเรื่องที่จะนามาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร์มักจะได้มาจากปัญหาคาถามหรือความ สนใจในเรื่องต่างๆจากการสังเกตสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์หรือสิ่งต่างๆรอบตัวปัญหาที่จะ นามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ได้จากแหล่งต่างๆกันดังนี้ 1.การอ่านค้นคว้าจากหนังสือเอกสารหนังสือพิมพ์หรือวารสารต่างๆ 2.การไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ 3.การฟังบรรยายทางวิชาการรายการวิทยุและโทรทัศน์รวมทั้งการสนทนาอภิปรายแลกเปลี่ยนความ คิดเห็นระหว่างเพื่อนนักเรียนหรือกับบุคคลอื่นๆ 4.กิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน 5.งานอดิเรกของนักเรียน 6.การเข้าชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์ ในการตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะนามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ควรพิจารณาองค์ประกอบสาคัญดังนี้ 1.ต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา 2.สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์และวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องได้ 3.มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคาปรึกษา 4.มีเวลาเพียงพอ 5.มีงบประมาณเพียงพอ 6.มีความปลอดภัย
3.
2.ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูลซึ่งรวมถึงการขอคาปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิจะช่วยให้ นักเรียนได้แนวคิดที่ใช้ในการกาหนดขอบเขตของเรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้นรวมทั้งได้ความรู้ เพิ่มเติมในเรื่องที่จะศึกษาจนสามารถใช้ออกแบบและวางแผนดาเนินการทาโครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสมใน การศึกษาจะต้องได้คาตอบว่า 1.จะทาอะไร 2.ทาไมต้องทา 3.ต้องการให้เกิดอะไร 4.ทาอย่างไร 5.ใช้ทรัพยากรอะไร 6.ทากับใคร 7.เสนอผลอย่างไร
4.
3. องค์ประกอบของเค้าโครงของโครงงาน รายงาน รายละเอียดที่ต้องระบุ ชื่อโครงงาน
ทาอะไรกับใครเพื่ออะไร ประเภทโครงงาน วิเคราะห์จากลักษณะของประโยชน์หรือผลงานที่ได้ ชื่อผู้จัดทาโครงงาน ผู้รับผิดชอบโครงงานอาจเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่มก็ได้ ครูที่ปรึกษาโครงงาน ครู-อาจารย์ผู้ทาหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและควบคุมการทาโครงงานของนักเรียน ครูที่ปรึกษาร่วม ครู-อาจารย์ผู้ทาหน้าที่เป็นที่ปรึกษาร่วมให้คาแนะนาในการทาโครงงานของนัก เรียน ระยะเวลาดาเนินงาน ระยะเวลาการดาเนินงานโครงงานตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดกาหนดเป็นวันหรือ เดือนก็ได้ แนวคิดที่มาและ ความสาคัญ สภาพปัจจุบันที่เป็นความต้องการและความคาดหวังที่จะเกิดผล วัตถุประสงค์ สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดโครงงานทั้งในเชิงกระบวนการและผลผลิต หลักการและทฤษฎี หลักการและทฤษฎีที่นามาใช้ในการพัฒนาโครงงาน วิธีดาเนินงาน กิจกรรมหรือขั้นตอนการดาเนินงานเครื่องมือวัสดุอุปกรณ์งบประมาณและ ผู้รับผิดชอบ ขั้นตอนการปฏิบัติ วันเวลาและกิจกรรมดาเนินการต่างๆตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด ผลที่คาดว่าจะได้รับ สภาพของผลที่ต้องการให้เกิดทั้งที่เป็นผลผลิตกระบวนการและผลกระทบ เอกสารอ้างอิง สื่อเอกสารข้อมูลที่ได้จากแหล่งต่างๆที่นามาใช้ในการดาเนินงาน
5.
4. การลงมือทาโครงงาน เมื่อเค้าโครงของโครงงานได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วก็เสมือนว่าการจัดทาโครงงาน ได้ผ่านพ้นไปแล้วมากกว่าครึ่งขั้นตอนต่อไปจะเป็นการลงมือพัฒนาตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ดังนี้ 4.1การเตรียมการ การเตรียมการต้องเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์และวัสดุอื่นๆที่จะใช้ในการพัฒนาให้พร้อม ด้วยและควรเตรียมสมุดบันทึกหรือบันทึกเป็นแฟ้มข้อความไว้ในระบบคอมพิวเตอร์สาหรับบันทึกการทา กิจกรรมต่างๆระหว่างทาโครงงานได้แก่ได้ปฏิบัติอย่างไรได้ผลอย่างไรมีปัญหาและแก้ไขได้หรือไม่อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกตต่างๆที่พบ 4.2การลงมือพัฒนา 1.ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในเค้าโครงแต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมได้ถ้าพบว่าจะช่วยทาให้ ผลงานดีขึ้น 2.จัดระบบการทางานโดยทาส่วนที่เป็นหลักสาคัญๆให้แล้วเสร็จก่อนจึงค่อยทา ส่วนที่เป็น ส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมีความสมบูรณ์มากขึ้นและถ้ามีการแบ่งงานกันทาให้ตกลง รายละเอียดในการต่อเชื่อมชิ้นงานที่ชัดเจนด้วย 3.พัฒนาระบบงานด้วยความละเอียดรอบคอบและบันทึกข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบและครบถ้วน 4.3การทดสอบผลงานและแก้ไข การตรวจสอบความถูกต้องของผลงานเป็นความจาเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้นทางานได้ ถูกต้องตรงกับความต้องการที่ระบุไว้ในเป้าหมายและทาด้วยประสิทธิภาพสูงด้วย 4.4การอภิปรายและข้อเสนอแนะ เมื่อพัฒนาผลงานเรียบร้อยแล้วให้จัดทาสรุปด้วยข้อความที่สั้นกะทัดรัดอย่างครอบคลุมเพื่อช่วยให้ ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสิ่งที่ค้นพบจากการทาโครงงานและทาการอภิปรายผลด้วยเพื่อพิจารณาข้อมูลและผลที่ได้ พร้อมกับนาไปหาความสัมพันธ์กับหลักการทฤษฎีหรือผลงานที่ผู้อื่นได้ศึกษาไว้แล้วทั้งนี้ยังรวมถึงการนา หลักการทฤษฎีหรือผลงานของผู้อื่นมาใช้ประกอบการอภิปรายผลที่ได้ด้วย 4.5
แนวทางการพัฒนาโครงงานในอนาคตและข้อเสนอแนะ เมื่อทาโครงงานเสร็จสิ้นลงแล้วนักเรียนอาจพบข้อสังเกตประเด็นที่สาคัญหรือปัญหาซึ่งสามารถ เขียนเป็นข้อเสนอแนะและสิ่งที่ควรจะศึกษาและหรือใช้ประโยชน์ต่อไปได้
6.
5. การเขียนรายงาน การเขียนรายงานเป็นวิธีการสื่อความหมายเพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวคิดวิธีดาเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่ได้ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆเกี่ยวกับโครงงานนั้นในการเขียนรายงานนักเรียนควรใช้ ภาษาที่อ่านง่ายชัดเจนกระชับและตรงไปตรงมาให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆเหล่านี้ 5.1ส่วนนา ส่วนนาเป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงงานนั้นซึ่งประกอบด้วย 1.ชื่อโครงงาน 2.ชื่อผู้ทาโครงงาน 3.ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา 4.คาขอบคุณเป็นคากล่าวขอบคุณบุคคลหรือหน่วยงานที่มีส่วนช่วยทาให้โครงงานสาเร็จ 5.บทคัดย่ออธิบายถึงที่มาความสาคัญวัตถุประสงค์วิธีดาเนินการและผลที่ได้โดยย่อ 5.2 บทนา บทนาเป็นส่วนรายละเอียดของเนื้อหาของโครงงานซึ่งประกอบด้วย 1.ที่มาและความสาคัญของโครงงาน 2.เป้าหมายของการศึกษาค้นคว้า 3.ขอบเขตของโครงงาน 5.3
หลักการและทฤษฎี หลักการและทฤษฎีเป็นส่วนสรุปข้อมูลที่ได้จากการศึกษาหาข้อมูลหรือหลักการทฤษฎีหรือวิธีการที่จะ นามาใช้ในการพัฒนาโครงงานซึ่งรวมถึงการระบุผลงานของผู้อื่นที่นักเรียนนามาเปรียบเทียบหรือพัฒนา เพิ่มเติมด้วย 5.4 วิธีดาเนินการ วิธีดาเนินการอธิบายขั้นตอนการดาเนินงานโดยละเอียดพร้อมทั้งระบุปัญหาหรืออุปสรรคที่พบพร้อม ทั้งวิธีการที่ใช้แก้ไขพร้อมทั้งระบุวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทางาน 5.5ผลการศึกษา ผลการศึกษานาเสนอข้อมูลหรือระบบที่พัฒนาได้โดยอาจแสดงเป็นตารางหรือกราฟหรือข้อความ ทั้งนี้ให้คานึงถึงความเข้าใจของผู้อ่านเป็นหลัก
7.
5.6สรุปผลและข้อเสนอแนะ สรุปผลและข้อเสนอแนะอธิบายผลสรุปที่ได้จากการทา งานถ้ามีการตั้งสมมติฐานควรระบุด้วยว่า ข้อมูลที่ได้สนับสนุนหรือคัดค้านสมมติฐานที่ตั้งไว้หรือยังสรุปไม่ได้นอกจากนั้นยังควรกล่าวถึงการนาผลการ ทดลองหรือพัฒนาไปใช้ประโยชน์อุปสรรคของการทาโครงงานหรือข้อสังเกตที่สาคัญหรือข้อผิดพลาดบาง ประการที่เกิดขึ้นจากการทาโครงงานนี้รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงแก้ไขหากจะมีผู้ศึกษาค้นคว้าในเรื่อง ทานองนี้ต่อไปในอนาคตด้วย 5.7 ประโยชน์ ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงานระบุประโยชน์ที่นักเรียนได้รับจากการพัฒนาโครงงานนั้นและประโยชน์ที่ ผู้ใช้จะได้รับจากการนาผลงานของโครงงานไปใช้ด้วย 5.8
บรรณานุกรม บรรณานุกรมรวบรวมรายชื่อหนังสือวารสารเอกสารหรือเว็บไซด์ต่างๆที่ผู้ทาโครงงานใช้ค้นคว้า หรืออ่านเพื่อศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆที่นามาใช้ประโยชน์ในการทาโครงงานนี้การเขียนเอกสาร บรรณานุกรมต้องให้ถูกต้องตามหลักการเขียนด้วย 5.9 การจัดทาคู่มือการใช้งาน หาโครงงานที่นักเรียนจัดทาเป็นการพัฒนาระบบใหม่ขึ้นมาให้นักเรียนจัดทาคู่มืออธิบายวิธีการใช้ ผลงานนั้นโดยละเอียดซึ่งประกอบด้วย 1.ชื่อผลงาน 2.ความต้องการของระบบคอมพิวเตอร์ระบุรายละเอียดของคอมพิวเตอร์ที่ต้องมีเพื่อจะใช้ผลงานนั้น ได้ 3.ความต้องการของซอฟต์แวร์ระบุรายชื่อซอฟต์แวร์ที่ต้องมีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อจะให้ ผลงานนั้นทางานได้อย่างสมบูรณ์ 4.คุณลักษณะของผลงานอธิบายว่าผลงานนั้นทาหน้าที่อะไรบ้างรับอะไรเป็นข้อมูลขาเข้าและส่วนอะไร ออกมาเป็นข้อมูลขาออก 5.วิธีการใช้งานของแต่ละฟังก์ชันอธิบายว่าจะต้องกดคาสั่งใดหรือกดปุ่มใดเพื่อให้ผลงานทางานใน ฟังก์ชันหนึ่งๆ
8.
6. การนาเสนอและแสดงโครงงาน การนาเสนอและการแสดงผลงานเป็นขั้นตอนที่สาคัญอีกขั้นตอนหนึ่งของการทาโครงงานเพื่อ แสดงออกถึงผลิตผลความคิดความพยายามในการทางานที่ผู้ทาโครงงานได้ทุ่มเทและเป็นวิธีทาให้ผู้อื่นได้รับรู้ และเข้าใจถึงผลงานนั้นการเสนอผลงานอาจทาได้ในหลายรูปแบบต่างๆกันเช่นการแสดงผลงานโดยไม่มีการ อธิบายประกอบการรายงานด้วยคาพูดในที่ประชุมการจัดนิทรรศการโดยโปสเตอร์และอธิบายด้วยคาพูดเป็น ต้นโดยผลงานที่นามาเสนอหรือจัดแสดงควรประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้ 1.ชื่อโครงงาน 2.ชื่อผู้จัดทาโครงงาน 3.ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา 4.คาอธิบายถึงที่มาและความสาคัญของโครงงาน 5.วิธีการดาเนินการที่สาคัญ 6.การสาธิตผลงาน 7.ผลการสังเกตและข้อสรุปสาคัญที่ได้จากการทาโครงงาน Credit:http://www.acr.ac.th/acr/ACR_E-Learning/CAREER_COMPUTER/COMPUTER/M4
Download