ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
ประเภทของเึϹกที่มีความต้องการพิเศษ
อ.ตฤณ แจ่มถิน
สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
4. เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา
(Children with Speech and
Language Disorders)
เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด
หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องซึ่งเกิดจากการพูดผิดปกติ ใน
ด้านความชัดเจนในการปรับปรุงแต่งระดับและคุณภาพของ
เสียง จังหวะและྺั้Ȩอนของเสียงพูด
1. ความบกพร่องในด้านการปรุงเสียง
(Articulator Disorders)
• เสียงบางส่วนของคาขาดหายไป "ความ" เป็น "คาม"
• ออกเสียงของตัวอื่นแทนตัวที่ถูกต้อง "กิน" "จิน" กวาด ฟาด
• เพิ่มเสียงที่ไม่ใช่เสียงที่ถูกต้องลงไปด้วย "หกล้ม" เป็น "หก-กะ-ล้ม"
• เสียงเพี้ยนหรือแปล่ง "แล้ว" เป็น "แล่ว"
2. ความบกพร่องของจังหวะและྺั้Ȩอนของเสียงพูด
(speech Flow Disorders)
• พูดไม่ถูกตามลาดับขั้นตอน ไม่เป็นไปตามโครงสร้างของภาษา
• การเว้นวรรคตอนไม่ถูกต้อง
• อัตราการพูดเร็วหรือช้าเกินไป
• จังหวะของเสียงพูดผิดปกติ
• เสียงพูดขาดความต่อเนื่อง สละสลวย
3. ความบกพร่องของเสียงพูด
(Voice Disorders)
• ความบกพร่องของระดับเสียง
• เสียงดังหรือค่อยเกินไป
• คุณภาพของเสียงไม่ดี
ความบกพร่องทางภาษา
หมายถึง การขาดความสามารถที่จะเข้าใจความหมาย
ของคาพูด และ/หรือไม่สามารถแสดงความคิดออกมาเป็น
ถ้อยคาได้
1. การพัฒนาการทางภาษาช้ากว่าวัย
(Delayed Language)
• มีความยากลาบากในการใช้ภาษา
• มีความผิดปกติของไวยากรณ์และโครงสร้างของประโยค
• ไม่สามารถสร้างประโยคได้
• มีความบกพร่องทางเชาว์ปัญญา อารมณ์ สมองผิดปกติ
• ภาษาที่ใช้เป็นภาษาห้วน ๆ
2. ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจาก
พยาธิสภาพที่สมอง โดยทั่วไปเรียกว่า
Dysphasia หรือ aphasia
• อ่านไม่ออก (alexia)
• เขียนไม่ได้ (agraphia )
• สะกดคาไม่ได้
• ใช้ภาษาสับสนยุ่งเหยิง
• จาคาหรือประโยคไม่ได้
• ไม่เข้าใจคาสั่ง
• พูดตามหรือบอกชื่อสิ่งของไม่ได้
ไม่รู้ชื่อนิ้ว (finger agnosia)
ไม่รู้ซ้ายขวา (allochiria)
คานวณไม่ได้ (acalculia)
เขียนไม่ได้ (agraphia)
อ่านไม่ออก (alexia)
Gerstmann’s syndrome
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
• ในวัยทารกมักเงียบผิดธรรมชาติ ร้องไห้เบา ๆ และอ่อนแรง
• ไม่อ้อแอ้ภายในอายุ 10 เดือน
• ไม่พูดภายในอายุ 2 ขวบ
• หลัง 3 ขวบแล้วภาษาพูดของเด็กก็ยังฟังเข้าใจยาก
• ออกเสียงตัวสะกดไม่ได้
• หลัง 5 ขวบ เด็กยังคงใช้ภาษาที่เป็นประโยคไม่สมบูรณ์ในระดับ
ประถมศึกษา
• มีปัญหาในการสื่อความหมาย พูดตะกุกตะกัก
• ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย
5. เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
(Children with Physical and
Health Impairments)
• เด็กที่มีอวัยวะไม่สมส่วน
• อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป
• เจ็บป่วยเรื้อรังรุนแรง
• มีปัญหาทางระบบประสาท
• มีความลาบากในการเคลื่อนไหว
โรคลมชัก (Epilepsy)
• เป็นลักษณะอาการที่เกิดเนื่องมาจากความผิดปกติของระบบ
สมอง
• มีกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติและมากเกินปล่อยออกมาจากเซลล์
สมองพร้อมกัน
1.การชักในช่วงเวลาสั้น ๆ (Petit Mal)
• อาการเหม่อนิ่งเป็นเวลา 5-10วินาที
• มีการกระพริบตาหรืออาจมีเคี้ยวปาก
• เมื่อเกิดอาการชักเด็กจะหยุดชะงักในท่าก่อนชัก
• เด็กจะนั่งเฉย หรือเด็กอาจจะตัวสั่นเล็กน้อย
2.การชักแบบรุนแรง (Grand Mal)
• เมื่อเกิดอาการชัก เด็กจะส่งเสียง หมดความรู้สึก ล้มลง
กล้ามเนื้อเกร็ง เกิดขึ้นราว 2-5 นาที จากนั้นจะหาย และ
นอนหลับไปชั่วครู
3.อาการชักแบบ Partial Complex
• มีอาการประมาณไม่เกิน 3 นาที
• เหม่อนิ่ง
• เหมือนรู้สึกตัวแต่ไม่รับรู้และไม่ตอบสนองต่อคาพูด
• หลังชักอาจจาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และต้องการนอนพัก
4.อาการไม่รู้สึกตัว (Focal Partial)
• เป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะสั้น เด็กไม่รู้สึกตัว อาจทาอะไร
บางอย่างโดยที่ตัวเองไม่รู้ เช่น ร้องเพลง ดึงเสื้อผ้า เดินเหม่อ
ลอย แต่ไม่มีอาการชัก
5.ลมบ้าหมู (Grand Mal)
• เมื่อเกิดอาการชักจะทาให้หมดสติ และหมดความรู้สึก
ในขณะชักกล้ามเนื้อเกร็งหรือแขนขากระตุก กัดฟัน กัดลิ้น
การปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐาน ในกรณีเด็กมีอาการชัก
• จับเด็กนอนตะแคงขวาบนพื้นราบที่ไม่มีของแข็ง
• ไม่จับยึดตัวเด็กขณะชัก
• หาหมอนหรือสิ่งนุ่มๆรองศีรษะ
• ดูดน้าลาย เสมหะ เศษอาหารออกจากปาก เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง
• จัดเสื้อผ้าเด็กให้หลวม
• ห้ามนาวัตถุใดๆใส่ในปาก
• ทาการช่วยหายใจโดยวิธีการเป่าปากหากเด็กหยุดหายใจ
ซี.พี.
(Cerebral Palsy)
• การเป็นอัมพาตเนื่องจากระบบประสาทสมองพิการ หรือเป็นผล
มาจากสมองที่กาลังพัฒนาถูกทาลายก่อนคลอด ระหว่างคลอด
หรือหลังคลอด
• การเคลื่อนไหว การพูด พัฒนาการล่าช้า เด็กซีพี มีความ
บกพร่องที่เกิดจากส่วนต่าง ๆ ของสมองแตกต่างกัน
1.กลุ่มแข็งเกร็ง (spastic)
• spastic hemiplegia อัมพาตครึ่งซีก
• spastic diplegia อัมพาตครึ่งท่อนบน
• spastic paraplegiaอัมพาตครึ่งท่อนบน
• spastic quadriplegia อัมพาตทั้งตัว
ประเภทของเึϹกที่มีความต้องการพิเศษ
2.กลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเอง
(athetoid , ataxia)
• athetoid อาการขยุกขยิกช้า ๆ หรือ
เคลื่อนไหวเร็วๆที่เท้า แขน มือ หรือที่
ใบหน้าของ เด็กบางรายอาจมีคอเอียง
ปากเบี้ยวร่วมด้วย
• ataxia มีความผิดปกติในการทรงตัว
ของร่างกาย กล้ามเนื้อทางานไม่
ประสานกัน
3. กลุ่มอาการแบบผสม (Mixed)
กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscular Distrophy)
• เกิดจากเส้นประสาทสมองที่ควบคุม
กล้ามเนื้อส่วนนั้น ๆ เสื่อมสลายตัว
• เดินไม่ได้ นั่งไม่ได้ นอนอยู่กับที่
• จะมีความพิการซ้อนในระยะหลัง คือ
ความจาแย่ลง สติปัญญาเสื่อม
โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ (Orthopedic)
ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการแต่กาเนิด เช่น เท้าปุก (Club
Foot) กระดูกข้อสะโพกเคลื่อน อัมพาตครึ่งท่อนเนื่องจาก
กระดูกไขสันหลังส่วนล่างไม่ติด (Spina Bifida)
• ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยโรคติดเชื้อ (Infection)
เช่น วัณโรค กระดูกหลังโกง กระดูกผุ เป็นแผลเรื้อรังมีหนอง
เศษกระดูกผุ
• กระดูกหัก ข้อเคลื่อน ข้ออักเสบ
ประเภทของเึϹกที่มีความต้องการพิเศษ
ประเภทของเึϹกที่มีความต้องการพิเศษ
โปลิโอ (Poliomyelitis)
• มีอาการกล้ามเนื้อลีบเล็ก แต่ไม่
มีผลกระทบต่อสติปัญญา
• ยืนไม่ได้ หรืออาจปรับสภาพให้
ยืนเดินได้ด้วยอุปกรณ์เสริม
โรคกระดูกอ่อน
(Osteogenesis Imperfeta)
โรคศีรษะโต (Hydrocephalus)
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)
โรคระบบทางเดินหายใจ
โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus)
โรคหัวใจ (Cardiac Conditions)
โรคมะเร็ง (Cancer)
เลือดไหลไม่หยุด (Hemophilia)
แขนขาด้วนแต่กาเนิด (Limb Deficiency)
Lena Maria
Nick Vujicic
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
• มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
• ท่าเดินคล้ายกรรไกร
• เดินขากะเผลก หรืออึดอาดเชื่องช้า
• ไอเสียงแห้งบ่อย ๆ
• มักบ่นเจ็บหน้าอก บ่นปวดหลัง
• หน้าแดงง่าย มีสีเขียวจางบนแก้ม ริมฝีปากหรือปลายนิ้ว
• หกล้มบ่อย ๆ
• หิวและกระหายน้าอย่างเกินกว่าเหตุ

More Related Content

ประเภทของเึϹกที่มีความต้องการพิเศษ