จอมอȨตอร์
- 4. สาหรับภายในหลอด CRT จะ
ประกอบด้วย
1. ปื นอิเล็กตรอน
ซึ่งจะสร้างให้เกิดลาแสงอิเล็กตรอน โดยจะมี
เจ้าปื น- อิเล็กตรอน
อยู่ทั้งหมดสามกระบอก เดากันได้ง่ายๆ
ครับว่าใช้สาหรับแม่สี ทั้งสาม (แดง, เขียว, น้าเงิน)
2. Anodes
จะเป็ นตัวเร่งความเร็วของอิเล็กตรอนที่ถูก
ยิงออกมา
3. Deflecting Coils
เป็ นตัวที่จะสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้ าอ่อนๆ
ขึ้น เพื่อใช้เป็ นตัวควบคุมทิศทางของอิเล็กตรอนที่
ถูกยิงออกมา
- 8. 1.2 สาหรับการทางานทางด้านการออกแบบ
กราฟิ กตกแต่งรูปภาพ :
การใช้จอภาพที่มีขนาดใหญ่อย่าง 17",
19" และ 21" นั้นก็จะช่วยให้การทางานนั้นมี
ประสิทธิภาพ เพิ่มขึ้นเพราะการทางานแบบนี้จะ
เป็ นต้องใช้ความละเอียด และการมองภาพ และ
วัตถุบนจอภาพที่มากกว่าการทางานปกติเป็ น
อย่างมาก
1.3 สาหรับผู้ที่ใช้งาน เครื่องคอมพิวเตอร ์เพื่อ
ความบันเทิงนั้น :
สามารถ ที่จะเลือกใช้งานจอภาพได้ตาม
ความเหมาะสมกับงบที่มีอยู่ โดยน่าจะเริ่มใช้งาน
ที่17" ขึ้นไปเนื่องจากว่าการ ใช้งานจอภาพ
ขนาด 15" นั้นดูเหมือนจะไม่เพียงพอกับการใช้
- 11. สาหรับค่าของ Bit Depth นั้นเป็ นค่าตัวเลข
ที่จะบอกถึงความสามารถในการแสดงของจานวน
เม็ดสี ที่จอภาพสามารถที่จะแสดงได้ โดยค่าตัวเลข
ดังกล่าว จะอยู่ในรูปของตัวเลขในรูปแบบดิจิตอล คือ
8 bit, 16 bit และ 24 bit ยิ่งมีค่าของ Bit Depth ยิ่ง
มาก สีที่แสดงออกมาก็จะยิ่งมากขึ้นตาม นั้นคือถ้า
เป็ นแบบ 8 bit สีที่ได้ ก็คือ ตัวเลขฐาน 2 คูณกัน 8
ครั้ง นั้นคือ 2x2x2x2x2x2x2x2 ก็จะเท่ากับ 256 สี
และถ้าหากเป็ นแบบ 16 bit แล้ว สีที่ได้ก็จะมีจานวน
65,536 สี ซึ่งเป็ นค่าที่เพียงพอสาหรับการแสดง
ภาพถ่าย และภาพ 3 มิติทั่วไป ถ้าจะให้ดีและสีที่
แสดง ออกมาไม่มีผิดเพี้ยน และได้สีที่ครบถ้วนนั้น ก็
ควรที่จะใช้งานที่ ระดับ Bit Depth มากว่า 16 bit
- 13. 2. พื้นที่ในการแสดงผล :
ในบางครั้งหลายๆ ท่านจะสังเกตเห็นได้ว่า
จอภาพแบบ LCD นั้นถึงแม้จะมีขนาดเท่ากับ
จอภาพแบบ CRT มักจะมีพื้นที่ในการ แสดงภาพ
มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด นั้น ก็เพราะว่าจอภาพ
แบบ LCD นั้นสามารถที่จะแสดง ภาพได้เต็มพื้นที่
อีกทั้งความบาง และความคมชัด ของจอภาพจึง
ทา ให้ดูเหมือนจอภาพของ LCD จะมีพื้นที่แสดง
ภาพมากกว่าจอภาพแบบ CRT ที่มีขนาดเท่ากัน