Transform any presentation into ready-made study material—select from outputs like summaries, definitions, and practice questions.
1 of 8
Download to read offline
More Related Content
พัոาการให้เหตุผลประกอบการตอบคำถามรื่องเสียง
1. พัոาการให้เหตุผลประกอบการตอบคำถามรื่องเสียง โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้และทฤษฎีการเรียนรู้เป็นฐาน
Develop reasoning for answering questions about sound. Using learning activities package
and learning theories as a base.
1ณาลัย รินฤทธิ์
Nalai Rinrith
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) พัոาการให้เหตุผลประกอบการตอบคำถามรื่องเสียง 2) เพื่อให้นักเรียน
มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องเสียงสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้และทฤษฎีการเรียนรู้
เป็นฐาน กลุ่มเป้าหมายคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนเมืองปานพัฒนวิทย์ อำเภอเมืองปาน
จังหวัดลำปาง ที่เรียนวิชา ว32204 เรื่องเสียง จำนวน 1 ห้อง 12 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวมรวมข้อมูลประกอบด้วย
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องเสียง และแผนการจัดการเรียนรู้ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้
สถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่า t (t-test ตามวิธีของวิลคอกซอน)
ผลการวิจัย พบว่านักเรียนเรียนรู้ที่จะอ้างอิงการใช้กฎ ทฤษฎี หลักการ เป็นเหตุผลประกอบในการอธิบาย ตอบคำถาม
เรื่องเสียง มากกว่าการใช้ผลการทดลองและผลการคำนวณ ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน
และหลังเรียน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 ที่เรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องเสียง นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 การสะท้อนผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
จากการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนตามแบบบันทึกผลการสอน พบว่านักเรียนชอบเรียนแบบทดลอง แบบบรรยาย
และแบบสาธิต
คำสำคัญ: พัฒนาการให้เหตุผลประกอบเรื่องเสียง, ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องเสียง, การให้เหตุผลประกอบการ
อธิบาย ตอบคำถาม
Abstract
This research has the following objectives: 1) Develop reasoning for answering questions about
sound. 2) To enable students to have academic achievement in sound higher with statistical significance
at the .05 level, using a learning activity package and learning theory as a base. The target group is
Mathayomsuksa 5/1 students, academic year 2022, Mueangpanphatthanawit School, Mueangpan
District, Lampang Province, there are 12 students who are studying about sound. The research
1 โรงเรียนเมืองปานพัฒนวิทย์; สำนักงานเขตพื้นทีการศึกษามัธยมศึกษาลำปาง ลำพูน, rinrith9@gmail.com, โทร. 0847392978
Mueangpanphatthanawit School; Lampang Lamphun Secondary Educational Service Area Office, rinrith9@gmail.com, Tel 0847392978
2. instruments were the sound learning activities package, the achievement on sound learning activities
package. The statistics used in the data analysis were percentage, mean, standard deviation, and t value
(t-test, the Wilcoxon matched-pairs signed-rang test).
The results of the research found that students learned to refer to the use of rules, theories,
principles as reasons for explaining answer questions about sound more than using experimental and
calculated results. The achievement means of the post-test scores of the students taught by using the
sound learning activities package were higher than the mean of the pre-test scores at the .01 level of
significant. Reflecting the results of organizing learning activities, from observing student behavior
according to the teaching results form. It was found that students liked experimental, lecture, and
demonstration classes.
Keywords: develop reasoning about sounds, learning activity set about sounds, giving reasons to
explain and answer questions
บทนำ
ผู้วิจัยได้ผลิตนวัตกรรมประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในชั้นเรียนทั่วไป อันได้แก่ โมเมนตัมและการชน การ
เคลื่อนที่แนวโค้ง งานและพลังงาน เป็นต้น การจัดการเรียนการสอนโดยยึดมโนทัศน์หรือความคิดรวบยอดเป็นหลัก (Erickson,
1998: 152-156) จำเป็นต้องใช้วิธีการและกระบวนการในการเรียนการสอนที่ซับซ้อนมากกว่าการเรียนรู้ข้อมูล ข้อเท็จจริง
ซึ่งจะช่วยให้ผู้สอนได้พัฒนาทักษะในการสอนและผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่หลากหลายและซับซ้อนขึ้น
ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของ จตุพร พงศ์พีระ และประสาท เนืองเฉลิม ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้
เพื่อเปลี่ยนแปลงมโนมติที่คลาดเคลื่อนทางวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยศึกษาตามแนวคิด
ที่ว่าจุดประสงค์ของการศึกษาอยู่ที่การจัดการให้ผู้เรียนได้เข้าใจในโครงสร้างของความรู้ และให้ความสำคัญของการเรียนรู้
มโนมติ แต่ข้อมูลที่ผู้เรียนได้ค้นพบมีค่อนข้างมาก และการที่ผู้เรียนพยายามทำความเข้าใจข้อมูลเพื่อหาคำตอบนั้นอาจทำให้
เกิดมโนมติที่คลาดเคลื่อนได้ มโนมติที่คลาดเคลื่อนเป็นสิ่งที่สามารถปรับให้เกิดความถูกต้องได้ยาก และเมื่อเกิดมโนมติ
ที่คลาดเคลื่อนแล้วจะคงอยู่กับนักเรียนเป็นเวลานานซึ่งหากไม่ทำการแก้ไขมโนมติที่คลาดเคลื่อนก็จะส่งผลต่อการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ ทำให้นักเรียนเกิดการยอมรับมโนมติทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องในระดับมโนมติที่สูงขึ้นลดลง(Treagust andDuit,
2008) การจะทำการปรับแก้มโนมติที่คลาดเคลื่อน จำเป็นต้องอาศัยกระบวนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่เน้นให้นักเรียน
เกิดการสร้างความรู้ที่สำคัญ และเกิดจากการที่นักเรียนนั้นใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์โดยการสังเกตข้อเท็จจริง
รวบรวมข้อมูล จากประสบการณ์ที่นักเรียนได้พบในชีวิตประจำวัน รวมทั้งมีกระบวนการจัดกระทำข้อมูล อธิบายข้อมูลที่ได้พบเจอ
อย่างมีเหตุผล เพื่อสร้างองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ จากผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องเสียง วิชาฟิสิกส์ ในภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2564 เมื่อพิจารณาตามชุดกิจกรรมการเรียนรู้ พบว่านักเรียนที่มีผลการเรียนอยู่ในระดับเก่งจะสามารถคิด
คำนวณได้อย่างถูกต้องและสามารถสอนเพื่อนที่เรียนปานกลาง และอ่อนได้ การคิดวิเคราะห์ของนักเรียนทุกกลุ่ม
อยู่ในระดับใกล้เคียงกันเนื่องจาก การกระจายนักเรียนที่เรียนเก่งเข้าทุกกลุ่มที่ทำกิจกรรมการทดลองเพื่อให้นักเรียนที่เรียนเก่ง